เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 6444 14-6ตุลา เป็นมาอย่างไร
ลูกนวมินทรฯ 2505@i-kool.com
บุคคลทั่วไป
 เมื่อ 27 ต.ค. 01, 03:56

อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับวันทั้งสองนี้ค่ะ ขอรบกวนให้พี่ๆช่วยชี้แจงด้วยนะค่ะ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 15 ต.ค. 01, 16:28

ถ้าจะคุยกันเรื่องนี้ละก็ยาวมากเลยครับ

ผมยังเด็กอยู่มากตอน 14 ต.ค. 16 แต่พอจำได้บ้างแบบเด็กๆ ตอนหลังมาเรียนหนังสือก็ได้รู้เพิ่มขึ้น (ไม่ใช่ในโรงเรียน เพราะในหลักสูตรประวัติศาสตร์ระดับประถมมัธยมยังไม่มีเรื่องนี้ เผอิญผมเรียนวิชาการเมืองในระดับมหาวิทยาลัย)

ใครอยากคุยเรื่องนี้บ้างครับ
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 15 ต.ค. 01, 16:35

ตอนเกิดเหตุการณ์นี้ผมยังไม่เกิดเลยครับ มาทราบเรื่องก็ตนโตแล้ว
เอาเป็นว่าขอนั่งฟังดีกว่าครับ
บันทึกการเข้า
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 15 ต.ค. 01, 17:48

ช่วงนี้ผมมานั้งคิกเล่นๆ
ทำไมเหตุการณ์พวกนี้จึงมักเกิดช่วงปิดเทอม
บันทึกการเข้า
ภาธร
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 16 ต.ค. 01, 07:22

ผมเรียนอยู่ มศ ๕  รร เตรียมอุดม กำลังอยู่ระหว่างสอบกลางปีครับ วันที่๑๔ตค ๒๕๑๖เป็นวันอาทิตย์เหมือนปีนี้เลย จะให้เริ่มอย่างไรดีครับ ต้องถามเป็นเรื่องๆไปมั้ง  ผมทราบอยู่อย่างว่าเมืองไทยตอนนั้นแทบจะไม่มีการเลือกตั้งเลย นายกกับผู้นำทางทหารเป็นคนเดียวกันตลอด  ก่อนหน้านั้นพวกเราถูกปลูกฝังเรื่องคอมฯกันอย่างฝังหัว จริงบ้างเท็จบ้าง
ใครสนใจเมืองจีนหรือมีความคิดทางสังคมนิยมหน่อยก็โดนข้อหาคอมมูนิดแล้ว  แม้แต่นายกอานันท์ หรือชวน ก็โดนมาแล้วด้วย
บันทึกการเข้า
ภังคี
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 16 ต.ค. 01, 07:31

ผมเป็นลูกพระเกี้ยวรุ่นเดียวกับคุณจิ๊ด จีรนันท์นี่แหละครับ คันมือ อยากคุยเรื่องนี้เหมือนกันแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง รบกวนคุณนกข เปิดประเด็นก่อนครับ  คุณภาธรเรียนอยู่วิดยาคณะเดียวกับคุณจิ๊ดใช่มั้ย ผมว่าเคยๆเห็นคุณนะ
อ้อแต่เราคุยกันในแง่ของความรู้แล้วกันนะครับ ไม่ใช่เรื่องฟื้นฝอยเพื่อทะเลาะกัน
บันทึกการเข้า
ลูกนวมินทรฯ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 16 ต.ค. 01, 21:09

คุณพ่อบอกว่าตอนนั้นคุณลุงก็อยู่ในฝ่ายประชาธิปไตยด้วยค่ะ ลองถามท่านแล้ว แต่ไม่เห็นท่านว่าอะไร ก็เลยไม่รู้เรื่องเลยค่ะ
บันทึกการเข้า
ภังคี
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 18 ต.ค. 01, 07:05

คุณลุงของหนูคงไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนครับ  ผมเองก็เหมือนกัน พวกเราตอนนั้นมีจุดมุ่งหมายให้ประเทศเรามีประชาธิปไตยจริงๆซะทีคืออย่างน้อยควรจะมีการเลือกตั้งมีผู้แทน มีนายกจากผู้แทนอะไรทำนองนี้ อย่างที่คุณภาธรว่านั่นแหละครับ ว่าตอนนั้นบ้านเมืองเราแทบจะไม่มีการเลือกตั้งเลย มีเข้าครั้งก็โดนม่านนายท่านปฏิวัติตัวเองตั้งรัฐบาลทหารขึ้นมาอีก ผมว่าพวกเราตอนนั้นจริงๆก็ไม่ได้มีความคิดยิ่งใหญ่อะไรมาก(ผมอยู่ในเหตุการ์ณด้วย) แต่ทางรัฐบาลเขานึกว่าพวกเรามันเด็กเมื่อวานซืน คงไม่มีใครเขาเอาด้วยแต่ที่ไหนได้ประชาชนส่วนใหญ(อย่างน้อยก็คนกรุงเทพ) เบื่อหน่ายต่อระบบปกครองแบบนี้เต็มที บรรยากาศตอนนั้นน่าทึ่งมากๆครับผมคิดถึงทีไรขนลุกด้วยความปลาบปลื้ม และที่ปลาบปลื้มมากคือ พระมหากรุณาธิคุณของในหลวง พวกผมโชคดีมากครับเราหนีเข้าไปพึ่งวังสวนจิตรฯ ผมพาน้องๆนักเรียนหญิงอีกหลายคนว่ายน้ำหนีผู้ตามล่าพวกเราเข้าไปในเขตวัง หนูเอ๋ยผมไม่ทราบว่าผู้ที่ร่วมทุกข์กันตอนนั้นรู้สึกเหมือนผมไหม
บันทึกการเข้า
ภูวง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 18 ต.ค. 01, 07:16

ผมคุยมั่งในฐานะผู้ติดตามคุณภังคีหลังจากความสำเร็จจากการเรียกร้องประชาธิปไตยแล้วนะครับ บ้านเมืองไม่ได้สุขเกษมอย่างที่เราหวัง ผมกับภังคีและเพื่อนอีกหลายคนกลับไปทำหน้าที่ของเราคือเรียนหนังสีอแต่ทั่นผู้นำนักศึกษาหลายคนไม่เป็นเช่นนั้น ที่ผมรู้สึกขัดตาขัดใจมากเมื่อวันที่เหล่าผู้นำนักศึกษาออกไปแถลงการ์ณ พวกเขาไม่พูดถึงพระมหากรุณาจากประมุขสูงสุดของพวกเราเลย จากนั้นยิ่งสนุกใหญ่ครับเริ่มมีการแบ่งพวกกันละว่า พวกคุณเสี่ยงน้อยกว่าพวกเรา พวกผมตายมากกว่าพวกพี่ คนในมหาฯของคุณไม่ค่อยมาช่วยงานตอนนั้น เอากันใหญ่
บันทึกการเข้า
ภังคี
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 18 ต.ค. 01, 07:46

ผมพิมพ์ผิดตรงที่ว่าท่านนายกท่านก็ปฎิวัติตัวเองยุบสภาซะเลยตั้งรัฐบาลทหารปกครองต่อไปสบายแฮ  แม้แต่มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนนี่ท่านรองนายกยังให้เกียรติมาเป็นอธิการบดีเองเลยนะก่อน๑๔ตุลาน่ะ คนเดียวควบหลายๆตำแหน่งอู้ฮู
ผมกับคุณภูวงเล่าตามประสามุมมองของคนที่ไปวิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีกระสุน
มาและยังได้พบเห็นเหตุการณ์หลังจาก๑๔ตค. สามปีว่ามีอะไรๆบ้างนะครับ
พวกเราเรียนวิศวะไม่มีความรู้ทางรัฐศาสตร์ซักกะผีก  เล่าตามทีเราประสบเอง
ไม่ใช่ฟังคำเล่าลือ บังเอิญวันนี้ไม่ว่างซะแล้ว  มีเวลาจะเล่าเรื่องการพาน้องๆจากโรงเรียนมัธยมไปเข้าค่ายเยาวชนกันนะครับ
อยากฟังหลักวิชาการที่เขาสอนๆกันด้วยว่านักวิชาการเขาวิเคราะห์ว่าอย่างไรเกี่ยวกับ ๖ตุลา
บันทึกการเข้า
ภาธร
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 19 ต.ค. 01, 07:26

ผมอยู่คณะวิดยาจริงด้วยครับคุณภังคีแต่คุณจิ๊ดนั้นที่จริงเธอเรียนเตรียมเภสัช สมัยนั้นคณะเภสัชเป็นตึกเล็กๆตรงคณะ สินกำตอนนี้  ผมทันเห็นเธอเพราะเธอทำกิจกรรมมากไปนิดเลยยังตกค้างไม่ได้ข้ามฟาก  ผมเข้ามหาวิทยาลัยปี๑๗  ได้บรรยากาศเต็มๆของ๑๔ตุลากับ๖ตุลา ช่วงปีแรกๆผมรู้สึกไม่ค่อยชอบอุดมการณ์หลายๆอย่างของพวกเอียงซ้าย ทั้งๆที่เราเรียกร้องประชาธิปไตยมาด้วยกัน แต่พอหลัง๖ตุลา ผมเกลียดพวกขวาจัดจับใจ  ผมว่าซ้ายขวาไม่สำคัญอยู่ที่ตัวบุคคล คนที่ด่าคนอื่นว่าเลวแต่การตอบโต้ของเขาผมว่าก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย ตัวอย่างในปัจจุบันก็เห็นๆกัน
เออ คุณภูวงกับคุณภังคีเคยเห็น "ธงชาติใหม่"ที่ผู้นำนักศึกษาทั่นริขึ้นมาไหมครับ ผมจำได้แต่เป็นพื้นสีแดง ตรงกลางเป็นรูปอะไรนึกไม่ออกรู้แต่เป็นเครื่องหมายของ"มวลชน"
บันทึกการเข้า
ภังคี
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 19 ต.ค. 01, 12:57

เคยครับธงสีแดงตรงกลางรู้สึกจะเป็นเคียวหรืออะไรที่เกี่ยวๆกับผู้ใช้แรงงานกับชาวนา
หลัง๑๔ตุลา คำยอดฮิตคือ นายทุน ขุนศึก ศักดินา   จนทำให้ลูกผู้มีอันจะกินทั้งหลาย
ต้องพยายามทำตัวให้ติดดินมากๆ(ผมชอบจัง) จะขับรถมาเรียนก็ต้องกระมิดกระเมี้ยนหน่อย
แถมต้องกลายเป็นสารถีขนเพื่อนๆไปให้เต็มรถจึงจะคุ้ม
ประเภทขับรถฉายไปมาอวดยี่ห้อกันไม่มีซะล่ะ  ถูกประนามแน่นอน ที่จอดรถในมหาวิทยาลัยจึง
ว่างแสนว่างแทบจะเล่นบัลลูนกันได้
วรรณคดีไทยนี่เป็นเป้าหมายในการโจมตีของเหล่านักศึกษามากเลยครับว่าเป็น
ผลงานของชนชั้นศักดินากดขี่ทางเพศ (น่าเผาทิ้ง)
ชาวนาและกรรมกรได้รับความเอาใจใส่เป็นพิเศษให้เขารู้จักเรียกร้องสิทธิ์อันพึงมีพึงได้ของ
พวกเขา แต่เรื่องหน้าที่เคารพกฏหมาย ฮิ ฮิไม่รู้ไม่ชี้ ฉันเป็นนักศึกษานะผู้กอบกู้ประเทศชาติ
ตำรวจจะจับใครต้องมาขออนุญาตพวกฉันก่อนรู้มั้ยไม่เช่นนั้นพวกคุณ(แก)คือกากเดนทรราชย์
เอากันใหญ่ สนุกมากครับ บรรดาทั่นๆทั้งหลายทั่นเสียสละยิ่งใหญ่ หนังสือหนังหาฉันไม่เรียนแล้ว
มามัวนั่งเรียนไม่ได้ ประเทศชาติต้องการ การพัฒนาอีกมาก

แต่สิ่งที่"รับ"พวกซ้ายจัดไม่ลงมากๆก็คือเขาสอนน้องๆมัธยมว่า พ่อแม่เป็นเพียงผู้ผลิต
พวกเขาออกมาจากผลพวงทางกามารมณ์  อันนี้ยืนยันนั่งยันว่ามีการปลูกฝังแบบนี้จริงๆ
คนที่เกิดราว๒๔๙๙-๒๕๐๑ น่าจะมีคนพอจำการอบรมของพวกพี่ๆได้
ผมชอบที่พวกเราไปค่ายไปช่วยชาวบ้านทำสาธารณะประโยชน์ให้พวกเขามากครับ
คนต่างจังหวัดน่ารักจริงๆเขาจริงใจกับเราเอ็นดูพวกเราแบบลูกหลานแต่สิ่งที่หลายคนไป
ปลูกฝังลูกหลานของเขานี่ซีครับ แหมจะว่ายังไงดีนะ
บันทึกการเข้า
ภูวง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 19 ต.ค. 01, 13:05

ผมจำ"ลาวใหม่" หลังจากมีการปฏิวัติวัฒนธรรมได้ครับ ไม่มีรำสวยๆไม่มีเพลงพื้นบ้านที่มี
เสน่ห์ มีแต่หนุ่มสาวรุ่นใหม่หน้าตาแข็งๆวิ่งถือธงชาติซึ่งพึ่งเปลี่ยนจากพื้นแดง ช้างสามหัว
มาเป็นแบบที่เราเห็นตอนนี้(อันนี้ดี)  แล้วพวกเขาก็วิ่งไปรอบๆชูมือ ชูธงแสดงพลังของคน
รุ่นใหม่  คล้ายศิลปของจีนใหม่  ของเราก็มีทำนองนี้ด้วย เป็นการนำเสนอที่เรียบง่ายแต่ในส่วน
ตัวดูหดหู่อย่างไรไม่รู้  ทำให้นึกเลยไปถึงเยาวชนจีน เยาวชนเกาหลีที่มาเปิดการแสดง
พวกเขามีวินัยเยี่ยมทำทุกอย่างพร้อมเพรียงงดงามแต่รอยยิ้มของพวกเขาเหมือนกับรอยยิ้มของ
หน้ากากหรือหุ่นยนต์ไม่ผิดเพี้ยน ทำให้เรานึกฉงนว่าสังคมคอมฯเขามีความสุขจากการเสมอภาค
ของเขาจริงหรือแต่ยังไงๆ ทั่นนักศึกษาของพวกเราก็ถอดแบบพวกนี้มาเลย

สมัยนั้นใครท่องโคลงกลอนวรรณคดีอย่างที่เราท่องกัน ชื่นชมกันตอนนี้ละก็โฮ้ย พวกเต่าล้านปี
ต้องกลอนเปล่า กลอนเพื่อชีวิตจ้ะ เนื้อหาต้องเพื่อมวลชน ความรักระหว่างหนุ่มสาว
โอ๊ยมันเรื่องของพวกนายทุนเขาคิด พวกเราต้องรักมวลชนไม่เห็นแก่ตัวเข้าใจมั้ย
เอาเป็นว่าความคิด"สร้างสรร"หลัง๑๔ตุลา หลายอย่างน่าสนใจแต่หลายอย่างก็เหลือรับ
โดยเฉพาะพวกน้องๆช่างกลเขารู้สึกไม่ดีกับความคิดเหล่านี้มากก็น่าแปลกนะครับ
เด็กพวกนี้มาจากครอบครัวชั้นกลางหรือค่อนข้างต่ำแต่การปลูกฝังความเกี่ยวกับลัทธิคอมมูน
กลับเข้าไม่ถึงพวกเขาเลย ตรงกันข้ามกับในมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนสามัญที่ดูจะเลื่อมใส
ศรัทธาความคิดเหล่านี้จัง
บันทึกการเข้า
ลูกนวมินทรฯ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 19 ต.ค. 01, 18:29

ตกลงว่ามีพวกคอมมิวนิสหนุนหลังจริงหรือเปล่าค่ะ
บันทึกการเข้า
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 19 ต.ค. 01, 23:42

ฟังดูแล้วก็เหมือนว่ามีแนวคิดของคอมมิวนิสต์ แทรกอยู่จริง ๆ นะครับ เนี่ย
ผมโตไม่ทันเหตุการณ์ครั้งนั้น
แต่ฟังดูแล้วก็เหมือนว่าจะมีแนวคิดเป็นคอมฯ อยู่ด้วยจริง ๆ ในหมู่นักศึกษา แล้วที่ว่าไม่เรียนหนังสือ ไม่ยอมเคารพกฎหมายนี่ ก็อาจจะสุดขั้วไปหน่อยหรือเปล่า
แต่ยังไงก็ตาม เหตุการณ์ที่มีการฆ่าหมู่นักศึกษานั่นก็เป็นรอยด่างของประวัติศาสตร์ จริง ๆ ผมรู้สึกแย่ ๆ ทุกครั้ง ที่เห็นภาพคนไทยฆ่ากันเองครั้งนั้น
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.056 วินาที กับ 19 คำสั่ง