เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 12
  พิมพ์  
อ่าน: 5377 เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 12 พ.ย. 22, 19:39

เกิดความอยากรู้ขึ้นมาว่า เรามีกฏกติกาทางกฏหมายหรือข้อบังคับใดๆบ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์(หรือที่เกี่ยวข้อง)ระหว่างปกติชนกับสัตว์ต่างๆ  
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 13 พ.ย. 22, 18:38

ที่มีปุจฉาไปนั้น เกิดจากความสงสัยว่า ในกรณีที่เราพบสัตว์ที่เจ็บป่วย ที่พลัดหลงจากฝูงหรือพ่อแม่ ที่ประสบอุบัติเหตุ หรือที่หนีภัยมาแอบซ่อนอยู่กับเรา แล้วเราให้ความช่วยเหลือ ดูแล หรืออนุบาลเขาจนแข็งแรงแล้วปล่อยเขาเป็นอิสระไป  หากบังเอิญสัตว์เหล่านั้นจัดเป็นสัตว์คุ้มครองหรือสัตว์สงวนตามกฏหมาย  การกระทำของเรานั้นจะมีข้อจำกัดมากน้อยเพียงใด หรือพึงจะต้องปฏิบัติเช่นใด เพื่อให้ยังคงมีความเป็นมนุษย์ที่มีเมตตาธรรมโดยไม่ขัดต่อกฏ ระเบียบ ข้อบังคับ และกฏหมายต่างๆ   

กรณี นก"กันยา" ที่ผมอนุบาลอยู่นี้ เป็นนกเขาชวา ซึ่งก็เป็นสัตว์ในกลุ่มสัตว์คุ้มครองฯ  เลี้ยงเขาโตมาจนรู้สึกว่าอยู่กับตัวผม กับเสื้อม่อฮ่อมของผมแล้วเขารู้สึกปลอดภัย  โชคดีที่ผมสามารถจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระได้โดยไม่ต้องกังวลกับความอยู่รอดของเขาข้างหน้า    ทุกวันนี้ เวลาประมาณบ่าย 2 โมง และบ่าย 4 โมง จะมีนกเขาชวาฝูงหนึ่งประมาณ 20 ตัว และนกเขาใหญ่อีกคู่หนึ่งกับอีก 1 ตัว บินลงมากินดอกหญ้าที่ผมหว่านกองให้ ก็นั่งมอง นั่งนับจำนวนเขาทุกวัน   นก"กันยา"ของผม เห็นนกกลุ่มนี้ทุกวัน ตัวเองกำลังฝึกความพร้อมในการกระพือปีกเป็นเวลานานๆ  ก็เอาเขาเข้าบ้านให้เขาลองบินดูว่าจะบินได้แข็งและไกลมากน้อยเช่นใด  พร้อมดีแล้วก็จะปล่อยเขาไป เขาก็น่าจะพอมีกลุ่มที่จะบินเกาะติดตามได้ ตอนนี้กำลังรอให้ขนหางของเขาสมบูรณ์ขึ้นมาอีกนิดแล้วก็จะปล่อยเขาไป โดยจะใช้วิธีเปิดกรงที่มีจานอาหาร มีน้ำ มีที่นอนที่ปูด้วยเศษผ้าเสื้อม่อฮ่อมเหมือนที่เขาเคยเห็นทุกวัน หากเขาอยากลับมาก็จะมีที่พร้อมอยู่ให้กับเขา       
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 13 พ.ย. 22, 19:14

การให้อาหารฝูงนกเขาที่ผมทำอยู่นั้น คงไม่อยู่ในความหมายของคำว่า สัตว์เลี้ยง  เมื่อดูแต่เพียงการกระทำก็คงจะไปอยู่ในลักณะหนึ่งในความหมายของคำว่า เลี้ยงสัตว์ หรือการให้อาหารสัตว์(ชนิดหนึ่ง)ในธรรมชาติ   ความประสงค์ในการกระทำของผมโดยเนื้อแท้จริงๆแล้ว ผมพยายามเติมเต็มอาหารให้แก่เขาทั้งหลายก่อนกลับรังหรือเอาไปเลี้ยงดูลูก  ด้วยเห็นว่า พื้นที่ในละแวกบ้านเกือบจะไม่มีแหล่งอาหารที่พอเพียงสำหรับความสมบูรณ์พูนสุขของเขา โดยเฉพาะดอกหญ้า  เห็นเขาอ้วนท้วนแข็งแรงดีก็สุขใจ   

นกเขาชวาเป็นพวกนกป่าชนิดหนึ่ง ดูจะพบมากในพื้นที่ป่าชานเมือง แต่ปัจจุบันนี้พบว่าเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองค่อนข้างมาก  เมื่อหลายสิบปีก่อนเห็นแต่นกเขาใหญ่ แต่ปัจจุบันนี้หายไปเกือบหมด มีแต่นกเขาชวาเขามาปรากฏอยู่ในปริมาณมาก  ในพื้นที่เมืองในต่างจังหวัดก็เช่นกัน   

ก็ดูจะเริ่มกลับทางกันกับนกพิราบ ซึ่งเป็นนกป่าที่เข้ามาบุกรุกและอาศัยอยู่ในพื้นที่เมือง ปัจจุบันนี้กำลังกลับออกไปอยู่ในพื้นที่ไร่นาต่างๆ กำลังเป็นตัวทำลายผลิตผลข้าวของชาวนาที่น่ากลัวมากกว่านกกระจอก  นาข้าวได้รับความเสียหายค่อนข้างมากตั้งแต่เริ่มกระบวนการทำนา และเป็นความเสียหายที่รวดเร็วอีกด้วยเพราะนกตัวมันโตแถมกินจุอีกด้วย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 14 พ.ย. 22, 10:59

นกพิราบ เป็นปัญหามาก  นอกจากจะถ่ายเลอะเทอะแล้ว มูลนกยังมีเชื้อราคริปโตคอคคัส นีโอฟรอร์แมนส์ (Cryptococcus Neoformans) ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับมนุษย์ถึงขั้นเสียชีวิต   
ที่บ้านมันเกาะบนหลังคาสูงทำให้ยากจะไล่  ยังดีที่อยู่หลังบ้านซึ่งไม่มีใครค่อยเดินไปกันนัก   ส่วนตามคอนโด ถ้าห้องไหนเจ้าของปิดทิ้งไว้ นกพิราบก็ชอบมาอาศัยตามระเบียง อันตรายกับห้องใกล้ๆเหมือนกัน
ยังไม่รู้จะไล่ยังไงเลยค่ะ

สัตว์เลี้ยงที่บ้านมีชนิดเดียวคือหมา   ไม่เลี้ยงแมวเพราะหมาเกือบทุกพันธุ์ที่เลี้ยง ไม่ถูกกับแมวค่ะ เรียกว่าเห็นไม่ได้เลย ต้องไล่กันถึงตาย
ปกติเลี้ยงหมาใหญ่ เพราะมีไว้เฝ้าบ้าน   เคยเลี้ยงโดเบอร์แมนคู่หนึ่ง  นิสัยพันธุ์นี้ขี้ตื่น ว่องไว ซุกซน  ไม่เคยอยู่นิ่ง และที่สำคัญคือเป็นหมาล่าสัตว์ที่ดุมาก  ไม่ว่าแมว จิ้งจก ตุ๊กแก หรือนก อย่าให้เห็นเชียว  จัดการเรียบ   
ต่อมาเมื่อตายไปหมดแล้ว ตัดสินใจว่ามันดุเกินไป  เลยเปลี่ยนมาเลี้ยงร็อทไวเลอร์ซึ่งเจ้าของฟาร์มบอกว่านิ่งกว่าโดเบอร์แมน    สองตัวแรกที่ได้มานิ่งสมคำรับรอง  ขนาดคนในบ้านเดินข้ามได้ ไม่กระดิกตัว   ยิ่งโตก็ยิ่งตัวใหญ่จนชาวบ้านลือกันว่าเอาหมีมาเลี้ยง 
เลี้ยงร็อทไวเลอร์ ต้องมีบริเวณบ้านให้เดินหรือวิ่ง     ถ้าหากว่าเลี้ยงแบบขังกรงจะหงุดหงิดมาก  ข่าวที่ร็อททำร้ายเด็กหรือเจ้าของอาจเป็นได้ว่าล่ามโซ่หรือขังกรงเป็นประจำ   

ที่บ้านเลี้ยงร็อทไม่เคยขังกรงเลย   ตลอดเวลาก็ไม่ดุ  หรือไม่มีโอกาสดุก็เป็นได้ค่ะ  แค่เห่า เสียงก็เกือบเท่ากับขยายลำโพง   พอเห็นคนเดินผ่านหน้าบ้าน  เ่ห่าออกมา "โฮ่ง" เดียว คนเดินผ่านโดยเฉพาะเด็กๆ วิ่งกระเจิดกระเจิงกันไม่คิดชีวิต
ทั้งๆเลี้ยงอย่างดี  ร็อทที่เลี้ยงกี่ตัวๆอายุสั้นมาก  แค่ 6-7 ขวบก็ป่วยตาย   ผิดกับหมาไทยพวกอารามด๊อกที่แข็งแรงมาก อยู่เกิน 10 ปี    ต่อมาทางการห้ามนำเข้าร็อทไวเลอร์ กลายเป็นหมาอันตราย  เลยหาซื้อไม่ได้อีก
ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเลี้ยงแลบราดอร์แทน เลือกชนิดพันธุ๋ผสม เพราะกลัวพันธุ์แท้เลี้ยงแล้วอายุไม่ยืน   ที่ได้มา ตัวไม่ใหญ่เท่าร็อท  แต่ก็ฉลาด   เวลารวมกลุ่มแล้ว ดูเอาการเหมือนกัน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 14 พ.ย. 22, 11:14

   ขอเล่าถึงร็อทไวเลอร์ตัวโปรด ชื่อลีโอ กับ ไลอ้อน ได้มาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ซื้อมา 2 ตัวให้เป็นเพื่อนกันค่ะ
   เป็นร็อทไวเลอร์สีดำค่ะ ตอนเล็กๆอ้วนกลม ขนดำนุ่มเหมือนกำมะหยี่ น่ารักมาก   แต่โตเร็วเหลือเกิน  อุ้มอยู่ได้ไม่นานก็อุ้มไม่ไหว
   ก่อนหน้ามีร็อทไวเลอร์  ที่บ้านได้พูเดิ้ลมาคู่หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ  เจ้าของเขามีหลายตัวเลี้ยงไม่ไหว เลยยกมาให้ 2 ตัว  ตัวผู้กับตัวเมีย น่ารักมาก ชื่อน้ำชากับกาแฟ  น้ำชาเป็นพูเดิ้ลขนสีทอง ส่วนกาแฟมีขนสีช็อกโกแลต
   ต่อมา กาแฟคลอดลูกมา 4 ตัว ขนหยิกสีทองกับสีช็อกโกแลตเหมือนพ่อแม่    กลายเป็นมีพูเดิ้ล 6 ตัวแบบเจ้าของบ้านไม่ได้ตั้งตัว    ทั้ง 4 ตัวน่ารักเหมือนลูกหมาในโปสเตอร์   ตกลงว่ายกให้ใครไม่ลง เลยเลี้ยงไว้หมด   ได้ร็อทมาอีก 2  กลายเป็นมีหมา 8 ตัว  เต็มบ้านไปหมดในตอนนั้น
   ลูกหมาพูเดิ้ลโตกว่าร็อท   พอได้ร็อทมา พูเดิ้ล 4 ตัวโตเต็มที่แล้ว   พูเดิ้ลก็เลยเจ้ากี้เจ้าการไปช่วยเลี้ยงร็อท  เวลานอนก็นอนด้วยกัน  เลี้ยงไปเลี้ยงมา ร็อทนึกว่าตัวเองเป็นพูเดิ้ล  พอพูเดิ้ลตะกายเจ้าของให้อุ้ม  ร็อทก็ตะกายมั่ง  เจ้าของต้องตั้งหลักให้ดี ไม่งั้นหงายหลังได้ง่ายๆ
  อาจจะเป็นได้ว่าพูเดิ้ลเลี้ยง  ร็อทเลยมีนิสัยคล้ายพูเดิ้ล คือไม่ดุ  พี่ๆเขานอนเล่นกันทั้งวัน ร็อทก็นอนบ้าง   ตอนกลางคืน พูเดิ้ลก็นอนหนุนร็อท ร็อทเอาขาก่ายเหมือนเด็กนอนกอดตุ๊กตา หลับกันไปทั้งสองคู่
   ลีโอเป็นหมาสุภาพกว่าไลอ้อน  ไลอ้อนติดจะขี้เล่นหน่อย บางทีก็เกเรเหมือนเด็กเอาแต่ใจ    ส่วนลีโอนั้นมาดพระเอก  ตอนเช้าเมื่อดิฉันเดินออกกำลังกาย  ลีโอเห็นจะต้องลุกมาเดินเป็นบอดี้การ์ด  เดินนิ่งๆไปด้วยตลอดทาง ไม่ต้องจูง จนกระทั่งกลับถึงที่ประจำถึงจะผละไปนอนตามเดิม

   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 14 พ.ย. 22, 18:46

Rottweiler  รูดซิบปาก   หากได้ยินว่าบ้านใหนเลี้ยงหมาพันธุ์นี้ ผมจะพยายามอยู่ห่างไว้ก่อน  ยิงฟันยิ้ม    ชื่อเสียงของเขาในเชิงของคุณลักษณะประจำตัว มักจะปรากฎอยู่ในฝั่งของข่าวที่เป็นทางลบมากกว่าในทางบวก ก็คงเหมือนกับหมาไทยพวกหมาหลังอานและหมาพันธุ์บางแก้ว  ที่จริงแล้วผมเห็นว่าหมาพวกนี้เป็นพวกหมามีนายเดียว เขาจะซื่อสัตย์และปกป้องอย่างถึงที่สุดสำหรับนายผู้นั้น ซึ้่งส่วนมากก็จะเป็นผู้ที่คลุกคลี ดูแลอาหาร และร่วมทุกข์-สุขกับเขา   สำหรับความก้าวร้าว ความดุจะมากจะน้อย ความรู้สึกที่เป็นมิตร หรือความอ่อนโยนของเขานั้น ดูจะมาจากลักษณะและวิธีการเลี้ยงของเรา 

เมื่อสมัยยังเป็นเด็กในวัยทีนต้นๆ ที่บ้าน ตจว.เคยเลี้ยงหมาพันธุ์ที่เรียกกันว่าหมาดอย (ชื่อ หมี)  เมื่ออยู่กรุงเทพฯมีครอบครัวแล้วก็เลี้ยงหมาหลังอาน (ชื่อ สีหมอก) เป็นตัวผู้ทั้งสองตัว ทั้งสองพันธุ์นี้จัดว่าเป็นประเภทหมาดุ และเป็นประเภทหมามีนายเดียว   ก็มีข้อสังเกตเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่พอจะรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการฝึกสัตว์เพื่อใช้ในทางราชการว่า หมาไทยพันธุ์ดุนั้นดูจะมีความฉลาดและมีความคิดเป็นของตนเองมาก ชอบที่จะปฏิบัติเกินเลยกว่าคำสั่งและขอบเขตของการปฏิบัติที่ฝึกมา เช่น การฝึกให้กัดเฉพาะส่วนของแขนที่ผู้ฝึกจะสวมปลอกป้องกันเขี้ยวไว้ หมาไทยก็จะงับตรงนั้นแต่จะขยับไล่ไปหาส่วนที่ไม่ใช่ปลอกแขน มันคงคิดว่าการงับฝังเขี้ยวที่ถูกต้องควรจะอยู่ที่เนื้อคนมากกว่าที่วัสดุที่ทำเป็นปลอกแขน  ที่น่ากลัวอย่างหนึ่งของหมาไทยพันธุ์ดุก็ดูจะเป็นการกัดแบบขย้ำ

ผู้ที่เป็นเจ้าของตัวจริงของ เจ้าหมี ก็คือคุณพ่อของผม สำหรับ เจ้าหมอก ก็คือผม  ทั้งพ่อผมและตัวผมเองเกือบจะไม่เคยได้ให้ข้าว อาบน้ำ...  มีก็แต่เพียงเมื่อกลับมาถึงบ้านก็ทักทายลูบหัวลูบหลังมันและคุยกับมัน  ด้วยความฉลาดของมัน มันรู้ว่านายที่แท้จริงของมันคือผู้ใด  เรารู้ได้จากการกระทำต่างๆเช่นในลักษณะที่มันพยายามอยู่ใกล้ชิดติดตัวเรา  และการไม่แสดงอาการการต่อต้านใดๆกับการกระทำใดๆของเรากับตัวมัน กระทั่งพลาดเผลอไปเหยียบมัน มันก็แสดงออกเพียงร้องว่าเจ็บและกัดฟันรัวๆแสดงว่าโกรธนะ     
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 14 พ.ย. 22, 19:42

พูดถึงสัตว์เลี้ยงที่มีความผูกพันกันกับตัวเรามากๆแล้วก็ทำให้คิดถึงเขานะครับ

สุนัขตัวสุดท้ายที่เลี้ยงชื่อ บาแกตต์ (Baguette) เป็นพันธุ์ French Bulldog   แก่+โรค ตายไปแล้วเมื่อสามสี่ปีก่อน   ก็ไปใหนมาใหนด้วยกันเท่าที่โอกาสอำนวย นอนบนฟูกข้างเตียง หากฝนตกฟ้าร้อง บางทีก็ขอปีนขึ้นมานอนเบียดกัน   

ยังคิดถึงเขาอยู่ครับ



คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 14 พ.ย. 22, 20:34

บ้านผมเคยมีปัญหาเรื่องนกพิราบหลายปี แก้ยังไงก็ไม่หายจนรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ

อยู่มาวันหนึ่ง...เพื่อนบ้านติดกันได้ขายบ้านไม้อยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร นับตั้งแต่วันนั้นไม่มีนกพิราบมาเกาะบนตึกแถวบ้านผมสักตัว ไม่มีแม่นกพิราบมาทำรังบนระเบียงชั้นสอง แต่บ้านติดกันอีกหลังที่เป็นบ้านสองชั้นยังมีนกพิราบทำรังเหมือนเดิม

เข้าใจว่าพอไม่มีบ้านไม้ในระยะร่อนไปร่อนมาได้อย่างถนัดถนี่ นกพิราบจึงย้ายถิ่นฐานไปทำรังบ้านคนอื่น  ยิงฟันยิ้ม เรื่องแปลกแต่จริงของผมเอง


ส่วนเรื่องสุนัขผมมีแค่ตัวเดียวพันธ์ผสมสีน้ำตาลแดง ตอนนี้เดินทางกลับดาวเคราะห์แคระไปแล้ว  เศร้า ฉะนั้นผมจะไม่เลี้ยงสุนัขแบบกินนอนด้วยกันอีกแล้ว แต่ถ้าเป็นสุนัขของแฟนหรือของลูกค่อยว่ากันภายหลัง
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 15 พ.ย. 22, 17:51

นกพิราบเป็นสัญลักษณ์ของเรื่องการมี "สันติภาพ" ซึ่งต้องเป็นนกสีขาวอีกด้วย ผมเคยอ่านที่มาที่ไปของการใช้สัญลักษณ์นี้แบบกระท่อนกระแท่น แล้วก็ลืม จำเรื่องราวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย     นกพิราบสีขาวพบในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับพวกมีสีเทา นกสีขาวนี้มักจะพบอยู่ใน(เมือง)ของประเทศที่มีฤดูหนาวแบบมีหิมะตก หรือในพื้นที่แถบประมาณเส้นละติจูด 40+ องศา (ผมพบเห็นเช่นนั้น)    นกพิราบน่าจะจัดเป็นนกที่สร้างปัญหาให้กับมนุษย์มากที่สุดในเรื่องของความสกปรกและพาหะของโรคภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ๆมันอยู่รวมกันเป็นฝูง และอาคารสถานที่ๆมันยึดอาศัย  แต่ความเป็นฝูงของมันก็กลับกลายเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับนักท่องที่ยวหรือผู้ที่เดินทางผ่านไปมาในการให้อาหารพวกมัน   

เท่าที่พอจะทราบ นกพิราบก็มีอยู่หลากหลายสายพันธู์ พวกที่เอามาเป็นสัตว์เลี้ยงกันนั้น จะเป็นพวกที่มีรูปลักษณ์แปลกและสวยงาม หรือเป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถเด่นในการแสวงหาทางกลับสถานที่อยู่(กรง)ของตนเอง(นกพิราบสื่อสาร เลี้ยงไว้เพื่อการแข่งขัน)  หรือเป็นสายพันธุ์ที่เลี้ยงเพื่อเอามาทำเป็นอาหาร ....

ก็แปลกอยู่ที่ผู้คนทั้งโลกประสบกับปัญหาเรื่องนกพิราบเหมือนๆกัน แต่ดูจะมีความรู้ไม่มากนักเกี่ยวกับวิธีการกำจัดหรือการจำกัดเรื่องที่ไม่พึงปราถนาต่างๆที่เกิดจากนกพิราบ  วิธีการที่ดูจะนิยมทำกันก็คือ จับมันไปปล่อยในพื้นที่ห่างไกลจากผู้คน ซึ่งก็จะไปทำให้เกิดผลอันไม่พึงปราถนาตามมาจากการที่มันไปทำความเสียหายให้กับผลิตผลทางการเกษตรของชาวบ้าน  กลายเป็นการเอาปัญหานั้นไปโยกไปให้กับอีกพื้นที่หนึ่ง จะจับตายนกก็เป็นการโหดเกินไป   อื่นๆที่ใช้กันก็มีเช่น ไล่ด้วยการใช้เสียง(ปะทัด)  ไล่ด้วยกลิ่น(ลูกเหม็น) ไล่ด้วยเหยี่ยวนกตัวจริง หรือด้วยเหยี่ยวเทียม(mobile)  หรือด้วยการใช้ว่าวแบบเขียนเสือให้วัวกลัว
 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 15 พ.ย. 22, 18:47

วิธีแก้ปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับกรณีพื้นที่ระเบียงบ้าน ดังเช่นกรณีของคุณ superboy นั้น  ผมเคยเห็นเขาใช้ตาข่ายไนล่อนดักปลาสีขาวใส ขนาดตาของตาข่ายประมาณครึ่งนิ้ว หรือหนึ่งนิ้วก็ได้  แขวนห้อยเป็นแผงลงมา นกมันมองไม่เห็นก็จะบินไปชนแล้วติดอยู่  ก็สุดแท้แต่ว่าจะแกะมันออกปล่อยไป หรือจะทิ้งไว้นานพอให่มันใกล้หมดแรง แล้วจึงแกะปล่อยมัน จะได้เข็ดหลาบ ฝรั่งก็ใช้วิธีนี้ และอีกวิธีหนึ่งที่เขาใช้ก็ คือใช้วิธีการตอกตะปูทะลุแผ่นไม้ แล้วเอาไปวางเพื่อไม่ให้มันสามารถเกาะได้ 

ในกรณีที่เป็นพื้นที่โรงงาน ก็มีที่ฝรั่งเขาใช้เหยี่ยวไล่ มีคนที่เลี้ยงและฝึกเหยี่ยวเพื่อการไล่นกตามโรงงานเป็นอาชีพโดยเฉพาะ วันหนึ่งทำสองสามครั้ง ก็ดูจะได้ผลดีเหมือนกัน    อ้อ! ลืมไปว่าบางสนามบินในยุโรป (?) ก็ใช้เหยี่ยวไล่เช่นกัน

ไทยเรามีเหยี่ยวนกชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า "เหยี่ยวนกเขา"  จัดเป็นพวกสัตว์คุ้มครอง   ผมมีความเห็นว่าหากอนุญาตให้ชาวบ้านสามารถเลี้ยงและฝึกเหยี่ยวชนิดนี้ได้ ก็น่าจะเป็นการดีทีเดียว มันจะช่วยจัดการกับพวกนกพิราบ นกกระจอก นกกระจาบ ที่ชอบแห่กันลงมากินข้าวในนาตั้งแต่เมื่อเม็ดข้าวติดรวงเริ่มสุก หรือเม็ดข้าวที่แผ่ตากไว้เพื่อลดความชื้นหลังจากการฟัดแล้ว

อันที่จริงแล้ว เหยี่ยวที่เรียกว่า "อีรุ้ง" ก็น่าจะอนุญาตให้เลี้ยงกันได้เช่นกัน  เหยี่ยวอีรุ้งดูจะเป็นพวกนิยมหากินสัตว์พวกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ฉ่ำน้ำ มันก็น่าจะช่วยกำจัดหนูได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เรามีความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับเหยี่ยวทั้งสองชนิดนี้มากพอที่จะสามารถกำหนดเงื่อนไขการควบคุมการเลี้ยง การใช้ประโยชน์ และการสร้างความสมดุลย์ให้เกิดขึ้ยและเป็นไปตามธรรมชาติได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 16 พ.ย. 22, 09:32

ขอเล่าเรื่องร็อทไวเลอร์ต่ออีกนิด
เราตกลงกันว่า เลี้ยงหมาใหญ่เพื่อให้ผู้อยากบุกรุกบ้านเกิดความกลัว ไม่คิดจะเข้ามา แทนที่จะเลี้ยงหมาดุตัวย่อมๆอย่างหมาบางแก้วที่พวกนั้นเข้ามาแล้วถึงค่อยเจอเขี้ยว  แบบหลังนี้จะยุ่งยากกว่า อย่างน้อยก็ต้องไปแจ้งความ ตำรวจต้องมาตรวจสอบ ฯลฯ
สู้เลี้ยงหมาใหญ่ให้ยำเกรงดีกว่า  ตัดไฟแต่ต้นลม
ดังนั้นเมื่อลีโอกับไลอ้อนจากไปแล้ว   ก็เลยหาร็อทไวเลอร์ตัวใหม่มาแทน   คราวนี้หามาได้ตัวเดียว ตั้งชื่อว่าไทเกอร์
ร็อทไวเลอร์คนละครอกกัน  นิสัยไม่เหมือนกัน   ลีโอกับไลอ้อนเป็นร็อทที่ใจดี นิสัยเรียบร้อย    ส่วนไทเกอร์เหมือนผสมโดเบอร์แมน  คือนิสัยดุ ขี้โมโห    เลี้ยงยากแม้แต่คนเลี้ยงเองก็ต้องระวัง   เวลาไม่พอใจขึ้นมาจะแสดงอาการออกมาทันที  คือแยกเขี้ยว ขนคอพองออกมาให้รู้ว่า..ฉันโกรธละนะ   ทำเอาเจ้าของบ้านต้องกำชับเด็กๆไ่ม่ให้ไปเล่นด้วย
ทุกคนในบ้านรู้ว่าอย่าทำให้หิว หรือโกรธ   เพราะไทเกอร์นิสัยไม่น่ารักอย่างสองตัวก่อน   ทำเอาต้องอยู่ห่างๆ ให้อาหารตามปกติ แต่ไม่ไปคลุกคลีด้วย   จะขังกรงก็ไม่ได้ เพราะจะทำให้ไทเกอร์พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น
ไทเกอร์ก็เช่นเดียวกับร็อทก่อนหน้านี้ คืออายุไม่ยืน   
พอหมดยุคไทเกอร์ ก็ไม่เลี้ยงร็อทอีกเลยค่ะ   หันมาเลี้ยงแลบราดอร์แทน 
เพิ่งเปิดเจอในกูเกิ้ลว่า ร็อทไวเลอร์ยังมีขายอยู่   จะแท้หรือผสมยังไม่ได้เห็นรายละเอียด     แต่พอบอกว่าจะไปหามาดู  เสียงคัดค้านก็ตามมาทันที  เพราะกลัวว่าจะได้อย่างไทเกอร์มาแล้วปราบไม่อยู่
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 16 พ.ย. 22, 18:17

แลบราดอร์ที่อาจารย์นำมาเลี้ยงน่าจะทดแทนเจ้ารอทไวเลอร์ทั้งสามตัวที่ยังอยู่ในความทรงจำของอาจารย์ได้เป็นอย่างดี  เดาว่าอาจารย์น่าจะชอบพวกพันธุ์ที่มีร่างกายกำยำ ดูแข็งแรงและมั่นคง (sturdy) +นิสัยและอารมณ์ดีเสมอต้นเสมอปลาย   ผมไม่เคยเลี้ยงแลบราดอร์ เพียงแต่เคยได้เล่นและได้สัมผัสตัวจริงบ้าง ได้เคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขสายพันธุ์ต่างๆ ก็เลยพอจะรู้ว่าแลบราดอร์มี่ชื่อเรียกเต็มต่อท้ายว่า รีทรีพเวอร์ (Retriever)  เป็นพวกที่มีนิสัยพื้นฐานชอบไปคาบหรือเก็บของมาเล่น ฝึกง่าย เชื่อฟังและชอบคลุกคลีกับเจ้าของ  ดูจะเหมาะสำหรับการเลี้ยงโดยผู้สูงวัย ผมนึกถีงภาพที่ผู้สูงวัยเดินและเล่นกับมันในสนามหรือในพื้นที่โล่งๆ ครับ

ภาพของสุนัขที่มีนิสัยดีและเป็นมิตรกับผู้คนทุกวัยที่ค่อนข้างจะคุ้นหน้าคุ้นตาทางสื่อ มักจะเป็นรีทรีพเวอร์พันธุ์ที่ชื่อว่า โกลเด็น รีทรีพเวอร์ (Golden Retriever)   ก็ไม่เคยคิดจะหามาเลี้ยง ภาพต่างๆตามที่สื่อออกมาส่วนมากจะแสดงถึงลักษณะที่ดูมันจะจุ้นกับเราไปในทุกเรื่องแบบมากเกินพอดี  ยิงฟันยิ้ม   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 16 พ.ย. 22, 18:50

ไม่ได้เลี้ยงโกลเด้นเพราะกิตติศัพท์เลื่องลือว่าเป็นหมาใจดี เป็นมิตรกับทุกคนรวมทั้งขโมยที่เข้าบ้านด้วย  สรุปง่ายๆว่าไม่ดุเลยค่ะ
แลบราดอร์ที่บ้าน เป็นหมาขี้เล่น สนุกสนาน ชอบของเล่น   เวลาไปเจอร้าน ๒๐ บาท จะต้องซื้อตุ๊กตาที่บีบแล้วดังบิ๊บๆมาให้  จะชอบเล่นมาก    แต่จูงเดินไม่ได้เพราะแลบราดอร์ชอบวิ่งตัวปลิว   ไม่ชอบเดิน   จะลากนายผู้สูงอายุล้มลุกคลุกคลานไปด้วยค่ะ
แลบราดอร์ใจดี แต่บทจะดุขึ้นมาเช่นเห็นคนแปลกหน้า ก็น่ากลัวเอาการเหมือนกันค่ะ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 17 พ.ย. 22, 18:22

หลังเวลาเที่ยงวันนี้ เจ้า "กันยา" นกเขาชวาตัวน้อยที่ผมได้ดูแลแทนพ่อ-แม่ของเขาได้บินออกจากกรงไปสู่อิสรภาพแล้ว บินไปเกาะที่รั้วมองไปข้างหน้า มองซ้าย-ขวาอยู่พักใหญ่ แล้วก็หันกลับหลังมามองในบ้าน สักพักก็บินไป   ดูแลเขามาเดือนกว่าๆตั้งแต่ตัวยังเต็มไปด้วยขนอุย ดูพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของขนของเขาจนกลายเป็นขนนกที่มีลวดลายตามฉบับของนกเขวา   

ดูวิธีการไซร้ขน การแต่งขนของเขา ก็เลยได้รู้เห็นสัญชาตญาณของสัตว์ว่า ถึงช่วงใหนเวลาใหนเขาพึงจะต้องทำอะไรและปฏิบัติเช่นใด  นกใช้ปากไซร้ขนได้เกือบทั่วทั้งตัว ส่วนคอช่วงบนจะใช้วิธีเกาด้วยตีน    เขาจะชอบคลี่ปีกและพองขนอาบแดด ก็เพื่อตากขนที่งอกยาวออกมาที่มีไขมันติดมาด้วยนั้น ให้มันแห้ง แล้วเขาก็จะไซร้ขนเพื่อคลี่มันให้แตกเป็นแผงที่สมบูรณ์ (คล้ายกับการคลี่พัด)  จะเห็นว่ามีผงสีขาวๆร่วงลงมา ก็คงเป็นไขมันที่แห้งนั่นเอง     ก็เลยคิดเอาเอง เดาเอาเองต่อไปว่า อ้อ..ไขมันที่มากับขนของพวกสัตว์ปีกนี่เอง ที่น่าจะเป็นแหล่งอาหารของแมลงพวกไร ทำให้นกมีไร ที่เรียกว่า ไรนก    ก็เลยมีความเห็นว่า หากจะเลี้ยงพวกสัตว์มีปีกหรือพวกสัตว์มีขนใดๆก็ตาม ก็พึงจะต้องทำมันต้องมีโอกาสได้ตากแดดอยู่เป็นประจำ

ก็ยังเป็นห่วงนก "กันยา"อยู่ ครับ   ว่าได้พบที่พักที่เหมาะสมแล้วหรือยัง  ก็ยังคงเปิดกรงพร้อมน้ำและอาหารให้เขาอยู่ เอาเศษผ้าม่อฮ่อมแปะไว้ที่ประตูกรงและเอาวางบนถาดที่นอนเดิมของเขา เพื่อที่เขาจะได้เห็นได้ชัดเจนหากคิดจะกลับมาเยือน   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 17 พ.ย. 22, 18:55

ย้อนไปยังความเห็นของคุณ Anna ว่า  ที่เอาไปให้สมาคมพิทักษ์สัตว์..(ที่ชื่อทำนองนี้) นั้น   นั่นเป็นการกระทำอย่างหนึ่งที่เหมาะสม ผมรู้ว่าต้องมีสมาคมประเภทนี้ แต่ไม่เคยแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ    ในประสบการณ์ของผมที่ได้สัมผัสและกระทำมา ผมไพล่ไปนึกถึงการเอาไปให้สวนสัตว์ดูแล     จะเป็นเช่นใดก็ตาม ความเหมาะสมต่างๆก็ดูจะขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์และสภาพการณ์ที่เกี่ยวข้อง    กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก็มีความเกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์คุ้มครองต่างๆเช่นกัน   
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.086 วินาที กับ 19 คำสั่ง