เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
อ่าน: 12070 ๗๖ ปี วันมหาธีรราชเจ้า
หวาน บวบหอม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 22:25

นานาประเทศล้วน.............นับถือ
คนที่รู้หนังสือ....................แต่งได้
ใครเกลียดอักษรคือ............คนป่า
ใครเยาะกวีไซร้.................แน่แท้คนดง
บันทึกการเข้า
์์๋์Na
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 26 พ.ย. 01, 08:17

จาก โคลงมหาจิตรดา
   ปัญญาย่อมเกิดเพราะ  ............             ประกอบ
แม้หมั่นจึงจะรู้             ..............                     มากได้
ยิ่งเรียนยิ่งรอบรู้   .............          แหลมหลัก
เหมือนมีดจับไว้จึ่ง .............       จะใช้สมจินต์

  จาก In Vino  Veritas

 (สุภาษิตละติน)                    
           รักตนจงอย่าได้  ..............  เมามาย
   เผลอสติจักพา  ..................       จิตป้อง
   ยามดื่มอย่าดูดาย...................  ดื่มแต่น้อยเทอญ
   กุมสติไว้ป้อง   ................     ปัดภัยฯ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 26 พ.ย. 01, 10:14

"เมืองน่ากังวล" เป็นผลงานของคุณถนอม อัครเศรณี  หรือที่รู้จักกันในนาม "ศิราณี" นักตอบปัญหาชีวิตทางหนังสือพิมพ์
ท่านเคยแสดงเป็นพระเจ้าเสือ ในละครพันท้ายนรสิงห์
ที่คนจำสับสนกัน  อาจจะเป็นเพราะไปคล้ายบทพระราชนิพนธ์บทนี้ก็ได้ค่ะ

อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์
เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา
เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย

ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก
ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จำเริญตาพาใจให้สบาย
อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ

แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม
เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ
โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 27 พ.ย. 01, 00:58

ขอบคุณครับ
เมื่อมีการเอาบทกลอนเมืองน่ากังวลไปใส่ทำนองเพลงร้องกันนั้น ท่านผู้ใส่ทำนอง ซึ่งผมไม่รู้ว่าใคร ได้เพิ่มเนื้อเพลงโปรยปะหัวด้วยสั้นๆ (ตามความเข้าใจผิดของท่าน) ว่า ...เมืองใดไร้สิ่งอันพึงมี ย่อมเสื่อมศักดิ์ศรีสิ้นค่า พระมหาธีรราชเจ้าจอมปรัชญา ทรงพระนิพนธ์ไว้ว่า ... น่า กัง วล..

เดี๋ยวนี้ไม่ได้ยินเพลงนี้อีกเลย

ต่อของคุณหวาน บวบหอมนะครับ เวนิสวาณิชตอนปอร์เชียว่าความในศาล

...ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์
ที่สถิตอานุภาพสโมสร
แต่การุณยธรรมสุนทร
งามงอนกว่าพระแสงอันแรงฤทธิ์
เสถียรในหฤทัยพระราชา
เป็นคุณของเทวาผู้มหิทธิ์
และราชันทันเทพอมฤต
ยามบพิตรเผยแผ่พระกรุณาฯ
(ฉะนั้นยิว .. บุ๋งๆๆๆ จำไม่ได้แล้วครับ)
บันทึกการเข้า
น้องเท็น
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 27 พ.ย. 01, 04:59

ต่อให้ลุง น.ก.ข. ครับ เพราะบทนี้เนื้อความดีโดยตลอด

ฉะนั้นยิว, แม้อ้างยุติธรรม,
จงกำหนดจดจำไว้ด้วยว่า,
ในกระแสแห่งยุติธรรมา
ยากจะหาความเกษมเปรมใจ :
บันทึกการเข้า
สายลม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 27 พ.ย. 01, 05:47

...ขอเพิ่มให้จบตอนนี้เลยนะครับ
                 
.......และราชาเทียมเทพอมฤต
.................ฯลฯ
.......เราวอนขอเทวาให้ปรานี.
.......แก่ตัวเราเองนี้ทุกวันไซร้;
.......อันคำวอนควรสอนและจู้งใจ
.......ให้เราเองกรุณาปรานี.
.......ข้าได้กล่าวถ้อยคำเชิงร่ำวอน,
......เพื่อขอผ่อนคำร้องของท่านที่
.......ขอแต่ยุติธรรม์ ณ วันนี้;
.......คิดจงดีคิดบ้างทางกรุณา.
.......แต่ถ้าขืนยืนกราน, ศาลเวนิส
.......ธรรมสถิตคงจะพิพากษา
.......ให้พณิชนี้แพ้แน่เจียวนา;
.......จะมีความกรุณาหรือว่าไร?
บันทึกการเข้า
สายลม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 27 พ.ย. 01, 05:56

ขออภัยครับ พิมพ์ผิดในบันทัดที่สาม ที่ถูกเป็น
.......อันคำวอนควรสอนและจูงใจ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 27 พ.ย. 01, 13:49

"เมืองน่ากังวล" มีชื่อเดิมว่า "หัวใจเมือง" คุณถนอม ใช้นามปากกาว่า" อัครรักษ์" ในตอนแรกลงในหนังสือร.ร.ประจำอำเภอบ้านโป่ง ราวๆปี ๒๔๙๒
ต่อมาปี ๙๓ คุณถนอมส่งลงในหนังสือพิมพ์ "เจ้าพระยา" ก็ยังลงชื่อและผู้แต่งถูกต้องดีอยู่
แต่ต่อมาใครไม่ทราบ ไปเผยแพร่ว่าเป็นบทพระราชนิพนธ์  ลงในวารสาร สามมุข  
ต่อมา ก็เลยมีคนนำไปเป็นเพลง  มีคนแต่งทำนอง(เข้าใจว่าเป็นคุณสง่า อารัมภีร์)   แล้วเทปเพลงนี้ก็หลุดออกไปเผยแพร่ทางวิทยุราวๆปี ๒๕๑๙-๒๐
คุณถนอมเขียนเล่าว่า พอได้ยิน ไม่จับไข้ตายก็เป็นบุญแล้ว จึงเร่งเร้าให้คุณสง่าแก้ไขชี้แจงความจริง
แต่เพลงนี้ก็แพร่หลายไปมากมาย  ขนาดออกโทรทัศน์ในวันมหาธีรราช
แม้แต่ใน มานวสาร  วารสารของนักเรียนเก่าในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ก็ยังเชื่อและนำมาลงพิมพ์
ทำให้กรรมการค้นคว้ารวบรวมพระราชนิพนธ์ปั่นป่วนกันไปพักใหญ่
จนพ.ศ. ๒๕๒๗ คุณถนอมจึงลงจดหมายชี้แจงในสยามรัฐ เพราะเห็นว่าเรื่องยังไม่ยุติสักที
ตอนนี้ก็เงียบหายไปแล้วค่ะ เป็นอันว่ายุติลงได้
ดิฉันเคยเห็นกลอนบทนี้จารึกตัวโตๆอยู่ในล็อบบี้ของโรงเรียมอิมพีเรียลของคุณอากร ฮุนตระกูล แต่ไม่มีการลงว่าเป็นพระราชนิพนธ์  ตอนนี้โรงแรมก็รื้อเป็นโรงแรมใหม่ไปแล้ว

การเข้าร่วมกับพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๑  พลเอกพระยาเทพหัสดิน(ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา)  บันทึกไว้ว่า ผู้ที่เข้าร่วมประชุมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่และเสนาบดีไม่มีใครเห็นด้วยกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖
เพราะตอนนั้นเยอรมันกำลังรุกหนักในยุโรป ทำท่าจะชนะ
แต่ทรงชี้ขาดว่าจะต้องเข้าข้างฝ่ายที่เป็นธรรม เพื่อรักษาธรรม
ผู้ไม่กล้าลงทุนทำอะไรนั้นย่อมไม่ได้อะไร   ผู้ไม่รักษาเกียรติย่อมไม่ได้เกียรติ   เกียรติและเสรีภาพของมนุษย์กำลังถูกคุกคาม  ไทยต้องเข้าช่วยรักษาไว้ให้จงได้  มิฉะนั้นก็ตายเสียดีกว่า
เพราะคนหรือชาติที่ไร้เกียรตินั้นย่อมไม่ควรดำรงชีวิตอยู่ให้หนักโลก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 28 พ.ย. 01, 09:24

เกร็ดเล็กน้อยอีกเรื่องหนึ่ง
นอกจากทรงเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษถึงขั้นทรงแปลผลงานของเชกสเปียร์ได้ถึง ๔ เรื่องแล้ว   พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงรู้ภาษาฝรั่งเศสอย่างดีอีกด้วย
เคยเสด็จไปที่ประทับที่ฝรั่งเศส เพื่อศึกษา
สมัยต้นศตวรรษที่ ๒๐ ภาษาฝรั่งเศสถือเป็นภาษาสำคัญ เพราะเป็นภาษาของนักการทูต
ทรงศึกษามากพอจะแปลบทละคร comedy ของฝรั่งเศส ได้  ดังที่เห็นได้จาก Le Voyage de Monsieur Perrichon ทรงแปลเป็นไทยให้ชื่อว่า "หลวงจำเนียรเดินทาง"
บันทึกการเข้า
สายลม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 29 พ.ย. 01, 06:39

...ขอขอบคุณคุณเทาชมพู ที่เอาข้อเท็จจริงมาเผยแผ่ในเรื่องที่ไทยส่งทหารไปช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๑  เพราะคนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันมานาน  เมืองไทยเรามีเรื่องทำนองนี้อยู่มาก มักคิดและเข้าใจผิดไปในทางที่ทำให้ภาพลักษณ์ของไทยเสียหาย
...ผมพบข้อความในพระราชนิพนธ์ในพระเจ้าอยู่รัชกาลที่ ๖ อยู่หลายเรื่อง ที่แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของพระองค์ที่จะเป็นไปตามครรลองคลองธรรม  พอประมวลได้ดังนี้

เรื่อง ต้อนรับทหารไทย
..............................ฯลฯ

.....พระองค์ทรงรักษ์ธรรมตาม   จารีตอันงาม
แห่งองค์ชนกปกไทย
.....อะธรรมก่อคดีใน                   โลกขึ้นแล้วไซร้
พระ บ่ มิอาจดูดาย
.....ธรรมะนิติลิสลาย                   ช้ำโชคโรคร้าย
มลายประดุจเพลิงผลาญ
.....ดังนี้สยามมินทร์ภูบาล           จึ่งมีโองการ
ให้ส่งทหารชาญชัย
.....ไทยไปยุโรปเทศไกล              เพื่อช่วงชิงชัย
ไทยช่วยสนับสนุนธรรม
.....สมหมายฝ่ายราชสัมพัน         ธะมิตร์มหันต์
มหิทธิได้ชัยชิด
ฝ่ายเรารื่นรมย์สมจิต                  ศัตรูรู้ผิด
ต้องก้มเกศาปราชัย
................................ฯลฯ

เรื่อง ขอชวนสหายให้มี
................................ฯลฯ
.....ชาติใดไร้ธรรมกำดล     กำกับกมล
ก็ยากจะคงสุจริต
.....เพราะไม่รู้จักชอบผิด     ถือตามแต่จิต
แห่งตนจำนบจงหมาย
.....ปราศจากหิริละอาย       ย่อมมองปองร้าย
เพราะหลงละเริงเชิงชนะ
อีกปราศจากโอตัปปะ          ทำบาป บ่ ละ
บาปจะยังผลตนลาน
.....ไทยเราประพฤติตาม      วรอุตะมาจารย์
จึ่งได้ประสบศาน                 ติสงบกะลีพร
.....ขอคุณพระไตรรัตน์       สิริคุ้มประชากร
ภิญโญสโมสร                    พหุภัยพินาศสูญ

เรื่อง ปีใหม่ พ.ศ. ๒๔๖๒
..............................ฯลฯ
....ไทยส่งขะบวนพยุหพล   พิระไปยุโรปผสม
สู้เศิกสัมฤทธิ์ชยอุดม           อภิรักษ์สุธรรมฐิต
. ปลอดเสี้ยนศะตรูคณะเยอ  ระมะนีประจามิตร์
เหมือนล้างและกวาดสะทุจริต บ่ มิแผ้วไผทสยาม
. เมื่อยามระหว่างพลทหาร   ประดิยุทธะสงคราม
ชาวไทย ณ เขตคาม            ก็ บ่ นิ่ง บ่ นอนชา
.หมั่นกอบ ณ กิจจะกรณี      ยะประดุจจะเดิมมา
เพื่อให้ประเทศนิกรนา        ครไทยเจริญทัน
................................ฯลฯ
บันทึกการเข้า
สวยลม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 01 ธ.ค. 01, 06:15

...พระราชนิพนธ์เรื่อง ธรรมาธรรมะสงครามมีคติสอนใจและสะท้อนภาพพฤติกรรมของมนุษยชาติที่น่าสนใจอยู่มาก  ทั้งที่เป็นมาแล้วในอดีต ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
และก็คงเป็นต่อไปในอนาคต
 
.........................ฯลฯ
...ธรรมะแลอะธรร     มะสองสิ่งนี้ไซร้
อันผลจะพึงให้           บ่ มิมีเสมอกัน
   อะธรรมย่อมนำสู่     นิราบายเปนแม่นมั่น
ธรรมะจะนำพลัน        ให้ถึงสุคตินา
   เสพธรรมะส่งให้      ถึงเจริญทุกทิวา
แม้เสพอะธรรมพา       ให้พินาศแลฉิบหาย
   ในกาลอนาคต           ก็จะมีผู้มุ่งหมาย
ข่มธรรมะทำลาย         และประทุษฐมนุษโลก
.........................ฯลฯ
...ฝ่ายพวกอะธรรมเหิม     ก็จะเริ่มจะริทาง
ทำการประหารอย่าง        ที่มนุษไม่เคยใช้
...   ฝ่ายพวกที่รักธรรม        ถึงจะคิดระอาใจ
ก็คงมิยอมให้                   พวกอะธรรมได้สมหวัง
...   จักชวนกันรวบรวม        พลกาจกำลังขลัง
รวมทรัพย์สพรึบพรั่ง       เปนสัมพันธไมตรี
...   ช่วยกันประจัญต่อ         พวกอะธรรมะเสนี
เข้มแขงกำแหงมี              สุจริตธรรมสนอง
...ลงท้ายฝ่ายธรรมะ         จะชำนะดังใจปอง
อะธรรมะคงต้อง              ปะราชัยเปนแน่นอน
...อันว่ามนุษโลก               ยังโชคดีไม่ย่ออย่อน
อะธรรมะราญรอน           ก็ชำนะแต่ชั่วพัก
...ภายหลังข้างฝ่ายธรรม   จะชำนะประสิทธิ์ศักดิ์
เพราะธรรมะย่อมรักษ์       ผู้ประพฤติ ณ คลองธรรม
...............................ฯลฯ


           













บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.042 วินาที กับ 19 คำสั่ง