ศรว...Sarva
บุคคลทั่วไป
|
ทำไม พิเภก จึงไม่บอกทศกัณฐ์ ว่า นางสีดา เป็นลูก ล่ะครับผม ทั้ง ๆ ที่ พิเภกเป็นคนทำนายทายทักแม่นยำนัก แค่นี้ต้องรู้อยู่แล้วล่ะ นางสีดาเป็นลูกที่เกิดจากนางมณโฑ นี่ครับ หากบอกคงไม่รบราฆ่าฟันกันตายหรอกครับผม ทำไมไม่บอกล่ะ...หรือเห็นว่า นางสีดา ไม่มี DNA ของทศกัณฐ์ ครับ ไม่เป็นไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 04 ม.ค. 02, 18:48
|
|
เพราะถ้าบอกเสีย เรื่องก็จบน่ะซิ...
อีตาพิเภกแกมี Mission Impossible ครับ เดิมแกเป็นเทวดาชื่อเวสสุญาณ ถูกส่งลงมาเกิดเป็นยักษ์ในวงศ์อสุรพรหมพงศ์ลงกาก็จริง แต่ก็เพื่อที่จะให้ได้รู้ความลับต่างๆ แล้วจะได้ไปบอกพระราม ซึ่งเป็นพระนารายณ์ลงมาเกิด เพื่อพระรามจะได้ทรงประกอบ Mission ของพระองค์บ้าง คือ ผลาญทศกัณฑ์ให้หมดสิ้นทั้งวงศ์ให้สำเร็จ ... มันกำหนดกันมาตั้งแต่แกเกิด เอ๊ย ตั้งแต่ก่อนแกเกิดอีก ตั้งแต่แกยังเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ในชาติที่แล้วอยู่เลย
ดังนั้น 1. แกอาจจะไม่รู้จริงๆ ว่าสีดาเป็นลูกทสกัณฐ์พี่แกเอง หรือ 2. ถึงจะรู้ แกก็รู้นิสัยพี่ชายว่าลงได้หน้ามืดขึ้นมาแล้ว ยังไงๆ ก็จะเอา ลูกสาวก็ลูกสาว ไม่สน บอกไปก็เท่านั้น เชื่อแน่ว่าทศกัณฐ์ไม่ยอมเชื่อแก หรือ 3. แกรู้มากไป รู้ละเอียดลึกซึ้งว่านางสีดาที่จริงเป็นใคร (พระลักษมี) พระรามเป็นใคร ลงมาทำไมในโลก ทศกัณฐ์ถูกกำหนดมาแล้วยังไง และในที่สุดจะต้องจบอย่างไร ขนาดแกพยายามแล้วตอนนางสีดาเกิด ที่จะหลีกเลี่ยงหายนะของลงกาครั้งนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ นางสีดายังกลับมาเป็นชนวนปัญหาของลงกาจนได้ (ก็พิเภกนี่แหละไม่ใช่เหรอ ที่ทำนายนางสีดาว่าเด็กคนนี้จะเกิดมาผลาญราพณ์จนหมดสิ้นทั้งลงกา จนทศกัณฐ์สั่งให้เอาไปทิ้ง จนพระชนกฤษีเก็บไปเลี้ยง จนโตมาเป็นสาวให้ทศกัณฐ์หลงใหลจนได้)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 04 ม.ค. 02, 19:57
|
|
ถ้าไม่มีคนถามก็อาจไม่รู้ก็ได้ ผมหมายความว่า การที่จะทำนายอะไรจะต้องคำนวณเพื่อที่จะได้คำตอบ แต่ถ้าไม่มีคนถามก็คงคิดไม่ถึงว่าจะต้องคำนวณว่าสีดาเป็นใคร และอีกอย่าง สีดาลอยมาทำให้อาจไม่รู้วันเดือนปีเกิดก็ได้ (เลยคำนวนไม่ได้ ข้อมูลไม่พอ) :-)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 04 ม.ค. 02, 21:58
|
|
สมัยที่พิเภก ซึ่งเป็นยักษ์ ทิ้งทศกัณฐ์ซึ่งเป็นพีร่วมวงศ์มาอยู่กับพระราม เพราะเห็นแก่ความถูกต้องเป็นธรรมนั้น แกถือคติหรือสัจจะมั่นอยู่ข้อหนึ่งว่า ถ้าพระรามไม่ถามอะไรแกก็จะไม่ตอบ ถึงจะรู้ก็ตาม และเวลาตอบก็ตอบเท่าที่พระรามถามและตอบตรงจริงตามที่แกรู้มา แต่ไม่เกินไปกว่านั้น พระรามจึงต้องรบศึกครั้งต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่นั่นแล้ว มีปัญหาทีก็ถามพิเภกที พิเภกก็ให้คำปรึกษาได้ทุกที แต่ไม่ยอมให้คำปรึกษาเองก่อนถ้าพระรามไม่ถาม
ข้อนี้จะว่าไปก็เข้าเค้าที่คุณภูมิว่ามาเหมือนกัน และผมเห็นว่าเป็นการแสดงสัจจะในใจพิเภกและความซื่อตรงต่อวิชาชีพของแกด้วยด้วย เคยมีคนวิจารณ์ว่าพิเภกนั้นเป็นคนที่ทรยศวงศ์ยักษ์ของตนเอง ยืมมือพระรามฆ่าทศกัณฐ์เพื่อให้ตัวเองได้ครองลงกา คนที่พูดอย่างนี้มีมานานแล้วตั้งแต่กุมภกรรณยักษ์ในเรื่องเอง มาจนถึงมนุษย์ผู้อ่านรามเกียรติ์ตามเว็บต่างๆ ในปัจจุบันนี้ แต่ผมเห็นว่า ถ้าพิเภกต้องการโค่นล้มทศกัณฐ์เพื่อมุ่งประโยชน์ส่วนตัวจริง วันแรกที่แปรพักตร์ไปสามิภักดิ์พระรามก็คงจะบอกพระรามเสียแล้วว่าดวงใจทศกัณฐ์ซ่อนเอาไว้ที่พระฤษี ให้ใครไปหลอกเอามาทำลายเสียก็จบ ไม่ต้องทำศึกกันเหนื่อยยากหลายเล่มสมุด จนแม้แต่พิเภกเองก็เกือบตายอย่างนั้น และอย่าลืมว่าพิเภกไม่ได้เลือกที่จะไปสามิภักดิ์พระรามก่อน แต่ถูกทศกัณฐ์ไล่ออกจากเมืองลงกาต่างหาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 05 ม.ค. 02, 05:12
|
|
กุมภกรรณก็ด่าว่าพิเภกเหมือนกันนะว่า พี่น้องวงศ์ยักษ์ ทั้งหลายก็มีทำไมไม่ไปพึ่งต้องมาพึ่งพระราม มีคนพยายามเขียนวิจารณ์ทำนองว่า พิเภกกับสุครีพนั้นเหมือนกันคือทรยศพี่ชายเพื่อครองสมบัติ ก็มีแววเหมือนกันนะครับ แต่ผมมองว่า พิเภกกับสุครีพนั้นได้ครองสมบัติเป็นผลพลอยได้จาก พี่ชายทั้งสองคนทำตัวไม่ดี กุมภกรรณนั้นเป็นยักษ์ดีก็จริง แต่ก็ยังเข้าข้างพี่น้องมากเกินไป จริง ๆ กุมภกรรณ จะไม่ช่วยทศกัณฑ์ก็ได้จะได้ไม่ตาย รู้ทั้งรู้ว่า ทศกัณฐ์นั้นผิด ไปขโมยเมียชาวบ้านเค้ามา ส่วนพิเภกเนี่ยก็แปลก ผมมาคิดว่า ถ้าพิเภกเองน่ะแหละ ไม่เป็นคนบอกว่า นางสีดาที่เกิดมาจะทำลายพวกยักษ์ซะละก็ แล้วนางสีดาก็ถูกเลี้ยงอยู่ในวัง อย่างนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นเหรอ ไม่ใช่เพราะคำทำนายพิเภกแต่แรกเหรอครับที่ บอกให้ทศกัณฐ์ กำจัดนางสีดานี่แหละ จึงทำให้เกิดการฆ่าล้างเหล่ายักษ์ซะหมด นึก ๆ ไปก็รู้สึกตำนาน หลาย ๆ อันก็เกิดอย่างนี้นะครับ ทรพา ก็ตายเพราะ มีคนบอกว่า จะตายเพราะลูกตัวเอง ทรพาเลยฆ่าลูกตัวเองหมด แต่ทรพีรอดมาได้เลยฆ่าล้างทรพา มหาเทพซีอุส เนี่ยก็แย่งตำแหน่งจากพ่อตัวเองมา เพราะว่า พ่อจับลูกไปขังไว้หมด เพราะคำทำนายว่าลูกตัวเองจะมาฆ่าและแย่งตำแหน่ง ก็น่าสงสัยดีนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 05 ม.ค. 02, 09:48
|
|
นอกเหนือจากที่คุณพระนายตอบไว้ คือพิเภกถือหลักไม่ถามก็ไม่ตอบ ยังมีข้อเท็จจริงอีกข้อหนึ่งคือรามายณะของเดิม นางสีดาไม่ได้เป็นลูกของทศกัณฐ์ อย่างในรามเกียรติ์ ในเมื่อของเดิมนางสีดาไม่ได้เป็นญาติกา มาถึงฉบับไทยไปผูกปมเอาไว้ในตอนแรก แล้วจะมาแก้ปมให้รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน เรื่องก็คงล้มกันหมด เพราะทศกัณฐ์กลายเป็นพ่อตาตัวจริง จะมาตายเพราะลูกสาวลูกเขยก็น่าเกลียด ก็เลยทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินเรื่องต่อไปตามเดิมค่ะ สนุกกว่า ส่วนที่ว่าทำไมนางสีดากลายมาเป็นลูกทศกัณฐ์ เอามาจากฉบับไหนของรามายณะ ยังไม่ได้ไปหาอ่านนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 05 ม.ค. 02, 19:00
|
|
คำทำนายที่แม่นในแง่ที่ว่า เพราะเชื่อหมอดูเลยทำอะไรบางอย่างซึ่งในที่สุดทำให้ส่งผลให้คำทำนายนั้นเป็นจริงจนได้ เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี นั้น มีอยู่ในวรรณกรรมหลายเรื่องครับ เช่น อีดิปุส พระยากงพระยาพาน ฯลฯ ส่วนมากทีเดียวมักเกี่ยวกับการที่ลูกถูกทำนายไว้ว่าจะฆ่าพ่อ แล้วพ่อก็แสดงความโหดร้ายหรือรักตัวกลัวตาย จะฆ่าลูกหรือเอาลูกไปทิ้งก่อน แต่ลูกเผอิญรอด เลยไม่รู้จักพ่อ ไม่เคยได้รักพ่อ เลยตอนหลังก็มาฆ่าพ่อจนได้ ซิกมันด์ ฟรอยด์จะตีความตำนานเรื่องคำทำนายประเภทนี้ (นอกจากเรื่องปมอีดิปุส) ว่าอย่างไรก็ไม่ทราบ ไม่รู้จะถามใคร เพราะฟรอยด์ตายไปแล้ว
ในทางสังคมวิทยา มีปรากฏการณ์อันหนึ่งที่ดูเหมือนเขาจะเรียกว่า self-fulfilling prophecy คือคำทำนายที่ส่งผลให้ตัวมัน (คำทำนาย) เป็นจริงเอง หมายความว่าถ้าไม่ทำนายเหตุการณ์ก็จะเดินไปรูปหนึ่ง แต่พอทำนายขึ้นมา การทำนายนั้นส่งผลเบี่ยงเบนพฤติกรรมของคนในสังคม ทำให้พฤติกรรมเปลี่ยน แล้วก็เลยทำให้เหตุการณ์เดินไปอีกรูปเลยทำให้คำทำนายนั้นจริงขึ้นมาจริงๆ ซึ่งคนที่พูดทำนายคนแรกหรือกลุ่มแรกก็จะตีปีกบอกว่า ไหมล่ะ ฉันว่าแล้ว ... แต่ที่จริงคนกลุ่มนั้นแกไม่ได้เก่งอะไรเลย เพราะมันเป็น self-fulfilling prophecy อย่างว่า ตัวอย่างเช่น อคติทางเชื้อชาติ สมมติว่ามีการตราหน้าว่า คนผิวดำเป็นคนด้อยกว่าคนผิวขาว ยังไงๆ ก็ต้องแย่ ต้องเลว ต้องด้อย คนทั้งสังคมเชื่ออย่างนั้นกันไปหมด ความเชื่อนั้นก็จะส่งผลเป็นพฤติกรรมที่ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของเด็กดำคนหนึ่ง แล้วพอเด็กดำคนนั้น ซึ่งไม่ว่าจะเก่งอย่างไรก็ตาม ไม่มีโอกาสได้เรียน ได้แสดงความสามารถ ได้รับการศึกษา ฯลฯ ผลที่สุดก็โตขึ้นมาเป็นคนที่ด้อยกว่าเด็กผิวขาวเพื่อนกัน สังคม (คนขาว) ก็จะบอกว่า เห็นไหมล่ะ ก็บอกแล้ว...
หรือเรื่องความคาดหวังของคนหมู่มากในสังคม อย่างในทางเศรษฐกิจ ถ้าคนพร้อมใจกันเชื่อว่าสังคมกำลังจะล้มละลาย หรือพร้อยใจกันเชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังจะดีตลาดหุ้นกำลังจะขึ้น ความเชื่ออันนั้นจะสามารถเป็นปัจจัย (ตัวหนึ่ง) ให้เศรษฐกิจเจ๊งหรือดีได้จริงๆ (แต่ก็มีปัจจัยอื่นด้วย)
คุณพระนายเคยอ่านเรื่องชุดสถาบันสถาปนาของอาซิมอฟไหมครับ มีพูดถึงวิชาสมมติชื่อวิชา psychohistory (ฉบับไทยแปลเป็น อนาคตประวัติศาสตร์) และพูดถึงแนวคิดเรื่องการทำนายและผลของการทำนายต่อพฤติกรรมของสังคมด้วย อีตาฮาริ เซลดอนนั่นแหละ พิเภกละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 07 ม.ค. 02, 13:21
|
|
ผมได้อ่านเรื่องของอาซิมอฟอยู่ไม่กี่เรื่อง เรื่องสถาบันสถาปนา เหมือนจะเคยอ่านนิดหน่อยครับ แต่ ตา ฮาริ เซลดอนเนี่ย ไม่รู้จัก จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องของสรจักร ก็มีการจับเอา ปม อีดิปุสมา เล่าเหมือนกันว่า เป็นปมหนึ่งในใจของเด็กผู้ชายที่จะมีความรู้สึกเกลียดพ่อ ซ่อนอยู่ลึก ๆ แต่ในความรู้สึกผม ตาฟรอยด์เนี่ย แกเป็นโรคจิตมากกว่านักจิตวิทยาซะอีก ออกนอกเรื่องไปมากแล้วครับพอก่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 07 ม.ค. 02, 13:31
|
|
แต่ฮาริเซลดอนโกงกว่า ตรงที่ใช่วิชาสะกดจิตเข้าช่วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
lilycu
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 10 ม.ค. 02, 20:31
|
|
น่าจะเป็นเพราะ กรรมบังตา ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลูกนวมินทร<2505@i-kool.com>
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 13 ม.ค. 02, 19:51
|
|
ก็ถ้าบอกเรื่องก็จะไม่สนุก
แบบละครไทย มั่งคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงเชย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 23 ม.ค. 02, 01:18
|
|
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 6 บอกว่า " คำทำนายที่แม่นในแง่ที่ว่า เพราะเชื่อหมอดูเลยทำอะไรบางอย่างซึ่งในที่สุดทำให้ส่งผลให้คำทำนายนั้นเป็นจริงจนได้ "
นิด และ หย่อย เป็นพี่น้องกัน หมอดูทายว่า ในอนาคต นิด จะมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องทำงานหนัก แต่หน่อยจะเป็นคนอาภัพ น่าสงสาร จะต้องตรากตรำทำงานหนักตลอดชีวิต
พอรู้ตัวว่าเป็นคนดวงดี นิดก็ไม่เรียนหนังสือ เมื่อสิ้นบุญพ่อแม่ ก็ขายทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่แบ่งให้เพื่อเลี้ยงชีพจนหมดและคอยวาสนาจะมาเกย แต่ก็ไม่มี ในที่สุดต้องไปนั่งขอทาน ไม่ต้องทำงานหนักให้ลำบากไปจนตลอดชีวิต
ส่วนหน่อย พอรู้ว่าตัวเองจะตกระกำลำบาก หลังจากพ่อแม่แบ่งสมบัติให้แล้วก็ทำงานอย่างหนักเตรียมการไว้ล่วงหน้าที่จะต้องตกระกำลำบาก ตามที่หมอดูทายไว้ ไม่ได้พักผ่อน จนข้าวเต็มยุ้งเต็มฉาง มีเงินทองมากมาย แถมยังประหยัดและอดอมอีกต่างหาก แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองยังจนอยู่ ทำงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน จนตลอดชีวิตตามที่หมอดูทำนายไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สายลม
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 26 ม.ค. 02, 14:45
|
|
. . . เรื่องราวตามความเห็นที่ ๒, ๖ และ ๑๑ นั้นผมว่าเป็นไปได้ทั้งสิ้น และผมขอเพิ่มแนวทางอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในกรอบแห่งหลักการในคำสอนของพุทธศาสนา . . . ตามความเห็นที่ ๒ ของคุณภูมิ ถูกต้องแล้วครับในวิชาหมอดู ซึ่งมีวิธีการทำนายอยู่วิธีหนึ่งโดยการจับยาม เวลาที่นำมาใช้จะเป็นเวลาที่มีผู้มาถาม มีความแม่นยำมากถ้าผู้ทำนายเป็นผู้รู้จริง เช่นในเรื่องสามก๊ก ขงเบ้งก็ได้ใช้วิธีนี้หลายครั้ง ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ พระโหราธิบดีที่ว่าเป็นโหรทายหนูจนเป็นที่เลื่องลือก็ใช้วิชาการจับยามนี่แหละครับ . . . ตามความเห็นที่ ๖ ของคุณ นกข.ได้แสดงให้เห็นถึงหลักวิชาทางตะวันตก แต่ในหลักทางพุทธศาสนาจะอยู่ในหลักแห่งกรรม อันเป็นเรื่องของปฏิจจสมุปบาท คือทุกอย่างเกิดจากเหตุ เมื่อทำเหตุอะไรไว้ผลอันเกิดจากเหตุนั้นย่อมเกิดตามมา เรื่องนี้ถ้าอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์กายภาพแบบง่ายๆก็คือ เมื่อใดเกิดกิริยา เมื่อนั้นก็จะเกิดปฏิกิริยาตามมาในขนาดและรูปแบบที่เท่าเทียมกัน เป็นศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเอง ไม่สูญสลายหายไปไหน จนกว่าจะได้มีการให้ผลเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว . . . สำหรับความเห็นที่ ๑๑ ของคุณลุงเชย เป็นเรื่องที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แต่ก็ยังคงอยู่ในหลักการเดิมนั่นแหละครับ เพียงแต่ว่ามีตัวแปรเข้ามาแทรกแญงและมีปริมาณมากพอที่ะหยุดหรือหันเหผลที่จะได้รับขั้นสุดท้ายออกไป ยกตัวอย่างเรามีเงินฝากธนาคาร เราก็มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ ถ้าเราถอนเงินไม่เกิน เราก็ยังเป็นเจ้าหนี้อยู่ ถ้าถอนเงินเกินเมื่อใดเราก็จะกลายเป็นลูกหนี้ไป ตรงกันข้าม ถ้าเราเป็นลูกหนี้ธนาคาร แลัวพยายามหาเงินมาใช้หนี้จนหมดไปแล้วยังมีเงินฝากอีกเราก็สามารถเปลี่ยนสภาพจากลูกหนี้มาเป็นเจ้าหนี้ได้ . . . ในกรณีของคุณลุงเชย คนเราเกิดมาไม่มีใครรู้ว่าเรามีบุญ มีบาปติดตัวมาเท่าใดในแต่ละเรื่องแต่ละกรณีย์ คำทำนายจึงเป็นไปตามสถานะ ณ บัดนั้น ต่อมา ถ้าเราทำดีใช้หนี้จนหมดสิ้น เราก็สามารถเปลี่ยนสถานะใหม่ คำทำนายนั้นก็หมดสภาพไป ทำนองเดียวกัน ถ้าเราทำไม่ดี ผลาญทุนเดิมที่มีอยู่หมดสิ้นไปคำทำนายที่ว่าจะดีก็หมดสภาพไปเช่นกัน ตามตัวอย่างที่คุณลุงเชยยกมา . . .ดังนั้นขออย่าให้ทุกคนตกอยู่ในความประมาทครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|