wiwanda
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 07:08
|
|
เพราะ..ในยามเด็กๆนั้น..ดิฉันจะต้องอ่านหนังสือเล่มนี้..ให้คุณย่าฟังทุกเย็น..ก่อนรับมาจากมือ..ต้องกราบหนังสือเสียก่อน แล้วจึงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อย..อ่าน..พร้อมแซ่ปัดยุงวางข้างๆตัว ไม่ใช่ของง่ายเลยสำหรับเด็กวัยสิบขวบอย่างดิฉัน..เพราะทั้งพระนามและพระอิสสริยยศต่างๆ...ต้องอ่านออกเสียงให้ถูกอักขระ..แต่ที่สนุกก็คือ..คุณย่าท่านจะเล่าประกอบไปด้วยว่า.."ที่บน"นั้นหมายถึงที่ไหน? "สมเด็จน้า"นั้นคือพระองค์ใด..และมีความสำคัญอย่างไร? ซึ่งดิฉันคิดว่าดิฉันโชคดีที่ได้เรียนประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นอย่างค่อนข้างที่จะรู้ลึก..โดยวิธีธรรมชาติ ผลที่ได้มาจนถึงทุกวันนี้..คือการที่รู้ว่า..อะไรคือการควรไม่ควร อีกทั้งเคารพและเทิดทูนพระราชวงค์รวมไปถึงพระบูรพกษัตริย์แต่กาลก่อนด้วย..เรียกง่ายๆว่า เป็นคนไทยเต็มร้อยนั่นแหละค่ะ.. ตอนนี้อยู่ในวัยใกล้เกษียณ..มีเวลามานั่งจัดเก็บ..ค้นหา...เสาะแสวง หนังสืออันเปรียบเสมือนความหลังที่บ่มเพาะตัวเอง..ให้มาเป็น "ดิฉัน" อย่างในทุกวันนี้.. สักวันหนึ่ง..ก็อยากจะทำตัวเหมือนคุณย่า.. ที่จะสอน..อบรมลูกหลานเหลน..ในวิธีอย่างเดียวกันนี่ละค่ะ..เพราะ..สำหรับดิฉันนั้น..วิธีนี้ ได้ผลเกินร้อย.. จึงมาเล่าสู่กันฟังไงคะ...
ขอแสดงความนับถือ
วิวันดา...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูวง-ภังคี
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 07:21
|
|
รู้สึกเสียดายแทนเด็กรุ่นใหม่ๆที่ไม่มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้นะครับ ทางกระทรวงศึกษาน่าจะนำมาเป็นหลักสูตรอีก เด็กๆรุ่นใหม่จะได้รู้จักการเขียนบันทึกประจำวันอย่างเจ้านายพระองค์นี้บ้าง (ผมเคยอ่านตอนป.๕เหมีอนกันครับคุณนกข. แต่ผมเรียนป๕ ๖ ๗ ) คิดถึงครับเลยแวะเข้ามาเจอกระทู้นี้พอดี นั่งขำอยู่นานแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูวง-ภังคี
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 07:31
|
|
เข้าเร็วไปหน่อยเลยไม่ได้อ่านข้อความสุดท้ายของคุณวิวันดาครับ พวกเราเองอยู่ในวัยทำงานครับมีหลานอาหลานน้าหลายคน พวกเราพยายามปลูกฝังให้เขารักการอ่านและมีอารมณ์ที่ประณีต เพราะเทคโนดลยีสมัยใหม่นี่มันกล่อมเกลาให้พวกเขาเป็นคนกระด้างได้ง่ายๆ ไม่ทราบคุณวิวันดามีหลานไหมครับ ถ้าเป็นวัยรุ่นๆละก็พูดกับพวกเขายากที่สุดเลยครับ เทียบกับคนวัยยี่สิบกว่าๆตอนนี้ ตอนที่พวกเขาเป็นเด็กยังพูดกันง่ายกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สร้อยสน
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 11:06
|
|
คุณหลวงขา อุณหิสแปลว่ากรอบหน้าหรือมงกุฎค่ะ ความหมายเดียวกับอุษณีย์ในภาษาสันสกฤต(ดิฉันกางพจนานุกรมตอบค่ะ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
wiwanda
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 11:57
|
|
ตอบคุณภูวงฯค่ะ หลานนั้นมีหลายรุ่นค่ะ...แต่กว่าดิฉันจะกลับไปอยู่เมืองไทย..คงจะเป็นรุ่นเล็กๆหรืออาจจะถึงชั้นเหลน..ในบ้านดิฉันเมื่อก่อนนั้น..เรามีผู้ใหญ่แทบจะครบทุกสาย..แต่ละท่านล้วนมีเรื่อง..เล่าสนุกๆ..ทั้งแตกฉานในศิลป์ภาษาซึ่ง เวลาท่าน..ต่อกลอนจากวรรณคดีต่างๆสู่กันแล้ว รู้สึกทึ่งค่ะ..และท่านบอกเสมอว่า.. ภาษาไทยของเรานั้น...ล้ำลึกนัก..สมัยโบราณ แค่ไม่กี่คำนั้น..อาจมีคนอาเจียนเป็นโลหิตได้ ท่านก็ได้แสดงฝีปากในบางครั้ง..ฉันเอง..ก็แทบกระอักเหมือนกัน..เลยเชื่อสนิท..??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 14:51
|
|
น่าสังเกตว่าตั้งแต่พระองค์ ร. 4 มา ท่านตั้งพระนามไว้ค่อนข้างคล้องกัน เป็นเครื่องแต่งเครื่องประดับทั้งนั้น ร.4 พระนามเดิมเจ้าฟ้ามงกุฏ มงกุฏเป็นยอดสวมทับศีรษะ เมื่อขึ้นครองราชย์ท่านทรงใช้พระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ น้องท่านทรงใช้ว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ
ลูกท่าน ทรงพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ จุฬ+อลงกรณ์ ก็เป็นเครื่องประดับศีรษะอีก คือมงกุฏเล็กเรียกง่ายๆ พระราชสัญลักษณ์จึงเป็นตราพระเกี้ยว ซึ่งมีรูป พูดง่ายๆ เป็นมงกุฏอันเล็ก และเมื่อขึ้นครองราชย์ก็ทรงใช้พระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ
มาชั้นหลาน พระโอรส ร. 5 ได้พระนามว่า เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ แปลว่ากรอบพระพักตร์ที่เป็นเพชร (ขอบคุณคุณสร้อยสนที่ยืนยันครับ) ก็เป็นเครื่องประดับใบหน้าอีก ส่วน ร.6 ทรงพระนามเดิมเจ้าฟ้ามหาวิชราวุธ เมื่อขึ้นครองราชย์ ก็ทรงหวนกลับไปใช้พระปรมาภิไธยที่เป็นการรำลึกถึงพระเจ้าปู่ คือ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฏเกล้าฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เรขา ฯ (จำเป็น)
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 19:48
|
|
คุณหลวงขา....ตัวสะกดพระนามเดิมของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ผิดไปนิดนะคะ คุณหลวง จะรีบไปจีบสาวที่ไหนคะ วันนี้ท่าทางคุณหลวง คึกจังค่ะ....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 21:34
|
|
เผลอกินยาม้าเข้าไปครับ
พระนามเจ้านายอีกชุดหนึ่งที่ผมละลาบละล้วงตั้งข้อสังเกตเองที่มีความหมายสอดคล้องกัน เกี่ยวเนื่องด้วยแผ่นดิน ตั้งแต่สมเด็จพระราชบิดากรมหลวงสงขลานครินทร์ ต้นราชสกุล มหิดล มหิดลนั้นแปลว่าผืนแผ่นดิน และเจ้าฟ้าพระองค์นั้นก็ได้ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อแผ่นดินสยามจนสิ้นสุดพระชนมชีพ ในฐานะ "หมอ" ทรงงานอยู่กลางดิน ในชนบทห่างไกลในภาคเหนือ กับคนไข้ของพระองค์ที่เป็นคนเดินดิน มิใช่ในตำหนักบนฟ้า ในฐานะ "ครูหมอ" เคยพระราชทานพระราโชวาทแก่ลูกศิษย์หมอของพระองค์ว่า ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นหมอเท่านั้น ฉันต้องการให้เธอเป็นมนุษย์ด้วย....
พระราชโอรสองค์โตทรงพระนามว่า อานันทมหิดล เป็นความชื่นใจของแผ่นดิน เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ทรงยังความปลาบปลื้มชื่นใจแก่ข้าแผ่นดินทั่วทุกหมู่เหล่าที่ได้เฝ้า ในยามที่ขวัญแผ่นดินหายเพราะตกใจภัยสงคราม ก็ได้พระองค์เป็นพระราชสัญลักษณ์อันทรงสิริสง่า ประโลมให้แผ่นดินขวัญดีแช่มชื่นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผู้บัญชาการสูงสุดของมหาอำนาจประเทศผู้ชนะสงคราม ถวายพระเกียรติยศแก่พระองค์ในฐานะราชาแห่งประเทศที่ทรงอธิปไตย มิใช่เชลย ข้าแผ่นดินค่อยอุ่นใจปลื้มใจเป็นที่ยินดีทั้งแผ่นดิน ในยามที่ชนในแผ่นดินสองเชื้อชาติกำลังจะตั้งแง่เข้าหากันเนื่องจากผลของมหาสงครามนั้น ก็ได้พระองค์อีกที่เสด็จไปยังความแช่มชื่นปิติยินดีแก่พสกนิกรต่างชาติต่างภาษา แต่ร่วมแผ่นดินเดียวกัน จนเหตุทีเกือบจะร้ายสงบด้วยดี ทรงเป็นความชื่นใจของแผ่นดินมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ข้าแผ่นดินเสียดายความแช่มชื่นนั้นเป็นอย่างยิ่งเมื่อเสด็จละจากแผ่นดินนี้ไปโดยกะทันหัน อย่างไม่มีวันกลับ
พระราชโอรสองค์ถัดมา ทรงพระนามว่า ภูมิพลอดุลยเดช - เป็นกำลังพลังอันเข้มแข็งของแผ่นดิน ซึ่งเวลาห้าสิบกว่าปีในรัชสมัยพิสูจน์เป็นที่ประจักษ์แก่ใจข้าแผ่นดินแล้วว่าได้ทรงบำเพ็ญพระองค์สมพระนามเพียงไร ไม่ต้องพรรณนาในที่นี้อีก
ขอจงทรงพระเจริญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ฝอยฝน
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 21:56
|
|
คอแห้งไหมคะ วันนี้คุยทั้งวัน ฝน..เอา น้ำกะทกรก มาฝากค่ะ ชื่นใจไหมเจ้าคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อัญ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 22:29
|
|
ขอบคุณมากค่ะเจ้า ความรู้ล้วนๆเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
รวิปรียา
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 28 ก.ย. 01, 22:46
|
|
ขอบคุณความรู้ทั้งหลายที่เอามาฝากกันอ่านนะคะ เห็นแล้วอยากไปหาหนังสือเหล่านี้มาอ่านบ้างจัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พามิลา ปาณบดี
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 29 ก.ย. 01, 00:49
|
|
ฮะแอ้ม ฝนตกไม่ทั่วฟ้าเลยนะฝอนฝน อยู่กันตั้งหลายคน แต่ใจคอจะเลี้ยงนํ้าคนๆเดียวได้ลงคอเชียวเหรอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พามิลา ปาณบดี
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 29 ก.ย. 01, 00:51
|
|
พริม พิมพ์ชื่อฝอยฝน ผิดไปนิดหนึ่งค่ะ สงสัยเพราะกระหายนํ้าน่ะค่ะ เลยพิมพ์ผิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
wiwanda
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 29 ก.ย. 01, 03:02
|
|
กราบขอบคุณ..คุณ นกข ค่ะสำหรับข้อความที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง..ไม่ผิดหวังเลยที่เข้ามาที่นี่ ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวเรียกท่านว่า"คุณหลวง" ด้วยคนซะแล้วละค่ะ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
N.K.Kh.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 29 ก.ย. 01, 04:54
|
|
Please... Khun Pa Wiwanda, I cannot accept your graab, otherwise "I would be short-lived", according to the Thai belief. From your comments, I know you are more senior than me, and it's not right in Thai culture for a "puyai" to pay respect to "punoi".
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|