เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 29
  พิมพ์  
อ่าน: 23922 ศึกนางพญานอกบัลลังก์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 23 ก.ย. 22, 13:47

สวัสดีค่ะคุณ Jalito  
เจ้าประจำมาถึง 1 เจ้าแล้ว รอคนอื่นๆทยอยกันมาค่ะ

    ความจริง เมแกนกลายเป็นเป้าให้สื่อและผู้คนทั่วโลกส่องสปอตไลต์ตั้งแต่หมั้นกับเจ้าชายแฮร์รี่แล้ว   แต่ตอนแรกเธอก็ยังหน้าชื่นรื่นเริงดีอยู่ เพราะตัวเองก้าวจากดาวดวงเล็กๆขึ้นมาเป็นดวงตะวันในพริบตา  
   เธอมีโอกาสประชาสัมพันธ์ตัวเองให้ดูดีงามในสายตาคนอังกฤษ   เน้นในเรื่องความเสมอภาคของมนุษย์ที่เธอรณรงค์มาก่อนหน้านี้แล้ว  เธอเล่าว่า ตอนอายุ 11 ขวบเธอเห็นโฆษณาน้ำยาล้างจานยี่ห้อ Ivory  ที่ใช้ถ้อยคำว่า
   "women all over America fighting greasy pots and pans"  ผู้หญิงทั่วอเมริกาต้องสู้รบตบมือกับคราบไขมันในหม้อและกระทะ"
   คำนี้ทำให้เด็กหญิงเมแกนโกรธมาก   เพราะมันเท่ากับแบ่งแยกเพศ ให้เพศหญิงกลายเป็น "นางก้นครัว"  มีหน้าที่ซักผ้าล้างจาน  โดยที่เพศชายไม่ต้องแตะต้องงานพวกนี้เลย    เธอเล่าว่าเพื่อนนักเรียนชายในชั้นยังพูดซะอีกว่า
  " แน่ละซี   ทำครัวมันหน้าที่ของผู้หญิงนี่"
   หนูน้อยเมแกนเห็นว่าไม่ถูกต้อง   เธอก็เลยเขียนจดหมายไปประท้วงหลายแห่งรวมทั้งบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้วย  ที่สำคัญที่สุด เธอเขียนถึงนางฮิลลารี่ คลินตัน สตรีหมายเลข 1 ของอเมริกาในขณะนั้น   คนต่อมาคือลินดา เอลเลอร์บี
 พิธีกรรายการข่าวเด็ก และทนายความหญิงชื่อดัง กลอเรียน ออลเรด  
   เมแกนเล่าต่อไปว่า  ด้วยความประหลาดใจ ไม่กี่วันต่อมาเธอได้รับจดหมายตอบให้กำลังใจจากสตรีผู้ยิ่งยงทั้ง 3 คน  เอลเลอร์บีถึงกับส่งนักข่าวและช่างกล้องมาถ่ายทำและสัมภาษณ์หนูน้อยที่บ้าน   หนึ่งเดือนต่อมา ทางบริษัทเจ้าของสินค้าก็ยอมถอดโฆษณาเดิมออก  เปลี่ยนโฆษณาใหม่ที่ไม่เหยียดเพศอีกต่อไป
   รูปนี้คือเมแกนในวัย 11 ปี


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 23 ก.ย. 22, 19:37

  เมแกนเรียกตัวเองว่า biracial (ลูกครึ่ง) คือครึ่งขาวและครึ่งดำ   ความเป็นลูกครึ่งมีอิทธิพลครอบงำจิตใจเธอมาก  สังเกตได้จากไม่ว่าเรื่องอะไร เธอจะลากเข้าไปสู่ความเป็น "ลูกครึ่ง" อยู่เสมอ    
   เช่นตอนที่เธอเริ่มต้นอาชีพนักแสดง  เธอก็บอกว่าลำบากกว่าคนอื่นๆ  เพราะหาที่ลงไม่ได้ถนัด   นักแสดงที่เป็นคนผิวขาวก็หาบทของคนผิวขาวได้ไม่ยาก  นักแสดงผิวดำก็จะมุ่งไปหาบทที่ต้องการตัวแสดงผิวดำ  แต่เธอไม่เข้าข่ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขาวก็ไม่ใช่ ดำก็ไม่เชิง เธอก็เลยหาบทแสดงได้ยาก  
  ข้อนี้ทิ้งเอาไว้ให้เข้าใจว่า ที่เธอไม่ได้โด่งดังสักทีก็เพราะความเป็นลูกครึ่งนี่เอง  
  เธอไม่ยักมองว่านักแสดงไม่ว่าผิวสีไหนก็มีโอกาสได้รางวัลออสคาร์  ถ้าฝีมือถึง    ถ้าเมแกนยังไม่ดังสักทีแม้อายุจะใกล้ 40 เข้าไปแล้ว  ก็น่าจะต้องพิจารณาด้านอื่นๆด้วยเช่นฝีไม้ลายมือตัวเอง ว่ามีมากน้อยแค่ไหน


บันทึกการเข้า
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 23 ก.ย. 22, 20:06

เข้าเรียนนะคะ นั่งฟังเล็คเชอร์อยู่เงียบๆค่ะ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 23 ก.ย. 22, 20:14

 
  เมแกนสวมชุดหรูสีแดงเพลิงของ Self Potrait  มีคนตาไวเห็นป้ายราคาห้อยอยู่ใต้ชายกระโปรง  เป็นป้ายที่เขียนว่า “จะคืนชุดได้ก็ต่อเมื่อป้ายนี้ยังติดอยู่”
 

พฤติกรรมส่อให้เห็นถึงนิสัย........
ออกจะรวย ดองกับเจ้าด้วยน่าจะไว้หน้ากันบ้าง ไม่น่าทำแบบนี้เลยนะคะ  ตกใจ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 23 ก.ย. 22, 20:45

ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 24 ก.ย. 22, 09:47

   ในช่วงที่พบเจ้าชายเป็นครั้งแรก    เมแกนไม่ได้อยู่โสดโดดเดี่ยว  เธอคบกับเชฟผู้เป็นเจ้าของเรสทัวรองต์ดังหลังจากหย่ากับสามีคนแรกแล้ว     พอทำท่าว่าปลูกรักกับเจ้าชายได้ เธอก็เลิกกับแฟนทันที    
   ความจริงเรื่องนี้มันก็ไม่มีอะไรเสียหายสำหรับหนุ่มสาวทั่วไป   เป็นธรรมดาฝ่ายไหนไปเจอคนใหม่ถูกใจกว่า ก็จะขอเลิกกับคนเก่า  สังคมถือว่าโอเค ดีกว่าคบซ้อน  
   แต่สื่อทั้งหลายถือว่าเบื้องหลังแบบนี้เป็นขุมทรัพย์ที่ควรขุดคุ้ยอย่างยิ่ง   ประวัติของเมแกนก็เลยถูกตีแผ่ออกมามากมายเกินต้องการ(ของเธอ) และยังขุดกันไม่เลิกจนบัดนี้
   หนึ่งในประวัติที่ถูกขุดคุ้ยออกมาในภายหลัง  คือเมแกนเคยเป็น yacht girl มาก่อนรึเปล่า
   เรือยอทช์คือเรือสำราญของเศรษฐี มีทั้งขายและให้เช่า   มีหลายแบบหลายขนาดแล้วแต่ขนาดกระเป๋าลูกค้า  การล่องเรือยอทช์ไปในทะเลหลายๆวันเป็นการพักผ่อนสำเริงสำราญของเศรษฐีหนุ่มและแก่ทั้งหลาย ได้สนุกสนานกันสุดเหวี่ยงโดยไม่ต้องกลัวเมียรู้หรือชาวบ้านแอบมอง    ที่ขาดไม่ได้คือสาวๆทำหน้าที่เพื่อนร่วมสนุกด้วย
   งานแบบนี้กินเวลาสั้น แต่รายได้ดีมาก  จึงมีนักศึกษาสาวๆ  นางแบบโนเนม แม้แต่ดาราโนเนมมารับจ๊อบแบบนี้กันมากหน้าหลายตา    เมื่อเมแกนก้าวขึ้นมาเป็นคนดัง ก็มีมือดีแอบเปิดเผยเรื่องนี้ขึ้นมา ในทำนองคำถาม (เพื่อจะไม่โดนฟ้องหมิ่นประมาท) ว่าเธอเคยรับจ๊อบดังกล่าวมาแล้ว

ข้างล่างนี้คือภาพสามีคนแรก และแฟนหนุ่มที่เลิกกันไปเพราะแฮร์รี่  


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 24 ก.ย. 22, 09:52

เมแกนเคยโพสภาพตัวเองในเรือยอทช์  ตั้งแต่ปี 2014   ก็เลยเกิดเป็นคำถามนี้ขึ้นมา


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 24 ก.ย. 22, 20:09

  อย่างที่บอกมาแล้วว่า หนูน้อยเมแกนฝังใจเรื่องความเสมอภาคของมนุษย์  ไม่ว่าจะเป็นเพศหรือเชื้อชาติ เมื่อโตเป็นสาว และเป็นดารา เธอก็จับเรื่องนี้อย่างเต็มที่   ทำตัวเป็นนักรณรงค์เพื่อความเสมอภาค ไปปาฐกถาและแสดงสุนทรพจน์ในที่หลายๆแห่ง ตั้งแต่ก่อนจะมาเจอเจ้าชาย
  เมื่อสปอตไลต์จับเข้าที่ตัวเอง   บทบาทในอดีตก็ถูกขุดออกมาไม่เหลือหลอ 
  สื่อจับได้ว่าครั้งหนึ่งเมื่อเมแกนไปพูดเรื่องนี้ที่สหประชาชาติ เธอแสดงคำคมโวหารออกมา โดยไม่บอกสักคำว่า ทั้งย่อหน้าที่พูดออกมานั้น  ลอกของอดีตสตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา คือเอลินอร์ รูสเวลท์  ภรรยาประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลท์ มาทั้งดุ้น   
   และร้ายกว่านี้คือดัดแปลงคำพูดของคุณนายเอลินอร์จากคำว่า "สันติภาพ" มาเป็น "เสมอภาค" เอาดื้อๆ   

   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 24 ก.ย. 22, 20:10

เปรียบเทียบกันดูนะคะ ว่าไปฉกของคนอื่นเขามาเป็นโวหารตัวเองยังไง  แถมยังดัดแปลงโดยไม่ขออนุญาตเสียอีก

คือคุณนายเอลินอร์ รูสเวลท์ พูดว่า
" แค่พร่ำพูดถึงสันติภาพเท่านั้นยังไม่พอ  ท่านจะต้องเชื่อถือศรัทธาในสันติภาพด้วย    แค่เชื่อถือศรัทธายังไม่พอ  ท่านจะต้องลงมือปฏิบัติให้เห็นผลขึ้นมา"
ส่วนนางพญาของเราดัดแปลงเป็นว่า
" แค่พร่ำพูดถึงความเสมอภาคเท่านั้นยังไม่พอ  ท่านจะต้องเชื่อถือศรัทธาในความเสมอภาคด้วย    แค่เชื่อถือศรัทธายังไม่พอ  ท่านจะต้องลงมือปฏิบัติให้เห็นผลขึ้นมา"


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 25 ก.ย. 22, 16:04

  ตามมารยาทสากล รวมทั้งมารยาทแบบอเมริกันด้วย คือเมื่อใครประสบโชค ความสำเร็จ หรือมีเรื่องน่ายินดี เช่นกำลังจะแต่งงาน  บรรดาญาติสนิทมิตรสหายก็จะแสดงความยินดี  ใครอยู่ใกล้ก็แสดงวาจา  ใครอยู่ไกลก็ส่งการ์ด หรือโทรศัพท์  แม้ว่าในใจจะคิดแตกต่างหรือตรงกันข้ามยังไงก็ตาม   โดยมารยาทแล้วจะต้องแสดงออกแต่ทางบวกเท่านั้น
  นับเป็นเคราะห์ของเมแกนที่ครอบครัวฝ่ายพ่อของเธอไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ข้อนี้   นายไมเคิล มาร์เคิลบิดาเธอเคยสมรสมีลูกติดมาแล้ว 2 คนก่อนมาแต่งงานกับแม่ของเมแกน  แล้วก็หย่ากันอีก       ตั้งแต่รู้ข่าวว่าเมแกนหมั้นกับเจ้าชาย  ทั้งพ่อและลูกคนละแม่ก็สำแดงฤทธิ์เดชของครอบครัวอลเวงออกมาทันที   
   พี่สาวของเมแกนที่ชื่อซาแมนธานั้นแสดงออกนอกหน้าว่าไม่ยินดีกับความสุขของน้องสาว   ส่วนพ่อกับลูกสาวก็มีข้อขัดแย้งกันมาก่อนหน้านี้    จนกระทั่งเมแกนตีตัวออกห่างไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย  พ่อก็ไม่คิดจะปิดเป็นความลับแต่อย่างใด
  ในเมื่อดูออกว่านี่คือขุมทรัพย์อีกขุมหนึ่ง   สื่อทั้งหลายก็พุ่งเป้าไปขุด ขุด ขุด ทางพ่อและพี่สาวต่างแม่ทันที    ส่วนแม่ของเมแกนเข้ากับลูกสาวได้ดี เลยไม่มีอะไรจะให้เป็นข่าวเท่าทางบ้านพ่อที่ยินดีสาวไส้ให้กากิน
   แน่ละ มีเสียงกระซิบดังๆว่าพ่อของเมแกนที่ถังแตกขนาดล้มละลาย ต้องย้ายที่อยู่ไปอยู่เมกซิโก  เต็มใจจะแลกตื้นลึกหนาบางในบ้านให้สื่อที่จ่ายเงินถึงใจ   จดหมายส่วนตัวของเมแกนที่ตัดพ้อต่อว่าพ่อจึงตีพิมพ์หราไปทั่วโลก   
   เท่านั้นยังยุ่งยากไม่พอ  พี่สาวเมแกนก็ออกโรงจิกตีเจ้าชายแฮร์รี่  เช่นหาว่าเจ้าชายแขวะพ่อและเธอว่าไม่ให้ความรักความอบอุ่นกับเมแกน   เธอโจมตีน้องสาวต่างแม่ไม่อั้น จนเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาลกัน    อ่านดูแล้วก็รสชาติเกินหน้าละครน้ำเน่าไปไหนๆ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 26 ก.ย. 22, 11:52

  ความสัมพันธ์ระหว่างเมแกนกับพ่อเลวร้ายลงทุกที  จนถึงวันวิวาห์ ที่เดิมกำหนดว่าพ่อจะจูงมือลูกสาวเข้าโบสถ์ตามธรรมเนียมประเพณี   ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนเป็นพ่อทุกคนที่ส่งลูกสาวไปเป็นฝั่งเป็นฝา 
   เอาเข้าจริง  พ่อถอนตัวไม่มางานแต่งของลูกสาวกับเจ้าชาย    คนที่ทำหน้าที่แทนพ่อเจ้าสาวคือพ่อเจ้าบ่าว อดีตเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ที่เป็นพระเจ้าชาร์ลส์ในปัจจุบัน  นับเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัวที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในพิธีวิวาห์ของพระราชวงศ์องค์ไหน    แต่ทั้งควีนเอลิซาเบธและเจ้าชายชาร์ลส์ก็ยอมกลืนเลือด เห็นแก่ความสุขของแฮร์รี่    พ่อเจ้าบ่าวทำหน้าที่แทนพ่อเจ้าสาว พาเมแกนเข้าโบสถ์ ให้พิธีผ่านไปจนเสร็จเรียบร้อย
   ในตอนแรกที่เมแกนก้าวเข้ามาสู่ชีวิตเจ้าชายแฮร์รี่  แม้เธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับฝ่ายชาย และไม่ได้เอาใจใส่เจ้านายมาก่อน   แต่บรรดาเพื่อนฝูงและขาเม้าท์ทั้งหลายก็ช่วยกันให้ปากคำกับสื่ออย่างไม่ยั้งว่า จริงๆแล้วเมแกนวางแผน 'จับ' เจ้าชายมาแต่แรกแล้ว  ถึงกับไหว้วานเพื่อนให้นัดบอดให้  โดยหมายมาดจะได้เป็นเซเลบระดับโลก    ส่วนปัญหาอื่นๆนั้นมันจิ๊บๆ เอาไว้ทีหลังก็ได้  ที่สำคัญคือต้องเอาเจ้าชายให้อยู่หมัดในระยะเวลาเร็วที่สุด
   นี่ก็คำตอบว่าทำไมคู่นี้ถึงรักกันปานสายฟ้าแลบ  แลบเสร็จ ฟ้าร้องครืน งานวิวาห์ก็มาถึง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 27 ก.ย. 22, 09:54

     ความจริง ทางราชสำนักก็หาใช่ว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับเมแกน   บุรุษสตรีทุกคนที่ก้าวเข้ามาใกล้ชิดกับเจ้านายจะต้องถูกตรวจสอบประวัติในทางลับกันไม่เว้นแต่ละคน   คามิลล่าเองสมัยคบกับเจ้าชายชาร์ลส์ก็สอบตกไปเพราะประวัติไม่ดี  คบหนุ่มๆมากหน้าหลายตามาก่อนนั่นเอง    ส่วนไดอาน่าสอบผ่านเพราะเธอไม่เคยมีประวัติเสียหาย
    ดังนั้น  ประวัติของเมแกนก็ไม่มีทางรอดหูรอดตาไปได้   
    อาจด้วยเหตุนี้ เจ้าชายวิลเลียมจึงเตือนน้องชายให้คบหาดูใจกันนานๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจแต่งงาน    แต่คนอย่างแฮร์รี่นั่นหรือจะเชื่อฟังผู้ใหญ่   อยากได้อะไรก็ต้องได้ปุ๊บ อยากทำอะไรก็ทำปั๊บ   ผลเป็นยังไงช่างมัน  เดี๋ยวย่าซึ่งรักและสงสารหลานชายคนนี้เป็นพิเศษ ก็สั่งบริวารให้ตามล้างตามเช็ดให้เอง
    ความจริง ล่วงมาถึงยุคปัจจุบัน  ทางวังค่อยเพลาความเข้มงวดเรื่องคู่ครองเจ้านายลงมาก     เพราะคู่ที่เหมาะสมกันเป็นกิ่งทองใบหยกอย่างชาร์ลส์และไดอาน่านอกจากไปไม่รอด ยังทิ้งบาดแผลไว้ให้พระราชวงศ์เป็นรอยลึกจนบัดนี้   อีกอย่างคือผู้หญิงในราชวงศ์นี้-ยกเว้นแต่ควีน- จะว่าไปก็ไม่ได้ขาวผ่องกันสักคน 
    เริ่มตั้งแต่เจ้าฟ้ามาร์กาเร็ตพระน้องนางของควีนก็ทำเรื่องยุ่งยากด้านผู้ชายพายเรือมาตั้งแต่ยังสาว  แต่งงานไปกับชายที่ไม่คู่ควร ต่อมาก็หย่า  หย่าแล้วก็ยังมีข่าวซุบซิบที่อื้อฉาวกับชายมากหน้าหลายตา
    เจ้าหญิงแอนน์เองก็คบกับสามีคนที่สองตั้งแต่ยังไม่หย่าขาดจากสามีคนแรก  แล้วก็มีข่าวว่าทุกวันนี้ก็อยู่กับสามีคนที่สองเพียงในนาม   
    คามิลล่านั้นไม่ต้องพูดว่าเป็นที่ชิงชังของประชาชนมากขนาดไหน   
    ไดอาน่าเองก็มีสัมพันธ์ลับกับนายทหารเจมส์ เฮวิตต์ ก่อนหย่าขาดจากชาร์ลส์อย่างเป็นทางการ   
    เฟอร์กี้พระชายาเจ้าชายแอนดรูว์นั่นยิ่งฉาวโฉ่แซงหน้าทุกคน  พอสามีไปปฏิบัติงานห่างไกล เธอก็คบชู้เปิดเผย แถมยังเอาลูกสาวเล็กๆทั้งสองไปทำความรู้จักมักคุ้นกับชู้ด้วย 
    แม้แต่โซฟีพระชายาเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสองค์สุดท้องของควีน ซึ่งใช้ชีวิตเงียบๆสงบเสงี่ยมดูดีงาม ก็ไม่วายมีมือดีเอาภาพเปลือยในงานปาร์ตี้สมัยยังสาวก่อนแต่งมาแฉ ให้อับอายกันไปทั่วโลก
    ในเมื่อเกือบทุกคนมีบาดแผลใหญ่บ้างเล็กบ้าง    หากว่าเมแกนทำตัวดีน่านับถือ   แล้วอีกอย่างสามีเธอก็อยู่ห่างหลายอันดับจากขึ้นครองราชย์   ทางวังก็พอจะกล้ำกลืนยอมรับเธอได้
    แต่..ก็ไม่ใช่ 100 %  อาจจะสัก 50%  ที่เหลือเมแกนต้องทำคะแนนไต่ระดับขึ้นไปเอง

   ภาพนี้ เฟอร์กี้นอนเปลือยท่อนบนอาบแดดอยู่กับชู้ ที่วิลลาในฝรั่งเศษ ระหว่างเจ้าชายไปปฏฺบัติการทางทะเลในฐานะทหารเรือ 
   ภาพนี้ไม่ปรากฏตัวผู้ถ่ายว่าเป็นใคร แต่นำลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แทบลอยด์เป็นข่าวสะเทือนไปทั้งโลก
 


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 28 ก.ย. 22, 08:03

  เมแกนทำศึกกับทางบ้านคือพ่อกับพี่ยังไม่ยุติดี  เธอก็เปิดศึกกับสื่อที่เที่ยวเจาะลึกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว ถึงขั้นเจ้าชายแฮร์รี่ออกมาปกป้องคู่หมั้น ขอให้สื่อเลิกตามราวีเธอเสียที     ผลก็เป็นอย่างที่รู้ๆกันคือเท่ากับสาดน้ำมันเข้ากองไฟ   สื่อที่ไหนจะยอมเชื่อฟัง
  ศึกที่สามที่เมแกนกระโจนเข้าใส่คือศึกกับพระราชวัง
  ทันทีที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวของแฮร์รี่   ข่าวก็ตามมาว่าผู้หญิงคนนี้นอกจากฟุ้มเฟือย ไม่รู้การควรมิควรแล้วยัง "เยอะ" เอาแต่ใจ    เธอไล่ผู้ช่วยออกเป็นว่าเล่น  เพราะพวกนี้พยายามจะบอกเธอว่าควรทำอะไรไม่ทำอะไร   หรือไม่ก็ไม่สามารถรับใช้ได้ถูกใจ
   นอกจากบรรดาข้าราชบริพารจะส่ายหน้ากันแล้ว  แม้แต่ควีนเองก็หนักพระทัยไม่น้อย   เพราะสาวเจ้าเรียกร้องโน่นนี่เหลือเกิน   ทั้งที่เป็นแม่ม่ายผัวหย่า  เธอก็ยืนกรานจะใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวเข้างานวิวาห์   ผิดธรรมเนียมที่ถือกันว่าเจ้าสาวในชุดขาวคือผู้ที่ยังเป็น "นางสาว" ไม่เคยผ่านสมรสมาก่อน
   เท่านั้นยังไม่พอ ยังชี้จะเอาเทียร่าที่ตัวเองหมายตาไว้  เจ้าชายเองก็ประกาศออกมาว่า "อะไรก็ตามที่เมแกนต้องการ ต้องได้"  ร้อนถึงควีนต้องมาตัดสินอย่างเฉียบขาดว่า ไม่ได้    ใส่ได้แต่ที่ควีนทรงเห็นสมควรจึงทรงอนุญาตเท่านั้น
   เหตุผลจริงๆว่าทำไมอันนี้ได้ อันนั้นไม่ได้ ไม่มีใครรู้ นอกจากคาดเดากันไปต่างๆนานา   แต่เหตุผลที่ฟังขึ้นคือ ในเมื่อเครื่องเพชรเหล่านี่เป็นพระราชสมบัติของควีน   ท่านก็ทรงมีสิทธิ์ขาดที่จะให้ใครยืมชิ้นไหนตามแต่ทรงเห็นสมควร    ไม่ใช่ใครจะมาชี้นิ้วจะเอาชิ้นไหน ก็ต้องรีบหยิบไปให้โดยพลัน
รูปแรกคือเมแกนสวมเทียร่าที่ควีนเลือกให้
รูปที่สองคือเทียร่ามรกตที่เธออยากได้



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 29 ก.ย. 22, 09:22

   ปมสำคัญของเมแกนที่ไม่รู้จะเรียกว่าปมด้อยหรือปมเด่น ก็คือเลือดผสม   ที่ว่าเป็นปมด้อยคือ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรปุ๊บ เธอจะลากปั๊บเข้าสู่คำตอบว่า มันเกิดจากผิวสีของเธอนั่นเองที่ทำให้คนเหล่านั้นมีอคติด้วย   แต่ที่ว่าเป็นปมเด่นก็คือ เธอก็ใช้ความเป็นผิวสีนี่แหละเรียกร้องความเห็นใจจากผู้คน ว่าเธอเป็นเหยื่อของการแบ่งผิวแบ่งเชื้อชาติ   มันทำให้เธอกลายเป็นนางเอก หรือวีรสตรีในสายตาคนจำนวนมาก
   ถ้าถามว่าผู้หญิงสามัญที่ก้าวเข้ามาสู่พระราชวงศ์เจออคติจากราชสำนักและสื่อไหม คำตอบคือเจอสาหัสสากรรจ์ทุกคน  เคทเองขณะเป็นแฟนสาวของวิลเลียมมาร่วม 10 ปี ก็ถูกโขกถูกสับว่าเป็นนักขุดทอง หวังเกาะเจ้าชายบ้าง  ไม่ใช่ผู้ดิบผู้ดี แค่สามัญชนคนชั้นกลางธรรมดาๆบ้าง   พ่อแม่โคตรตระกูลถูกขุดคุ้ยออกมาหมดว่าเป็นใครมาจากไหน   แต่เคทก็อดทนไม่ปริปาก ไม่โวยวาย ทำตัวให้ถูกต้องพอเหมาะพอดี ไม่หลุดอะไรออกไปให้ใครจ้องโจมตีได้   จนกระทั่งทุกวันนี้ ก็กลายเป็นขวัญใจประชาชน  ราชสำนักยอมรับในที่สุด
   แต่เมแกนไม่เหมือนเคท  
   ในขณะที่เคทใช้วิธีปรับตัวเองให้พอเหมาะพอดีกับ "กรอบ" ที่ถูกสวมให้ในฐานะพระชายาของเจ้าชาย  จะโดนบีบโดนกระแทกยังไงก็อดทนลูกเดียว จนพอดีกรอบ    แต่เมแกนไม่เป็นเช่นนั้น   เธอตัดสินใจที่จะไม่โอนอ่อน  เธอเป็นตัวของตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเธอเห็นสมควร   ไม่ใช่ให้ใครมาบอกว่าควรทำยังโง้นไม่ทำยังงี้   พูดง่ายๆคือกรอบต้องปรับตัวเองให้ยืดหยุ่นพอดีกับตัวเธอ
   ผลก็คือเมแกนก็เปิดศึกกับข้าราชบริพาร  ผู้คนที่ถูกจ้างมาช่วยงานถูกไล่ออกไม่เว้นแต่ละคน เพราะบังอาจไปแนะนำให้เธอทำสิ่งที่เธอไม่เห็นสมควรว่าต้องทำ     เมแกนไม่โอนอ่อนแม้แต่เจ้าหญิงแอนน์ พระธิดาของควีน  เมื่อถูกเรียกไปพบเพื่ออบรมฝึกสอนให้เธอรู้จักทำหน้าที่ต่อประชาชนในฐานะสะใภ้หลวง  
   เจ้าหญิงแอนน์ได้ชื่อว่าเป็นพระราชวงศ์ที่ทำงานเพื่อประชาชนถี่ยิบที่สุดในบรรดาทั้งหมด   ทรงออกงานพบปะประชาชนสม่ำเสมอปีละหลายร้อยงาน   เสด็จต่างประเทศแทนพระมารดาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีก็ไม่ใช่น้อย  ด้านชีวิตส่วนตัวก็เก็บองค์เงียบเชียบ  ไม่เป็นข่าวอื้อฉาว  แม้มีข่าวลือว่าทรงแยกกันอยู่กับเซอร์ทิโมธี ลอเรนซ์ พระสวามี แต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้  ทั้งสองคนก็ยังออกงานคู่กันตามปกติ   การวางตัวแบบนี้แหละเป็นแบบแผนที่ถือกันว่าเหมาะสมของสตรีในพระราชวงศ์
     ข่าวแพลมออกมาว่าแอนน์ได้เตือนหลานสะใภ้ว่า หน้าที่ของเจ้า คือรับใช้ประชาชน  ไม่ใช่ทำตัวเป็นเซเลบ   แต่ผลคือแอนน์ส่ายหน้า ปรารภกับคนใกล้ชิดว่า ท่าทางเมแกนคงจะอยู่กับพวกเราไปไม่ได้นาน
    นับว่าเจ้าหญิงพระเนตรแหลม ทำนายได้แม่นยำมาก
  


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 29 ก.ย. 22, 20:39

   ถ้าจะถามว่า สิ่งที่เมแกนพูดคืออคติที่คนอังกฤษทั้งในวังนอกวังมีต่อเธอ มันเรื่องจริงไหม   คำตอบคือส่วนหนึ่งจริง  ประชาชนที่มีปฏิกิริยาแปลกแยกต่อเธอ มีอยู่จริง   เวลาเมแกนออกงาน  ผู้คนจำนวนมากยิ้มแย้มต้อนรับเจ้าชายแฮร์รี่  แต่ออกจะเฉยๆหรือเฝื่อนๆกับเธอก็มี ไม่ใช่ไม่มี    
   แต่คำตอบอีกส่วนของข้อเดียวกันก็คือ ไ่ม่จริง   คือคนที่ไม่ชอบ เกิดจากสาเหตุอื่น ไม่ใช่เรื่องผิว แต่เป็นการปฏิบัติตัวและวางตัวไม่เหมาะสมของผู้หญิงคนนี้   ยิ่งบรรดาข้าราชบริพารในวัง  หลายคนออกมาให้สัมภาษณ์เลยว่าถูกเมียเจ้าชายทั้งกรี๊ดทั้งอาละวาดกราดเกรี้ยวเวลารับใช้ไม่ได้ดังใจ   จนลาออกกันระนาว
    ในเมื่อเปิดศึกหลายด้าน  ยิ่งนางพญาไม่ลดราวาศอกด้วย   ข้าศึกที่มีอยู่ทั้งภายในวังและนอกวังก็ยิ่งกระหน่ำซ้ำเติม  เมแกนก็ชูธงเดิมคือถูกรังแกเพราะสีผิว   ส่วนการเผด็จศึกก็อย่างที่รู้ๆกันว่าช็อคอังกฤษไปทั้งประเทศ  คือเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ตัดสินใจ 'สละยศ' และออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงอย่างเป็นทางการ  อพยพไปอยู่อเมริกา  
    ถ้าเปรียบเทียบเป็นหนังหรือละคร ก็คล้ายๆกับคุณชายกลางสละบ้านทรายทอง หิ้วกระเป๋าตามพจมานไปอยู่ต่างถิ่นด้วยกันสองคน   มิให้ฐานันดรมากีดขวางความรักได้อีก
    ท่านย่าแห่งบ้านทรายทองก็ใจเด็ดเหมือนกัน   ในเมื่อหลานรักไม่รักดีก็ไม่อ่อนข้อให้   ท่านย่าประกาศเลยว่าอยากไปก็ไปเถิด  ย่าขออวยชัยให้พรให้ไปดี  ไปแต่ตัวนะ  เอาความเป็นเจ้า(คือเกียรติและเงิน)ทิ้งไว้ที่บ้าน ไม่อนุญาตให้เอาไปด้วย



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 19 คำสั่ง