เพิ่มเติม ความเห็นที่ ๑๘ ครับ
ตามความเห็นของผมนะครับ โดยทั่วไปในทางวิชาโบราณคดี ประเทศไทยจะแบ่งออกเป็น ๓ ยุค คือ
๑ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (ประมาณ ๕๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว ถึงราวพุทธศตวรรษที่ ๕)
๒ สมัยกึ่งประวัติศาสตร์ (ราวพุทธศตวรรษที่ ๖ - ๑๑) โดยทั่วไปจะได้ข้อมูลจากบันทึกของจีน และกรีก-โรมัน ซึ่งยากที่จะระบุว่า "อาณาจักร" ที่จีนพูดนั้น เป็น "อาณาจักร" จริงหรือไม่ หรือ เป็นเพียงแค่เมืองที่มีอำนาจไม่กว้างขวางนัก (บันทึกจีนจะลงท้ายชื่อเหล่านั้นว่า "กว๋อ" ซึ่งแปลว่า อาณาจักร หรือ ประเทศ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า เมืองเหล่านั้นที่จีนอ้างว่าเป็น อาณาจักร อาจเป็นเพียง "แคว้น" ก็ได้)
๓ สมัยประวัติศาสตร์ (ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๒ เป็นต้นมา) ซึ่งปัจจุบันได้ใช้วิชาประวัติศาสตร์ศิลปะมาจัดยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ เช่น ทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี อยุธยา รัตนโกสินทร์ เป็นต้น
------------------------------------------------------
เรื่องยุคสมัยต่างๆ ขออนุญาตออกความเห็นในสมัยที่น่าสนใจนะครับ สำหรับผู้ที่สนใจในรายละเอียดครับ
สุวรรณภูมิ (พุทธศตวรรษที่ 3 – 6 )
เรื่องสุวรรณภูมินี้ หลักฐานที่มักอ้างกันถึงเป็นสำคัญคือ เรื่องพระเจ้าอโศกส่งสมณฑูต มาเผยแพร่พุทธศาสนาที่สุวรรณภูมิ อันตรงกับช่วงระยะเวลาราวพุทธศตวรษที่ ๓ ซึ่งในทางโบราณคดีแล้ว พื้นที่บริเวณนี้ ยังเป็น "ชุมชนเกษตรกรรมยุคโลหะตอนปลาย" อยู่ครับ
อันที่จริง เรื่องการกล่าวถึงสุวรรณภูมินี้ (เอเชียอาคเนย์) มีกล่าวถึงมาก่อนพุทธกาลมาบ้างแล้วครับ เช่น ในนิบาตชาดก ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นนิทานเก่าๆ ที่มีมาก่อนพุทธกาล ต่อมาจึงถูกนำมาเรียบเรียงเข้าไว้ในพระไตรปิฎก
แต่ประเด็นสำคัญที่ผมต้องการบอกก็คือ "เรื่องส่งสมณฑูตมาสุวรรณภูมินี้ เชื่อถือได้เพียงใด" เรื่องนี้ มีนักวิชาการอินเดีย ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องส่งสมณฑูตมาสุวรรณภูมินี้ มีปรากฎแต่ในพระไตรปิฎกฉบับลังกา เท่านั้น ไม่ปรากฎในฉบับอินเดียเหนือเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนจารึกเสาพระเจ้าอโศกเอง
จุดที่ชวนให้สงสัยมี ๒ ประเด็นครับ คือ
๑. จารึกเสาพระเจ้าอโศก (พุทธศตวรรษที่ ๓) ได้กล่าวถึง การส่งสมณฑูตไปเผยแพร่พุทธศาสนาจริง แต่ในรายชื่อเมืองนั้น กลับเป็นเมืองในเขตอิทธิพลกรีก (แคว้นบักเตรีย) เป็นส่วนใหญ่ ไม่ปรากฏชื่อ "สุวรรณภูมิ" แม้แต่น้อย
๒. พระไตรปิฎกถูกจารลงใบลานเป็นครั้งแรกราวพุทธศตวรรษที่ ๘-๙ "เป็นไปได้หรือไม่ว่า" ภิกษุลังกาจะแต่งเรื่องนี้ขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ "ศรีอโศกธรรมราช" โดยได้ใส่ชื่อเมืองต่างๆ ที่รู้จักกันดีในลังกา ให้เป็นเส้นทางการเผยแพร่ธรรม ซึ่ง "สุวรรณภูมิ" ก็ถูกรวมเข้าไปด้วย
ที่สำคัญคือ เรายังไม่ทราบว่า "สุวรรณภูมิ" ที่กล่าวถึงในเอกสารอินเดียตั้งแต่ก่อนพุทธกาลจึงถึงราวพุทธศตวรรษที่ ๓ นั้น หมายถึงบริเวณใดที่เฉพาะเจาะจงหรือไม่ หรือ เป็นเพียงการเรียกภูมิภาคหนึ่ง "อย่างรวมๆ" อย่างเช่นเราเรียก "ยุโรป" โดยไม่ได้เจาะจงว่า ยุโรป คือ ฝรั่งเศส หรือ อิตาลี ดังนั้นจึงไม่อาจบอกได้ครับว่า ในช่วงเวลานั้น สุวรรณภูมิ อยู่ในประเทศไทยหรือไม่
ก็เป็นเพียงข้อสังเกตครับ ไม่ใช่ข้อสรุป คิดว่าเรื่องนี้คงไม่ค่อยมีใครทราบกัน จึงของอธิบายไว้ ณ ที่นี้ครับ
ฟูนัน (พุทธศตวรรษที่ 6-11 )
ระยะเวลาของฟูนัน ก็คงเป็นไปตามที่คุณครู..ชิต กล่าวไว้ครับ ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่จะได้มาจากจดหมายเหตุจีน รวมไปถึงเรื่องฟูนันได้เข้ามายึดครองแคว้นต่างๆ รอบอ่าวไทยด้วย ประเด็นที่น่าสนใจคือมีแคว้นหนึ่งชื่อ "จินหลิน" ซึ่งนักวิชาการตีความกันว่า "จินหลิน" คือ "สุวรรณภูมิ" (จิน = ทอง, หลิน=เขตเพื่อนบ้าน) แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเรื่องชวนให้งงกันต่อครับเพราะว่าในตำราภูมิศาสตร์โลกโบราณ ของปโตเลมีนั้น ก็ระบุตำแหน่งของ สุวรรณภูมิ (Aurea Regio = แดนทอง) ไว้ด้วยเหมือนกัน แล้วก็แถม รัชฏภูมิ (Argentea Regio = แดนเงิน) มาให้อีก แต่ตำแหน่งนั้น ไม่ได้อยู่บริเวณอ่าวไทย แต่กลับไปอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของพม่า
ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16 )
ตัวเมืองนั้น มีความป็นไปได้ว่าพัฒนามาพร้อมๆ กับฟูนันครับ แต่มาเจริญสุดขีดราว พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ โดยทั่วไปจะจัดไว้ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖ (แต่ก็มีบางตำราจัดไว้ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๑) ที่จัดไว้เริ่มที่ ๑๒ ก็เพราะว่า พบจารึกที่กำหนดอย่างได้ในช่วงพุทธศตวรษที่ ๑๒
ยังมีอีกอาณาจักรครับ
เจนละ (พุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๓) จะมีศูนย์กลางบริเวณลาวตอนใต้ รอบๆ ทะเลสาบเขมร และลุ่มน้ำมูล-ชี
เขมรโบราณ (พุทธศตวรรษที่ 14-18 )
เขมรโบราณในไทยนี้ เริ่มรุกเข้ามาแถวปราจีนบุรีก่อนครับ จากนั้นก็เข้ามาที่ละโว้ วัฒนธรรมเขมรเลยมาเติบโตที่ละโว้ ซึ่งเดิมเป็นกลุ่มวัฒนธรรมทวารวดีตะวันออก และอาจเป็นเหตุให้ ทวารวดีตะวันตก (สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี) เสื่อมลง
หริภุญชัย (พุทธศตวรรษที่ 17-19 )
อยู่ทางภาคเหนือครับ และจากการขุดค้นทางโบราณคดีพบหลักฐานการอยู่อาศัยมาอย่างน้อยตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ แต่มาเจริญสุดขีดในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ก่อนจะตกเป็นเมืองของล้านนาในพุทธศตวรรษที่ ๑๙
โยนกเชียงแสน (พุทธศตวรรษที่ 12-16 )
ถือว่าเป็นอาณาจักรตำนานครับอยู่ทางภาคเหนือ เพราะยังไม่พบหลักฐานความเป็นเมืองก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๘ แต่อย่างไรก็ตาม ความเป็นเมืองนั้นอาจเป็นลักษณะของหมู่บ้านชนเผ่าก็เป็นได้ อยู่กันเป็นชุมชน นับถือผี แต่ตำนานได้นำเอาเรื่องราวของบรรพบุรุษที่ยังนับถือผี มาผสมเข้ากับวิถีการแต่งตำนานแบบพุทธ เลยทำให้ดูเหมือนว่า โยนกเชียงแสนเจริญเป็นเมืองมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๒ ซึ่งจริงๆ แล้วอาจเพิ่งมาตั้งบ้านเมืองและรับพุทธศาสนาจริงๆ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๘ - ๑๙ ไล่ๆ กับสุโขทัย
ศรีโคตรบูร (พุทธศตวรรษที่ 14-18 )
อยู่ทางอีสาน เรื่องอาณาจักรศรีโคตรบูรนี้ หลักฐานของความเป็นอาณาจักรยังน้อยมากครับ เท่าผมทราบก็คือมีเพียงพระธาตุพนมเท่านั้น แต่ก็เป็นไปได้ครับ ที่โครงสร้างของสถาปัตยกรรมของเมืองนี้ทำด้วยไม้ จึงไม่เหลือร่องรอยให้เห็นเลย
-----------------------------------
อันนี้ไม่เกี่ยวกับการตอบความเห็นของคุณครู..ชิต นะครับ แต่เป็นความเห็นของผมเกี่ยวกับการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับลำดับสมัยทางประวัติศาสตร์ ที่ผมเคยได้เรียนมา (ซึ่งก็นานมากแล้ว อิอิ)
ผมเห็นว่า ในประเทศไทยเรานี้ มีร่องรอยของอาณาจักรโบราณอยู่ในทุกภาค และบางอาณาจักรก็มียุคสมัยที่คาบเกี่ยวร่วมสมัยเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนอาณาจักรอยุธยานั้น ไทยเรามีแคว้นเล็กแคว้นน้อยมากมาย แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยถูกทำให้ชัดเจนจากกระทรวงศึกษาเท่าไหร่นัก หรือเห็นว่า เด็กไม่ควรรู้ลึกมาก ?
ผมไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ยังคงสอนประวัติศาสตร์แบบ "ก๋วยเตี๋ยวเส้นเดียว" อยู่หรือไม่ นั่นคือ การเรียงลำดับอย่างเป็นระเบียบ โดยลืมไปว่าประเทศไทยไม่ได้มีแต่ภาคกลาง แต่ยังมีภาคอื่นๆ อีก ๓ ภาค (เหนือ อีสาน ใต้) เช่นเรียงว่า
ประวัติศาสตร์ไทยเริ่มที่ สุโขทัย ต่อมาคือ อยุธยา, ธนบุรี และรัตนโกสินทร์
ซึ่งมักจะยกเอา สุโขทัย เป็นจุดเริ่มแรก เหมือนเขียนหนังสือต้องมีหน้าแรก จากนั้นจึงเป็นอยุธยา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในสมัยสุโขทัยเองก็มีอาณาจักรของ "คนไท" กลุ่มอื่นๆ อีกมากมาย หรือ แม้แต่สมัยที่สุโขทัยเรืองอำนาจเองก็ตาม ละโว้ (และอโยธยา เมืองก่อนสถาปนาเป็นอยุธยา) ก็ไม่ได้ขึ้นกับสุโขทัย ล้านนา ก็ไม่ได้ขึ้นกับสุโขทัย แถมยังมีแคว้นพะเยาอีก แล้วสุโขทัยจะเป็นจุดเริ่มของประวัติศาสตร์ไทยได้อย่างไร ...
ไม่รู้เดี๋ยวนี้สอนกันแบบไหนแล้วครับ

? ซึ่งผมเห็นว่าควรจะสอนแบบ "เส้นมาม่าหลายเส้น" ครับ