มีพี่ๆน้องๆท่านใดบ้างคะ ที่อยุ่อเมริกาตอนนี้ ช่วยเล่าสถาณการณ์ที่นั่นให้ฟังบ้างสิคะ

ขอให้ทุกท่านปลอดภัยนะคะ เป็นห่วงค่ะ มารายงานตัวบ้างนะคะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ลิงค์อื่นๆและรายงานข่าว
จากรายงานพิเศษของวิชาการ.คอม

ได้ยินข่าวแล้วน่ากลัวมากที่สุด เตรียมรับมือผลกระทบต่อไป

เห็นพี่พวงร้อยเริ่มเอารูปบางส่วนมาให้ดูที่

http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn20&ID=CS1525' target='_blank'>http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn20&ID=CS1525

ข่าวว่าคนไทยที่ตึกเวิลด์เทรดไม่มีใครเป็นอะไรค่ะ
สยองจริงๆ เฮ้อ

เห็นในข่าว มีคนกระโดดตึก ลงมาตายเอาดาบหน้า สลด มาก เลย  ขอประนามคนหรือกลุ่มที่กระทำการนี้ค่ะ เลือดเย็นจริงๆค่ะ

ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งใหญ่นี้

ในยามนี้ สำหรับเราชาวพุทธ คงไม่มีอะไรดีกว่าแผ่เมตตาให้กับทุกคน ทุกฝ่าย ทุกชาติ ศาสนา เชื้อชาติ ภาษา ครับ ทั้งคนที่ตายไปแล้ว และคนที่ยังอยู่ เราต่างเป็นมนุษย์เหมือนกันทั้งนั้น

กลับมาประเดี๋ยวเดียว จะไปทำงานอีกแล้วครับ คงต้องหายไปอีกอาทิตย์หนึ่ง



ขอบคุณที่ให้เกียรติสนใจจะฟังความเห็นของผม แต่ต้องสารภาพว่ามันยังกระทันหันมากครับ เราคงต้องติดตามดูอีกระยะหนึ่ง แต่ผมเห็นด้วยทีเดียวแหละว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญมากอันหนึ่งทีเดียวสำหรับประวัติศาสตร์การเมืองโลกในศตวรรษที่ 21 และคงจะส่งผลกระทบหลายๆ อย่าง แต่จะเป็นอย่างไหนบ้างต้องดูกันไป

 

หลายคนพูดตรงกันว่า เหตุการณ์นี้เป็นการโจมตีสหรัฐฯ อย่างรุนแรงที่สุดนับแต่เมื่อญี่ปุ่นทิ้งระเบิดเพิลฮาเบอร์ตั้ง 50 ปีมาแล้ว ที่จริงนับว่าร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ เพราะเป็นครั้งแรกที่เป้าหมายบนแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ถูกโจมตี (เพิลฮาเบอร์อยู่ถึงฮาวายโน่น) แถมเป็นเป้าที่สำคัญมากอย่างนิวยอร์กกับดีซีด้วย การโจมตีเพิลฮาเบอร์ทำให้สหรัฐฯ กระโดดเข้าสงครามโลกครั้งที่สอง เปิดฉากสงครามแปซิฟิก แต่คราวนี้ จะทำให้เกิดอะไรต่อไป สมัยญี่ปุ่นบุกนั่น หรือแม้แต่ตอนหลังจากนั้น ในช่วงสงครามเย็นก็ยังมีโฉมหน้าของศัตรูให้เห็น คือไม่นาซีเยอรมันก็ญี่ปุ่น หรือโซเวียต แต่ตอนนี้จะให้ไปรบกับใคร ผู้ก่อการร้ายเป็น faceless enemy (หรือ enemies) จะให้เป็นโอซามา บินลาเดนหรือ ก็โอเค - เอ้า แล้วแกหลบอยู่ไหนล่ะ แล้วถ้าจะตอบโต้แกจริงจะทำอย่างไร (เช่นเอาเครื่องบินรบไปถล่มกรุงคาบูล?) และสหรัฐจะโดนกลุ่มก่อการร้าย ตอบโต้กลับอีกไหม แล้วจะป้องกันอย่างไรกับการกระทำของผู้ก่อการร้าย ซึ่งใช้วิธีรบแบบสงครามคนจนคล้ายๆ เวียดกง เป็นสงครามจรยุทธนอกแบบหรือสงครามกองโจร ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของสหรัฐคงต้องเปลี่ยนเพื่อจะรับมือกับภัยคุกคามชนิดนี้



แป๊บเดียวก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ ผมต้องยอมรับว่า หมั่นไส้อเมริกามากในหลายเรื่อง พี่แกกร่างเหลือเกินในวงการระหว่างประเทศ จะเอาแต่ใจตัวท่าเดียว ตั้งแต่เรื่องข้อตกลงเรื่องภูมิอากาศโลก เรื่องอาวุธชีวะ เรื่องการใช้ขีปนาวุธป้องกันตนเอง...  แต่ตอนนี้ผมก็คงได้แต่ให้ความเห็นใจประชาชนคนอเมริกัน เลิกหมั่นไส้สหรัฐฯ ชั่วคราว จำได้ว่าก่อนวันที่ 11 กันยา นั้น เรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่า อเมริกาหัวดื้อคือการที่รัฐบาลนี้พยายามจะให้มี National Missile Defence ให้ได้ โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นการขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศและอาจจะกลายเป็นการสร้างเสริมการใช้อวกาศในทางทหาร ทั้งๆ ที่ในหลักการ อวกาศควรจะเป็นเขตสันติร่วมกันของมนุษยชาติทั้งปวง เรื่องนี้รัสเซียไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลสหรัฐเลย จีนก็ไม่เห็นด้วย พันธมิตรของอเมริกันอย่างเยอรมันหรือยุโรปก็ไม่เห็นด้วย และว่าที่จริงคนอเมริกันหลายคนเขาก็ไม่เห็นด้วย บางคนบอกว่าในทางเทคนิคมันยากมากเกือบทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่จะ "ยิงลูกกระสุนปืนด้วยลูกกระสุนปืนอีกนัดหนึ่ง"  แต่รัฐบาลบุชก็ดื้อ ก็ยื้อกันอยู่



แล้วเป็นไง ผลปรากฏว่าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้มาจากขีปนาวุธเลย แต่มาจากเครื่องบินพาณิชย์ธรรมดาๆ ของอเมริกันเองน่ะแหละที่ถูกจี้ให้พุ่งชนตึก ไม่ใช่จรวด นั่นแปลว่ายุทธศาสตร์การป้องกันภัยคุกคามของสหรัฐฯ อาจจะต้องจัดกันใหม่ การข่าวจะต้องมีความสำตัญขึ้น และต้องระวังการก่อการร้ายมากขึ้น



ผมกำลังกลัวอีกเรื่องที่เราต้องดูกันต่อไป ว่า ถ้านักการเมืองสหรัฐอาจจะอยากหา "ใบหน้า" มาใส่ให้ faceless enemy ที่ว่าแล้ว จะกลายเป็นการเหมารวมว่าฉันเป็นฝรั่งจะต้องตีกับแขกหรือเปล่า ถ้ามีการหมายหัวเป็นกลุ่มอย่างนั้นคงไม่ดีเลย เพราะไม่ยุติธรรมต่อมุสลิมที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เมื่อสามสี่ปีก่อนเมื่อจบสงครามเย็นใหม่ๆ ก็มีคนพยายามจะหาผู้ร้ายตัวใหม่แทนที่โซเวียตและคอมมิวนิสต์ ก็บอกว่าอาจจะเป็นกลุ่มอิสลามปะทะกับกลุ่มตะวันตก มีกระทั่งคนที่เชื่อว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างอารยธรรมตะวันตกกับออารยธรรมอิสลามหรืออารยธรรมอื่นๆ (คนสำคัญที่สุดที่พูดไว้เป็นนักประวัติศาสตร์ชื่อ แซมมวล ฮันติงตั้น เขียนเรื่อง Clashes of Civilizations ไว้ตั้งแต่ราวๆ กลาง 1990's ) ถ้าหากคนอเมริกันเชื่อตามนั้นจริง กลายเป็นสงครามครูเสดขึ้นมาอีกหน คุณเอ๋ยคงดูไม่จืด .... แต่ก็ดีใจที่รู้สึกว่าคนอเมริกันก็มีคนที่เขามีเหตุผล มีสติ เขาเตือนกันเองว่าอย่าเหมารวมเป็นการต่อต้านอิสลามหรือต่อต้านคนอาหรับทั้งหมด



เรื่องหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่าจะได้รับผลให้เปลี่ยนแปลงหรือเปล่า คือนโยบายของสหรัฐในตะวันออกกลาง ซึ่งถ้าให้ผมดู ผมว่าสหรัฐเอียงกะเท่เร่เข้าข้างอิสราเอลอย่างน่าเกลียดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นที่ยิวไม่ยอมลดราวาศอกในช่วงหลังๆ นี่ (โดยสหรัฐทำเหมือนจะรู้เห็นเป็นใจด้วย) และคนที่เขาสูญเสีย เขาโกรธแค้น เขาก็ตีรวมว่าสหรัฐกับยิวเป็นพวกเดียวกัน ส่วนหนึ่งเลยออกมาฉลองตอนเกิดเหตุร้ายที่นิวยอร์ก ผมไม่ได้เห็นด้วยกับเขาหรอกนะครับ แต่จะบอกว่า บรรยากาศที่มีมาก่อนวันที่ 11 ก.ย.มันแย่มาก และสหรัฐก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำอะไรที่จะให้บรรยากาศมันดี ให้กระบวนการสันติภาพมันเดินไปได้ แลความทีบรรยากาศไม่เอื้อ พูดกับบนโต๊ะประชุมเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องก็มีคนเลือดร้อน (ทั้งฝ่ายยิวฝ่ายอาหรับนั่นแหละ) บอกว่า อย่างกระนั้นเลย พูดดีๆ ไม่ชอบ ตีกันดีกว่าวะ ยิ่งมีความรุนแรง ยิ่งพูดกันเจรจากันลำบาก ยิ่งรุนแรงขึ้น เป็นวงจรวิกฤตเรื่อยไป แถมยิ่งทำให้คนที่ใจเย็นกว่าหรือไม่หัวรุนแรงเท่าในทั้งสองฝ่ายยิ่งเสื่อมอำนาจการบังคับบัญชาในฝ่ายตัวไปทุกที ในฝ่ายปาเลสไตน์อารอฟัตก็หง่อมแล้ว คุมพวกหัวรุนแรงของฝ่ายตัวก็จะไม่ได้แล้ว ฝ่ายอิสราเอลราวที่แล้วฝ่ายที่ไม่หัวรุนแรงก็แพ้เลือกตั้ง ได้ฝ่ายที่ค่อนข้างเลือดร้อนขึ้นมา ก็ตีกันมาได้ตั้งปีสองปีกว่ามาแล้ว การที่ตีกันนี้ไม่ถูกต้องหรอกครับ ไม่ว่ายิวตีอาหรับ อาหรับตียิว ก็ตาม ไม่ถูกทั้งนั้น แต่มันก็เป็นข้ออ้างได้ ให้คนอาหรับบางคนหันไปโกรธสหรัฐได้ มากพอที่จะลุกขึ้นมาฉลองอย่างที่เราเห็นในข่าว ถ้าหากว่าคนอเมริกันหลังเหตุการณ์วันที่ 11 พลอยโกรธเกลียดคนอาหรับหรือมุสลิมด้วย ทีนี้วงจรวิกฤตแห่งความเกลียดจะขยายยาวเลย ... หวังว่าจะไม่เกิดเหตุนั้น



ผมได้เห็นรูปข่าวอารอฟัตและคนปาเลสไตน์บริจาคเลือดให้ไปช่วยอเมริกัน และปฏิเสธว่าไม่เห็นด้วยกับการก่อการร้ายนี้แล้ว ก็หวังว่าจะช่วยปลดชนวนความรู้สึกที่อาจจะปะทุกันไปได้บ้าง



รับตรงๆ ว่า ปฏิกิริยาแรกของบุชและฝ่ายอนุรักษ์นิยมในอเมริกา ทำให้ผมกลัวครับ กลัวว่าแกจะไม่ยั้งคิดแล้วจะยิ่งทำให้ความรุนแรงขยายวงกว้างไปอีกไปยังผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย เช่นถ้าเกิดลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับอิสลามก็คงยุ่ง (แกปราศัยคล้ายๆ ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วอะไรทำนองนั้น) แต่ตอนหลังก็รู้สึกว่ามีคนในอเมริกาเองย้ำเตือนกันเองว่า จะต้องไม่เหวี่ยงแห จะต้องสร้างความยุติธรรมกับผู้เสียชีวิตน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ทำให้คนบริสุทธิ์คนอื่นตายอีก ไม่ยังงั้นอเมริกาจะไม่ต่างจากผู้ร้ายเอง อเมริกาต้องเคารพหลักของตัวเองคือสิทธิมนุษยชน ผมก็เห็นด้วย พวกนี้มี website ให้ไปร่วมเซ็น ผมก็ไปเซ็นสนับสนุนแล้ว



เพิ่งนึกได้อีกว่า ผลกระทบต่อนโยบายทางทหารไม่รู้จะเป็นไง จะยิ่งทุ่มเทมาก หรือจะปรับลดและจัดลำดับความสำคัญใหม่ ขึ้นอยู่กับว่า ในระยะยาวเขาจะมองภัยคุกคามยังไง ในระยะยาวจริงๆ ผมเองเชื่อเรื่อง Common Security ครับ คือความมั่นคงปลอดภัยร่วมกันของทุกๆ ฝ่าย แต่รัฐบาลสหรัฐช่วงเร็วๆ นี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อหลักนี้นัก อยากเป็น Unilateralist มากกว่า แปลง่ายๆ ว่าลัทธิข้ามาคนเดียว ผมเพิ่งพูดไปข้างบนเรื่องความสำคัญของการข่าวในสงครามรูปแบบใหม่ แต่นึกขึ้นมาได้อีกว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐ คือ CIA นั่นแหละ ที่เป็นคนฝึกสอนโอซามา บินลาเดน เอง ตอนนั้นตั้งใจจะให้ไปรบกับโซเวียตที่ยึดครองอัฟกานิสถานอยู่ ตอนนี้เลยหันมาเล่นงานครูเอง นึกขึ้นมาแล้วก็ปวดหัวว่า ยังงั้นแล้วควรจะเพิ่มหรือจะลดขนาด CIA ดีหว่า?



เรื่องที่เราต้องดูกันต่อไปคืออเมริกาจะแข็งกร้าวขึ้น กลายเป็นอันธพาลทางทหารไปเลย หรือจะสุขุมขึ้น และใช้ประโยชน์จากการที่ทั่วโลกเขาเห็นใจอเมริกันอยู่ตอนนี้ไปในทางสร้างสรรค์ ผมเชื่อว่าคนอเมริกันเขาไม่โง่ครับ ขอให้หวังในทางดีกันไว้และรอดูต่อไปครับ ขอให้ความมีเหตุผลชนะอารมณ์รุนแรง ขอให้สันติภาพชนะความเกลียดชัง ขอพระคุ้มครองโลกใบนี้ด้วย

ขอบคุณครับคุณ นกข. ส่วนตัวผมก็รู้สึกว่าสันติภาพค่อนข้างจะเลือนลางเหมือนกัน
โดยเฉพาะในปาเลสไตน์ ช่วงที่ชาวโลกกำลังเศร้าอยู่กับโศกนาฎกรรมที่อเมริกา
อิสราเอลก็ยังสังหารชาวปาเลสไตน์อยู่เลย ... คงจริงอย่างที่ว่าครับสมัยนี้ดูพวกหัวรุนแรง
และก้าวร้าวจะขึ้นมามีอำนาจมากจริงๆ

ผมคิดว่าบางทีข่าวสารที่เสนอมานั้นก็มีส่วนที่ทำให้คนอเมริกัน และทั่วโลกแยกแยะไม่ถูกครับ
ข่าวบางช่องดูแล้วเหมือนกับชักจูง ให้เกิดความเครียดแค้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านอื่นคิดอย่างไร
แต่ผมคิดว่าบางทีมัน too emotional ... จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องที่โศกเศร้า แต่ถ้ามันมากไป ก็อาจจะชี้นำให้ประชาชนใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลได้ ผมว่านะครับ

ส่วนที่อังกฤษดูเหมือนนายกฯ โทนี่ แบลล์ จะถูกวิจารณ์มากพอสมควร เพราะดูจะสนับสนุนอเมริกาให้แก้แค้นเต็มที่ จนบางทีดูเหมือนว่าจะมากไปหน่อย แบลล์พูดทำนองว่าเราจะยืนจับมือเคียงบ่าเคียงใหล่ Hands in hands, shoulders to shoulders ทำนองนั้น หลายคนตั้งข้อสังเกตุว่าไม่น่าแปลกใจเพราะอังกฤษเป็นคอหอยลูกกระเดือกกับอเมริกาอยู่แล้ว แต่ควรจะสนับสนุนในกรณีที่ควรจะสนับสนุนเท่านั้น ผู้วิเคราะห์จากทีวีหลายๆช่องออกมาเหน็บแนมนายกตัวเองว่า เข้าทำนองออกนอกหน้าไปหน่อย

น่าสนใจว่าอเมริกาจะทำอย่างไร เพราะข่าวว่าตาลีบัน ค่อนข้างจะมีท่าทีก้าวร้าว
ขอให้คุณพระคุ้มครองโลกมนุษย์ด้วยคนครับ