เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 6
  พิมพ์  
อ่าน: 2735 อยากทราบข้อมูลของนักเรียนนอกและนักการทูตในสมัยปี พ.ศ. 2500 ค่ะ
atomicno1
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


 เมื่อ 19 ต.ค. 23, 16:30

สวัสดีค่ะทุกท่าน

หนู (ขออนุญาตแทนตัวว่าหนูนะคะ) กำลังจะเขียนนิยายที่มีเซ็ตติ้งอยู่ในประมาณปี พ.ศ. 2500-2510 ค่ะ เลยอยากมาขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านเกี่ยวกับเรื่องการไปเรียนต่อเมืองนอกของผู้หญิงและเรื่องทางการทูตในสมัยนั้นค่ะ
หนูขออนุญาตแบ่งเป็นข้อๆ นะคะ

1. เท่าที่หนูสามารถค้นหาข้อมูลได้ (เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) คือนักเรียนหญิงคนแรกที่ไปเรียนเมืองนอกก็อยู่ในสมัยประมาณ ร.5 ซึ่งเป็นการเรียนในวิชาผดุงครรภ์หรือการพยาบาล แต่ที่อยากทราบคือถ้าในสมัย 2500-2510 นักเรียนหญิงในสมัยนั้นนอกจากเรียนในคณะแพทย์หรือพยาบาลแล้ว มีไปเรียนวิชาอื่นๆ บ้างไหมคะ ถ้าเรียนกฎหมายหรือเรียนพวกอาชญวิทยาจะมีไหมคะ
2. ในสมัยก่อน ถ้ามีนักเรียนนอกไปถึงที่นั่น จะต้องติดต่อสถานทูตอะไรยังไงบ้างคะ และเจ้าหน้าที่ทูตจะดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิดมั้ยคะ
3. อยากทราบธรรมเนียมนักการทูตในสมัยก่อนค่ะ พวกธรรมเนียมปฏิบัติยิบย่อยต่างๆ อย่างเช่นการปฏิบัติตัว การเข้าร่วมงานเลี้ยง ข้อห้ามข้อปฏิบัติอะไรต่างๆ

หนูเองพยายามหาข้อมูลมาบ้างแล้วทั้งหนังสือและอินเตอร์เน็ต แต่อยากหาแหล่งข้อมูลอีกหลายๆ แหล่งเลยมาขอความกรุณาทุกท่านด้วยค่ะ โดยเฉพาะข้อ 3 หาข้อมูลได้ค่อนข้างยากเลยค่ะ เพราะถ้าเป็นหน้าที่เฉยๆ นี่คือสามารถหาได้บ้าง แต่พวกเรื่องยิบย่อย ธรรมเนียมปฏิบัติอะไรพวกนี้คือหายากเลยค่ะ

ขอบคุณทุกๆ ท่านล่วงหน้าค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 19 ต.ค. 23, 19:45

ถ้าหนูเขียนนิยายที่ตัวเองมีความรู้ด้านพื้นหลังของเรื่อง  จะสะดวกง่ายดายมากกว่าเขียนถึงเนื้อหาที่ตัวเองไม่รู้ดีพอ    เพราะมันจะเกี่ยวเนื่องไปถึงฉาก  การดำเนินเรื่อง สภาพแวดล้อมของตัวละคร  บทสนทนาฯลฯ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ใจหนู คนอื่นทำได้เพียงออกความเห็นเท่านั้น
หนูไม่ได้เจาะจงลงไปว่าเมืองนอกประเทศไหน   มีทั้งอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี  อินเดีย ไต้หวัน ฮ่องกงฯลฯ  แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน  แต่จะตอบกว้างๆก็แล้วกัน
1 ในสมัย 2500-2510  รัฐบาลและมหาวิทยาลัยให้ทุนนักเรียนหญิงไปเรียนในหลายสาขา  ตอบจากประสบการณ์คือในอเมริกา  มีผู้หญิงไปเรียนสาขาการศึกษากันมาก  เพื่อกลับมารับราชการในกระทรวงศึกษาธิการหรือเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ในโรงเรียนมัธยมก็มี  
   กฎหมายและอาชญาวิทยาเป็นเรื่องของผู้ชายเขา
2  ตอนไปเรียนไม่เคยไปเจอสถานทูตเลย  เพราะอยู่ห่างกันคนละรัฐ   แต่เงินค่าเล่าเรียนส่งผ่านสถานทูตเพราะอยู่ในความดูแลของ ก.พ. พอไปถึงก็แจ้งสถานทูตว่ามาแล้ว  พักอยู่ที่ไหน เขาจะได้ส่งเงินมาให้ได้  อีกอย่างคือถ้าอยู่นานมาก จนหมดอายุหนังสือเดินทาง  ต้องส่งไปรษณีย์ไปให้เขาต่อให้
   เรียนจนจบยังไม่เคยพบเจ้าหน้าที่สถานทูตสักคนเดียว   แม้แต่ตัวสถานทูตก็ไม่เคยไปเห็น
3  เรื่องธรรมเนียมการทูตเมื่อ 50-60 ปีก่อน ไม่ทราบจริงๆค่ะ    ถ้าท่านผู้อ่านเรือนไทยท่านใดเคยทำงานสถานทูตมาก่อน กรุณาให้คำตอบหนูคนนี้ด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 19 ต.ค. 23, 21:15

ถ้ายุคสมัยนั้น แม้แต่ผู้หญิงฝรั่งที่เรียนกฎหมายหรืออาชญวิทยาเองก็คงมีน้อย ดังนั้นถ้าจะหาผู้หญิงไทยไปเรียนพวกนี้ด้วยยิ่งเป็นไปได้ยาก จนจะกลายเป็นไม่สมเหตุสมผลไปครับ เพราะอย่างที่ท่านอาจารย์เทาฯบอก ส่วนใหญ่น่าจะไปเรียนด้านการศึกษา ภาษา  หรือมีด้านวิทยาศาสตร์บ้าง

สมัยนั้นนอกจากทุนรัฐบาลจะมีทุนจากต่างประเทศหรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ แต่เคยพบท่านที่เป็นสุภาพสตรีที่ไปเรียนที่อเมริกาช่วงทศวรรษปี 2520 โดยได้ทุน Fullbright ไป ท่านเล่าว่าสมัยนั้นไปง่ายหน่อย ภาษาไม่ต้องดีมาก แต่ต้องติดต่อสถานทูตไหมไม่แน่ใจ  แต่ถ้าอเมริกา ทุกอย่างน่าจะติดต่อทางไปรษณีย์ครับ ยกเว้นไปเรียนแถวเมืองใกล้ ๆ สถานทูต

และโดยทั่วไป ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นเช่นหนังสือเดินทางหมดอายุ นักเรียนทุนไม่จำเป็นต้องติดต่อสถานทูตเลยครับ และไม่มีการเชิญนักเรียนทุนไปร่วมงานสถานทูตด้วย
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
atomicno1
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 01:03

ถ้าหนูเขียนนิยายที่ตัวเองมีความรู้ด้านพื้นหลังของเรื่อง  จะสะดวกง่ายดายมากกว่าเขียนถึงเนื้อหาที่ตัวเองไม่รู้ดีพอ    เพราะมันจะเกี่ยวเนื่องไปถึงฉาก  การดำเนินเรื่อง สภาพแวดล้อมของตัวละคร  บทสนทนาฯลฯ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ใจหนู คนอื่นทำได้เพียงออกความเห็นเท่านั้น
หนูไม่ได้เจาะจงลงไปว่าเมืองนอกประเทศไหน   มีทั้งอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี  อินเดีย ไต้หวัน ฮ่องกงฯลฯ  แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน  แต่จะตอบกว้างๆก็แล้วกัน
1 ในสมัย 2500-2510  รัฐบาลและมหาวิทยาลัยให้ทุนนักเรียนหญิงไปเรียนในหลายสาขา  ตอบจากประสบการณ์คือในอเมริกา  มีผู้หญิงไปเรียนสาขาการศึกษากันมาก  เพื่อกลับมารับราชการในกระทรวงศึกษาธิการหรือเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ในโรงเรียนมัธยมก็มี  
   กฎหมายและอาชญาวิทยาเป็นเรื่องของผู้ชายเขา
2  ตอนไปเรียนไม่เคยไปเจอสถานทูตเลย  เพราะอยู่ห่างกันคนละรัฐ   แต่เงินค่าเล่าเรียนส่งผ่านสถานทูตเพราะอยู่ในความดูแลของ ก.พ. พอไปถึงก็แจ้งสถานทูตว่ามาแล้ว  พักอยู่ที่ไหน เขาจะได้ส่งเงินมาให้ได้  อีกอย่างคือถ้าอยู่นานมาก จนหมดอายุหนังสือเดินทาง  ต้องส่งไปรษณีย์ไปให้เขาต่อให้
   เรียนจนจบยังไม่เคยพบเจ้าหน้าที่สถานทูตสักคนเดียว   แม้แต่ตัวสถานทูตก็ไม่เคยไปเห็น
3  เรื่องธรรมเนียมการทูตเมื่อ 50-60 ปีก่อน ไม่ทราบจริงๆค่ะ    ถ้าท่านผู้อ่านเรือนไทยท่านใดเคยทำงานสถานทูตมาก่อน กรุณาให้คำตอบหนูคนนี้ด้วยนะคะ

ขอบพระคุณคุณเทาชมพูมากค่ะ

คำถามของหนูไม่ครอบคลุมจริงๆ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ
หนูอยากเขียนนิยายแนวนี้เพราะว่าชอบนิยายที่มีการดำเนินเรื่องในช่วงยุคสมัยนี้มากเลยค่ะ เลยอยากจะเขียนให้ได้แบบนี้บ้าง ส่วนตัวหนูเองเคยมีอาจารย์ที่สอนตอนปริญญาตรีและปริญญาโทอยู่ท่านหนึ่งที่จบทางด้านอาชญวิทยาหรือทางกฎหมายมาจากเมืองนอกเช่นกันค่ะ ถ้าจำไม่ผิดอาจารย์จบจากอเมริกา ประมาณปี 2510 - 2520 ประมาณนี้ค่ะ (อาจารย์เคยเล่าประมาณว่าตอนอาจารย์ไปเรียน จนกลับมาสอนได้เป็นสิบปีพวกหนูก็ยังไม่เกิดเลย) ส่วนตัวหนูเองเรียนมาทางด้านนี้ เลยอยากเขียนนิยายเกี่ยวกับด้านนี้ในยุคนั้นดูน่ะค่ะ

หนูลืมระบุประเทศไป คิดไว้สองที่คือไม่อังกฤษก็อเมริกาค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าหนูจะหาข้อมูลของที่ไหนได้มากกว่ากันค่ะ

ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
บันทึกการเข้า
atomicno1
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 01:09

ถ้ายุคสมัยนั้น แม้แต่ผู้หญิงฝรั่งที่เรียนกฎหมายหรืออาชญวิทยาเองก็คงมีน้อย ดังนั้นถ้าจะหาผู้หญิงไทยไปเรียนพวกนี้ด้วยยิ่งเป็นไปได้ยาก จนจะกลายเป็นไม่สมเหตุสมผลไปครับ เพราะอย่างที่ท่านอาจารย์เทาฯบอก ส่วนใหญ่น่าจะไปเรียนด้านการศึกษา ภาษา  หรือมีด้านวิทยาศาสตร์บ้าง

สมัยนั้นนอกจากทุนรัฐบาลจะมีทุนจากต่างประเทศหรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ แต่เคยพบท่านที่เป็นสุภาพสตรีที่ไปเรียนที่อเมริกาช่วงทศวรรษปี 2520 โดยได้ทุน Fullbright ไป ท่านเล่าว่าสมัยนั้นไปง่ายหน่อย ภาษาไม่ต้องดีมาก แต่ต้องติดต่อสถานทูตไหมไม่แน่ใจ  แต่ถ้าอเมริกา ทุกอย่างน่าจะติดต่อทางไปรษณีย์ครับ ยกเว้นไปเรียนแถวเมืองใกล้ ๆ สถานทูต

และโดยทั่วไป ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นเช่นหนังสือเดินทางหมดอายุ นักเรียนทุนไม่จำเป็นต้องติดต่อสถานทูตเลยครับ และไม่มีการเชิญนักเรียนทุนไปร่วมงานสถานทูตด้วย


ขอบพระคุณมากค่ะคุณประกอบ

ถ้าอย่างนั้นคงค่อนข้างยากเลยใช่มั้ยคะที่จะมีผู้หญิงไปเรียนทางด้านนี้ หนูเองก็พยายามหาข้อมูลมาพอสมควรแล้วก่อนที่จะมาถามในนี้ว่าพอจะมีไหม แต่ก็เจอในหนังสือบางเล่มที่พูดถึงสุภาพสตรีที่ไปเรียนกฎหมายในสมัยก่อน เรื่องอาชญวิทยาตอนนั้นบ้านเราก็เหมือนจะไม่ค่อยกล่าวถึงมากเหมือนกัน เห็นทีหนูอาจจะต้องปรับให้ตัวนางเอกเองเรียนพยาบาลหรือแพทย์น่าจะพอสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง

เรื่องนักเรียนทุน แสดงว่าถ้าเขียนเกี่ยวกับเรียนที่อเมริกาก็ไม่น่าจะได้ไปติดต่อสถานทูตสินะคะ แต่ถ้าหากเป็นอังกฤษจะพอได้ไปบ้างไหมคะ หรือถ้าอีกกรณี คือไปแบบ แวะไปที่สถานทูตพร้อมกับคณะของผู้หลักผู้ใหญ่ได้ไหมคะ จะได้มีทางเจอกันได้บ้าง

ขอบพระคุณคุณประกอบอีกครั้งค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 08:43

  
อ้างถึง
หนูอยากเขียนนิยายแนวนี้เพราะว่าชอบนิยายที่มีการดำเนินเรื่องในช่วงยุคสมัยนี้มากเลยค่ะ
    ขอถามหน่อยค่ะ ช่วยยกนิยายที่มีการดำเนินเรื่องในยุค 2510-20 ที่หนูอ่านและชอบมาให้เห็นหน่อยได้ไหม
เป็นนิยายพาฝันอย่าง จำเลยรัก หรือวรรณกรรมเพื่อชีวิต  เผื่อจะเข้าใจคำถามมากขึ้น
     ส่วนตัวเองก็คงไม่เขียนถึงสังคมต่างถิ่นที่ตัวเองไม่มีประสบการณ์   ในยุคสมัยที่นึกภาพไม่ออก   ในอาชีพต่างๆเช่นเจ้าหน้าที่สถานทูต ที่ไม่เคยพบเห็น    มันยากมากที่จะเริ่ม   และจะยากขึ้นเรื่อยๆขณะเขียน
    แต่ก็อวยพรให้หนูฝ่าฟันไปได้จนจบก็แล้วกัน  
    ขอท่านอื่นๆเข้ามาแนะนำด้วยนะคะ  
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 16:12

นร ทุนที่ไปเรียนอังกฤษก็ไม่มีเหตุใด ๆ ที่จะต้องไปทำที่สถานทูตครับ  ยกเว้นไปทำ passport ใหม่  ส่วนในอดืตห้าสิบปีก่อน เวลาสถานทูตมีงานจัดเลี้ยงต่าง ๆ ก็คงไม่เชิญ นร ทุนเช่นกัน อาจจะยกเว้น นร ทุนที่เป็นพระบรมวงศานุวงศ์แต่ผมก็ไม่แน่ใจครับ   

อาจจะต้องปรับพล็อตใหม่ดูครับ หรืออิงจากเรื่องจริงที่มีสุภาพสตรีหลายท่านในวงสังคมไทยในอดีตที่เคยเป็นลูกทูตอะไรแบบนี้
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 17:37

อยากอ่านนิยายตามอ้างอิงเหมือนกันครับ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 17:51

   
    เห็นทีหนูอาจจะต้องปรับให้ตัวนางเอกเองเรียนพยาบาลหรือแพทย์น่าจะพอสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง
   
    ช่วงศตวรรษที่ 2510-15  เป็นช่วงสงครามเวียดนาม   อเมริกาขาดแคลนแพทย์พยาบาล เพราะส่งไปรบเสียเยอะ  จึงรับแพทย์พยาบาลจากไทยและประเทศอื่นๆ ไม่อั้น    บุคลากรทางการแพทย์ของเราได้วีซ่าง่ายดาย  อพยพไปอยู่ในอเมริกากันเยอะมาก ว่ากันว่าเช่าเครื่องบินเหมาลำกันไปเลย    รับเงินเดือนสูงลิบ  คุณน้าของเพื่อนไปเป็นพยาบาลอยู่ชิคาโก ขับโรลสรอยซ์ไปทำงาน
    ดิฉันรู้จักหลายท่านด้วยกัน  ปัจจุบันก็อยู่ในวัย 70 ขึ้นไปกันหมดแล้ว  ย้อนหลังไป 50 ปียังเป็นหนุ่มสาววัยนางเอกของหนูกันทั้งนั้น
   ลองพิจารณาดูว่าจะให้นางเอกสมัครงานไปเป็นแพทย์หรือพยาบาลที่อเมริกาไหม   
   ส่วนสถานทูต ยังหาเหตุผลให้ไปเจอกันไม่ได้อยู่ดี 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 18:36

เคยได้รับทุนไปเรียนต่อในสหรัฐฯ ไม่เคยไปสถานทูตและก็ไม่เคยพบกับข้าราชการของสถานทูตผู้ใดเลย  การติดต่อกับสถานทูตเท่าที่จำได้ ก็ดูจะมีการติดต่อกันอยู่เพียงครั้งเดียวในเรื่องของการต่ออายุ Passport    

ก็คงจะต้องเป็นเช่นนั้น เพราะว่า ม.ที่เรียนตั้งอยู่ในอีกรัฐหนึ่งห่างไกลจากเมืองและรัฐที่เป็นที่ตั้งของสถานทูต  สถานกงสุลใหญ่ของไทยซึ่งมีลักษณะกลายๆคล้ายๆกับสถานทูตก็มีอยู่ใน 2-3 รัฐเท่านั้น  ส่วนสำนักงานกงสุลกิติมศักดิ์ที่อาจจะมีกระจายอยู่ในบางรัฐ ก็ไม่ทราบว่ามี เป็นผู้ใด หรืออยู่ที่ใดกันบ้าง

คนไทยและนักเรียนไทยที่มีถิ่นพำนักหรือเรียนหนังสืออยู่ในพื้นที่ๆไม่ไกลจากที่ตั้งของสถานทูต จะเป็นกลุ่มคนที่ที่มีความใกลชิดและสนิทสนมกับสถานทูตค่อนข้างมาก ทั้งในเชิงของความเป็นคนไทยและในเชิงของการเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ  
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 19:30

สำหรับในเรื่องของธรรมเนียมทางการทูตนั้น

ก็เคยอยู่ประจำการทำงานในสถานะ Diplomats ในยุโรป(ออสเตรีย) ที่มีลักษณะงานทั้งแบบพหุภาคี(งานหลัก)และงานแบบทวิภาคี(งานรอง) และที่ญี่ปุ่นซึ่งลักษณะงานหลักแบบทวิภาคี   เห็นว่า ธรรมเนียมปฏิบัติโดยพื้นๆในงานเชิงพหุภาคีกับเชิงทวิภาคีซึ่งดูน่าจะไม่ต่างกันนั้น หากแต่ในทางการปฏิบัติจริง มันก็มีความต่างอยู่ไม่น้อย    ก็มีอยู่หลายคำศัพท์บัญญัติที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของคำว่าธรรมเนียม เช่น  custom, etiquette, protocol, code of conduct .... ฯลฯ    

คุณ atomicno1 ลองค้นลึกเข้าไปในความหมายของคำเหล่านั้น ทั้งในเชิงของตรรกะ ความคิด และการปฏิบัติ   ก็อาจจะดลให้เห็นภาพ ของ consequences ต่างๆที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นเรื่องราวได้    
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 20 ต.ค. 23, 20:10

ท่านทูตตัวจริงมาแล้ว  ขอบคุณค่ะ

ถามคุณตั้งแทนคุณเจ้าของกระทู้ว่า มีโอกาสไหนบ้างที่ข้าราชการสถานทูต ที่ยังหนุ่ม (ตำแหน่งไหนก็ได้) จะมีโอกาสพบปะนักเรียนไทย (ที่ยังสาว) และสานมิตรไมตรีกันได้ยาวนาน
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 21 ต.ค. 23, 10:34

            ตอนนี้ นึกถึงนิยายเรื่องหนึ่ง คือ รักเร่ ของ โสภาค สุวรรณ
            ความรักของหญิงสาวนักเรียนไทย "วายูน" ที่ได้พบรักกับ "ดร.รามิล" เลขาทูต อนาคตไกล แต่ความรักของเธอมีอุปสรรค
(สถานที่คือ เวียนนา ออสเตรีย)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 21 ต.ค. 23, 11:13

พอคุณหมอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงอีกเรื่อง ทิวาหวาม ของเพ็ญแข วงศ์สง่า
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 21 ต.ค. 23, 14:35

คุณนกข. นักการทูตตัวจริงเสียงจริง เล่าถึงวงการทูตเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน ไว้ว่า

นักการทูตเป็นอาชีพที่ฟังดูฝัน ๆ อาชีพหนึ่งครับ จึงมีบทบาทโผล่ในนิยายไทยนิยายฝรั่งบ่อย เห็นในละครทีวีไทยก็บ่อย ภาพของนักการทูตในใจคน ผมว่ายังคงเป็นภาพชายหนุ่มรูปหล่อ อาจจะเชื้อพระวงศ์ นักเรียนนอก กิริยามารยาทนุ่มนวล ปากหวานพูดเก่ง  เผลอ ๆ ก็คาบไปป์ และต้องรวยพอที่จะควักสตางค์ส่วนตัวเพื่อหน้าตาของประเทศได้ ดูเหมือนในหนังในนิยายก็ไม่เห็นค่อยต้องทำอะไรนัก ไปงานเลี้ยง ไปเที่ยวเมืองนอก (ยุโรปหรืออเมริกา) พาสาวเที่ยว

ภาพนั้นอาจจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง ในสมัยสักห้าสิบปีมานี้ ฝรั่งเองก็เคยมีภาพนั้น เอ่ยถึง an American diplomat in Paris ล่ะก็ฟังดูหรูหราเชียว แต่สมัยนี้ โดยเฉพาะนักการทูตไทย ภาพนี้จางไปเยอะแล้วครับ อาจจะไม่ถึงกับว่าหายไปหมด แต่มีความเป็นจริงอื่น ๆ เกิดขึ้นคู่กับภาพพวกนี้หลายอย่างหลายประการ

ข้อแรก ไม่จำเป็นเลยที่นักการทูตต้องเป็นพระเอก เป็นนางเอกก็ได้ สมัยนี้ผู้หญิงเป็นนักการทูตออกเยอะไป มาดามอัลไบรต์รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังงี้เป็นต้น ที่เมืองไทย เรามีเอกอัครราชทูตหญิง อธิบดีหญิง หลายคนแล้วครับ มีมานานแล้วด้วย เดี๋ยวนี้ก็ยังมี  ในระดับเจ้าหน้าที่ก็มีนักการทูตสาว ๆ เผลอ ๆ จะครึ่งกระทรวงต่างประเทศเข้าไปแล้ว (กระทรวงผมเล็กครับ มีเจ้าหน้าที่ประมาณ ๑,๕๐๐ คนทั่วโลก) ยังไม่นับ "นักการทูตเฉพาะด้าน"  ที่มาจากกระทรวงอื่นอีกล่ะ เรามีข้าราชการที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศ ที่ไม่ได้มาจากกระทรวงต่างประเทศแต่ดั้งเดิม เช่น กระทรวงพาณิชย์เป็นต้น ท่านเหล่านี้ก็ทำงานการทูตเหมือนกัน และในจำนวนนั้นก็เป็นผู้หญิงเยอะด้วย

เท่าที่ผมนึกออก นิยายไทยเก่า ๆ ที่ให้ผู้หญิงทำงานทำการเป็นทูต ไม่มีเลย มีแต่จะเป็นคุณหญิงทูต ใหม่หน่อยก็เรื่อง รัฐมนตรีหญิง ของดวงใจละมั้ง เรื่องนั้น นางเอกเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทยสมัยอเมริกันถอนฐานทัพเชียวนะครับ ที่ใหม่ขึ้นมากว่านั้นก็คงจะมี เห็นแว็บ ๆ ว่ามีนักการทูตหญิงในนิยายใหม่ๆ ไทยบางเรื่องบ้างแล้ว

ข้อสอง นักการทูตไม่ได้ทำงานอยู่ใน ยุโรป อเมริกา เสมอไปครับ เรามีสถานทูตสถานกงสุล คณะทูตถาวรไทยอยู่ทั่วโลกประมาณ ๗๐ กว่าแห่ง กว่าเท่าไหร่ผมก็ลืม ในแอฟริกาเราก็มี อเมริกาใต้ก็มี เอเชียก็มี เมืองแขกมี เมืองญวนมี พม่ามี ในยุโรปตะวันออกก็มี  แล้วความเป็นอยู่ในที่เหล่านี้ ก็ไม่ถึงกับสบายมากเสมอไป มีตั้งแต่พอทนอยู่ได้ไปจนถึงทนลำบาก แต่ก็ต้องทนให้ได้ หรือทนอยู่ไม่ไหวต้องเผ่นหนีเหมือนกัน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไซ่ง่อนหรือพนมเปญตอนจะแตก มีสถานทูตไทยนะครับ คูเวตก็มี ตอนนั้นต้องบริหารวิกฤตกันอุตลุด เบลเกรดก็เคยมีตอนอดีตยูโกสลาเวียจะแตก เดี๋ยวนี้ที่แบกแดดในอิรักที่ถูกมาตรการคว่ำบาตรอยู่ก็ยังมีสถานทูตไทยเปิดทำการอยู่ ผมไม่เคยลำบากเหมือนเพื่อนข้าราชการบางท่าน แต่หนแรกที่ออกประจำการผมไปอยู่เมืองจีน ที่ปักกิ่ง เมื่อหลายปีก่อน ไม่ถึงกับสบายแต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก แต่ที่แน่ ๆ ไม่เหมือนยุโรปในนิยายแน่ครับ

ข้อสาม นักการทูตไทยสมัยนี้ ที่เป็นเชื้อพระวงศ์คงมีบ้าง แต่น้อยจะเกือบไม่มีแล้ว ที่ร่ำรวยก็พอจะมี แต่ที่เป็นคนชั้นกลางก็มี และเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ครับ (ผมก็บ้านไม่รวย - แหะ ๆ) อาจารย์ "ดวงใจ" และ คุณประภัสสร เสวิกุล เคยเขียนถึงนักการทูตพวกนี้ไว้ในนิยายไทยเหมือนกัน เช่น ฝันคว้าง หรือ เมเปิ้ลแดง ต่างจากพระเอกนักการทูตรุ่นเก่า (ซึ่งสะท้อนความจริงสมัยนั้น) ที่ต้องมีสมบัติเก่ามากพอที่จะมารับราชการเอาแต่เกียรติ แล้วแถมเผลอ ๆ ก็ควักเงินส่วนตัวจุนเจือหลวงอีก ความจริงสมัยนี้ก็ยังมีครับ บางกรณี ที่เราเห็นว่าค่าใช้จ่ายบางอย่างเบิกไม่ได้ก็หยวน ๆ ไป ช่วยราชการเท่าที่เราพอจะมีกำลังทำได้ แต่ว่า ไม่ใช่ทุกคนแล้วครับที่จะมีคฤหาสน์บ้านทรายทองอยู่ที่กรุงเทพฯ เหมือนชายกลาง

คุณนกข. เล่าไว้อีกหลายประการ หากคุณ atomicno1 สนใจลองเข้าไปอ่านได้ที่กระทู้ นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.042 วินาที กับ 19 คำสั่ง