เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 1303 ภาษาอเมริกันวันละคำ Woke
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 11:45

   Woke เป็นคำคุณศัพท์ มาจากภาษาอังกฤษพื้นถิ่นของชาวแอฟริกันอเมริกัน (AAVE) ซึ่งแปลว่า "ให้ตระหนักรู้ถึงอคติและการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ" เริ่มตั้งแต่ทศวรรษ 2010  ตอนแรกก็เน้นเฉพาะอคติทางผิว คือคนผิวขาวและผิวดำในอเมริกา    แต่ต่อมา ขยายความหมายในวงกว้างมากขึ้น  รวมการต่อต้านความไม่เท่าเทียมทางสังคมอีกหลายด้าน เช่น ความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ ที่ไม่รวมเฉพาะเชื้อสายแอฟริกันในอเมริกา  แต่รวมคนชาติอื่นๆเช่นเมกซิกันและเอเชีย และรวมการกีดกันทางเพศในการประกอบอาชีพ  และการปฏิเสธสิทธิของ LGBT
   นอกจากนี้ Woke ยังถูกนำไปใช้ทางการเมืองอเมริกันอีกด้วย ว่ามีความเหลื่อมล้ำอะไรกันอีก เช่น สิทธิพิเศษของคนผิวขาวมีมากกว่าคนดำในแง่ไหนบ้าง

    กระแสนิยมของ  wake เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว  ขยายวงกว้างจากเชื้อชาติไปถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ เช่นปัญหาของกลุ่ม LBGT  และชนกลุ่มน้อยในสังคม    แต่กระแสอคติทางผิวก็ยังเป็นกระแสหลักอยู่ดี
     เช่นเมื่ออเมริกาเกิดคดีตำรวจ(ผิวขาว) ทำร้ายผู้ต้องหา(ผิวสี) จนตาย ต่อหน้าต่อตาคลิปที่ถ่ายไว้ได้   นักเคลื่อนไหวไม่ได้ถือว่าเป็นแค่ตำรวจใจร้ายคนหนึ่งกับผู้ต้องหาที่ไม่มีทางสู้อีกคนหนึ่ง   แต่ถือเป็นอคติของคนผิวขาวปฏิบัติต่อคนผิวสี     จึงเกิดเดินขบวนไปทั่วประเทศ  ใช้คำขวัญ Black Lives Matter (BLM) ซึ่งกระทบใจคนจำนวนมาก ให้ตระหนักรู้ถึงความอยุติธรรมระหว่างคนต่างผิว   ไม่ใช่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ต้องหา
    โซเชียลมิเดียอย่าง Twitter  ทำให้คำนี้กลายเป็นคำแพร่หลายไปทั่วโลก   แม้แต่คนผิวขาวเองก็หันมาใช้ wake เพื่อส่งสัญญาณการสนับสนุน BLM  หนุ่มสาวยุคมิลเลนเนียลและเจเนอเรชัน Z ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มาก   เกิดกระแสรณรงค์และสนับสนุนวัฒนธรรม Woke กันทั่วโลก คำว่า wake จึงถูกเพิ่มเข้าไปในพจนานุกรมภาษาอังกฤษของ Oxford ในปี 2017



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 12:55

    ย้อนหลังไปเมื่อเดือนพฤษภาคม   ปี 2020 ที่เมืองมินนีแอโปลิส สหรัฐอเมริกา   จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปี ถูกเจ้าของร้านขายสินค้าแจ้งตำรวจข้อหาจ่ายเงินซื้อบุหรี่ด้วยธนบัตรปลอม    เมื่อตำรวจมาถึงก็เข้าจับกุมฟลอยด์ เขาไม่ได้ขัดขืนหรือต่อสู้   เดเร็ค เชาวิน ตำรวจหนึ่งในสี่ใช้กำลังบังคับผู้ต้องหาให้นอนคว่ำลง ขณะใส่กุญแจมืออยู่   เขาใช้เข่ากดคอฟลอยด์อย่างแรง ไม่ยอมถอนขึ้นไปทั้งๆฟลอยด์ร้องว่าหายใจไม่ออก  
 ท่ามกลางผู้คนที่เข้ามายืนดู แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดขวางการทำงานของตำรวจ  ผลคือฟลอยด์ร้องขอความช่วยเหลือจนขาดใจตายเพราะขาดอากาศหายใจ
   คลิปการจับกุมถูกบันทึกไว้จากผู้คนที่เห็นเหตุการณ์  พยานเหล่านี้ให้การตรงกันว่าได้ยินเสียงของฟลอยด์ร้องขอความช่วยเหลือ    ขอตำรวจอย่าได้กดคอจนเขาหายใจไม่ออก    แต่ตำรวจก็ยังกดคอไว้ตามเดิม จนขาดใจตาย

   
      
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 12:58

พอคลิปเผยแพร่ออกไป ก็เกิดการลุกฮือเดินขบวนกันทั่วประเทศ
    ตำรวจที่ทำร้ายฟลอยด์จนตาย ถูกศาลมินิโซต้าตัดสินจำคุกเป็นเวลาทั้งหมด 22 ปี 6 เดือน และถูกสั่งห้ามครอบครองอาวุธปืนไปตลอดชีวิต ขณะที่ตำรวจอีก 3 นายที่ถูกจับกุมนั้นถูกต้องข้อหา ’ละเมิดสิทธิพลเมือง’ ของจอร์จ ฟลอยด์

     จากนั้น  ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมชื่อ Black Live Matter ก็ขยายตัวไปทั่วประเทศ  ความจริงเกิดก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่เด็กหนุ่มผิวดำอีกคนถูกเจ้าหน้าที่อาสาสมัครยิงในละแวกบ้านของตนเอง ต่อมาก็มีอีกหลายคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สังหารชายผิวดำจากการเลือกปฏิบัติและการเหยียดสีผิว  แต่ปะทุถึงขีดสุดจากคลิปครั้งนี้  
      การเรียกร้องของขบวนการ Black Live Matter  ไม่จำกัดอยู่ในประเด็นเรื่องของการเหยียดสีผิว แต่ได้ขยายวงไปถึงการเลือกปฏิบัติทั้งในที่ทำงาน การเกิดอคติอื่นๆ   รวมไปถึงหลักฐานที่เชิดชูระบบทาส จากรูปปั้นหรือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการค้าทาสและการเหยียดสีผิวในช่วงสมัยอาณานิคมอังกฤษก็ถูกทำลายและถูกรื้อทิ้งในหลายแห่งเช่นกัน


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12603



ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 14:35

น่าจะแปลเป็นไทยได้ว่า "ตื่นรู้" หรือ "ตาสว่าง" ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 14 ธ.ค. 23, 13:29

   กระแสของ Woke  คือการเรียกร้องที่เริ่มด้วย ความเสมอภาคระหว่างสีผิว    ต่อมาขยายวงออกเป็นความเสมอภาคระหว่างเพศของมนุษย์ในสังคม    เน้นที่กลุ่ม LGBTQ
   L คือ Lesbian หรือ หญิงรักหญิง
   G คือ Gay หรือ ชายรักชาย
   B คือ Bisexual หรือ คนที่มีรสนิยมชมชอบทั้งสองเพศ
   T คือ Transgender หรือ คนข้ามเพศ หมายถึง คนที่เกิดเพศหนึ่ง แต่ได้แปลงเพศเป็นอีกเพศหนึ่ง
   Q คือ Queer หรือ คนที่ยังมีรสนิยมทางเพศไม่ชัดเจน
   กระแสด้านนี้เรียกร้องให้กลุ่ม LGBTQ  ได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกับชายจริงหญิงแท้  ด้วยเหตุผลว่าทุกคนเป็นมนุษย์เท่ากัน   ก่อนหน้านี้มีขบวนการเฟมินิสต์ที่เรียกร้องความเสมอภาคระหว่างชายหญิงมาแล้ว  ทำให้เกิดการแก้ไขกฎหมายที่ทำให้หญิงได้สิทธิเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง    LGBTQ  ก็ทำสำเร็จได้เรื่องหนึ่ง  มีผลให้เห็นในหลายๆประเทศ คือเกิดกฎหมายยอมรับการสมรสระหว่างเพศเดียวกัน   
   LGBTG ยังขยายกว้างออกไปทางสังคมอีกหลายอย่าง คือประกาศความภูมิในเพศสภาพของตน ไม่ต้องปิดๆบังๆ อีก  มีงานเฉลิมฉลอง Gay Pride  ใช้ธงสีรุ้งเป็นสัญลักษณ์


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 14 ธ.ค. 23, 14:26

  Woke กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ฮิอฮาน้อยกว่า 2 กลุ่มแรก  คือกลุ่มที่เน้นการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม หลังจากเห็นว่ามนุษย์ละเลยสิ่งแวดล้อมมาหลายศตวรรษ จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง     ก็ควรจะหันมาเอาใจใส่อย่างจริงจังเสียที   
   สิ่งแวดล้อมที่ว่านี้ไม่ใช่แค่ปล่อยน้ำเสียลงทะเล  แต่รวมไปถึึงเรียกร้องสภาพความเป็นอยู่ที่ถูกอนามัย  มีที่พักอาศัยเพียงพอ  ปกป้องมนุษย์แรงงานจากมลภาวะในอาชีพ  เลิกใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสม เช่นใช้เป็นที่ทิ้งขยะฯลฯ
   แต่กลุ่มที่ 3 นี้ไม่ค่อยจะแรงเท่า 2 กลุ่มแรก 

   ในหลายๆเรื่อง Woke ทำประโยชน์ให้สังคม และแก้ปัญหาบางอย่างที่เรื้อรังมานาน  เช่นแก้ปัญหาคูู่สมรสเพศเดียวกัน ที่เสียสิทธิ์การสมรสเพราะจดทะเบียนไม่ได้    แต่ก็มีหลายอย่างที่กลายเป็นว่า ถ้าเดินรอยตาม Woke อย่างไม่พิจารณาถี่ถ้วน จะเสียหายมากกว่าได้ผลดี 
   ตัวอย่างคือยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงอย่างบริษัทดิิสนีย์ เจอเข้าเต็มๆ ถึงกับต้องออกมาประกาศล้มเลิกการเดินตามกระแส Woke

   เรื่องมีอยู่ว่า เริ่มแรกที่กระแสนี้ดังขึ้นมา   Disney ขานรับแนวคิด Woke เต็มที่   ด้วยการประเด็นว่า ภาพยนตร์ที่กำลังจะผลิตออกมา  จะนำเสนอความเท่าเทียมระหว่างผิว   และความหลากหลายทั้งทางเพศและเชื้อชาติเผ่าพันธุ์    คือเรื่องที่เมื่อก่อนเป็นการ์ตูน มีแต่พระเอกนางเอกและตัวละครอื่นๆล้วนแต่ผิวขาว  เมื่อเอามาทำใหม่ให้คนจริงๆเล่น  ก็จะไม่เน้นขาว แต่กระจายไปหลากสี หลายเชื้อชาติ คละรวมกันไปไม่แบ่งเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างเมื่อก่อน
   อย่างเช่น Little Mermaid  และ Peter Pan
   ในการ์ตูน  เงือกน้อยแอเรียลมีผิวขาวและผมแดงอย่างหญิงฝรั่ง   เจ้าชายก็เป็นฝรั่ง  ตัวละครทุกตัวในเรื่องหน้าตาเป็นฝรั่งทั้งนั้นไม่ว่ามนุษย์หรือเงือก  แต่ด้วยกระแส Woke  บริษัทจึงเลือกนักร้องผิวสีชาวอเมริกันชื่อ ฮัลลี เบรีย์(Halle Bailey ) มารับบทเงือกน้อย  ส่วนเจ้าชาย เอานักแสดงชาวอังกฤษมาเล่น  ส่วนพี่สาวของแอเรียลก็คละปนกันไปหลายเชื้อชาติ  ทั้งนี้เพื่อตอบสนองทัศนะ "ไม่แบ่งแยกผิว" และ " เสมอภาค"


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 16 ธ.ค. 23, 09:54

    ถึงแม้แฟนหนังดาหน้ากันออกมาค้านเรื่องเอาสาวผิวสีมาเล่นเป็นเงือกน้อยแอเรียล   ผู้บริหารของดิสนีย์ก็ยังเดินหน้าสนับสนุน Woke ต่อไปด้วยการเลือกสาวอเมริกันเชื้อสายโคลอมเบีย (อเมริกาใต้) ผิวสีกาแฟ ชื่อเรเชิล เซกเกลอร์ มาเล่นเป็นสโนไวท์  ในหนัง  Snow White   โดยไม่แยแสว่าทั้งชื่อและที่มาของ Snow White ก็บอกชัดๆแล้วว่านางเอกต้องผิวขาวดุจหิมะ
    เท่านั้นยังไม่พอ    เพื่อความเสมอภาค ไม่แบ่งแยกเพศและเผ่าพันธุ์  คนแคระทั้งเจ็ดจึงถูกวางตัวใหม่ให้มีคนแคระจริงๆอยู่คนเดียว  อีก 6 คนเป็นผู้หญิงเสียคนหนึ่ง อีก 5 คนคละปนกัน เป็นผิวขาวบ้าง ดำ บ้าง สีกาแฟอย่างนางเอกบ้าง  กลายเป็นว่าสโนไวท์ไม่ได้หนีเข้าป่าไปอยู่กับคนแคระทั้งเจ็ด  แต่ไปอยู่กับกลุ่มคนหลายเชื้อชาติและยังต่างเพศกันด้วย
    เสียงต่อต้านจากแฟนหนังคราวนี้กึกก้องยิ่งกว่าคราวเงือกน้อย  จนผู้บริหารลังเล   เพราะเงือกน้อยออกฉายก็ล้มเหลวด้านรายได้    เลยต้องเลื่อนสโนไวท์ออกไปก่อน เพื่อชั่งใจดูว่า ระหว่างไม่ฉายกับออกฉาย อย่างไหนเจ๊งน้อยกว่ากัน



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 16 ธ.ค. 23, 09:57

    Woke ของดิสนีย์มาพบจุดจบในหนังเรื่องที่ 3  เมื่อสร้าง The Marvels เอาผู้หญิงเล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร่3 คน และใส่ความหลากหลายทางเพศเข้าไปในตัวละครหลายตัว    ผลออกมาเป็นงานที่ล้มเหลวด้านรายได้ที่สุดในประวัติศาสตร์การสร้าง    ต่อมา Wish ก็ล้มเหลวตามไปอีกเรื่อง จน Bob Iger CEO ของดิสนีย์ต้องลาออกแสดงความรับผิดชอบ บริษัทให้ CEO คนเก่ากลับมากู้ฐานะและชื่อเสียงของกิจการแทน

   สาเหตุการนำWoke มาใช้จนล้มเหลวไปหลายเรื่อง อย่างหนึ่งคือดิสนีย์จัดเผ่าพันธุ์ใหม่โดยไม่คำนึงถึงธรรมชาติ  เช่น  พ่อเป็นฝรั่ง แม่เป็นผิวสี ลูกออกมามีทั้งเชื้อชาติผิวขาว(ยุโรป) แอฟริกัน และเอเชีย  นอกจากนี้ การเปลี่ยนเชื้อชาติตามใจชอบ เป็นการไม่เคารพบทประพันธ์ดั้งเดิม  เงือกน้อยเป็นนิทานของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน  ชาวเดนมาร์ก  หมายถึงว่าอยู่ในยุโรปทางเหนือ  ตัวละครของเขาถึงไม่ระบุเชื้อชาติก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นคนยุโรปเหนือ ผิวขาว    เช่นเดียวกับสโนไวท์์ที่ถือกำเนิดจากพี่น้องตระกูลกริมม์นักเล่านิทานในเยอรมนี    เมื่อดิสนีย์เปลี่ยนโดยไม่นึกถึงที่มาที่ไป จึงขัดกับสายตาของคนดูอย่างมาก

แนวคิดเสมอภาคไม่แบ่งแยกมนุษย์ที่ Woke ทำอยู่   บางทีก็เจอตอเข้าหลายตอเหมือนกันที่ยังแก้ไม่ตก     สังคมอาจจัดประกวดนางงาม โดยอนุญาตให้สตรีข้ามเพศเข้าประกวดด้วยได้    แต่ถ้ามาถึงการแข่งกีฬา   ถ้ากรรมการยอมให้นักวิ่งสตรีข้ามเพศกับนักวิ่งหญิงแข่งด้วยกัน จะยุติธรรมไหม   นักมวยสตรีข้ามเพศกับนักมวยหญิงขึ้นชกกันได้หรือเปล่า    กองทัพยอมให้เกย์ที่เปิดเผย หรือผู้ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว สามารถเข้าเกณฑ์ทหาร หรือสมัครเป็นทหารได้เท่ากับผู้ชายหรือไม่
ทั้งหมดนี้เป็นคำถามที่ต้องรอคำตอบในอนาคต


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12603



ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 18 ธ.ค. 23, 15:35

Woke เรื่องสิทธสตรี ในละครเรื่อง พรหมลิขิต ฉบับแม่พุดตาน ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12603



ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 18 ธ.ค. 23, 17:35

ความคิดเห็นของชาวพันทิป

คนเขียนบทพรหมลิขิตปรับบทจากนิยาย เชิดชูผู้หญิง ด้อยค่าผู้ชาย เขียนบทให้ผู้หญิงในเรื่องเก่งกล้าทุกคน ผู้ชายไม่ได้เรื่องสักคน ผู้หญิงเป็นตัวเดินเรื่อง ปัญหาทุกอย่างผู้หญิงเป็นคนแก้ ผู้หญิงสู้กับผู้ชายด้วยมือเปล่าได้  ผู้ชายต้องยอมผู้หญิง ด้อยค่าธรรมเนียมคลุมถุงชน (ของคนสมัยก่อน) เชิดชูผัวเดียวเมียเดียว

รู้สึกว่าเส้นเรื่องหลัก ๆ ของละครเน้นเรื่อง woke มากกว่าประเด็นอื่น ๆ เลิฟไลน์ที่มีก็เพื่อให้มีการนำเสนอเรื่องผัวเดียวเมียเดียว ยายกุย กับกลิ่น รับไม่ได้กับขุนนางมากเมียนี่ งง มาก มันเป็นเรื่องปกติในสมัยนั้น กลิ่นไปเอาแนวคิดผัวเดียวเมียเดียวมาจากไหน

บทละครไม่มีรายละเอียดการพัฒนาความสัมพันธ์ของริดตาน เพราะมันไม่สำคัญ เขาไม่ได้อยากให้คนดูอินกับความรักของริดตาน แต่เขาอยากให้คนดูตื่นรู้กับเพื่อนหญิงพลังหญิง

พุดตาน การะเกด แม่กลิ่น ยายกุย แม่แก้ว แม่ปราง woke กันหมด นางอึ่ง เพิ่งได้รับการ educate

ทำไมไม่พลอตเรื่องใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

เสียดายพรหมลิขิต
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 18 ธ.ค. 23, 18:21

กระแส Woke  ในละคร ปลุกขึ้นหรือไม่ขึ้น ต้องดูเรตติ้งประกอบค่ะ
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 19 ธ.ค. 23, 21:35

ได้ยินท่านอาจารย์เรียกหา ประกอบเลยรีบมารายงานตัวครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 19 ธ.ค. 23, 21:58

ความคิดเห็นของชาวพันทิป

คนเขียนบทพรหมลิขิตปรับบทจากนิยาย เชิดชูผู้หญิง ด้อยค่าผู้ชาย เขียนบทให้ผู้หญิงในเรื่องเก่งกล้าทุกคน ผู้ชายไม่ได้เรื่องสักคน ผู้หญิงเป็นตัวเดินเรื่อง ปัญหาทุกอย่างผู้หญิงเป็นคนแก้ ผู้หญิงสู้กับผู้ชายด้วยมือเปล่าได้  ผู้ชายต้องยอมผู้หญิง ด้อยค่าธรรมเนียมคลุมถุงชน (ของคนสมัยก่อน) เชิดชูผัวเดียวเมียเดียว

รู้สึกว่าเส้นเรื่องหลัก ๆ ของละครเน้นเรื่อง woke มากกว่าประเด็นอื่น ๆ เลิฟไลน์ที่มีก็เพื่อให้มีการนำเสนอเรื่องผัวเดียวเมียเดียว ยายกุย กับกลิ่น รับไม่ได้กับขุนนางมากเมียนี่ งง มาก มันเป็นเรื่องปกติในสมัยนั้น กลิ่นไปเอาแนวคิดผัวเดียวเมียเดียวมาจากไหน

บทละครไม่มีรายละเอียดการพัฒนาความสัมพันธ์ของริดตาน เพราะมันไม่สำคัญ เขาไม่ได้อยากให้คนดูอินกับความรักของริดตาน แต่เขาอยากให้คนดูตื่นรู้กับเพื่อนหญิงพลังหญิง

พุดตาน การะเกด แม่กลิ่น ยายกุย แม่แก้ว แม่ปราง woke กันหมด นางอึ่ง เพิ่งได้รับการ educate

ทำไมไม่พลอตเรื่องใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

เสียดายพรหมลิขิต

เห็นด้วยกับอ.ค่ะ แต่คนอื่นยังพอเข้าใจได้ รับได้ ยกเว้นกรณีของแม่แก้วที่รู้สึกว่านางออกจะดจรเกินเหตุ ก้อในเมื่อรักกับผู้ชายคนนั้นอยู่แล้ว ยังจะทำเรื่องมาก ขัดพระบรมราชโองการเสี่ยงหัวขาดเพื่อ ฮืม
บันทึกการเข้า
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 19 ธ.ค. 23, 22:04

ส่วนกรณีแม่พุดตานถือว่าปกป้องตัวเองนั่นดีแล้ว เห็นด้วย เพียงแต่ตอนชี้แจงกับขุนหลวงควรพูดจาให้ดีกว่านั้น
บันทึกการเข้า
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 19 ธ.ค. 23, 22:12

เพิ่งนึกขึ้นได้ค่ะ เคยอ่านที่เจ้าศรีพรหมาปฏิเสธตำแหน่งเจ้าจอม ท่านใช้วิธีการที่ฉลาดมาก ปฏิเสธแบบยืนยันหนักแน่นแต่สุภาพ อ่านแล้วชอบมากกกกก กดไลค์ให้รัวๆเลยค่ะ เสียดาย..จำไม่ได้ว่าอ่านจากไหน
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 19 คำสั่ง