เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 12071 ๗๖ ปี วันมหาธีรราชเจ้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 30 พ.ย. 01, 18:15

๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ครบ ๗๖ ปีของการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ขออัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับพระองค์ท่านมาลงไว้ในกระทู้นี้  
ขอเชิญผู้สนใจร่วมตั้งคำถามหรือให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยนะคะ

บทพระราชนิพนธ์

ความเอยความรัก
เริ่มประจักษ์ชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มจำเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี

แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง
อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี
ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย

ตอบเอยตอบถ้อย
เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่างสงสัย
ตาประสบตารักสมัครไซร้
เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน

แต่ถ้าแม้สายใจไม่สมัคร
เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ
ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน
ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย

จาก  เวนิสวาณิช
แปลจาก The Merchants of Venice ของ William Shakespeare
******************************
ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์
ไม่เห็นหน้านงลักษณ์ยิ่งมืดใหญ่
ถึงราตรีมีจันทร์อันอำไพ
ไม่เห็นโฉมประโลมใจก็มืดมน

อ้าดวงสุริย์ศรีของพี่เอ๋ย
ขอจงเผยหน้าต่างนางอีกหน
ขอเชิญจันทร์แจ่มกระจ่างกลางสกล
เยี่ยมให้พี่ยลเยือกอุรา

จาก วิวาหพระสมุทร
*************************
สาวน้อยจงจำคำข้าสอน
แม้บังอรหวังชายหมายเป็นคู่
เมื่อแรกพบเขาจ้องอย่ามองดู
ต้องล่อชู้ด้วยทีตระหนี่ตัว

หญิงคนใดได้ง่ายชายเขาค่อน
ว่ารีบร้อนหมดกระดากอยากมีผัว
ยิ่งทำอายหดหู่ดูทีกลัว
เหมือนยิ่งยั่วเย้าชายให้หมายมอง

อย่าอิดเอื้อนเชือนช้ามารยานาน
เขารำคาญกลับใจไม่ใฝ่ต้อง
เมื่อควรยอมยอมเทียวลูกถูกทำนอง
ได้แล้วต้องผูกไว้ไม่ละเลย

เสร็จวิวาห์สารพัดมัดแน่นแล้ว
ผัวไม่แคล้วมือเรานะเจ้าเอ๋ย
ขู่กำราบปราบผัวหัวไม่เงย
ใครจะเย้ยช่างเขาเราพอใจ

จาก  หนามยอกเอาหนามบ่ง

******************************
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระชนมายุ ๘ พรรษา  ทรงเฉลิมพระนามทรงกรมเป็นกรมขุนเทพทวาราวดี
*****************************
เสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษเมื่อพระชนม์ได้ ๑๓ พรรษา ทรงอยู่ ๙ ปีจึงเสด็จกลับสยาม
****************************
ทรงศึกษา ณ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และวิชาการทหารที่แซนด์เฮิร์สต์
****************************
ทรงมีผลงานด้านศิลปะหลายประเภท เช่น เรื่องสั้น  เรื่องแปล  บทละคร   โขน  ละครพูด และภาพการ์ตูน
***************************
ผู้ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา "สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า" คือ พระสารประเสริฐ (นาคะประทีป)
****************************
บันทึกการเข้า
เรไร
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 10:24

....อันความรักเหมือนน้ำอมฤต
ได้ดื่มแล้วชื่นจิตพิศวง
ระงับโรคสูญพูนพะวง
เพราะรักรื่นยืนยงยั่วยวนใจ

จาก  สาวิตรี
*************
บันทึกการเข้า
ฝอยฝน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 11:35

จากหนังสือ  " หญิงอันเป็นที่รักของพระเจ้าแผ่นดิน       และ  พระราชนิพนธ์ ใน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ

 " อันพระองค์ทรงฝากพระชีพไว้
หม่อมฉันขอรับใส่ในดวงจิต
อีกทรงฝากความสุขทุกชนิด
ขอถวายไม่คิดขัดจำนง
อะไรเปนความสราญวานรับสั่ง
จะถวายได้ดังพระประสงค์
ขอแต่เพียงทรงเลี้ยงให้เที่ยงตรง
อย่าผลักส่งเข้าขังวังหลวงเอย. "
" ติ๋ว "

อยู่ที่ส่วนคำนำของหนังสือค่ะ
บันทึกการเข้า
pink ribbon
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 13:56

จอมขวัญ
ยิ่งกว่าชีวันเสนหา
พี่หรือจะพรากจากแก้วตา
เท่ากับฆ่าตนเองให้บรรลัย
พี่เปนห่วงโฉมตรูอยู่เปนนิตย์
ไม่ละเลยเชยชิดพิสมัย
ชีวิตพี่ยังมีอยู่ตราบใด
ขอถนอมทรามวัยคู่ชีวัน

จาก พระราชนิพนธ์เรื่องสาวิตรี ค่ะ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 18:59

พระราชนิพนธ์ที่เป็นอมตะและคนไทยจำได้ขึ้นใจนั้นมีหลายบท

เช่น "นานาประเทศล้วน นับถือ
 คนที่รู้หนังสือ แต่งได้ ฯ"
หรือ "ไทยรวมกำลังตั้งมั่น
จะสามารถ ป้องกันขันแข็ง
ถึงจะมีศัตรูผู้มีแรง
มายุทธแย้งก็จะปลาตไป ฯ"
หรือ ที่ติดปากขึ้นใจคนไทยที่สุด คือโคลงสีสุภาพสามบทที่พระราชทานนามว่า สยามมานุสติ หรือการระลึกเตือนใจตนเองถึงสยาม

ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย
เรารบจนสุดใจ ขาดดิ้น
เสียเสียเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรติงามฯ

หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง
ไทยก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤา
เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทยฯ

โคลงสองบทนี้มีผู้เอาไปใส่ทำนองเพลงและร้องกันแพร่หลายเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว และความที่ประทับใจคนไทยมากนี่แหละ เมื่อเกิดกรณีลูกชายนัการเมืองบางคนก่อพฤติกรรมที่สังคมรังเกียจเหยียดหยาม จึงมีคนคว้าเอาบทพระราชนิพนธ์นี้ไปแปลงเพื่อเสียดสี ไม่ได้พูดถึง สยาม แต่พูดถึงนักการเมืองคนนั้น และไม่ได้พูดถึงการหมดสิ้นสกุลไทย แต่พูดถึงการหมดสิ้นสกุลของนักการเมืองคนนั้น ผมเชื่อว่าคงมีหลายคนได้อีเมล์โคลงแปลงอันนี้กันแล้ว
ผมเชื่อว่าคนแต่งแปลงคงมุ่งเพื่อความสะใจเป็นสำคัญและอาศัยที่โคลงพระราชนิพนธ์สองบทนี้มีชื่อเสียงติดใจคนไทยมานาน มาเป็นข้อขันหรือเยาะเย้ยบุคคลในข่าวเหล่านั้น แต่ผมก็ยังเห็นว่าไม่สมควรครับ องค์ผู้พระราชนิพนธ์หากจะทรงทราบได้ด้วยวิถีทางใดๆ คงไม่เป็นที่ชอบพระทัยนักที่พระราชนิพนธ์ของพระองค์ถูกดึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ ใครได้อีเมล์นั้นก็อย่าส่งต่อเลยนะครับ
บันทึกการเข้า
น.ก.ข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 19:19

ขอโทษครับ สองบทครับไม่ใช่สามบท พระราชนิพนธ์สยามานุสติ (ผมเขียน ม.ม้า เกินไปตัวหนึ่ง) ที่เอาไปใส่เป็นเพลงนั้นมีสองบท

ความที่สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าทรงพระปรีชาสามารถทางการกวีและได้พรงพระราชนิพนธ์บทกวีปลุกใจให้รักชาติหลายบท สมัยหลังมาเลยเคยเกิดความสับสนบ้าง พอคนไทยได้ยินบทกวีไหนเข้าท่าก็ยกถวายท่านไปซะเลย โดยที่ที่จริงไม่ได้ทรงแต่ง เท่าที่ผมทราบก็คือบทกลอนชื่อ "เมืองน่ากังวล"

..เมืองใดไม่มีทหาร เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า
เมืองใดไร้จอมพารา เมืองนั้นไม่ช้าอับจน
เมืองใดไม่มีพานิชเลิศ เมืองนั้นย่อมเกิดขัดสน
เมืองใดไร้ศิลปโสภณ เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม
เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม
เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ
เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ เมืองนั้นไม่เพริศพิศมัย
เมืองใดไร้ธรรมนำใจ เมืองนั้น บรรลัย แน่เอย.
 
เคยมีการเข้าใจผิดกันหลายปีครับว่าเป็นพระราชนิพนธ์ (มีการเอาไปใส่ทำนองเช่นกัน) ท่านผู้แต่งจริงๆ ก็กล้ำกลืนพูดไม่ออก ในที่สุดเมื่อมีการตรวจสอบกับทางหอสมุดวชิราวุธานุสรณ์ก็เป็นอันแน่ชัดว่าไม่ได้เป็นหนึ่งในผลงานของพระองค์ แต่ผมก็ยังชอบอยู่ว่าความคิดดีทีเดียว

ใครจำบทพระราชนิพนธ์นี้ได้บ้าง
...อย่าเห็นแก่ตัวมัวพะวง
ลุ่มหลงริษยาไม่ควรที่
อย่าต่างคนต่างแย่งกันแข่งดี
จะให้ช่องไพรีที่มุ่งร้าย...
และ
...เพราะฉะนั้น ชวนกันสวามิภักดิ์
ใจจงรักภักดีชาติศาสนา
ยอมตายไม่เสียดายชีวา
เพื่อรักษาอิสระคณะไทย
ประสานสามัคคีให้ดีอยู่
จะสู้ศึกศัตรูทั้งหลายได้
ควรคิดตั้งทะนงจงใจ
เป็นไทยไปจนสิ้นดินฟ้าฯ

สมัยของพระองค์ภัยคุกคามทางทหารเป็นเรื่องสำคัญ สมัยของเราปัญหาเศรษฐกิจเป็นวิกฤตข้อใหย๋ แต่เราก็น่าจะเอาสปิริตในบทพระราชนิพนธ์เหล่านี้มาปรับใช้ได้ ในการร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาร่วมกันของชาติของเรา
บันทึกการเข้า
เรไร
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 19:37

รู้สึกแปลกตา
ทำไม วันนี้ชื่อ   นกข.   กลายเป็น   น.ก.ข. ล่ะคะ
บันทึกการเข้า
บัวบรรณ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 20:43

โดยส่วนตัวชอบบทพระราชนิพนธ์ขอพระองค์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นพระหันอากาศ

นิทานทองอิน มัทนะพาธา เวนิสวานิช

พระนลคำหลวง วังตี่โคลนติดล้อ  สาวิตรี

ปริยทรรศิกา บ่อเกิดรามเกียรติ์  ปกิณกคดีฯลฯ

งานของพระองค์ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการให้เกียรติและยกย่องผู้หญิงทั้งแฝงแง่คิดเตือนใจในการกระทำสิ่งใดต้องใช้สติปัญญาควบคู่

ไปด้วย



มัทนะพาธาเป็นเรื่องที่ชอบมากที่สุดค่ะ

ความรักเหมือนโรคา

บันดาลตาให้มืดมน

ไม่ยินและไม่ยล

อุปสรรคคะใดๆ

ความรักเหมือนโคถึก

กำลังคึกผิขังไว้

ก็โลดจากคอกไป

บยอมอยู่ ณ ที่ขัง



ขอเพิ่มนามแฝงของพระองค์เท่าที่ทราบค่ะ อัศวพาหุ รามจิตติ ศรีอยุธยา นายแก้วนายขวัญ พันแหลม ฯลฯ
http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW858x007.jpg'>
บันทึกการเข้า
หวาน บวบหอม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 22:06

จาก ...วิวาหพระสมุทร

"ผู้หญิง"

....เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก
เป็นผู้ชายยิ่งยากกว่าหลายเท่า
หญิงต้องเจียมกายามาแต่เยาว์
ชายต้องเฝ้าวิงวอนให้หล่อนรัก
หญิงถึงรักต้องแสร้งแกล้งทำเฉย
หวังให้ชายอยากเชยยิ่งขึ้นหนัก
ต่างคนต่างซัดกันน่าขันนัก
ที่แท้ต่างสมัครจะรักกัน

และ   "ปากเป็นเอก "

.... ปากเป็นเอกเลขเป็นโทโบราณว่า
หนังสือตรีมีปัญญาไม่เสียหลาย
ถึงรู้มากไม่มีปากลำบากตาย
มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการ
ถึงเป็นครูรู้วิชาปัญญามาก
ไม่รู้จักใช้ปากให้จัดจ้าน
เหมือนเต่างฝังนั่งซื่อฮื้อรำคาญ
วิชาชาญมากเปล่าไม่เข้าที
บันทึกการเข้า
หวาน บวบหอม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 22:07

จาก... ท้าวแสนปม

"ของสูงแม้ปองต้องจิต"

....ในลักษณ์สารานั้นว่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา
ฤๅจะกล้าแต่เพียงวาที
เห็นแก้วที่แวววับจับจิต
ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี
อันมณีหรือจะโลดไปถึงมือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ
ฤๅแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง
คงชวดดวงบุปผชาติสะอาดหอม
ดูแต่ภุมรินที่บินตอม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี

และ  "รสรัก"

....โอ้ว่าดวงใจอยู่ไกลลิบ
เหลือจะหยิบมาชมภิรมย์สันต์
เหมือนดวงดาววาววาวอยู่กลางครัน
ชิดสวรรค์สุดเอื้อมมาเชยชม
เสียแรงชื่ออุษานารี
ใยไม่มีเทวามาอุ้มสม
ปล่อยให้นั่งฟูมฟายอกตรม
ร้อนระบมอนาถจะขาดใจ
รสใดไม่เหมือนรสรัก
หวานนักหวานใดจะเปรียบได้
แต่มิได้เชยชมสมใจ
ขมใดไม่เทียบเปรียบปาน
บันทึกการเข้า
หวาน บวบหอม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 22:08

จาก...  เกียรติรถ
" ปัญญาคืออาวุธ "

...วิทยาเปรียบได้กำลังเหมาะ
สุจริตคือเกราะกำบังได้
ปัญญาคืออาวุธยุทธวิชัย
สติไซร้คุมพลยุทธนา
บันทึกการเข้า
หวาน บวบหอม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 22:09

จาก ..สามัคคีเสวก

"ชาติใดไร้ช่าง"

...อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์
เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา
เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย
ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก
ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จำเริญตาพาใจให้สบาย
อีกร่างกายก็พลอยสุขสราญ
แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม
เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ
โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ
บันทึกการเข้า
หวาน บวบหอม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 22:10

จาก  เวนิสวาณิช

"ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ"

...ชนใดไม่มีดนตรีการ
ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ
เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์
หรืออุบายมุ่งร้ายฉมังนัก
มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี
และดวงใจย่อมดำสกปรก
ราวนรกชนเช่นกล่าวมานี่
ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้
เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ

และ  "ความกรุณาปรานี"

อันความกรุณาปรานี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ
แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล
เป็นพลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น
เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา
ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์
เรืองจรัสยิ่งมกุฏสุดสง่า
พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา
เหนือประชาพสกนิกร
บันทึกการเข้า
หวาน บวบหอม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 22:11

โคลงโลกนิติจำแลง

... รักกันอยู่ขอบฟ้า....  เขาเขียว
โทรเลขถึงครู่เดียว...... พูดได้
ชังกัน บ่แลเหลียว ....... ตาต่อ  กันนา
โทรศัพท์เสียงให้ ........แหบแห้ง  บ่ ถึง
บันทึกการเข้า
หวาน บวบหอม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 25 พ.ย. 01, 22:16

จาก... มัทนะพาธา

"ภริยาและมิตรดี"

...จะหามณีรัตน์....  รุจิเลิศก็อาจหา
ก็เพราะวณิชค้า.....  และดนูก็มั่งมี
ก็แต่จะหาซึ่ง.........  ภริยาและมิตรดี
ผิทรัพย์จะมากมี..... ก็บ่ได้ประดุจใจ

และ  บทชมโฉมมัทนา

...งามผิวประไพผ่อง.......  กลตามศุภาสุพรรณ
งามแก้มแฉล้มฉัน.......... .พระอรุณแอร่มละลาน
...งามเกศะดำขำ..............กลน้ำ ณ ท้องละหาน
งามเนตรพินิจปาน...........สุมณีมะโนหะรา
...งามทรวงสล้างสอง......วรถันสุมนสุมา-
ลีเลิศประเสริฐกว่า...........วรุบลสะโรชะมาศ
...งามเอวอนงค์ราว.........สุระศิลปิชาญฉลาด
เกลากลึงประหนึ่งวาด......วรรูปพิไลพะวง
...งามกรประหนึ่งงวง......สุระคชสุเรนทะทรง
นวยนาฏวิลาศวง..............ดุจะรำระบำระเบง
...ซ้ำไพเราะน้ำเสียง.........อรเพียงภิรมย์ประเลง
ได้ฟังก็วังเวง...................บ่มีว่างมิวายถวิล
...ทางใดจะมีเทียบ...........มะทะนา ณ ฟ้า ณ ดิน
เป็นยอดและจอดจิน-.........ตะนะแน่ว ณ อก ณ ใจ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.056 วินาที กับ 19 คำสั่ง