เด็กติดเกาะ
บุคคลทั่วไป
|
เคยดูหนังผีเกี่ยวกับเรื้องตุ๊กตาเสียหัวค่ะ มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง แล้วก็เกี่ยวกับเวศมนต์คาถาเนี่ยมีกำเนิดมาอย่างไร เช่นการเสกหนังควายเข้าท้อง หรือการทำเสน่ห์ แล้วก็อย่างอื่นอีกเยอะแยะไปหมดเลย มาจากพราหมณ์อินเดียหรือเปล่าค่ะ
แล้วอีกอย่างหนึ่งคือคำว่า ไฉน เนี่ยหมายความว่าอะไร แล้วสะกดถูกหรือยังค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
LAT59
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 03 ต.ค. 00, 00:00
|
|
เคยดูในหนังไทยมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ไม่รู้เหมือนกันน่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทิด
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 03 ต.ค. 00, 00:00
|
|
เขาเรียกว่า "ตุ๊กตาเสียกะบาล" เลยครับ ไม่ใช่เสียหัว ^_^ เขาเอาไว้แทนคนเพื่นเป็นข้ารับใช้ผีเจ้า หรือเทพารักษ์ครับ ส่วนเรื่องเวทย์มนต์บ้างก็ว่ามาจากทางอินเดีย ผ่านมาทางเขมร บ้างก็ว่ามาจากเขมรโดยตรง แต่ถ้าลองมองดูทั่วๆแล้ว ทุกชาติในโลกจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเวทย์มนต์ทั้งนั้นครับ ทางฝรั่งเขาแบ่งเวทย์มนต์ออกเป็นสองประเภทคือ มนต์ขาว ซึ่งเป็นเวทย์มนต์ที่นักบวชใช้ กับมนต์ดำที่พ่อมดแม่มดใช้ กลับมาที่เรื่องเวทย์มนต์คาถาแบบที่มีเรื่องเล่ากันในบ้านเรา เคยอ่านมาว่าเป็นการท่องบ่นเพื่อบังคับจิตให้เป็นสมาธิครับ อาจจะฝึกหรือใช้ร่วมกับการฝึกกสิณ (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) คือการเพ่งวัตถุต่างๆที่กำหนดไว้เช่น เพ่งน้ำได้กสิณน้ำ เพ่งดินสีอรุณได้กษินดิน เพ่งเปลวไฟก็จะได้กสิณไฟครับ การได้กสิณก็คือการได้สมาธิระดับหนึ่ง ซึ่งสามารถรวมจิตให้เป็นกำลัง เพื่อบังคับวัตถธาตุ สิ่งของ หรือปรากฏการณ์ต่างๆ ได้ เวทย์มนต์ หรือคาถาเป็นบทท่องที่ใช้ร่วมกันกับการฝึกจิตที่ว่านี้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 03 ต.ค. 00, 00:00
|
|
ตุ๊กตาเสียกบาล เป็นพิธีอย่างหยึ่งมีมาแต่สุโขทัยค่ะ จำได้คร่าวๆว่า เวลาเด็กป่วย ผู้ใหญ่เชื่อว่าเป็นเพราะผีจะมาเอาไป เพราะอัตราการตายของเด็กทารกสูงมาก ก็ปั้นตุ๊กตาและเครื่องเซ่นไปวางที่ทางสามแพร่ง แล้วหักคอตุ๊กตาเสีย แทนเด็ก ให้ผีรับเครื่องเซ่นไป ถือว่าจะทำให้เด็กหายป่วยไข้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 05 ต.ค. 00, 00:00
|
|
ตอบคุณเด็กติดเกาะ ไฉน= ฉันใด เป็นภาษาเก่า ใช้ในวรรณคดีมากกว่าเป็นภาษาพูด แปลว่า ทำไม อะไร ก็ได้ อย่างในเพลง "มนต์สวาท" ซึ่งดัดแปลงมาจาก ลาวครวญ ก็ขึ้นต้นว่า "ฉันเป็นไฉน ประหลาดใจหวั่นไหววิญญาณ์ มีแต่กลุ้มอุรา ใจพะว้าพระวัง" พระเอกกำลังภายในชอบใช้กันค่ะ อย่าง " ไฉนกล่าว" = ทำไมท่านถึงพูดยังงั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงแก่
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 05 ต.ค. 00, 00:00
|
|
พวกวิชาไสยศาสตร์ของไทยเรานั้นรับอิทธิพลมาจากทางเขมร ฅึ่งเขมรรับมาจากอินเดีย อีกทอดหนึ่ง ทางพุทธศาสนาเรียกวิชาพวกนี้ว่า "เดรัจฉานวิชา" คือ เป็นวิชาความรู้ที่ไม่ได้ นำไปสู่การพ้นทุกข์ แต่ทำให้หลงงมงายอยู่แต่ในความทุกข์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 05 ต.ค. 00, 00:00
|
|
เอาวิธีทำเสน่ห์มาฝากค่ะ ครานั้นเถรขวาดราชครู.............พิเคราะห์ดูปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ หยิบขี้ผึ้งปากผีมิทันนาน...........เอาเถ้าพรายมาประสานประสมพลัน ลงอักษรเสกซ้อมแล้วย้อมถม......เป่าด้วยอาคมแล้วจึงปั้น เป็นสองรูปวางเรียงไว้เคียงกัน.......ชักยันต์ลงชื่อศรีมาลา อีกรูปหนึ่งลงชื่อคือพระไวย.......เอาหลังติดกันไว้ให้ห่างหน้า ปักหนามแทงตัวทั่วกายา.........แล้วผูกตราสังมั่นขนันไว้ ซ้ำลงยันต์พันด้วยใบเต่ารั้ง.......ให้เณรจิ๋วไปฝังป่าช้าใหญ่ (วิธีนี้คือทำให้พระไวยเกลียดชังห่างเหินศรีมาลา ส่วนที่ทำให้พระไวยหันไปหลงรักสร้อยฟ้า มีส่วนประกอบแบบนี้) แล้วปั้นรูปสร้อยฟ้ากับพระไวย....เอาใบรักซ้อนใส่กับเลขยันต์ เถรนั่งบริกรรมแล้วซ้ำเป่า........พอต้องสองรูปเข้าก็พลิกผัน หันหน้าคว้ากอดกันพัลวัน........เอาสายสิญจน์เข้ากระสันต์ไว้ตรึงตรา รูปนี้จงฝังไว้ใต้ที่นอน.............ไม่ข้ามวันก็ร่อนลงมาหา แล้วเสกแป้งน้ำมันจันทน์ทา......ประสมด้วยว่านยาน้ำมันพราย แป้งน้ำมันอย่างหลังๆนี่เอาไว้ทาตัว เพิ่มเสน่ห์ไงคะ
มีกรรมวิธีทำเสน่ห์อีก ๒ อย่างชื่อว่าหงส์ร่อนมังกรรำ ผู้หญิงใช้ทำเสน่ห์ให้สามีหลงรัก ใครจำได้บ้างคะ ดิฉันจำได้คร่าวๆเท่านั้นเอง คิดว่าไม่ควรอ่านก่อนจะกินอาหารค่ะ แล้วปั้นรูป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 06 ต.ค. 00, 00:00
|
|
พอดีไปเจอเรื่องทำเสน่ห์ ที่มีบันทึกอยู่ในพระราชพงศาวดาร สมัยรัชกาลที่ ๔ เรียกว่าเป็นคดีทำเสน่ห์ประวัติศาสตร์ก็ได้ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีอาการประชวรเรื้อรังมาหลายปี วันหนึ่ง เสวยก๋วยเตี๋ยว พบว่ามี เส้นขน อยู่ในของเสวย ก็เลยเป็นเรื่องอื้อฉาวกันว่าทรงถูกทำเสน่ห์ เมื่อทรงทราบถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็โปรดเกล้าฯให้ไต่สวน บรรดาตุลาการสอบสวนแล้ว ได้ผู้ต้องสงสัยมาหลายคน คนสำคัญคือเจ้าจอมมารดากลีบ ซึ่งเป็นเจ้าจอมคนโปรด มีพระราชโอรสธิดาถึง ๙ พระองค์ นอกจากนี้มีผู้ร่วมสมคบอีก ๘ คน ส่วนพนักงานห้องเครื่องต้นแม้ไม่ได้ลงมือทำ แต่ก็รู้เห็นแล้วเฉยเสีย เลยโดนลงโทษด้วย ไต่สวนยังไม่ทันจบเรื่อง สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯเสด็จสวรรคต ผู้กระทำผิดไม่ได้รับโทษถึงประหาร แต่เจ้าจอมมารดากลีบถูกเนรเทศ และบ่าวไปสุโขทัย หมอเสน่ห์ติดคุก คนอื่นๆก็ได้รับโทษมากบ้างน้อยบ้างไปตามความผิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศุภศจี
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 09 ต.ค. 00, 00:00
|
|
ดูเหมือนว่าไสยศาสตร์เนี่ย เราน่าจะเอามาจากคัมภีร์อาถรรพเวทของพราหมณ์ในอินเดียนะคะ (อันนี้เดาเอาน่ะค่ะ) แต่ไม่ทราบว่าเราเอามาจากเขมรอีกต่อหนึ่งหรือเปล่า ดูเหมือนศาสนาพุทธ ก็มีเวทมนต์เหมือนกัน แต่เราเรียกว่า ปริต แต่สาระสำคัญเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ เวทมนต์ของพราหมณ์เขาเน้าการสาปแช่งให้ศัตรูมีอันเป็นไป แต่ของพุทธเน้นการแผ่เมตตาให้กับสัตว์โลก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|