เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
อ่าน: 9667 จุดจบของอาชีพนักเขียน
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 21 ก.ค. 23, 13:59

กลอนลุงตู่แบบไม่ชี้นำนี่  ลุง ๆ ป้า ๆ อ่านคงจะชอบใจ แต่วัยรุ่นไทยอาจจะคิดตรงกันข้าม
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 21 ก.ค. 23, 15:53

ใส่หัวข้อเข้าไปใหม่  ว่า What is politics?   (การเมืองคืออะไร)   แต่ไม่ระบุว่าการเมืองประเทศไหน ยุคไหน 
คือถามกว้างๆ
เจ้า AI  ก็สรุปมาให้ คมไม่หยอก
ดิฉันชอบบทนี้ ค่ะ

Politics, oh what a game,
Where power is sought with no shame.
It's a world of deceit and manipulation,
Leaving the masses in endless frustration.

Lies are spoken with silver tongues,
Promises made as the plot slowly unfolds.
Corruption lurks behind closed doors,
While the people suffer the political wars.

Leaders, with their agendas in mind,
Dancing their way through loopholes they find.
They claim to fight for the common good,
But their actions speak louder, as they should.

Parties clash with opposing views,
Creating divides, stoking the news.
The blame game played with utmost zeal,
While the truth remains concealed.

Elections come and campaigns are run,
With speeches crafted under the sun.
Promises of change fill the air,
But can we trust what they declare?

Lobbyists whisper in the ears,
Money flowing to ease their fears.
Influence peddled like a valuable trade,
While the voice of the people starts to fade.

Talks and negotiations in hallowed halls,
Decisions made that affect us all.
Intricate policies crafted on high,
Leaving the bewildered asking "why?"

Yet, in the midst of this political circus,
Hope still shines through the chaos and fuss.
Citizens rise with a voice to be heard,
Demanding justice, fairness, every word.

For politics, despite its flaws,
Is a reminder of democracy's cause.
To fight for the rights of every soul,
And strive for a better, more just world.

So let us not be disillusioned or swayed,
But engage in the political charade.
For by standing together, strong and bold,
We can bring about the change we're told.
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 21 ก.ค. 23, 16:01

ขอถามทุกท่านค่ะ  เว็บไซต์นี้เชื่อถือได้ไหม
เผื่อจะวาน AI  แต่งเรื่องให้สักหน่อย  ระหว่างเจ้าของเรือนไปหัดทำเต้าฮวย

  https://filmora.wondershare.com/chatgpt/chat-ai-story-generator.html?gclid=Cj0KCQjw2eilBhCCARIsAG0Pf8uDx639ZtyCLT5sSn8QNpvQtJ91wf6yHyII1ilR5Ud5ml9AY94aOb8aAhtgEALw_wcB
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 24 ก.ค. 23, 19:35

ผมขออนุญาตสารภาพกับท่านอาจารย์เทาชมพูครับ ว่าเคยคิดอยากเขียนนวนิยายย้อนเวลาเช่นกัน โดยจุดประสงค์ต่างกับนักเขียนรุ่นใหม่ คือมิใช่เพื่อจำหน่าย หรือเพื่อความนิยมใดๆทั้งสิ้น แต่อยากหาพื้นที่ยืนให้คนตาบอดครับ จากการอ่านประวัติของ “ครูช้อย สุนทรวาทิน” ผมพบว่า อย่างน้อย สังคมไทยสมัยก่อนโน้นก็ยังเปิดโอกาสให้คนตาบอดลืมตาอ้าปากบ้าง เพียงแต่อาจต้องพิสูจน์ตัวเอง ทนแรงเสียดทาน ถูกกระทบกระแทก บอบช้ำทางร่างกายและจิตใจหนักสักหน่อย หากไม่ท้อถอยง่ายๆก็จะประสบความสำเร็จ

   ขณะดูละคร “บุษบาลุยไฟ” ผมรู้สึกว่า ละครให้ความสำคัญกับผลงานของท่านสุนทรภู่มากกว่ากวีท่านอื่น    แม้กล่าวถึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ก็เน้นจำเพาะ “ลิลิตตะเลงพ่าย” แถมโคลงกลอักษร “ดาวล้อมเดือน” มาให้อีกแค่หนึ่งบท ทั้งๆที่กวีพระองค์นี้ทรงพระปรีชาสามารถสูงส่งยิ่ง ทรงแตกฉานในขนบฉันทลักษณ์ทุกประเภท หนังสือที่ทรงพระนิพนธ์ก็หลากหลายสาขา ผมก็เลยอยากให้ผู้ชายตาบอดพระเอกของเรื่อง (ซึ่งก็คือตัวผมเองนั่นแหละครับ) ย้อนเวลากลับไปอยู่ยุคเดียวกับคุณหนูลำจวน ทว่าพอคิดขึ้นมาได้ถึงฝรั่งมิชชันนารี ความฝันของผมก็ต้องพังทลาย
   คนตาบอดต่างยุค จริตกิริยา การพูดจา ฯลฯ ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา บรรดาท่านเหล่านั้นมีหรือจะไม่สนใจ ยิ่งคุณหมอบรัดเลย์ด้วยแล้ว ผมเชื่อว่าท่านต้องจดบันทึกแน่ ผมไม่เคยได้ยินข้อมูลวิถีชีวิตคนตาบอดไทยสมัยรัชกาลที่ ๓ มาก่อนเลยครับ เข้าใจว่าคงถูกจำกัดอิสรภาพ หากให้พระเอกหลุดเข้าไป ก็คงถูกจับขังบนเรือน จะออกข้างนอกได้ก็ต้องมาขอทาน หรือรับเงินจากการทิ้งทาน จะผลิตไม้เท้าขาวขึ้นใช้เอง หรือทำสเลทสำหรับเขียนอักษรเบรลล์คงเป็นไปได้ยาก เรื่องพระเอกตาบอดย้อนไปสมัยรัชกาลที่ ๓ จึงต้องเอวัง ปล่อยให้เป็นเพียงความเพ้อเจ้อของคนตาบอดคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีวันเป็นจริงเด็ดขาดครับอาจารย์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 24 ก.ค. 23, 19:58

ดิฉันอยากให้คุณชูพงศ์ลองเขียนดู    ไม่ต้องไปนึกถึงข้อจำกัดใดๆทั้งนั้น  อยากเขียนอะไรก็เขียนไปเลย   เพราะโลกของจินตนาการไม่ถูกจำกัดด้วยข้อเท็จจริง    คุณจะได้สนุกกับการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมา เปิดโลกให้กว้างขึ้น  และเพลิดเพลินขึ้นด้วย
คุณชูพงศ์เป็นคนเขียนหนังสือได้ดี   พิมพ์ถูกต้อง แม้คำยากๆก็สะกดได้ไม่ผิดเพี้ยน     เก่งกว่าคนสายตาดีอีกมาก   ถ้าเขียนหนังสือขึ้นมาได้ ก็อาจจะได้งานมีค่าขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่งก็ได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 24 ก.ค. 23, 20:45

กราบขอบพระคุณในความเมตตาและกำลังใจครับอาจารย์

   ถ้าสมมุติในอนาคต ผมนึกสนุกอยากเขียน ก็คงต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลนับหลายทศวรรษเชียวครับ เพราะทุกอย่าง ต้องถ่ายทอดผ่านผัสสะของคนตาบอดสนิททั้งหมด ตอนนี้ ผมนึกอะไรไม่ออกเลยครับ เรือนไม้เป็นอย่างไร เวลาวางเท้าเหยียบลงไปให้ความรู้สึกแบบไหน สมุดไทยโบราณ, กระดาษข่อยผมก็ไม่เคยคลำ จึงมิรู้ว่าใช้จดอักษรเบรลล์ได้จริงหรือเปล่า จดลงไปแล้ว จุดนูนจะปรากฏบนแผ่นกระดาษ หรือกระดาษจะขาดเสียก่อน ฯลฯ แม้เรื่องที่เขียนเป็นวรรณกรรมแนวจินตนิมิต แต่ก็ต้องสมจริง การหาเหตุผลมาโน้มน้าวใจผู้อ่านให้คล้อยตามว่า “มันอาจเป็นเช่นนั้นก็ได้” จะต้องตรองแล้วตรองอีก สร้างความกังวลให้ผมไม่น้อยเลยครับอาจารย์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 24 ก.ค. 23, 21:16

นิยายในยุคนี้ เน้นความกระชับ รวดเร็ว สั้น ทันใจ   จึงมักจะมีแต่บทสนทนาและเหตุการณ์   ไม่ค่อยมีการบรรยายละเอียดลออเหมือนนิยายยุคก่อน
คุณชูพงศ์ลองเริ่มที่การดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาดูก่อนก็ได้ค่ะ   ว่าจะไปไหวไหม
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 25 ก.ค. 23, 08:59

กราบขอบพระคุณครับอาจารย์ ที่กรุณาแนะนำ

   หากความอยากเขียนมีมากจนท่วมท้นเมื่อไร ผมคงต้องเริ่มทำการบ้านเมื่อนั้นแล้วหละครับ ข้อแรก อ่านหนังสือ “จดหมายหลวงอุดมสมบัติ” ให้จบทุกฉบับ ทุกเนื้อถ้อยกระทงความ เพราะเป็นเอกสารที่เขียนขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจริงๆ พร้อมกับทำบัญชี ว่าคำไหนมีใช้แล้ว คำไหนยังไม่มีใช้ เพื่อมิให้บทสนทนาเก่าเกินไป หรือใหม่เกินยุค ข้อต่อมา อ่านเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนทั้งหมดอีกหลายๆรอบ แล้วจับเค้าให้ได้ว่า สำนวนพูดจาของชาวบ้านเป็นอย่างไร งานนี้ ถ้าไม่เครียดจนโรคไมเกรนเล่นงานเสียก่อน กิจธุระต่อไปจะตามมาเรื่อยๆครับอาจารย์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 25 ก.ค. 23, 09:41

การเขียนภาษาย้อนยุคในนิยายไทย  ไม่เหมือนเขียนบทความวิชาการ    คุณชูพงศ์ไม่ต้องอาศัยทุกคำเป๊ะๆ  แค่ให้ได้กลิ่นอายของคำรุ่นเก่าก็พอค่ะ
บันทึกการเข้า
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 02 ส.ค. 23, 17:48

ผมพูดถึงตลาด EBOOK เท่านั้นนะครับ

นิยายจีนได้รับความนิยมแพร่หลายในบ้านเราจริงๆ ผมเคยแต่งเล่มหนึ่งยอดขายสูงที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยแต่งทีเดียวเชียว แต่นักเขียนนิยายไทยที่ร่ำรวยกว่าเดิมก็มีเยอะแยะมากมาย ถ้าคุณจับทางได้ว่าตลาดต้องการอะไร (นิยายรักจบแบบฟินๆ ไม่ซีเรียส ไม่มีปมหนัก เข้ามาดูเขาจีบกัน มีบทเลิฟซีนมากบ้างน้อยบ้าง) มีกลุ่มแฟนคลับแน่นหนา มีผลงานออกมาเรื่อยๆ อย่างน้อยที่สุด 2 เดือน 1 เรื่อง

AI ไม่สามารถทลายกลุ่มแฟนคลับชาวไทยได้ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้าหรือปีถัดไป นักเขียนที่ขายงานได้ยังคงขายงานได้ไม่สะทกสะท้าน แต่ AI จะบดขยี้นักเขียนโนเนมซึ่งริอ่านเขียนนิยายที่ตลาดไม่โปรด อาทิเช่นสืบสวนสอบสวนหรือวิทยาศาสตร์ เฉพาะเจาะตลาดไทยให้สำเร็จก็แทบกระอักเลือดตาย ยังมาเจอทั้งนิยายแปล ทั้ง AI นอนมาพระสวดได้เลย

ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีนักเขียนโนเนมที่ยังยืนหยัดต่อสู้กับนิยายแปลกับ AI เพียงแต่ค่อนข้างน้อย ผมพยายามสนับสนุนเต็มกำลังเพราะชอบนิยายแนวสืบสวนสอบสวน แต่ต้องดูผลงานด้วยบางเรื่องไม่ไหวจริงๆ จนใจที่จะช่วย  ลังเล

บันทึกการเข้า
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 02 ส.ค. 23, 17:52

ปล.ผมเห็นด้วยนะครับกับการเดินเรื่องด้วยบทสนทนา นิยายเน้นบรรยายของผมขนาดให้อ่านฟรียังไม่อ่านกันเลย ฮาาาาา.... ร้องไห้

อยากบรรยายจริงๆ ต้องไปนิยายจีนกำลังภายในอะไรแบบนี้ แต่เขียนยากมากคนอ่านก็อ่านยากมาก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 03 ส.ค. 23, 10:29


นิยายจีนได้รับความนิยมแพร่หลายในบ้านเราจริงๆ ผมเคยแต่งเล่มหนึ่งยอดขายสูงที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยแต่งทีเดียวเชียว แต่นักเขียนนิยายไทยที่ร่ำรวยกว่าเดิมก็มีเยอะแยะมากมาย ถ้าคุณจับทางได้ว่าตลาดต้องการอะไร (นิยายรักจบแบบฟินๆ ไม่ซีเรียส ไม่มีปมหนัก เข้ามาดูเขาจีบกัน มีบทเลิฟซีนมากบ้างน้อยบ้าง) มีกลุ่มแฟนคลับแน่นหนา มีผลงานออกมาเรื่อยๆ อย่างน้อยที่สุด 2 เดือน 1 เรื่อง

AI ไม่สามารถทลายกลุ่มแฟนคลับชาวไทยได้ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้าหรือปีถัดไป นักเขียนที่ขายงานได้ยังคงขายงานได้ไม่สะทกสะท้าน แต่ AI จะบดขยี้นักเขียนโนเนมซึ่งริอ่านเขียนนิยายที่ตลาดไม่โปรด อาทิเช่นสืบสวนสอบสวนหรือวิทยาศาสตร์ เฉพาะเจาะตลาดไทยให้สำเร็จก็แทบกระอักเลือดตาย ยังมาเจอทั้งนิยายแปล ทั้ง AI นอนมาพระสวดได้เลย

อ้าว เซอร์ไพรส์จริงๆนะเนี่ย     คุณ superboy เข้ามาคุยอยู่ในเรือนไทยหลายปี   ไม่ยักแอะออกมาสักคำว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพของดิฉันเหมือนกัน     ถ้าเปิดเผย ก็คงมีสมาชิกเรือนไทยเข้าไปอุดหนุน e book อีกหลายคน
จะไม่แง้มประตูบอกนามปากกาหน่อยหรือคะ

ดิฉันเข้าใจว่า เจ้า AI  คงทำงานคล้ายๆนักก๊อปงาน เกรด B   คือมันจะจับแนวว่าเรื่องแนวที่มันได้รับคำสั่งให้เขียน
 เขามีสูตรสำเร็จกันยังไง  แล้วมันก็ผลิตสูตรนั้นออกมาในเวลาเร็วปานสายฟ้าแลบ
สมมุติ..สมมุติแล้วกัน เพราะก็ยังไม่เคยสั่งให้ AI เขียนให้     ถ้าผิดพลาดตรงไหน ขอคุณ superboy แก้ให้ด้วย
อีก2 เจ้าที่ต้องขอคือคุณเพ็ญชมพูกับคุณประกอบ    ส่วนท่านอื่นๆก็เชิญออกความเห็นหรือชี้ข้อผิดได้เช่นกันค่ะ

สูตรสำเร็จของเรื่องสืบสวน style country house murder  ( ดิฉันชอบอ่านสไตล์นี้)
1  ฉาก  คฤหาสน์ใหญ่ในชนบท  หรือสถานที่ตากอากาศ  หรือรีสอร์ต
2  ตัวละคร    จำนวนหลายคน หลากหลายฐานะ หลายวัย   มีเหตุให้ไปพักหรือต้องชุมนุมกันที่บ้านหลังนี้
3  ใครคนหนึ่งถูกฆ่า
4  หลายคนตกเป็นผู้ต้องสงสัย  เพราะมีเหตุเกี่ยวพันกับคนตายทั้งสิ้น   และบางคนก็อยู่ในที่เกิดเหตุ
5  ตัวเอกของเรื่อง สืบสาวราวเรื่องหาสาเหตุ
6  ปมพัลวันยุ่งเหยิง
7  ฆาตกรคือคนที่ถูกสงสัยน้อยที่สุด
ให้เส้นเรื่อง ( story line)  แบบนี้  AI  จะผลิตกี่เรื่องก็ได้
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 04 ส.ค. 23, 16:26

ตอนนี้ AI มันยังไม่เก่งครับ โดยเฉพาะ AI ภาษาไทย   แต่ แต่ แต่  ด้วยความเร็วในการพัฒนาของมัน  อีกไม่นานครับอีกไม่นานครับ มันจะเขียนงานเกรด A ออกมาได้  และที่น่ากลัวคือด้วยพลังการเรียนรู้ของมัน มันจะจับทางได้ว่าตลาดชอบแบบไหน  แล้วมันจะตอบสนองความต้องการของตลาดแบบคนสู้ได้ยากครับ

ในสายงานที่ผมพอมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์บ้างงู ๆ ปลา ๆ ผมค่อนข้างวิตกเรื่อง AI นะครับ มันมีจุดดีมากมาย แต่ข้อเสียในการโน้มน้าวหรือเปลี่ยนแปลง หรือชี้นำมนุษย์ได้ของมันนี่น่าวิตกมาก ๆ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 04 ส.ค. 23, 17:22

ในสายงานที่ผมพอมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์บ้างงู ๆ ปลา ๆ ผมค่อนข้างวิตกเรื่อง AI นะครับ มันมีจุดดีมากมาย แต่ข้อเสียในการโน้มน้าวหรือเปลี่ยนแปลง หรือชี้นำมนุษย์ได้ของมันนี่น่าวิตกมาก ๆ

ในสาขาสังคมศาสตร์  อย่างวิชาวรรณกรรม  AI จะเข้ามาแต่งนิยายแทนนักเขียน แล้วเบียดมนุษย์นักเขียนตกเวทีไป  ข้อนี้เป็นไปได้
แต่มันจะคิดถึงขั้นล้างสมองมนุษย์ผ่านวรรณกรรมให้คิดอย่างที่มันคิดได้ไหม    และคำถามต่อไปคือ AI มีสิทธิ์คิดอะไรเป็นตัวของตัวเองได้บ้างคะ   ตัวอย่างเช่น มันเกิดไปอ่านสุนทรพจน์ของฮิตเลอร์   มันจะเกิดเลื่อมใสขึ้นมาเองโดยไม่มีใครใส่โปรแกรมให้มันคิดเช่นนั้นได้ไหม
ถ้าคำตอบคือ มันคิดเองได้   ขั้นต่อไปคือมันจะต่อยอดความคิดได้ไหมว่า อย่ากระนั้นเลย  เราทำให้คนทั้งโลกเลื่อมใสท่านผู้นำบ้างดีกว่า   
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 04 ส.ค. 23, 18:45

ตอนนี้คงยากที่จะบอกหรือตัดสินได้ว่ามันมีความรู้สึก หรือมันคิดเอง หรือมีอารมณ์ขึ้นมาเองหรือเปล่า เพราะวิธีการเรียนรู้ของ AI แบบง่าย ๆ คือ มันเรียนรู้จากข้อมูลต่าง ๆ ที่ป้อนเข้าไปให้มันเรียน และมันใช้กลไกที่คล้ายคลึงกับเซลสมองมนุษย์ในการค่อย ๆ เรียน และหารูปแบบบางอย่างจากข้อมูลที่เรียนนั้น ด้วยวิธีการเรียนแบบนี้ สามารถจะ bias ได้ ถ้าข้อมูลที่ใช้ในการสอนมันเป็นข้อมูลด้านเดียวครับ  ส่วนเรื่องมันคิดเองได้ไหม ผมยังไม่เห็นใครนำเสนอวิธีที่จะใช้จำแนกอย่างแน่ชัดว่าว่าสิ่งที่ AI มันสื่อออกมาก  มาจากรูปแบบที่มันเรียนรู้มา หรือมาจากกระบวนการคิดเองจริง ๆ ซึ่งคนต้องรอเวลาและให้คนฉลาด ๆ กว่าผมมาหาทางทำต่อไป


ในเรื่องการเขียน ถ้าข้อมูลที่ป้อนให้มีมากพอ มันจะหารูปแบบบางอย่างจนเจอ จนมันสามารถจำลองหรือเลียนแบบรูปแบบนั้นได้  เช่นถ้าป้อนนิยายให้มันเรียนมาก ๆ มันจะหารูปแบบบางอย่างเจอ และรู้ว่าจะเขียนนิยายออกมาแบบไหนให้คนชอบ โดยตัว AI อาจจะไม่ได้เข้าใจ หรือมีอารมณ์ร่วมกับนิยายนั้น แต่มันจะรู้ว่าเขียนแบบนี้คือแบบที่คนจะชอบ   และมันจะเขียนได้เร็วมาก จนถ้าแม้มันเขียนออกมาแล้วคนไม่ชอบ มันจะเรียนรู้แล้วหาเจออีกแหละว่าทำไมคนไม่ชอบ แล้วจะปรับรูปแบบได้อย่างรวดเร็ว  แถมการใช้ภาษาของมันจะดีกว่าคนแต่งอีก เพราะมันเรียนรู้จากนิยายหรือข้อเขียนจำนวนมหาศาลมากกว่าที่คนคนนึงจะอ่านได้ตลอดชีวิต จนมันจับจุดหรือหารูปแบบที่คนชอบเจอมากกว่าคนที่เป็นนักเขียนจะทำได้

ส่วนการล้างสมองหรือชี้นำมนุษย์ ทุกวันนี้ AI กำลังทำอยู่ครับ แถมทำแบบไม่มีการควบคุม   ตัวอย่างเช่นการใช้ FB หรือ social media ต่าง ๆ จะมี AI ที่คอยเรียนรู้ว่าคนแต่ละคนมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาแบบไหน แล้วมันจะยิ่งเลือกเนื้อหาแบบเดียวกันมาให้ จนกรอบความคิดของคนคนนั้นจะค่อย ๆ ถูกจำกัดอยู่ในกะลาที่ AI เลือกมาให้เห็นแต่ข้อมูลด้านเดียว จนเข้าใจไปว่าทั้งสังคมเป็นแบบนั้น 

ปัจจัยหนึ่งที่นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เพราะมีการนำ AI มาใช้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และเลือกยิงโฆษณาได้ตรงเป้าถูกกลุ่ม จนเปลี่ยนใจคนให้หันมาเลือกได้จนเลือกตั้งชนะแบบฉีกทุกโพลเลย

ตัว AI เองในอนาคตอาจจะครอบงำล้างสมองมนุษย์ได้ โดยอาจเป็นทั้งความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจของ AI เอง หรือมาจากกลุ่มคนที่เป็นเจ้าของ platform AI ที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้จำนวนมาก สามารถจะค่อย ๆ สอกแทรกเนื้อหาล้างสมองคนได้ทีละนิด ๆ แบบเนียน ๆ  โดยมันจะเรียนรู้ได้อีกว่าจะล้างสมองคนแต่ละคนด้วยวิธีการใด เนื้อหาแบบไหน จะค่อย ๆ หรือทำแบบเร็ว ๆ ได้ และมันจะทำสำเร็จครับ 

ตอนนี้ทั้งโลกยังไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ ที่จะใช้ควบคุมในกรณีนี้เลย  ที่อีตาอีลอน มัสก์ออกมาให้ความเห็นเรื่องอันตรายของ AI เป็นสิ่งที่ต้องรับฟังมาก ๆ ครับ อย่างบน FB ผมนี่ กด like เพจทุกฝั่งการเมือง แต่เผลอไผลไม่มี engagement แป๊บเดียว สารจากการเมืองบางฝั่งหายไปจากหน้า feed ผมซะแล้ว
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 19 คำสั่ง