เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 23 ก.ย. 22, 13:47
|
|
สวัสดีค่ะคุณ Jalito เจ้าประจำมาถึง 1 เจ้าแล้ว รอคนอื่นๆทยอยกันมาค่ะ
ความจริง เมแกนกลายเป็นเป้าให้สื่อและผู้คนทั่วโลกส่องสปอตไลต์ตั้งแต่หมั้นกับเจ้าชายแฮร์รี่แล้ว แต่ตอนแรกเธอก็ยังหน้าชื่นรื่นเริงดีอยู่ เพราะตัวเองก้าวจากดาวดวงเล็กๆขึ้นมาเป็นดวงตะวันในพริบตา เธอมีโอกาสประชาสัมพันธ์ตัวเองให้ดูดีงามในสายตาคนอังกฤษ เน้นในเรื่องความเสมอภาคของมนุษย์ที่เธอรณรงค์มาก่อนหน้านี้แล้ว เธอเล่าว่า ตอนอายุ 11 ขวบเธอเห็นโฆษณาน้ำยาล้างจานยี่ห้อ Ivory ที่ใช้ถ้อยคำว่า "women all over America fighting greasy pots and pans" ผู้หญิงทั่วอเมริกาต้องสู้รบตบมือกับคราบไขมันในหม้อและกระทะ" คำนี้ทำให้เด็กหญิงเมแกนโกรธมาก เพราะมันเท่ากับแบ่งแยกเพศ ให้เพศหญิงกลายเป็น "นางก้นครัว" มีหน้าที่ซักผ้าล้างจาน โดยที่เพศชายไม่ต้องแตะต้องงานพวกนี้เลย เธอเล่าว่าเพื่อนนักเรียนชายในชั้นยังพูดซะอีกว่า " แน่ละซี ทำครัวมันหน้าที่ของผู้หญิงนี่" หนูน้อยเมแกนเห็นว่าไม่ถูกต้อง เธอก็เลยเขียนจดหมายไปประท้วงหลายแห่งรวมทั้งบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้วย ที่สำคัญที่สุด เธอเขียนถึงนางฮิลลารี่ คลินตัน สตรีหมายเลข 1 ของอเมริกาในขณะนั้น คนต่อมาคือลินดา เอลเลอร์บี พิธีกรรายการข่าวเด็ก และทนายความหญิงชื่อดัง กลอเรียน ออลเรด เมแกนเล่าต่อไปว่า ด้วยความประหลาดใจ ไม่กี่วันต่อมาเธอได้รับจดหมายตอบให้กำลังใจจากสตรีผู้ยิ่งยงทั้ง 3 คน เอลเลอร์บีถึงกับส่งนักข่าวและช่างกล้องมาถ่ายทำและสัมภาษณ์หนูน้อยที่บ้าน หนึ่งเดือนต่อมา ทางบริษัทเจ้าของสินค้าก็ยอมถอดโฆษณาเดิมออก เปลี่ยนโฆษณาใหม่ที่ไม่เหยียดเพศอีกต่อไป รูปนี้คือเมแกนในวัย 11 ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 23 ก.ย. 22, 19:37
|
|
เมแกนเรียกตัวเองว่า biracial (ลูกครึ่ง) คือครึ่งขาวและครึ่งดำ ความเป็นลูกครึ่งมีอิทธิพลครอบงำจิตใจเธอมาก สังเกตได้จากไม่ว่าเรื่องอะไร เธอจะลากเข้าไปสู่ความเป็น "ลูกครึ่ง" อยู่เสมอ เช่นตอนที่เธอเริ่มต้นอาชีพนักแสดง เธอก็บอกว่าลำบากกว่าคนอื่นๆ เพราะหาที่ลงไม่ได้ถนัด นักแสดงที่เป็นคนผิวขาวก็หาบทของคนผิวขาวได้ไม่ยาก นักแสดงผิวดำก็จะมุ่งไปหาบทที่ต้องการตัวแสดงผิวดำ แต่เธอไม่เข้าข่ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขาวก็ไม่ใช่ ดำก็ไม่เชิง เธอก็เลยหาบทแสดงได้ยาก ข้อนี้ทิ้งเอาไว้ให้เข้าใจว่า ที่เธอไม่ได้โด่งดังสักทีก็เพราะความเป็นลูกครึ่งนี่เอง เธอไม่ยักมองว่านักแสดงไม่ว่าผิวสีไหนก็มีโอกาสได้รางวัลออสคาร์ ถ้าฝีมือถึง ถ้าเมแกนยังไม่ดังสักทีแม้อายุจะใกล้ 40 เข้าไปแล้ว ก็น่าจะต้องพิจารณาด้านอื่นๆด้วยเช่นฝีไม้ลายมือตัวเอง ว่ามีมากน้อยแค่ไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Anna
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 23 ก.ย. 22, 20:06
|
|
เข้าเรียนนะคะ นั่งฟังเล็คเชอร์อยู่เงียบๆค่ะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Anna
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 23 ก.ย. 22, 20:14
|
|
เมแกนสวมชุดหรูสีแดงเพลิงของ Self Potrait มีคนตาไวเห็นป้ายราคาห้อยอยู่ใต้ชายกระโปรง เป็นป้ายที่เขียนว่า “จะคืนชุดได้ก็ต่อเมื่อป้ายนี้ยังติดอยู่”
พฤติกรรมส่อให้เห็นถึงนิสัย........ ออกจะรวย ดองกับเจ้าด้วยน่าจะไว้หน้ากันบ้าง ไม่น่าทำแบบนี้เลยนะคะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 23 ก.ย. 22, 20:45
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 24 ก.ย. 22, 09:47
|
|
ในช่วงที่พบเจ้าชายเป็นครั้งแรก เมแกนไม่ได้อยู่โสดโดดเดี่ยว เธอคบกับเชฟผู้เป็นเจ้าของเรสทัวรองต์ดังหลังจากหย่ากับสามีคนแรกแล้ว พอทำท่าว่าปลูกรักกับเจ้าชายได้ เธอก็เลิกกับแฟนทันที ความจริงเรื่องนี้มันก็ไม่มีอะไรเสียหายสำหรับหนุ่มสาวทั่วไป เป็นธรรมดาฝ่ายไหนไปเจอคนใหม่ถูกใจกว่า ก็จะขอเลิกกับคนเก่า สังคมถือว่าโอเค ดีกว่าคบซ้อน แต่สื่อทั้งหลายถือว่าเบื้องหลังแบบนี้เป็นขุมทรัพย์ที่ควรขุดคุ้ยอย่างยิ่ง ประวัติของเมแกนก็เลยถูกตีแผ่ออกมามากมายเกินต้องการ(ของเธอ) และยังขุดกันไม่เลิกจนบัดนี้ หนึ่งในประวัติที่ถูกขุดคุ้ยออกมาในภายหลัง คือเมแกนเคยเป็น yacht girl มาก่อนรึเปล่า เรือยอทช์คือเรือสำราญของเศรษฐี มีทั้งขายและให้เช่า มีหลายแบบหลายขนาดแล้วแต่ขนาดกระเป๋าลูกค้า การล่องเรือยอทช์ไปในทะเลหลายๆวันเป็นการพักผ่อนสำเริงสำราญของเศรษฐีหนุ่มและแก่ทั้งหลาย ได้สนุกสนานกันสุดเหวี่ยงโดยไม่ต้องกลัวเมียรู้หรือชาวบ้านแอบมอง ที่ขาดไม่ได้คือสาวๆทำหน้าที่เพื่อนร่วมสนุกด้วย งานแบบนี้กินเวลาสั้น แต่รายได้ดีมาก จึงมีนักศึกษาสาวๆ นางแบบโนเนม แม้แต่ดาราโนเนมมารับจ๊อบแบบนี้กันมากหน้าหลายตา เมื่อเมแกนก้าวขึ้นมาเป็นคนดัง ก็มีมือดีแอบเปิดเผยเรื่องนี้ขึ้นมา ในทำนองคำถาม (เพื่อจะไม่โดนฟ้องหมิ่นประมาท) ว่าเธอเคยรับจ๊อบดังกล่าวมาแล้ว
ข้างล่างนี้คือภาพสามีคนแรก และแฟนหนุ่มที่เลิกกันไปเพราะแฮร์รี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 24 ก.ย. 22, 09:52
|
|
เมแกนเคยโพสภาพตัวเองในเรือยอทช์ ตั้งแต่ปี 2014 ก็เลยเกิดเป็นคำถามนี้ขึ้นมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 24 ก.ย. 22, 20:09
|
|
อย่างที่บอกมาแล้วว่า หนูน้อยเมแกนฝังใจเรื่องความเสมอภาคของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเพศหรือเชื้อชาติ เมื่อโตเป็นสาว และเป็นดารา เธอก็จับเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ทำตัวเป็นนักรณรงค์เพื่อความเสมอภาค ไปปาฐกถาและแสดงสุนทรพจน์ในที่หลายๆแห่ง ตั้งแต่ก่อนจะมาเจอเจ้าชาย เมื่อสปอตไลต์จับเข้าที่ตัวเอง บทบาทในอดีตก็ถูกขุดออกมาไม่เหลือหลอ สื่อจับได้ว่าครั้งหนึ่งเมื่อเมแกนไปพูดเรื่องนี้ที่สหประชาชาติ เธอแสดงคำคมโวหารออกมา โดยไม่บอกสักคำว่า ทั้งย่อหน้าที่พูดออกมานั้น ลอกของอดีตสตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา คือเอลินอร์ รูสเวลท์ ภรรยาประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลท์ มาทั้งดุ้น และร้ายกว่านี้คือดัดแปลงคำพูดของคุณนายเอลินอร์จากคำว่า "สันติภาพ" มาเป็น "เสมอภาค" เอาดื้อๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 24 ก.ย. 22, 20:10
|
|
เปรียบเทียบกันดูนะคะ ว่าไปฉกของคนอื่นเขามาเป็นโวหารตัวเองยังไง แถมยังดัดแปลงโดยไม่ขออนุญาตเสียอีก
คือคุณนายเอลินอร์ รูสเวลท์ พูดว่า " แค่พร่ำพูดถึงสันติภาพเท่านั้นยังไม่พอ ท่านจะต้องเชื่อถือศรัทธาในสันติภาพด้วย แค่เชื่อถือศรัทธายังไม่พอ ท่านจะต้องลงมือปฏิบัติให้เห็นผลขึ้นมา" ส่วนนางพญาของเราดัดแปลงเป็นว่า " แค่พร่ำพูดถึงความเสมอภาคเท่านั้นยังไม่พอ ท่านจะต้องเชื่อถือศรัทธาในความเสมอภาคด้วย แค่เชื่อถือศรัทธายังไม่พอ ท่านจะต้องลงมือปฏิบัติให้เห็นผลขึ้นมา"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 25 ก.ย. 22, 16:04
|
|
ตามมารยาทสากล รวมทั้งมารยาทแบบอเมริกันด้วย คือเมื่อใครประสบโชค ความสำเร็จ หรือมีเรื่องน่ายินดี เช่นกำลังจะแต่งงาน บรรดาญาติสนิทมิตรสหายก็จะแสดงความยินดี ใครอยู่ใกล้ก็แสดงวาจา ใครอยู่ไกลก็ส่งการ์ด หรือโทรศัพท์ แม้ว่าในใจจะคิดแตกต่างหรือตรงกันข้ามยังไงก็ตาม โดยมารยาทแล้วจะต้องแสดงออกแต่ทางบวกเท่านั้น นับเป็นเคราะห์ของเมแกนที่ครอบครัวฝ่ายพ่อของเธอไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ข้อนี้ นายไมเคิล มาร์เคิลบิดาเธอเคยสมรสมีลูกติดมาแล้ว 2 คนก่อนมาแต่งงานกับแม่ของเมแกน แล้วก็หย่ากันอีก ตั้งแต่รู้ข่าวว่าเมแกนหมั้นกับเจ้าชาย ทั้งพ่อและลูกคนละแม่ก็สำแดงฤทธิ์เดชของครอบครัวอลเวงออกมาทันที พี่สาวของเมแกนที่ชื่อซาแมนธานั้นแสดงออกนอกหน้าว่าไม่ยินดีกับความสุขของน้องสาว ส่วนพ่อกับลูกสาวก็มีข้อขัดแย้งกันมาก่อนหน้านี้ จนกระทั่งเมแกนตีตัวออกห่างไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย พ่อก็ไม่คิดจะปิดเป็นความลับแต่อย่างใด ในเมื่อดูออกว่านี่คือขุมทรัพย์อีกขุมหนึ่ง สื่อทั้งหลายก็พุ่งเป้าไปขุด ขุด ขุด ทางพ่อและพี่สาวต่างแม่ทันที ส่วนแม่ของเมแกนเข้ากับลูกสาวได้ดี เลยไม่มีอะไรจะให้เป็นข่าวเท่าทางบ้านพ่อที่ยินดีสาวไส้ให้กากิน แน่ละ มีเสียงกระซิบดังๆว่าพ่อของเมแกนที่ถังแตกขนาดล้มละลาย ต้องย้ายที่อยู่ไปอยู่เมกซิโก เต็มใจจะแลกตื้นลึกหนาบางในบ้านให้สื่อที่จ่ายเงินถึงใจ จดหมายส่วนตัวของเมแกนที่ตัดพ้อต่อว่าพ่อจึงตีพิมพ์หราไปทั่วโลก เท่านั้นยังยุ่งยากไม่พอ พี่สาวเมแกนก็ออกโรงจิกตีเจ้าชายแฮร์รี่ เช่นหาว่าเจ้าชายแขวะพ่อและเธอว่าไม่ให้ความรักความอบอุ่นกับเมแกน เธอโจมตีน้องสาวต่างแม่ไม่อั้น จนเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาลกัน อ่านดูแล้วก็รสชาติเกินหน้าละครน้ำเน่าไปไหนๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 26 ก.ย. 22, 11:52
|
|
ความสัมพันธ์ระหว่างเมแกนกับพ่อเลวร้ายลงทุกที จนถึงวันวิวาห์ ที่เดิมกำหนดว่าพ่อจะจูงมือลูกสาวเข้าโบสถ์ตามธรรมเนียมประเพณี ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนเป็นพ่อทุกคนที่ส่งลูกสาวไปเป็นฝั่งเป็นฝา เอาเข้าจริง พ่อถอนตัวไม่มางานแต่งของลูกสาวกับเจ้าชาย คนที่ทำหน้าที่แทนพ่อเจ้าสาวคือพ่อเจ้าบ่าว อดีตเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ที่เป็นพระเจ้าชาร์ลส์ในปัจจุบัน นับเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัวที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในพิธีวิวาห์ของพระราชวงศ์องค์ไหน แต่ทั้งควีนเอลิซาเบธและเจ้าชายชาร์ลส์ก็ยอมกลืนเลือด เห็นแก่ความสุขของแฮร์รี่ พ่อเจ้าบ่าวทำหน้าที่แทนพ่อเจ้าสาว พาเมแกนเข้าโบสถ์ ให้พิธีผ่านไปจนเสร็จเรียบร้อย ในตอนแรกที่เมแกนก้าวเข้ามาสู่ชีวิตเจ้าชายแฮร์รี่ แม้เธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับฝ่ายชาย และไม่ได้เอาใจใส่เจ้านายมาก่อน แต่บรรดาเพื่อนฝูงและขาเม้าท์ทั้งหลายก็ช่วยกันให้ปากคำกับสื่ออย่างไม่ยั้งว่า จริงๆแล้วเมแกนวางแผน 'จับ' เจ้าชายมาแต่แรกแล้ว ถึงกับไหว้วานเพื่อนให้นัดบอดให้ โดยหมายมาดจะได้เป็นเซเลบระดับโลก ส่วนปัญหาอื่นๆนั้นมันจิ๊บๆ เอาไว้ทีหลังก็ได้ ที่สำคัญคือต้องเอาเจ้าชายให้อยู่หมัดในระยะเวลาเร็วที่สุด นี่ก็คำตอบว่าทำไมคู่นี้ถึงรักกันปานสายฟ้าแลบ แลบเสร็จ ฟ้าร้องครืน งานวิวาห์ก็มาถึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 27 ก.ย. 22, 09:54
|
|
ความจริง ทางราชสำนักก็หาใช่ว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับเมแกน บุรุษสตรีทุกคนที่ก้าวเข้ามาใกล้ชิดกับเจ้านายจะต้องถูกตรวจสอบประวัติในทางลับกันไม่เว้นแต่ละคน คามิลล่าเองสมัยคบกับเจ้าชายชาร์ลส์ก็สอบตกไปเพราะประวัติไม่ดี คบหนุ่มๆมากหน้าหลายตามาก่อนนั่นเอง ส่วนไดอาน่าสอบผ่านเพราะเธอไม่เคยมีประวัติเสียหาย ดังนั้น ประวัติของเมแกนก็ไม่มีทางรอดหูรอดตาไปได้ อาจด้วยเหตุนี้ เจ้าชายวิลเลียมจึงเตือนน้องชายให้คบหาดูใจกันนานๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจแต่งงาน แต่คนอย่างแฮร์รี่นั่นหรือจะเชื่อฟังผู้ใหญ่ อยากได้อะไรก็ต้องได้ปุ๊บ อยากทำอะไรก็ทำปั๊บ ผลเป็นยังไงช่างมัน เดี๋ยวย่าซึ่งรักและสงสารหลานชายคนนี้เป็นพิเศษ ก็สั่งบริวารให้ตามล้างตามเช็ดให้เอง ความจริง ล่วงมาถึงยุคปัจจุบัน ทางวังค่อยเพลาความเข้มงวดเรื่องคู่ครองเจ้านายลงมาก เพราะคู่ที่เหมาะสมกันเป็นกิ่งทองใบหยกอย่างชาร์ลส์และไดอาน่านอกจากไปไม่รอด ยังทิ้งบาดแผลไว้ให้พระราชวงศ์เป็นรอยลึกจนบัดนี้ อีกอย่างคือผู้หญิงในราชวงศ์นี้-ยกเว้นแต่ควีน- จะว่าไปก็ไม่ได้ขาวผ่องกันสักคน เริ่มตั้งแต่เจ้าฟ้ามาร์กาเร็ตพระน้องนางของควีนก็ทำเรื่องยุ่งยากด้านผู้ชายพายเรือมาตั้งแต่ยังสาว แต่งงานไปกับชายที่ไม่คู่ควร ต่อมาก็หย่า หย่าแล้วก็ยังมีข่าวซุบซิบที่อื้อฉาวกับชายมากหน้าหลายตา เจ้าหญิงแอนน์เองก็คบกับสามีคนที่สองตั้งแต่ยังไม่หย่าขาดจากสามีคนแรก แล้วก็มีข่าวว่าทุกวันนี้ก็อยู่กับสามีคนที่สองเพียงในนาม คามิลล่านั้นไม่ต้องพูดว่าเป็นที่ชิงชังของประชาชนมากขนาดไหน ไดอาน่าเองก็มีสัมพันธ์ลับกับนายทหารเจมส์ เฮวิตต์ ก่อนหย่าขาดจากชาร์ลส์อย่างเป็นทางการ เฟอร์กี้พระชายาเจ้าชายแอนดรูว์นั่นยิ่งฉาวโฉ่แซงหน้าทุกคน พอสามีไปปฏิบัติงานห่างไกล เธอก็คบชู้เปิดเผย แถมยังเอาลูกสาวเล็กๆทั้งสองไปทำความรู้จักมักคุ้นกับชู้ด้วย แม้แต่โซฟีพระชายาเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสองค์สุดท้องของควีน ซึ่งใช้ชีวิตเงียบๆสงบเสงี่ยมดูดีงาม ก็ไม่วายมีมือดีเอาภาพเปลือยในงานปาร์ตี้สมัยยังสาวก่อนแต่งมาแฉ ให้อับอายกันไปทั่วโลก ในเมื่อเกือบทุกคนมีบาดแผลใหญ่บ้างเล็กบ้าง หากว่าเมแกนทำตัวดีน่านับถือ แล้วอีกอย่างสามีเธอก็อยู่ห่างหลายอันดับจากขึ้นครองราชย์ ทางวังก็พอจะกล้ำกลืนยอมรับเธอได้ แต่..ก็ไม่ใช่ 100 % อาจจะสัก 50% ที่เหลือเมแกนต้องทำคะแนนไต่ระดับขึ้นไปเอง
ภาพนี้ เฟอร์กี้นอนเปลือยท่อนบนอาบแดดอยู่กับชู้ ที่วิลลาในฝรั่งเศษ ระหว่างเจ้าชายไปปฏฺบัติการทางทะเลในฐานะทหารเรือ ภาพนี้ไม่ปรากฏตัวผู้ถ่ายว่าเป็นใคร แต่นำลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แทบลอยด์เป็นข่าวสะเทือนไปทั้งโลก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 28 ก.ย. 22, 08:03
|
|
เมแกนทำศึกกับทางบ้านคือพ่อกับพี่ยังไม่ยุติดี เธอก็เปิดศึกกับสื่อที่เที่ยวเจาะลึกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว ถึงขั้นเจ้าชายแฮร์รี่ออกมาปกป้องคู่หมั้น ขอให้สื่อเลิกตามราวีเธอเสียที ผลก็เป็นอย่างที่รู้ๆกันคือเท่ากับสาดน้ำมันเข้ากองไฟ สื่อที่ไหนจะยอมเชื่อฟัง ศึกที่สามที่เมแกนกระโจนเข้าใส่คือศึกกับพระราชวัง ทันทีที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวของแฮร์รี่ ข่าวก็ตามมาว่าผู้หญิงคนนี้นอกจากฟุ้มเฟือย ไม่รู้การควรมิควรแล้วยัง "เยอะ" เอาแต่ใจ เธอไล่ผู้ช่วยออกเป็นว่าเล่น เพราะพวกนี้พยายามจะบอกเธอว่าควรทำอะไรไม่ทำอะไร หรือไม่ก็ไม่สามารถรับใช้ได้ถูกใจ นอกจากบรรดาข้าราชบริพารจะส่ายหน้ากันแล้ว แม้แต่ควีนเองก็หนักพระทัยไม่น้อย เพราะสาวเจ้าเรียกร้องโน่นนี่เหลือเกิน ทั้งที่เป็นแม่ม่ายผัวหย่า เธอก็ยืนกรานจะใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวเข้างานวิวาห์ ผิดธรรมเนียมที่ถือกันว่าเจ้าสาวในชุดขาวคือผู้ที่ยังเป็น "นางสาว" ไม่เคยผ่านสมรสมาก่อน เท่านั้นยังไม่พอ ยังชี้จะเอาเทียร่าที่ตัวเองหมายตาไว้ เจ้าชายเองก็ประกาศออกมาว่า "อะไรก็ตามที่เมแกนต้องการ ต้องได้" ร้อนถึงควีนต้องมาตัดสินอย่างเฉียบขาดว่า ไม่ได้ ใส่ได้แต่ที่ควีนทรงเห็นสมควรจึงทรงอนุญาตเท่านั้น เหตุผลจริงๆว่าทำไมอันนี้ได้ อันนั้นไม่ได้ ไม่มีใครรู้ นอกจากคาดเดากันไปต่างๆนานา แต่เหตุผลที่ฟังขึ้นคือ ในเมื่อเครื่องเพชรเหล่านี่เป็นพระราชสมบัติของควีน ท่านก็ทรงมีสิทธิ์ขาดที่จะให้ใครยืมชิ้นไหนตามแต่ทรงเห็นสมควร ไม่ใช่ใครจะมาชี้นิ้วจะเอาชิ้นไหน ก็ต้องรีบหยิบไปให้โดยพลัน รูปแรกคือเมแกนสวมเทียร่าที่ควีนเลือกให้ รูปที่สองคือเทียร่ามรกตที่เธออยากได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 29 ก.ย. 22, 09:22
|
|
ปมสำคัญของเมแกนที่ไม่รู้จะเรียกว่าปมด้อยหรือปมเด่น ก็คือเลือดผสม ที่ว่าเป็นปมด้อยคือ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรปุ๊บ เธอจะลากปั๊บเข้าสู่คำตอบว่า มันเกิดจากผิวสีของเธอนั่นเองที่ทำให้คนเหล่านั้นมีอคติด้วย แต่ที่ว่าเป็นปมเด่นก็คือ เธอก็ใช้ความเป็นผิวสีนี่แหละเรียกร้องความเห็นใจจากผู้คน ว่าเธอเป็นเหยื่อของการแบ่งผิวแบ่งเชื้อชาติ มันทำให้เธอกลายเป็นนางเอก หรือวีรสตรีในสายตาคนจำนวนมาก ถ้าถามว่าผู้หญิงสามัญที่ก้าวเข้ามาสู่พระราชวงศ์เจออคติจากราชสำนักและสื่อไหม คำตอบคือเจอสาหัสสากรรจ์ทุกคน เคทเองขณะเป็นแฟนสาวของวิลเลียมมาร่วม 10 ปี ก็ถูกโขกถูกสับว่าเป็นนักขุดทอง หวังเกาะเจ้าชายบ้าง ไม่ใช่ผู้ดิบผู้ดี แค่สามัญชนคนชั้นกลางธรรมดาๆบ้าง พ่อแม่โคตรตระกูลถูกขุดคุ้ยออกมาหมดว่าเป็นใครมาจากไหน แต่เคทก็อดทนไม่ปริปาก ไม่โวยวาย ทำตัวให้ถูกต้องพอเหมาะพอดี ไม่หลุดอะไรออกไปให้ใครจ้องโจมตีได้ จนกระทั่งทุกวันนี้ ก็กลายเป็นขวัญใจประชาชน ราชสำนักยอมรับในที่สุด แต่เมแกนไม่เหมือนเคท ในขณะที่เคทใช้วิธีปรับตัวเองให้พอเหมาะพอดีกับ "กรอบ" ที่ถูกสวมให้ในฐานะพระชายาของเจ้าชาย จะโดนบีบโดนกระแทกยังไงก็อดทนลูกเดียว จนพอดีกรอบ แต่เมแกนไม่เป็นเช่นนั้น เธอตัดสินใจที่จะไม่โอนอ่อน เธอเป็นตัวของตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเธอเห็นสมควร ไม่ใช่ให้ใครมาบอกว่าควรทำยังโง้นไม่ทำยังงี้ พูดง่ายๆคือกรอบต้องปรับตัวเองให้ยืดหยุ่นพอดีกับตัวเธอ ผลก็คือเมแกนก็เปิดศึกกับข้าราชบริพาร ผู้คนที่ถูกจ้างมาช่วยงานถูกไล่ออกไม่เว้นแต่ละคน เพราะบังอาจไปแนะนำให้เธอทำสิ่งที่เธอไม่เห็นสมควรว่าต้องทำ เมแกนไม่โอนอ่อนแม้แต่เจ้าหญิงแอนน์ พระธิดาของควีน เมื่อถูกเรียกไปพบเพื่ออบรมฝึกสอนให้เธอรู้จักทำหน้าที่ต่อประชาชนในฐานะสะใภ้หลวง เจ้าหญิงแอนน์ได้ชื่อว่าเป็นพระราชวงศ์ที่ทำงานเพื่อประชาชนถี่ยิบที่สุดในบรรดาทั้งหมด ทรงออกงานพบปะประชาชนสม่ำเสมอปีละหลายร้อยงาน เสด็จต่างประเทศแทนพระมารดาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีก็ไม่ใช่น้อย ด้านชีวิตส่วนตัวก็เก็บองค์เงียบเชียบ ไม่เป็นข่าวอื้อฉาว แม้มีข่าวลือว่าทรงแยกกันอยู่กับเซอร์ทิโมธี ลอเรนซ์ พระสวามี แต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้ ทั้งสองคนก็ยังออกงานคู่กันตามปกติ การวางตัวแบบนี้แหละเป็นแบบแผนที่ถือกันว่าเหมาะสมของสตรีในพระราชวงศ์ ข่าวแพลมออกมาว่าแอนน์ได้เตือนหลานสะใภ้ว่า หน้าที่ของเจ้า คือรับใช้ประชาชน ไม่ใช่ทำตัวเป็นเซเลบ แต่ผลคือแอนน์ส่ายหน้า ปรารภกับคนใกล้ชิดว่า ท่าทางเมแกนคงจะอยู่กับพวกเราไปไม่ได้นาน นับว่าเจ้าหญิงพระเนตรแหลม ทำนายได้แม่นยำมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 29 ก.ย. 22, 20:39
|
|
ถ้าจะถามว่า สิ่งที่เมแกนพูดคืออคติที่คนอังกฤษทั้งในวังนอกวังมีต่อเธอ มันเรื่องจริงไหม คำตอบคือส่วนหนึ่งจริง ประชาชนที่มีปฏิกิริยาแปลกแยกต่อเธอ มีอยู่จริง เวลาเมแกนออกงาน ผู้คนจำนวนมากยิ้มแย้มต้อนรับเจ้าชายแฮร์รี่ แต่ออกจะเฉยๆหรือเฝื่อนๆกับเธอก็มี ไม่ใช่ไม่มี แต่คำตอบอีกส่วนของข้อเดียวกันก็คือ ไ่ม่จริง คือคนที่ไม่ชอบ เกิดจากสาเหตุอื่น ไม่ใช่เรื่องผิว แต่เป็นการปฏิบัติตัวและวางตัวไม่เหมาะสมของผู้หญิงคนนี้ ยิ่งบรรดาข้าราชบริพารในวัง หลายคนออกมาให้สัมภาษณ์เลยว่าถูกเมียเจ้าชายทั้งกรี๊ดทั้งอาละวาดกราดเกรี้ยวเวลารับใช้ไม่ได้ดังใจ จนลาออกกันระนาว ในเมื่อเปิดศึกหลายด้าน ยิ่งนางพญาไม่ลดราวาศอกด้วย ข้าศึกที่มีอยู่ทั้งภายในวังและนอกวังก็ยิ่งกระหน่ำซ้ำเติม เมแกนก็ชูธงเดิมคือถูกรังแกเพราะสีผิว ส่วนการเผด็จศึกก็อย่างที่รู้ๆกันว่าช็อคอังกฤษไปทั้งประเทศ คือเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ตัดสินใจ 'สละยศ' และออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงอย่างเป็นทางการ อพยพไปอยู่อเมริกา ถ้าเปรียบเทียบเป็นหนังหรือละคร ก็คล้ายๆกับคุณชายกลางสละบ้านทรายทอง หิ้วกระเป๋าตามพจมานไปอยู่ต่างถิ่นด้วยกันสองคน มิให้ฐานันดรมากีดขวางความรักได้อีก ท่านย่าแห่งบ้านทรายทองก็ใจเด็ดเหมือนกัน ในเมื่อหลานรักไม่รักดีก็ไม่อ่อนข้อให้ ท่านย่าประกาศเลยว่าอยากไปก็ไปเถิด ย่าขออวยชัยให้พรให้ไปดี ไปแต่ตัวนะ เอาความเป็นเจ้า(คือเกียรติและเงิน)ทิ้งไว้ที่บ้าน ไม่อนุญาตให้เอาไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|