รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว [2]

[เทาชมพู]

ต่อจากกระทู้แรก

รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5361.0

[nathanielnong]

The Ronettes นี่เป็นอีกวงที่อัดเสียงโดยใช้ระบบ Wall of Sound  เพลงของวงนี้ดังในบ้านเราเพลงเดียว




นำเสนอเพลงเพราะอื่น ๆ ที่ใช้ระบบดังกล่าว

(เพลงนี้ต่อมา Andy Kim นำมาร้องจนดังสนั่น  ผมเคยได้ยินแต่ฉบับของ AK)





(ผมได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกจากเสียงของ 1 ในนางฟ้าชาลี Cheryl Ladd วิทยุเปิดให้ผมฟังในช่วงต้น 70s)

[nathanielnong]

เพลงจากวง Girl group ที่วิทยุบ้านเราเปิดให้ผมฟังยังมีอีกมาก  แต่ตอนนี้เปลี่ยนบรรยากาศกันก่อน

มาฟังเพลงในยุคที่บ้านเค้าเรียกว่าปลาย 60s  แต่บ้านเราเปิดกันเรื่อยมา

The Cream เป็นวงจากอังกฤษที่ยิ่งใหญ่อีกวงหนึ่ง  Wikiฯ บอกว่า ... They are widely regarded as the first supergroup. Cream were highly regarded for the instrumental proficiency of each of their members ... เพลงของวงที่ได้ยินเป็นประจำทางรายการเพลงฝรั่งเฮ้ว ๆ ของใครบ้างนะ  วิฑูร วทัญญู  แล้วใครอีกก็จำไม่ได้แล้ว  ผมไม่เคยจอดแช่ฟัง  แต่มันก็เข้าหูไปเอง








นี่เป็นเพลงแห่งความหลังอีกเพลงหนึ่งของผม  เคยได้ยินในยุคของมันเลยละ ยังไม่ 10 ขวบเลยทำไมจำได้ (แบบคลับคล้ายคลับคลา) ก็ไม่รู้

[nathanielnong]

singles ของ 2 วงนี้ออกมาคล้ายกันเลย

The Delfonics



นำเสนอ





Harold Melvin & the Blue Notes



นำเสนอ




นักร้องนำ TP ตอนหลังแยกออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวและโด่งดังมากในปลาย 70s  หนึ่งเรื่องของเธอที่ดังมาถึงผม (ทางการอ่าน) คือข่าวเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในต้น 80s  ร้ายแรงขนาดทำให้เธอเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต 

ผมจำได้แต่ว่าช่อง Nite Spot นำเพลงของเธอมาเสนอเนือง ๆ  แต่จำอะไรอื่นไม่ได้เลย นอกจากเพลงนี้ 

[nathanielnong]

The Crew-Cuts


(สมัยเด็ก ๆ ผมนึกว่าเพลงชื่อ Life could be a dream  ใครจะนึกว่าชื่อ Sh-Boom)




The Dream Weavers


(เป็นเพลงที่เพราะมาก ๆ ติดใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ)




The Duprees






The Four Esquires

[nathanielnong]

ผมว่าสาเหตุที่สมัยนั้นผมได้ฟังเพลงฝรั่งมากมายคงเพราะตอนนั้นวิทยุเป็นสื่อสากลสื่อเดียวที่เปิดเพลงให้เราฟังได้ฟรี ๆ จึงเป็นที่นิยม  พอเรานิยมฟังเพลงฝรั่ง (อ้างถึงแขนงของเพลงในที่นี้) สถานีที่เปิดเพลงฝรั่งจึงมีมาก  แต่ละสถานีออกอากาศกันทั้งวัน  วันละหลายรายการหลากหลายรูปแบบ  สำหรับรายการที่เสนอเพลงฝรั่งแต่ละรายการก็มีดีเจของตัวเอง  ซึ่งแต่ละคนก็มีความชอบเพลงฝรั่งต่าง ๆ กันไป  จะมารวมกันชอบก็เฉพาะเพลงที่ดังสุดกู่  ใครไม่เปิดเป็นเชยสะท้านฟ้าประมาณนั้น  

ดีเจคนไหนชอบเพลงอะไรก็เอาแผ่นเสียงเพลงนั้นมาเปิดออกอากาศ  คนฟังก็ฟังไปเรื่อย ๆ  อย่างผมเป็นผีเพลง  ผมไม่ฟังแช่ไปเรื่อย ๆ  ผมหมุน (คลื่น) หาเพลง  ผมจึงรู้เพลงมากมาย  ยิ่งต่อมาผมเล่นแผ่นเสียง  ซื้อหนังสือ (จากนอก) เกี่ยวกับเพลง  ความรู้เรื่องเพลงของผมก็ไปโลด  ผมว่าดีเจส่วนใหญ่รู้เพลงไม่มากเท่าผมอย่างแน่นอน  ก็เขานั่งเปิดเฉพาะเพลงที่เขาชอบอยู่ในห้องส่งเพียงครึ่ง ชม. บ้าง 1 ชม. บ้าง  พอจบรายการของตนก็จากไปทำธุระปะปังโน่นนี่  ในขณะที่ผมนั่งอยู่บ้าน  หมุนหาเพลงฝรั่งฟังแทบจะของทุกคลื่น  หมุนไปก็หมุนมา  แทบจะทั้งวัน  จากนั้นก็เอาข้อมูลจากหนังสือเพลงที่ซื้อมาต่อยอด  ไปหาซื้อแผ่นเสียงมาต่อยอด  ถึงได้มีเพลงมาเปิดให้ฟังมากมาย  ทั้งหมดนี้เคยออกมาจากลำโพงวิทยุบ้านเราทั้งนั้น (อาจมีอีกด้วยซ้ำที่รอดหูผมไป)  นี่ขนาดนำเสนอแค่ศิลปินที่เคยได้ยินเสียงจากลำโพงวิทยุแล้วก็ตายไปแล้วเท่านั้นนะ  ถ้าจะเอาทั้งหมดละก็  ไม่ผมก็คนอ่านต้องลาตายกันไปข้างละ 

สมัยก่อนแม้เทคโนโลยียังไม่เจริญแต่เมืองไทยไม่ใช่ 'หลังเขา' ครับ  รับทุกอย่างที่ทันสมัย  ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเสพย์มันและจดจำสิ่งที่เสพย์ไปมากน้อยแค่ไหน

นี่เป็นอีกเพลงที่ฝังอยู่ในความทรงจำของผม




นำเสนอ

[nathanielnong]

ต้นยุค 70s  เพลงนี้ดังกระหึ่มกรุงเทพฯ
  



นำเสนออีกเพลง


เป็นเพลงที่ผมติดใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ  แต่เป็นฉบับที่ร้องโดย Dusty Springfield.  ผมเพิ่งมารู้ในเวลาต่อมาว่า  เป็นเพลงแปลงมาจาก... "Hier encore", whose original French title translates to "Just yesterday" or "Not so long ago", is a song composed by Georges Garvarentz and written by Charles Aznavour and released in September 1964. It was subsequently released in English as "Yesterday, When I Was Young", in Italian as "Ieri Si", in Danish as "Hvor tiden går", in Japanese 帰り来ぬ青春 ("Kaeri Konu Seishun"), in Spanish as "Ayer aún", "Eilen kun mä tiennyt en" in Finnish, "Když jsem já byl tenkrát kluk" in Czech and "Μόλις χθες" in Greek. It is considered one of Aznavour's greatest hits.

The English-language lyrics, written by Herbert Kretzmer, tell of someone reflecting on his life, recalling how he had wasted his younger years on hedonistic pursuits, and now that he is older, he is unable to do everything that he had planned; the lyrical implication is that the person may be close to impending death.

Charles Aznavour นี้  Wikiฯ บอกว่า is regarded as one of the greatest songwriters of all time and an icon of 20th-century pop culture.

[nathanielnong]

ในรายการเพลง golden oldies  มีเพลงหนึ่งเปิดเป็นประจำ




พอโตขึ้นได้รับข่าวสารทางด้านวงการเพลงฝรั่งมากขึ้น  ผมได้รู้ว่า Dusty Springfield ไม่ใช่นักร้องกิ๊กก๊อกเลย  ชื่อเสียงของเธอยิ่งใหญ่ระดับหนึ่งทีเดียว  วงการเพลงตั้งสมญาเธอว่า blue eyed soul เนื่องจากน้ำเสียงของเธอออกไปทางแนว soul

ส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมความยิ่งใหญ่ของเธอคือ  นอกจากจะดังในฝั่งอังกฤษบ้านเกิดแล้ว  เธอข้ามมาดังทางฝั่งอเมริกาด้วย  เรียกได้ว่าดัง 2 ฝั่งฟ้า  ความดังของเธอยืนยาวตั้งแต่ยุค 60s จนถึงวันที่เธอตาย

มีหลายเพลงทีเดียวที่เมื่อได้ฟังแล้ว  รำลึกได้ว่าเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยไม่ใช่จากรายการ golden oldies








จุดดังสูงสุดหลังจากยุค 60s เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 1987 กับเพลงนี้  นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเป็นนักร้องระดับตำนาน



ในปีเดียวกันนั้น Richard Carpenter เชิญเธอมาร้องนำให้กับเพลงหนึ่งที่เขาอำนวยการผลิต  เพลงนี้แต่แรกตั้งใจจะให้ Karen Carpenter น้องสาวเป็นผู้ร้อง  แต่เธอตายเสียก่อน  เพลงนี้ดังออกมาจากวิทยุบ้านเราอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง



เพลงโปรดของผม  เธอนำมาร้องทีหลัง Charles Aznavour  แต่ผมได้ยินฉบับของเธอก่อน



อดไม่ได้...  เพลงของเธอเพราะ ๆ ทั้งนั้น  สมัยนี้ไม่ทำเพลงแบบนี้อีกแล้ว













หมายเหตุ - ก่อนหน้านี้ ในต้น 60s เธออยู่ในวงนักร้อง trio ชื่อ The Springfields มีเพลงดังที่คุ้นหูเพลงนี้



นำเสนอ

[nathanielnong]

Demis Roussos เป็นศิลปินชาวกรีก  เธอส่งเพลงมาให้ผมฟัง 2 เพลง  ที่ตอนนั้นไม่ชอบเล้ย








แล้วก็มาถึงเพลงที่แปลกมาก ๆ เพลงนี้  มันเป็นเพลงที่นำเอาเพลงโน้นเพลงนี้เพลงละนิดละหน่อยมาเรียงร้อยกันเป็นเพลงใหม่  ตอนผมได้ยินครั้งแรกก็ติดใจทันที  แต่ได้ยินไม่บ่อยแล้วก็ประมาณว่า ‘หมดแล้วหมดเลย’ คือไม่มีเพลงอื่นของศิลปินนี้มาให้ฟังอีกเลย  เป็นความทรงจำที่ฝังหัวอยู่นาน  จนกระทั่งเริ่ม mp3  (youtube ยังไม่เจริญพันธุ์)  ผมก็หามาเก็บไว้เป็นเพลงแรก ๆ  อยากรู้จังว่ามีใครเคยได้ยินบ้าง


ที่บ้านเขา  เพลงนี้ดังมากถึงขนาดได้แผ่นเสียงทองคำ  ผมมาอ่านใน Wikiฯ ก็พบว่าเธอคร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานแล้ว  เคยมีเพลงฮิตติดอันดับ 3 ตั้งแต่ปี 1956 โน่น



หมายเหตุ – เพลงประเภทนี้มีชื่อเรียกเฉพาะว่า novelty song

[nathanielnong]

เปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นนำเสนอเพลง

3 คนนี้นักฟังเพลงฯ รวมถึงผมไม่เคยได้ยินมาก่อน  ผมมาได้ยินตอนอยู่กับ ซี้คลาสสิก  มันเป็นเพลง soul ballad ในยุค golden oldies ที่ถูกหูผมมาก  ฟังแล้วต้องรีบจดรายละเอียดแล้วไปตามหาแหล่งโหลดเพลง  ทั้ง 3 เพลงต่างเป็น one hit wonder

[nathanielnong]

นำเสนอ วง girl groups ต่ออีกหน่อย

The Marvelettes  กับเพลงดังที่สุดที่ต่อมาคณะ The Carpenters มาช่วยกระพือความดังให้เป็นอมตะ



(Richard Carpenter นี่ถ้าทำผมเท่ ๆ หน่อย  หล่อไม่เบาละผมว่า)


ส่วนเพลงนี้  ผมได้ยินครั้งแรกตอน The Carpenters นำมาร้องใหม่  ตอนนั้นไม่รู้ว่าต้นฉบับเป็นของวงนี้  จนกระทั่งถึงยุค CD  ผมก็ออกล่าผลงานของศิลปินเก่า ๆ ที่เคยได้ยินตอนเด็ก ๆ มาสะสม ถึงได้รู้



(เริ่มเห็นอาการป่วยของ Karen Carpenter แล้ว)


นำเสนอ

[nathanielnong]

ส่วนวงนี้ชื่อ The Shirelles มีเพลงคุ้นเคยกับนักฟังเพลงฯ มากหลายเพลง  ผมว่าเพลงของพวกเธอฟังติดหูง่าย

นี่เป็นเพลงอันดับ 1 ของพวกเธอ



แต่ไม่คุ้นหูเท่าอีกเพลงอันดับ 1 เพลงนี้


ดังสนั่นหวั่นไหว  นักร้องอื่น ๆ เอาไปร้องใหม่เป็นกระตั๊ก  มีทั้งเลียนทำนองและแปลงทำนองใหม่ เช่น



เพลงนี้ก็มีนักร้องเอาไปร้องใหม่มากไม่น้อยกว่ากัน  ที่ดังที่สุดก็คณะ The Mamas & Papas



นำเสนอ

[nathanielnong]

วิทยุบ้านเราไม่ได้เปิดแต่เพลง rock  บางทีก็เปิดเพลงประสานเสียงซึ่งผมจำได้แค่เพลง  ตอนนั้นรู้ชื่อวงอยู่วงเดียวคือ The Ray Conniff Singers พอมาได้ยินเพลงประสานเสียงเพลงไหนก็เหมาเอาว่าเป็นของวงฯ นี้ไปเสียหมด






Ray Charles คนนี้เป็นคนละคนกับ Ray Charles เจ้าพ่อเพลง soul  RC คนนี้เป็นผู้ก่อตั้งคณะนักร้องประสานเสียง  เพลงที่ได้ยินทางวิทยุบ่อย ๆ คือเพลงนี้




ความเป็นนักฟังเพลงจอมวุ่นวาย  ผมก็เจาะเพลงอื่น ๆ มาฟัง  เพลงนี้เป็นอีกเพลงเพราะ

[nathanielnong]

ในปี 1974 วิทยุเปิดเพลงนี้ที่มีทำนองเด่นจึงทำให้มันติดหูผมได้ง่ายดาย



เพลงที่ว่าดังที่บ้านเขาด้วย  แต่เพลงต่อมาแป๊กที่บ้านเขา  แต่บ้านเรายังเปิดอย่างสม่ำเสมอ  ซึ่งผมชอบมากกว่าเพลงแรกเสียอีก



วงประสานเสียงวงนี้มีเพลงดังเพลงเดียวแล้วก็ดับ  แต่ที่บ้านเราไม่ดับง่าย ๆ  วงทิ้งท้ายให้บ้านเราด้วยเพลงนี้

โอ้โฮ  ไอ้ ปั๊บปาด้า  ปับปาดา ปับปาด๊าดา... นี่  ร้องกันตั้งแต่เด็กส่งโอเลี้ยงเลย  มันไม่ใช่ single แต่ดังยิ่งกว่า single  ถ้าเจ้าของเพลงรู้เข้าคงปลื้ม

[nathanielnong]

The Main Ingredients กับเพลงที่เพราะมาก ๆ อีกเพลงหนึ่ง  จังหวะน่าขยับขา



และเพลงนี้ที่ดังมากที่บ้านเขา  แต่บ้านเราเล่นฉบับของ Blue Magic อันเป็นฉบับที่บ้านเขาไม่รู้จัก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมมาได้ยินฉบับนี้ทีหลังรึเปล่า  แต่ผมว่าฉบับของ Blue Magic เพราะกว่า