เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 14
  พิมพ์  
อ่าน: 7572 ถามคุณตั้งเรื่องหิน
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 03 ส.ค. 22, 19:22

ขอบคุณมากครับ คุณเพ็ญชมพู  สำหรับภาพประกอบ

หินแกรนิตมีความหลากหลายทั้งด้านสี (จากสัดส่วนของชนิดแร่ที่เป็นองค์ประกอบ)  ด้านเนื้อ หยาบหรือละเอียด (จากขนาดของผลึกแร่ประกอบหินที่เกิดภายใต้อุณหภูมิและความดันต่างๆกัน)   ความยากง่ายในการกระเทาะ  ความมันของผิว(เมื่อขัดมัน)  ความคงทนและความทนทานของในการใช้งาน ซึ่งทั้งมวลเหล่านี้เป็นผลจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า Alteration และจากการผุพัง Weathering ของหินที่นำมาใช้ 

ปฏิมากรรมที่ทำด้วยหินแกรนิตในที่ต่างๆแต่เก่าก่อนโน้น หากสังเกตก็พอจะเห็นว่า ที่อยู่ในที่แจ้งนั้น ส่วนมากแล้วเม็ดแร่ในเนื้อหินจะออกไปทางขนาดประมาณหัวไม้ขีดไฟ  จะเป็นพวกเนื้อหินที่มีสีที่คละเคล้ากันระหว่างแร่สีเข้มกับแร่สีอ่อนในสัดส่วนประมาณเท่าๆกัน (โดยรวมแล้วมีโทนสีออกไปทางสีเข้ม)    แล้วก็น่าจะพอสังเกตเห็นว่า พวกที่เนื้อหินออกไปทางโทนสีชมพูหรือแดง หรือสีอื่นๆนั้น ส่วนมากจะพบอยู่ในพื้นที่ร่ม   ส่วนพวกหินที่เอามาปูพื้นนั้น ก็จะมีคละกันทั้งในด้านของความหยาบและความละเอียดที่มีปะปนกันอยู่ในเนื้อหิน
เหตุที่เป็นเช่นนั้น นอกจากในเรื่องของความสวยงามแล้ว ก็ดูจะเป็นด้วยเรื่องของความทนทานต่อลักษณะของการใช้ที่ต่างกัน           
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 03 ส.ค. 22, 20:34

สีสวยๆของหินแกรนิตได้มาจากสีของแร่ประกอบหินแกรนิตที่มิใช่แร่ Quartz   ซึ่งแร่เหล่านั้นล้วนมีความแข็งน้อยกว่าแร่ Quartz   ก็หมายความว่า มันสามารถจะถูกขูดขีดหรือถูกขัดออกไปได้ด้วยแร่ Quartz     ก็คงจะเป็นด้วยเหตุว่า ดินทรายและฝุ่นต่างๆประกอบไปด้วยวัสดุซึ่งเกือบทั้งหมดจะเป็นเม็ดแร่ Quartz ขนาดต่างๆ (sand, silt, clay) เป็นส่วนประกอบสำคัญ  ก็เลยไม่เคยเห็นว่ามีการใช้หินแกรนิตสีต่างๆมาวางปูเป็นพื้นทางเดินหรือทางสัญจรปกติต่างๆ   

อีกเรื่องหนึ่ง หินแกรนิตที่เอามาวางปูพื้นถนนหรือทางเดินนั้น จะเป็นการใช้หินที่มีลักษณะเป็นแผ่น   การจะต้องสกัดหินแกรนิตให้อยู่ในลักษณะเป็นแผ่นที่มีหน้าด้านหนึ่งราบเรียบนั้นมิใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย    โชคดีที่หินแกรนิตในบางแห่งมีการผุพังทำลายในลักษณะ  Exfoliation weathering  คือการแตกออกเป็นแผ่นๆ คล้ายกับการกระเทาะเปลือกไข่แล้วปอกเปลือกออกมาเป็นชิ้นๆ  เพียงการสกัดให้เป็นชิ้นๆทรงสี่เหลี่ยมก็พอจะใช้งานได้แล้ว

ก็น่าจะเป็นเรื่องน่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งในเรื่องของแหล่งที่มาหรือแหล่งผลิตหินปูพื้นเหล่านี้  หินรูปทรงแบบนี้ เป็นไปได้ทั้งใช้เป็นอับเฉาเรือ หรือเป็นตัวสินค้าที่ค้าขายกัน  แล้วก็อาจจะเป็นของที่ต้องขึ้นจากเมืองท่าเรือที่ขึ้น-ลงสินค้าต่างประเภทต่างกันไป ฮืม 

คิดเฟื่องต่อไปอีกแล้วครับ  ยิงฟันยิ้ม 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 17:01

รูปสลักหินอ่อน  ชื่อ  Amenaide, The Operatic Heroine
(White Marble)
ประติมากร เป็นชาวอิตาเลียน ชื่อ Victorio Caradossi  (1861-1918,)
เอามาลงให้คุณตั้งดูค่ะ   เล่าเรื่องหินแกรนิตจบแล้ว อยากให้เล่าถึงหินอ่อนด้วย 
ชนิดที่เป็นแผ่นปูพื้น กับที่สลักเป็นรูปสวยๆแบบนี้ อย่างเดียวกันหรือเปล่า


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 17:09

ที่ชอบมากคืองานชิ้นนี้ค่ะ  ชื่อ The Veiled Virgin ในประวัติบอกว่าเป็นหินอ่อน Carrara โดยประติมากรชาวอิตาเลียนชื่อ Giovanni Strazza (1818–1875)
หินอ่อนชนิดนี้จำได้ว่าเป็นชนิดเดียวกับที่สร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม 
ชอบฝีมือของประติมากรที่สลักหินทั้งแท่งออกมาเป็นผ้าคลุมหน้าเบาบางได้
มีรูปสลักหินอ่อนแบบนี้อีกหลายชิ้นด้วยกัน   แต่ชอบชิ้นนี้ที่สุดค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 17:10

ขยายใหญ่ขึ้น


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 17:15

นี่อีกชื้ืนหนึ่ง ชื่อ The Veiled Vestal Virgin ฝีมือประติมากรอิตาเลียน(ตามเคย) ชื่อ Raffaele Monti (1818–1881)
สงสัยว่าหินก้อนใหญ่ทั้งแท่ง เขาแกะยังไงถึงออกมาประณีตขนาดนี้    เป็นหินแท่งเดียวใช่ไหมคะ
ถ้าแกะผิดไปนิดเดียว คงต้องโยนทิ้งทั้งแท่งเลยหรือเปล่า
หินแข็งขนาดไหนถ้าเทียบกับแกรนิต


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 17:18

ดูใกล้ๆ


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 18:58

ต่อเรื่องหินแกรนิตอีกหน่อยนึงครับ

ก็มีหินที่มีหน้าตาคล้ายหินแกรนิตอยู่อย่างหนึ่ง  คือ หิน Gneiss เป็นพวกหินแปร (Metamorphic Rock)  ข้อสังเกตสำคัญก็คือ จะเห็นมีลายในเนื้อหิน ซึ่งมาจากเม็ดแร่ต่างชนิดกันแยกเรียงตัวกัน  หิน Gneiss นี้มีเนื้อเหนียวแน่น สกัดยาก   ครกหินของอ่างศิลาแต่ดั้งเดิม ดูจะทำมาจากหิน Gneiss  ในปัจจุบันใช้หินแกรนิต ซึ่งมีทั้งแบบที่มีสีออกไปทางขาว-ดำ และที่ออกไปทางสีชมพู-ครีม  ทั้งหมดพอจะดูออกว่าเอาหินแกรนิตจากแหล่งอื่นมาทำ  ครกที่มีสีออกไปทางชมพู-ครีมนั้น มีราคาสูงมากกว่าพวกที่มีสีออกไปทางขาว-ดำ  ก็มีทั้งเหตุผลด้านของความสวยงาม ด้านของคุณภาพเนื้อหินที่มีความเหนียวแน่น และความหายาก(ในปัจจุบัน)     ก็จะขอไม่ขยายความต่อไป

ครกหินที่มีเนื้อค่อนข้างละเอียดที่เป็นของใช้แต่เก่าก่อน ที่นำเข้ามาจากเมืองจีนนั้น ดูจะทำมาจากหิน Diorite  ซึ่งเป็นหินที่มีหน้าตาคล้ายกับหินแกรนิตเนื้อละเอียด  ต่างกันออกไปที่หิน Diorite จะมีเนื้อหินออกไปทางสีเขียวขี้ม้า   เรามักจะเห็นก้นครกพวกนี้เว้าลึกลงไปมาก และมักจะไม่ค่อยเห็นสากที่อยู่คู่กับมัน จะเป็นการใช้กรวดแม่น้ำก้อนใหญ่เอามาทำเป็นสาก  เครื่องแกงและน้ำพริกต่างๆที่ใช้ครกพวกนี้ตำจะไม่รู้สึกเลยว่ามีทรายละเอียด   ก็จัดเป็นประเภทของเก่าน่าเล่น  เอามาใช้งานจริงๆก็ได้ เพราะทนทานมาก หรือจะเอามาเป็นของสะสมเป็นของเก่าเก็บไว้ก็ได้              
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 19:16

ครกหินไดออไรต์ แบบนี้ใช่ไหมคะ


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 19:59

นึกถึงของใช้อีกชิ้นหนึ่ง ครับ  คือ โม่ ซึ่งเท่าที่เคยเห็นทั้งหมดจะทำด้วยหินแกรนิดเนื้อละเอียด เป็นของใช้ประจำบ้านของคนเในเอเซียตะวันออก  รูปร่างของอุปกรณ์นี้จะมีลักษณะเหมือนๆกัน ที่เคยเห็นโดยส่วนมากจะมีขนาดของตัวหินที่ใช้โม่กว้างระหว่างประมาณ  20-30 ซม.  น้ำหนักของและขนาดของความกว้างของหินโม่จะมีผลต่อความละเอียดของๆที่เราต้องการจะได้   ในหลายประเทศใช้โม่ใบยาสูบ เพื่อเอามาทำยานัตถ์ุ  ในประเทศแถบบ้านเรานิยมเอามาโม่ข้าว หรือถั่ว หรือ... พร้อมไปกับน้ำ แล้วเอาใส่ของที่ได้มาจากการโม่นั้นมาใส่ถุงผ้าดิบ แขวนให้สะเด็ดน้ำ ก็จะได้แป้งเอามาทำของกินต่างๆ  

เลยนึกถึงต่อไปว่า สูตรขนมต่างๆของไทยแต่เก่าก่อนนั้น ใช้แป้งที่ยังคงมีความชื้นเหล่านั้น  ต่างกับปัจจุบันที่ใช้แป้งที่เกือบจะไม่มีความชื้นในการทำ ก็เลยทำให้ได้ขนมที่มีความแตกต่างกันมากระหว่างของที่ทำแบบรุ่นเก่ากับที่ทำในปัจจุบัน    แป้งที่ได้จากการโม่มานั้น มาจาก grains ที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติอยู่มากกว่าแป้งที่ได้มาจาก grains ที่มีการคัด การขัด และการแยกส่วนประกอบก่อนจะเอาไปบดละเอียด  
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 04 ส.ค. 22, 20:15

ครกหินไดออไรต์ แบบนี้ใช่ไหมคะ

ลักษณะเนื้อหินบ่งว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ครับ   เป็นการทำโดยใช้เครื่องมือขัดแต่ง  ความมันของผิวได้มาจาการเคลือบสารบางอย่าง   แท้จริงแล้ว เมื่อใช้นานไปมันก็จะมีผิวมันไปเอง เพราะถูกเคลือบด้วยไอไขมันต่างๆจากการทำครัว     เดาเอาว่า น่าจะเป็นครกที่ทำขายในพื้นที่แถบ จ.ลำปาง จ.ตาก ครับ (น่าจะในพื้นที่ลำปางมากกว่าตาก)   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 05 ส.ค. 22, 18:05

ก็มาถึงเรื่องของหินอ่อน

หินอ่อนก็คือหินปูนที่เกิดจากการตกตะกอนของสารประกอบ Calcium carbonate (CaCO3) ที่ถูกความร้อนและความดันทำให้เนื้อหินเดิมแปรไปเป็นผลึกแร่เล็กๆ (แร่ Calcite ซึ่งก็คือ CaCO3)ในรูปผลึก) มีลักษณะของเนื้อคล้ายเม็ดทรายจับตัวกันแน่นเป็นมวลใหญ่ (ภูเขา)  มีชื่อเรียกกัน 2 อย่างว่า เป็นหิน Crystalline limestone ในกรณีที่เนื้อหินไม่สวยงาม ไม่เหมาะที่จะเอาไปใช้งานบางประเภท  และอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Marble (หินอ่อน)  คำว่า หินอ่อน ดูจะใช้ในนัยที่เกี่ยวข้องกับงานเชิงศิลปะ         

แต่สารประกอบในน้ำที่จะตกตะกอนเป็นหินชั้นก่อนที่จะถูกแปรเป็นหินอ่อนนั้น มิได้มีเพียงสารประกอบเดียวเท่านั้น  มีได้ทั้งพวก clay sized particles ต่างๆ  และพวกสารประกอบทางเคมีของธาตุอื่นๆ จึงทำให้ได้หินที่มีสีต่างๆเมื่อถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นหินแปร ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งในลักษณะเป็นหย่อมๆหรือเป็นทั้งมวลหินของเขานั้นๆ 

ธาตุ Calcium (Ca) และธาตุ Magnesium (Mg) นั้น สามารถจับตัวอยู่ร่วมกันเป็นผลึกได้  ที่เรียกว่าหินปูนนั้นจึงมี Mg ในปริมาณหนึ่งอยู่ด้วยเสมอ หากมีมากจนเด่นออกมา ก็จะเรียกว่า หิน Dolomite  ซึ่งจะมีความแข็งมากกว่า 

เหล่านี้ก็ล้วนส่งผลให้คุณสมบัติของหินอ่อนแต่ละแหล่งแตกต่างกันไป  ทั้งในเรื่องของสี ลาย ความมันของผิว ความแข็งของหิน .....   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 05 ส.ค. 22, 18:48

หินอ่อนมีชื่อเรียกต่างๆกันไป  มีทั้งในลักษณะที่เกี่ยวกับแหล่งผลิต แหล่งขาย ลักษณะจำเพาะ กระทั่งผู้ผลิต ฯลฯ   ชื่อบางชื่อถูกใช้เป็นมาตรฐานเปรียบเทียบในการซื้อขาย เช่น ชื่อ Carrara มีการใช้ บ้างก็ในลักษณะของแหล่งผลิต บ้างก็ในเรื่องของสี  บ้างก็ในเรื่องของคุณภาพ   ในเรื่องของสีเองก็ยังแยกออกไป เช่น White Carrara เป็นต้น 

หินอ่อนของไทยเราก็มีชื่อที่ใช้เรียกต่างกันไป เรียกแหล่งผลิต+ลักษณะเฉพาะตัวก็ เช่น นครสวรรค์ กำแพงเพชร สระบุรี   หากเรียกว่าหินอ่อนสระบุรี บางทีก็หมายถึงผลผลิตของหินอ่อนของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง

หินอ่อนสระบุรี เป็นหินอ่อนที่ใช้ปูพื้นวัดจมน้ำในอ่างน้ำเขื่องเขาแหลม(วัดวังก์วิเวการาม _วัดหลวงพ่ออุตมะ)   และที่ใช้ในอาคารสำนักงานธนาคารชาติที่แยกบางขุนพรหม     
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 05 ส.ค. 22, 19:28

ปฎิมากรรมจากการแกะสลักหินอ่อนทั้งหลายในยุโรปจะใช้หินอ่อนสีขาวสะอาดที่มีเนื้อแน่นเนียน มาจากแหล่งผลิตในย่านเมือง Carrara ซึ่งอยู่ไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Florence ในอิตาลี   ส่วนหินอ่อนที่นำมาใช้ในการปูพื้นจะนิยมเป็นพวกที่มีลาย ก็มาจากย่านเดียวกัน  ที่ดูจะแปลกก็คือ หินปูพื้นที่มีลายนี้เป็นที่ต้องการมากและมีราคาสูงมากกว่าหินอ่อนขาวโพลน ซึ่งเท่าที่ีพอรู้มาก็เกี่ยวข้องกับปริมาณที่มีจำกัด     ก็ดูจะขัดกับความรู้สึกของเราๆว่าหินอ่อนควรจะมีสีขาวโพลน ไม่ว่าจะเอามาใช้ในลักษณะใดก็ตาม     
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 06 ส.ค. 22, 18:37

มีหินที่เราเรียกว่า หินอ่อน อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งชื่อเรียกที่ถูกต้องคือ Travertine   ก็คือหินปูนที่เกิดในสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำจืด  จัดเป็นหินตะกอน (ยังไม่ถูกแปรเปลี่ยนไปหินแปรดั่งหินอ่อน) หินพวกนี้เกือบทั้งหมดจะมีสีออกไปทางสีครีม หรือในโทนสีน้ำตาลอ่อนๆ   เนื้อหินมีได้หลายลักษณะ แต่ส่วนมากจะเห็นลายเส้นเป็นชั้นๆ หรือมีรูพรุน   

หิน Travertine ก็มีการนำมาใช้ในการแกะลักเช่นกัน  ปฏิมากรรมส่วนมากที่เห็นอยู่คู่กับน้ำพุต่างๆในอิตาลี รวมทั้งที่เห็นตามโบสถ์ต่างๆในยุโรป  น่าจะเกือบทั้งหมดล้วนใช้หินชนิดนี้   หิน Travertine ยังเป็นที่นิยมใช้ในงานทางด้าน Fixtures ต่างๆ  เช่น ใช้ในห้องน้ำ ใช้แต่งผนังห้องต่างๆในอาคาร....ฯลฯ   ไทยเราก็มีแหล่งหินชนิดนี้และมีการทำเหมืองขุดเอาใปตัดเป็นแผ่น หรือรูปทรงต่างๆ   
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 14
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 20 คำสั่ง