naitang
|
ความคิดเห็นที่ 120 เมื่อ 15 ม.ค. 23, 18:13
|
|
ไก่ที่เหมาะจะนำมาเลี้ยงในบ้านที่อยู่ในเมืองน่าจะเป็นไก่แจ้ ไก่แจ้นั้นมีหลายพันธุ์ให้เลือก ทั้งของไทยและของเทศ ไก่แจ้ต้องการพื้นที่สนามหญ้าผืนเล็กๆ ต้องการคอนไม้สำหรับเกาะนอน จะเป็นคอนในกรงก็ได้ สามารถเลี้ยงควบคู่ไปกับสุนัขได้ ไก่แจ้ตัวผู้จะหวงตัวเมียและไล่ตีสุนัขโดยไม่กลัวเกรง ควรจะเลี้ยงเป็นคู่ตัวผู้-ตัวเมีย หรือตัวผู้ตัวเดียว ตัวเมียหลายตัว
ไก่แจ้สามารถขยายพันธุ์ได้ค่อนข้างจะรวดเร็วมาก ตัวเมียออกไข่ครั้งละหลายฟอง มากจนกินจะไม่ทัน และเกือบจะไม่มีไข่ลม คือไข่ทุกใบสามารถฟักออกเป็นตัวได้ ด้วยเหตุว่าตัวผู้เจ้าชู้มาก ก็เป็นจริงตามสำนวนไทยที่ว่าว่า "เจ้าชู้ไก่แจ้"
ไก่แจ้ค่อนข้างจะเชื่องมากๆ เดินไปเดินมา น่ารักดี มันไม่ค่อยหนีและไม่ขัดขืนในการจับต้องตัวมัน ก็นิ่งมากพอที่จะเข้าทำนองกระชากลากถูมันได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 121 เมื่อ 15 ม.ค. 23, 18:57
|
|
ไก่แจ้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 122 เมื่อ 15 ม.ค. 23, 19:06
|
|
ไก่แจ้เป็นสัตว์เลี้ยงที่ให้ประโยชน์ในหลายๆเรื่องเมื่อเลี้ยงไว้อย่างถูกจังหวะเวลา ช่วงเวลาการเลี้ยงที่เหมาะที่สุดดูจะเป็นช่วงที่บุตรหลานกำลังเข้าสู่วัยซน อยากเรียนรู้ และอยากสัมผัสสิ่งที่เป็นธรรมชาติจริงๆในแง่มุมต่างๆ เขาจะได้เรียนรู้จากการสังเกตด้วยตนเองและมีความเข้าใจในพฤติกรรมที่ตนเองกระทำลงไป (action) และผลตอบสนองจากการกระทำนั้นๆ (reaction) ซึ่งผู้ใหญ่ที่ดูแลอยู่ก็จะช่วยสอนต่อไปถึงว่าอะไรควรหรือไม่ควรจะกระทำที่จะยังให้เกิดผลที่ต่างกัน รวมทั้งถ่ายทอดปรัชญาในการดำรงชีวิตในเรื่องต่างๆ สุดแท้แต่จะโยงไป ที่สำคัญคือเป็นการช่วยปรับสภาพจิตใจเด็กให้อยู่ในลู่ของความเป็นคนที่มีจิตใจดี รู้รับผิดชอบชั่วดี ปูพื้นให้เป็นคนที่ gentle ลดความเป็นคนที่ aggressive ซึ่งจะยังผลไปสู่การช่วยลดความเป็นคนที่ mean โดยรวม
ไก่แจ้ มีอายุแถวๆ 6-7 ปี เมื่อแก่หนักๆเข้าก็น่าเอ็นดูไปอีกอย่างหนึ่ง มีทั้งตาไม่ดี เดินชน ยืนหลับก็มี และนอนตกขอน ก็เป็นอาการที่ไม่ต่างจากคนแก่ทั้งหลายนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 123 เมื่อ 16 ม.ค. 23, 10:35
|
|
ที่ญี่ปุ่นมีไก่สวยงามอยู่พันธุ์หนึ่ง ชื่อว่าพันธุ์โอนากาโดริ 尾長鶏 แปลตามตัวอักษรก็คือ ไก่หางยาว ถือเป็นสมบัติของชาติทีเดียว ห้ามนำไก่พันธุ์นี้รวมทั้งไข่ออกนอกประเทศ ไก่หางยาวตัวเป็น ๆ เกาะคอนโชว์ตัวอยู่ในสวนสัตว์อูเอโนะ โตเกียว โอนากาโดริ นานาสี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 124 เมื่อ 16 ม.ค. 23, 18:16
|
|
เคยเข้าไปเดินเที่ยวในสวนสัตว์อูเอโนะ แต่ไม่รู้ว่ามีไก่พันธุ์นี้ออกแสดงอยู่ด้วย อาจจะไม่ใช่ฤดูหรือเวลาเอาออกโชว์ ก็แปลกและสวยดี คงต้องเลี้ยงแบบประคบประหงมกันน่าดูเลยนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 125 เมื่อ 16 ม.ค. 23, 19:03
|
|
ไก่ชนเป็นไก่ที่นิยมเลี้ยงกันเหมือนกัน แต่เรามักจะไม่สังเกตเห็น ข้อสังเกตง่ายๆว่ามีการเลี้ยงไก่หรือไก่ชน ก็คือดูว่ามีสุ่มไก่หรือไม่ สุ่มไก่ที่นิยมใช้กันจะทำด้วยไม้ไผ่สาน ในปัจจุบันนี้มีให้เลือกสุ่มที่ทำด้วยตาข่ายไนล่อนสีเขียวขึงกับโครงที่ทำด้วยลวดเส้นใหญ่
สุ่มไก่นิยมนำมาใช้กันใน 3 กรณี คือ ไว้กักไก่แม่ลูกอ่อนไม่ให้มันเที่ยวเดินนำลูกเสาะหาอาหารไปทั่ว และใช้ครอบเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกของมันได้รับอันตรายจากสัตว์อื่น กรณีนี้มักจะมีอยู่เพียงสุ่มเดียว อีกกรณีหนึ่งก็คือใช้กักไก่ชนแต่ละตัวแยกห่างจากกัน เพื่อไม่ให้มันต่อสู้กัน กรณีนี้มักจะเห็นหลายสุ่ม พร้อมๆไปกับเห็นลานดินที่มีการกวาดสะอาดเรียบร้อย และกรณีสุดท้าย มีสุ่มไว้เพื่อใช้ประโยชน์อื่นใดเมื่อจำเป็น เช่น ใช้จับนกที่มาแย่งอาหารสัคว์เลี้ยง ใช้ตากผ้าขี้ริ้วในหน้าฝน ใช้ครอบสิ่งของเพื่อไม่ให้สุนัขและแมวมาคุ้ย....
เท่าที่ได้สัมผัสมา การเลี้ยงไก่ชนดูจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ เลี้ยงในลักษณะเพื่อการเพาะพันธุ์และการดำรงสายพันธุ์ และเลี้ยงในลักษณะไก่นักสู้ของค่าย โดยนัยก็คือเลี้ยงเพื่อการค้า กับ เลีัยงเพื่อการกีฬา/พนัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 126 เมื่อ 16 ม.ค. 23, 19:25
|
|
ไก่ตัวผู้นี้ก็แปลก เดินอยู่ด้วยกันในฝูงเดียวกัน เพียงเราจับตัวหนึ่งออกมาแล้วเอาเขม่าก้นหม้อทาหน้าทาแก้มมันให้ดำแล้วปล่อยเข้าฝูงไป ก็ได้เรื่อง เพื่อนเห็นเพื่อนหน้าดำ จำไม่ได้ เข้าใจว่าจะหาญเข้ามาแย่งตัวเมียในฝูง ก็เลยต้องตีต้องไล่ ฝ่ายเพื่อนที่ถูกทาหน้าจนดำก็แปลกใจ แรกก็พอทนให้เพื่อนตี แต่เอ ดูจะหนักไปหน่อยก็เลยต้องสู้ ปะหน้ากันก็สู้กันไปจนกว่าหน้าจะหายดำ เราสนุกพอแล้วก็เอามันมาเช็ดหน้าให้หายดำ แล้วทุกอย่างก็เป็นปกติสุขเหมือนเดิม ก็เป็นหนึ่งวิธีการในการคัดนักสู้บนฐานของความ aggressive
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 127 เมื่อ 17 ม.ค. 23, 18:16
|
|
การเลี้ยงไก่ชนเพื่อการแข่งขัน เอามันไปตีกันในสนามไก่ชน มีกระบวนการเลี้ยงที่มีความต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากวิธีการเลี้ยงไก่ตามปกติ เมื่อจะเลี้ยงไก่ให้มันเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งและทรหดในสังเวียน ก็จะต้องให้การดูแลมันเป็นอย่างดี มีการให้อาหารอย่างดี มียาบำรุง มีการฝึกและล่อเป้าให้มันตี มีการอาบน้ำเช็ดตัวด้วยเครื่องยาบำรุงที่ผสมขมิ้น มีการนวด มีการปั่นหรือดูดเสลดออกจากลำคอเพื่อให้หายใจคล่อง มีการพันเดือยเพื่อไม่ให้มีการบาดเจ็บในขณะฝึกซ้อม มีการแต่งเดือย.....ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น
ในปัจจุบันนี้ หากไก่ชนที่เลี้ยงมีสายพันธุ์ทางพ่อดี (ชนะการต่อสู้มากครั้ง) มีลักษณะและหน่วยก้านที่ดี (เช่น มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ ลักษณะเดือยดี ลักษณะการตีเป้าล่อดี ..) ไก่หนุ่มลักษณะดังกล่าวนี้จะมีราคาซื้อขายอยู่ในหลักหลายพันบาทต่อตัวขึ้นไปจนถึงในหลักหมื่น และก็อาจจะถึงหลักแสนได้
สำหรับพ่อพันธุ์นั้น หากเป็นประเภทชนะในสนามของนักเลงไก่ระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค เคยทราบว่ามีราคาในระดับหลักล้านเลยทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 128 เมื่อ 17 ม.ค. 23, 19:20
|
|
ออกจากเรื่องการเลี้ยงไก่ก็ไปสู่เรื่องการเลี้ยงเป็ดและห่าน
เป็ดก็เป็นสัตว์ที่น่ารักที่สามารถเลี้ยงในลักษณะของสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัขหรือแมวได้ เช่นเดียวกัน ห่านก็เป็นสัตว์ที่น่ารักเหมือนกัน แต่จะเด่นออกไปทางแบบเลี้ยงสุนัข เป็ดและห่านมีความต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องหนึ่งคือ เป็ดจะพยายามหนีห่างคนที่ไม่คุ้นเคย ต่างกับห่านที่จะดุและไล่คนที่ไม่คุ้นเคยให้ออกห่างออกไป
เราออกเสียงเรียกเป็ดให้มาหาเรา มากินอาหาร หรือเข้าคอกว่า "กิ๊วๆๆๆๆๆ" ก็น่าสนใจที่เป็ดออกเสียงร้อง "ก้าบๆๆๆ" แต่เราออกเสียงเรียกมัน "กิ๊วๆๆๆๆ" สำหรับห่านนั้น ไม่ทราบว่า นิยมจะออกเสียงเรียกห่านเช่นใด
ก็มีวลีที่ผมชอบ "ม่องไอ้ก้าบ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 129 เมื่อ 18 ม.ค. 23, 18:38
|
|
เป็ดเป็นสัตว์ที่มีนิสัยต้องมีเพื่อนอยู่ใกล้ตัว(ติดตัว)ตลอดเวลา จึงชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง เมื่อเป็นฝูงก็เลยต้องมีผู้นำ ซึ่งทั้งฝูงก็เชื่อผู้นำ ก็ไม่ทราบว่าผู้นำตัวนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีการเลือกกันเช่นใด อีกทั้งดูเหมือนว่าผู้นำก็มีได้หลายตัวและมีลักษณะเป็นลำดับเรียงกันอีกด้วย
การเลี้ยงเป็ดเกือบทั้งหมดจะเป็นเรื่องของการเลี้ยงเพื่อเอามาทำอาหาร ก็มีทั้งแบบที่เลี้ยงในโรงเรือน และแบบที่เลี้ยงปล่อยให้มีอิสระหากินตามไร่นาและหนองน้ำ (เป็นช่วงเวลา) ที่เรียกลักษณะการเลี้ยงว่า "เป็ดไล่ทุ่ง"
เป็ดที่เลี้ยงในโรงเรือนทั้งหมดน่าจะเป็นเป็ดพันธุ์ ซึ่งอาจจะเป็นในเรื่องของเนื้อ เรื่องของไข่ หรือในเรื่องของอวัยวะบางอย่าง (ตับเป็ด) ส่วนการเลี้ยงเป็ดเพื่อเอาไข่ของชาวบ้านนั้นจะเป็นการเลี้ยงในเล้า(คอก) ซึ่งในพื้นที่เล้าจะมีส่วนที่เป็นผืนดิน อาจมีแอ่งหรืออ่างน้ำเล็กๆพอให้มันได้ลงไปทำให้ตัวเปียกและสกปรก เลอะโคลนบ้าง ในเล้าจะต้องมีพื้นที่ยกระดับสูงจากผืนดินเล็กน้อย ปูด้วยไม้กระดานหรือไม้ไผ่สาน เพื่อให้เป็นพื้นที่แห้งที่นอนและที่ไข่ของมัน
เป็ดไล่ทุ่ง ดูจะเป็นเป็ดสายพันธุ์ลูกผสม มีการเลี้ยงอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในพื้นที่ๆมีการทำนาข้าวและพื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตชลประทานที่มีน้ำตลอดเกือบทั้งปี (พื้นที่ๆมีการทำนาข้าว 2 หรือ 3 ครั้งในรอบปี) หัวหน้าฝูงเป็ดไล่ทุ่งตัวจริง คือ ถุงพลาสติกสีขาวหรือผ้าขาวที่ผูกไว้ที่ปลายไม้ เป็ดจะเดินตามและหากินอยู่ในทุ่ง(นา)ในบริเวณพื้นที่ๆมันสามารถเห็นธงถุงพลาสติกนั้น คนเลี้ยงจะย้ายพวกมันให้ไปอยู่ในพื้นที่ใดก็เพียงแบกธงพลาสติกเดินไป มันก็จะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเดินตามธง ปักธงลงจุดใด ฝูงเป็ดก็จะอยู่ในบริเวณรอบๆธงนั้น เป็นภาพที่น่ารักดีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 130 เมื่อ 18 ม.ค. 23, 19:10
|
|
ผมพอจะคุ้นเคยกับการเลี้ยงเป็ดเมื่อครั้งยังเป็นเด็กอยู่ บ้านเลี้ยงอยู่ประมาณ 10 ตัว(?) ตกเย็นก็ช่วยคนดูแลเรียกเข้าเล้า ให้อาหารเป็นรำข้าวผสมน้ำในรางข้าว เคยมุดเล้าเข้าไปเก็บไข่ของมัน ก็เป็นเป็ดพันธุ์พื้นบ้านโดยทั่วไป จนวันหนึ่งก็มีเป็ดเทศถูกนำเข้ามาร่วมวงด้วย เป็ดเทศจะมีขนสีขาว หน้าแดง มีขนสีขาว มีนิสัยออกไปทางดุ ไม่อยู่ร่วมกับใคร
เมื่อมีสวนก็ยังพยายามจะเลี้ยงเป็ดเพื่อเอาไข่ และกะว่าจะเพาะพันธุ์ต่อเนื่อง ก็เกิดมีปัญหาพื้นฐานที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ลูกเป็ดที่ไปหาซื้อในตลาดนัดหรือที่ใด มีแต่ตัวเมีย หาตัวผู้ไม่ได้ ได้ความว่า ไม่มีการปล่อยลูกเป็ดตัวผู้ออกมาวางขายกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 131 เมื่อ 18 ม.ค. 23, 19:23
|
|
เคยฟักไข่เป็ดให้เป็นตัวอยู่ครั้งหนึ่ง ต้องช่วยมันให้หลุดออกมาจากไข่ เช็ดตัวให้แห้ง เลยตั้งชื่อมันว่า ซีซ่า เพราะต้องทำหัตถกรรมคล้ายกับการผ่าตัดทำคลอด (Cesarean section) ประคบประหงมเลี้ยงมันจนโตโดยสมบูรณ์ น่ารักดีครับ เขาคอยเดินตาม วิ่งตาม ชอบมาหมอบนอนแนบข้างตัวเมื่อเรานั่งกับพื้น จะจับจะเล่นกับเขาเล่นอย่างไรก็ได้ เหมือนกับเลี้ยงเด็กที่น่ารักคนหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 132 เมื่อ 19 ม.ค. 23, 18:31
|
|
ห่านเป็นสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันในบ้านที่มีรั้วรอบและมีเนื้อที่กว้างพอสมควร ที่เคยเห็นมาก็จะอยู่ในเกณฑ์ ไม่น้อยกว่า 100 ตร.วา จะเป็นบ้านที่อยู่ในพื้นที่แถบชานเมืองที่ยังคงมีสภาพรอบตัวเป็นธรรมชาติค่อนข้างมาก แต่ตามบ้านสวนที่ไม่มีการตั้งรั้วบ้านก็มีการเลี้ยงกันเหมือนกัน ซึ่งก็มักจะมีพื้นที่โล่งหรือมีสนามหญ้าในบริเวณบ้าน ห่านเป็นสัตว์ประเภทมีผัวเดียวเมียเดียว (monogamous) การเลี้ยงห่านนิยมเป็นการเลี้ยงคู่เพื่อมิให้มันเหงา ในกรณีที่ตัวหนึ่งตายไป อีกตัวก็จะเหงามากและไม่นานก็ตายตามไป พวกสัตว์มีปีกหลายชนิดอยู่ในประเภทนี้
ห่านเป็นสัตว์หวงพื้นที่ จึงส่งเสียงร้องเพื่อไล่ รวมทั้งเดินเข้าไปหาและจิก ไล่ให้คนหรือสัตว์แปลกหน้าออกไปให้พ้นพื้นที่ โบราณเขาว่ามูลของห่านเป็นของร้อน ทำให้งูหนีห่าง บ้านที่เลี้ยงห่านก็เลยไม่มีงูเข้ามาเบียน จะจริงเท็จเช่นใดไม่ขอยืนยัน แต่เท่าที่เคยเลี้ยงในสวนมา ซึ่งมีทั้งไก่ เป็ด และห่านรวมๆกัน ก็ไม่เคยมีงูเข้ามาเบียดเบียนหาไก่กิน ตัวที่มาเยี่ยมเยียนประจำกลับกลายเป็น พังพร (ไอ้จ้อน) และอีเห็น
กล่าวถึงอีเห็น ทำให้นึกถึง ชะมดเช็ด ซึ่งก็เป็นสัตว์ที่มีการเอามาเลี้ยงเช่นกัน แล้วค่อนกล่าวถึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 133 เมื่อ 19 ม.ค. 23, 18:54
|
|
ก็มีคนที่คิดถึงประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการเลี้ยงห่าน ก็คือ การเลี้ยงเครื่องตัดหญ้า ก็น่าสนใจดี สว.หลายท่านน่าจะแว็บนึกถึงคำโฆษณาสมัยก่อนอยู่ชิ้นหนึ่ง "ห่านดินกินหญ้า ห่านฟ้ากินยุง" ได้ยินทุกวันทางสถานีวิทยุทั่วประเทศ สมัยคลื่นวิทยุ FM ยังไม่แพร่หลายนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 134 เมื่อ 19 ม.ค. 23, 19:33
|
|
พูดถึงไก่ เป็ด ห่าน ในช่วงเวลาตรุษจีน ก็เลยนึกไปถึง ไก่ตอนต้มหรือนึ่ง เป็ดย่างหรือพะโล้ แต่นึกไม่ออกว่ามีห่านไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ในสำรับเครื่องไหว้นั้นไม่น่าจะมี แต่ในโต๊ะฉลองกันนั้นน่าจะพอมีได้ในเมนู
ก็มีความเชื่อของชาวไทยพื้นบ้านว่า การกินเป็ดและสัตว์ปีกตัวใหญ่ในหมู่คนรู้จักกันที่มิได้เป็นสมาชิกใกล้ชิดกันในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกกัน ก็คงพอจะสังเกตเห็นได้ว่า อาหารการกินในงานทางสังคมของคนไทยเกือบทั้งหมดจะไม่มีเมนูที่ใช้เป็ดและสัตว์ปีกตัวใหญ่ ซึ่งหากดูลึกเข้าไป สัตว์ที่ว่าไม่ควรกินนั้นดูจะเป็นสัตว์ประเภทผัวเดียวเมียเดียวเกือบทั้งนั้น
สำหรับฝรั่งในยุโรปนั้น เมื่อพูดถึงเมนูดีๆของเป็ดและห่าน ส่วนมากน่าจะนึกถึง foie gras (ตับเป็ดหรือตับห่าน) ที่ทำโดยพ่อครัวฝีมือดีๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|