เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18 ... 26
  พิมพ์  
อ่าน: 18348 ฉากประทับใจในหนังเก่า (4)
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 225  เมื่อ 03 ม.ค. 23, 14:07

Simone Signoret ได้เข้าชิง Oscar อีกครั้งในปี 1966 จากบทในเรื่อง Ship of fools (1965) เล่าเรื่องผู้โดยสารนานาชนชั้นบนเรือโดยสารที่ออกจากท่าแห่งหนึ่งใน Mexico มุ่งหน้าไปยังเยอรมันในช่วงก่อนเกิดสงครามโลกครั้ง 2  



ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมันซึ่งมีทั้ง ‘แท้’ และ ‘ผสม’ คือมีเชื้อสายยิวผสมอยู่ด้วย  แม้สงครามโลกครั้ง 2 จะยังไม่ระเบิด  แต่ความเกลียด ยิว ก็เริ่มระอุขึ้นแล้วโดยที่คนยิวก็ไม่เข้าใจว่ามันจะให้ผลร้ายอย่างไร ‘ถึงพวกผมเป็นยิว  แต่พวกผมก็เกิดในเยอรมัน พวกเค้าจะทำอะไรฮึ  เข่นฆ่าพวกผมทั้งหมดงั้นรึ’



ในเรื่องนี้มีดาราคนโปรดของผมเล่นถึง 2 คน  คนแรกคือ SS เธอเล่นเป็นเคานเตสจากคิวบาที่ติดยาและกำลังเดินทางไปเข้าคุกที่เกาะคานารีข้อหาซ่องสุมให้ความช่วยเหลือกบฏ  ระหว่างเดินทางเธอตกหลุมรัก (และพยายามยั่ว) หมอหนุ่มประจำเรือ (จนสำเร็จ)

(นี่คือฉากท้ายเรื่อง (ภาษาอะไรก็ไม่รู้  ดูแค่ภาพก็แล้วกัน) เมื่อเรือมาส่งเธอ  และมีทหารมาคุมเพื่อไปรับโทษ – ทำไมผมชอบหน้าผู้หญิงคนนี้จังก็ไม่รู้)


อีกคนคือ Vivien Leigh ในบท Mrs. Treadwell แม่หม้ายสาวใหญ่ขี้เมาชาวอเมริกันตอนใต้ที่ไม่ยอมรับว่าเวลารุ่งเรืองและความสวยสดของตนได้ผ่านไปแล้ว  บทของเธอเด่นพอ ๆ กัน  โดยเฉพาะ 3 ฉากนี้

เมื่อเธอโดนเจ้าหน้าที่ประจำเรือจีบ  แต่ความถือตัวเลยโดนด่าแบบแสบสันต์ (0.50)



ระหว่างเดินทางกลับห้องพัก เธอนึกถึงวันเวลาในอดีตที่รุ่งเรือง  VL เต้นจังหวะ Charleston ได้สวยมาก  ข่าวลอยมาว่า  ฉากที่ VL เต้นรำนี้เอาตัวเธอกับเพลงมาประกอบเข้าด้วยกัน  แต่ดูเนียนเหมือนเปิดเพลงแล้วเต้นตาม  แม้แต่ ผกก. เมื่อมาดูทีหลังยังประทับใจ



ขณะกำลังหมดอาลัยตายอยากกับความสวยสดที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้  เธอก็โดนปล้ำโดย Lee Marvin ไอ้ขี้เมาที่ตั้งใจจะเข้ามาปล้ำสาวอีกคนแต่สาวดันให้เบอร์ห้องของ VL ไปแทน  เพราะสาวเธอไปหมั่นไส้ VL มาก่อน  เรื่องเลยโอละพ่อ (ฉากที่เธอเปิดประตูแต่พลาด (0.48 ของ clip ที่ 2) ไม่รู้เป็นไปตามบทหรือพลาดจริง ๆ  แต่ตลกดี  ตอนเธอสะบัดหน้าเชิดก่อนหน้าเดินไปเปิดประตูก็ตลก)





จาก 3 ฉากนี้  ถ้าสังเกต (ดีๆ เพราะผมต้องดูแล้วดูอีก) จะเห็นว่าเหตุการณ์ 2 clips แรก  หน้าของ VL นุ่มนวล  นั่นเป็นเพราะ ผกก. ใช้เลนส์ ‘soft’  (ที่ใช้มาแต่ต้นเรื่อง) แต่พอมา clip ที่ 3 และ 4  ผกก. ใช้เลนส์ ‘คม’ เน้นความโทรมของเธอให้ชัดอย่างไม่ปรานี (ข้อมูลจาก Wikiฯ น่ะ)

ตอนเล่นเรื่องนี้ VL อายุ 52  เสียงต่างจากเสียงสาวตอนเล่นเป็น Scarlett O’ Hara จนน่าตกใจ
  
การที่ VL ดูเสื่อมโทรมอย่างเห็นได้ชัดเป็นเพราะเธอป่วยเรื้อรังด้วยโรคทางสมองที่เรียกว่า bipolar disorder  ที่มีผลกระทบต่อร่างกายและอารมณ์ ในช่วงการถ่ายทำเรื่องนี้เธอแสดงอาการป่วยออกมาเป็นระยะ ๆ
 
ฉากที่โดน จนท. เรือดูถูก (clip แรก) เบื้องหลังกองถ่ายฯ สังเกตว่าเธอคุมอารมณ์เกือบไม่อยู่  นักแสดงเป็น จนน. เรือ  มาสารภาพว่าตอนนั้นเสียวว่า VL จะกรี๊ดแตก  แต่กล้องก็ยังยิงต่อไป

ส่วนฉากที่เธอเอารองเท้าส้นสูงตอกหน้า LM ใน clip ที่ 4  เป็นของจริงเพราะ VL ‘อิน’ กับบทจนอารมณ์พุ่งปรี๊ดแล้วกระหน่ำใส่ LM จนหน้าแตกเป็นแผลเป็นติดตัวไปเลย

อย่างไรก็ตาม นักแสดงหลายคนเข้าใจในความป่วยของเธอ  อันรวมถึง LM ซึ่งต่อมากลายเป็นเพื่อนซี้กับเธอ ล้วนต่างให้อภัยและให้กำลังใจ  เธอตายในปีถัดมา  นี่เป็นบทสุดท้ายของเธอบนจอหนัง  นักวิจารณ์ล้วนสรรเสริญในความกล้าหาญของเธอที่รู้ว่าป่วยมากแต่ยังสามารถสวมบทหนัก ๆ ได้

...Leigh's last screen appearance in Ship of Fools was both a triumph and emblematic of her illnesses that were taking root.

Producer and director Stanley Kramer, who ended up with the film, planned to star Leigh but was initially unaware of her fragile mental and physical state.

Later recounting her work, Kramer remembered her courage in taking on the difficult role, "She was ill, and the courage to go ahead, the courage to make the film—was almost unbelievable."

Leigh's performance was tinged by paranoia and resulted in outbursts that marred her relationship with other actors, although both Simone Signoret and Lee Marvin were sympathetic and understanding.

In one unusual instance during the attempted rape scene (clip 3), Leigh became distraught and hit Marvin so hard with a spiked shoe that it marked his face.

Leigh won the L'Étoile de Cristal for her performance in a leading role in Ship of Fools. (แต่ไม่ได้เข้าชิง Oscar)

Upon her death which was publicly announced on 8 July 1967, the lights of every theatre in central London were extinguished for an hour.
(ข้อมูลจาก Internet movie data base)

หมายเหตุ - นำเสนอ VL บนเวที Broadway ละครเพลงเรื่อง Tovarich (1963)  เธอได้รับรางวัล Tony จากบทในเรื่องนี้  แต่เล่นได้ไม่นานก็ต้องถอนตัวเพราะป่วย


(ช่วง 3.10 เธอเต้นได้พริ้วและเบาหวิวมาก  ตอนนั้นเธออายุ 50 ปีแล้ว)




บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 226  เมื่อ 04 ม.ค. 23, 12:00

The Legend of 1900 (1998) อ่านแค่นี้ไม่มีทางนึกออกว่าเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร


ขอบคุณ คุณ Talk A Film


ฉากเปิดเรื่อง



2.34



2.49



3.10



4.22



5.00 - ฉากดวลเพลงระหว่าง ตำนานนักเปียโนแนว jazz แห่ง New Orleans ชื่อ Jelly Roll Morton (มีตัวตนจริง) กับ นาย 1900







7.27 - อัดเสียง



ตอนจบของ 1900



ตอนจบของหนัง



ถ้าได้ดูในโรง ฯ คงให้บรรยากาศที่แจ๋วกว่านั่งดูอยู่หน้าจอทีวี  หนังเน้นเรื่องเพลงเป็นส่วนใหญ่  clip ที่นำมาเสนอก็เลยเกี่ยวเพลงที่ทำโดย Ennio Merricone นักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลียน

ตัวอย่างหนัง


หมายเหตุ - clips ค่อนข้างสับสนเพราะผมทำเรื่องนี้มานานแล้ว  ตอนเอามาลงปรากฏว่าติดลิขสิทธิ์  เล่นไม่ได้หลาย clip  ตอนนี้ผมก็ไม่มีเวลามากพอจะมาพิจารณาว่าที่หามาใหม่แทนที่ได้เหมาะสมหรือไม่  นี่เป็นส่วนหนึ่งที่เริ่มเบื่อ  ต้องขออภัย

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 227  เมื่อ 09 ม.ค. 23, 11:47

หนัง The Nice Guys (2016) เป็นหนังตลกแอคชั่นแนว neo-noir เกี่ยวกับ 2 คู่หู (เกิดขึ้นด้วยความจำใจ) คนหนึ่ง (Ryan Gosling = Holland March) เป็นนักสืบเอกชนที่เรียบร้อยออกไปในทางปอดแหก อีกคนหนึ่ง (Russell Crowe = Jackson Healy) เป็นชายที่มีปัญหากับการควบคุมอารมณ์ที่ชอบตัดสินด้วยกำลัง  มาร่วมมือกันแบบเฉพาะกิจเพื่อตามหาหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับ

(ขอบคุณ คุณ Sunii)


ตรงตามที่พ่อหนุ่มบอกว่า plot ซับซ้อน ถ้าเขียนอธิบายก็เรื่องใหญ่  เอาเป็นว่าชมฉากตลก ๆ ที่ยิงเข้าใส่ตาคนดูอย่างต่อเนื่อง

ท้องเรื่องของหนังเกิดในปี 1977  รถอเมริกันสวย ๆ ทั้งนั้น  ตอนนั้นคันยังใหญ่เท่าบ้าน

ฉากเริ่มต้น (บรรยากาศย้อนแนวหนังนักสืบในยุค 70s)  การตายอย่างมีปริศนาของดาราหนังโป๊ Misty Mountain ซึ่งไปเกี่ยวพันกับการหายตัวของหญิงสาวอีกคน



อาชีพของ Jackson Healy

(1.18) But if you got trouble with someone or someone's messing around with your underage daughter, you might ask around for me, Jackson Healy  นี่คืองานของเธอ


อาชีพของ Holland March

(อย่าลืมอ่านคำบรรยาย  จี้ดี)


ฉากตลกทั้งนั้น

(0.29) That's a lot of blood!


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 228  เมื่อ 10 ม.ค. 23, 15:17

The Nice Guys กันต่อ...

2 หนุ่มเจอกันครั้งแรกในบรรยากาศที่ไม่สวยนัก





การพบกันอีกครั้ง  คราวนี้แบบเป็นการเป็นงาน



(0.22) You beat people up and charge money?



dick (slang) = ไอ้จู๋
(0.12 ... or you can blow = to do the oral sex)
(1.16 ... Fags! (ย่อมาจาก faggots) = อีตุ๊ดเอ๊ย )


มุขนี้จี้สุด ๆ คิดได้ไงอ้ะ



ฉาก action ยังแฝงความตลก



นักแสดงผู้สวมบทนักฆ่าหน้าเหี้ยม John Boy ชื่อ Matt Bomer (ปานที่กรามเป็นของปลอม)  ในชีวิตจริงเธอเป็นเกย์ที่ (รวมรวบความมาว่า) น่ารักมาก ๆ  ไม่มีข่าวอื้อฉาวใด ๆ  จริตออกไปทางเรียบร้อย  นี่คือ เสน่ห์อย่างหนึ่งของวงการแสดง







(ในยุค 70s รถอเมริกันยังคันใหญ่ยักษ์อยู่  สวย ๆ ทั้งนั้น)


ถ้าฉากเหล่านี้ถูกใจ  กรุณาหาหนังมาดูจะถูกใจยิ่งขึ้น  เพราะฉากมัน ๆ ไม่ได้มีแค่นี้  บางฉากก็จี้แต่ไม่มีใครเอามาปล่อย  เช่นฉากตามหาคนในสถานที่ที่กำลังจัดประท้วงกันอยู่  อย่างไรก็ตาม หนังไม่ได้มีแต่ฉากฮา  ฉากโหด ๆ ก็มีโดยเฉพาะตอนท้ายเรื่อง  เอาเป็นว่า หนังเรื่องนี้เหมือน ต้มยำที่รสจัดจ้าน  น่ากินเป็นที่สุด

ตัวอย่างหนัง



clip ตลกเพื่อสนับสนุนหนัง



มีต่อ...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 229  เมื่อ 11 ม.ค. 23, 12:07

The Nice Guys ตอนจบ

นักแสดงนำในหนังที่ผมอยากคุยถึงคือ Ryan Gosling  ผมเคยเห็นเธอครั้งแรกในหนัง Remember the titans (2000) เกี่ยวกับวงการอเมริกันฟุตบอล  ตอนนั้นเธอเป็นแค่นักแสดงประกอบ  หน้าตาเห่ย ๆ  นึกไม่ถึงว่าต่อมาความสามารถในการแสดงของเธอจะจัดให้เธออยู่ในขั้นนักแสดงแนวหน้าคนหนึ่ง คือได้ชิง Oscar ถึง 2 ครั้ง  อันหมายความว่า ‘ไม่ฟลุค’



เท่าที่ได้รวบรวมมา RG เธอเป็นคนน่ารัก  ไม่ขี้โอ่  เป็นกันเองและมีอารมณ์ขัน  นี่เป็นอีก clip หนึ่งที่แสดงความน่ารักของเธอ  เธอได้ไปออกรายการ Saturday night live อันเป็นรายการ variety show ออกสด  ที่ดังที่สุดของอเมริกา  รายการมีต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ยุค 70s บางคนคงเคยได้ยินชื่อมาบ้าง

ในช่วงหนึ่งของรายการจะมีฉากละครตลกที่เล่นกันต่อหน้าผู้ชม (บ้านเขาเรียกว่า sketch)  ใครตีหน้าตายได้ก็ทำไป  ใครหลุดก็ฮาไปเลย  อย่างที่ RG เธอหลุดเละเก็บไม่หมด  ละครตอนนี้ใช้ชื่อว่า Close encounter เป็นฉากการสัมภาษณ์ผู้ที่โดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป  ชุดนี้อยู่ในปี 2015 หลังจากจบรายการ  poll ความนิยมพุ่งสูงลิบเพราะมันตลกจริง ๆ  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความน่ารักของ RG



ลองดูว่าคนไทยจะขำกับมุขของเขารึเปล่า  ผมแนบบทพูดมาให้เพื่อช่วยในการขำ

ตัวละครอื่น ๆ คือนักแสดงประจำของรายการ  หญิงสาวเห้ว ๆ สูบบุหรี่ที่นั่งอยู่ซ้ายมือของกลุ่มผู้ถูกลักพาตัวคือ Kate McKinnon ในละครนี้เธอยิงมุขตลกไม่ยั้ง  ผู้คนรับกันไม่ไหว  หลุดกันหมดทั้งบนเวทีและนอกเวที  ตอนนี้เธอก้าวมาเล่นทั้งหนังโรงและทีวี  เธอกวาดรางวัลไปหนึ่งกระตั๊กจากความสามารถของตัว  ผมชอบจมูกของเธอ  ได้รูปสวยงามทำให้หน้าเธอดูสวยทีเดียว  โดยเฉพาะตอนยิ้ม  ยิ้มสวย  เธอเป็น lesbian แบบเปิดเผย

อ้ะ... มาชมกัน

Aidy: I am agent Loris with the NSA and this is special agent Kerpatrick.  Now we know, you’ve all been through quite an ordeal. So, we appreciate you making a trip to Washington on such short notice.

Bobby: Yes. You three experienced the first verified case of alien abduction. So, naturally you are great interest of United States government.

[Cut to Sharon = KM, Ms. Raperdy and Tod = RG]
Sharon: It’s nuts, man! I mean, we’re just small town buds who saw a UFO in the woods. I mean, we never hand out with the government.

[Cut to Aidy and Bobby]
Bobby: Okay, now, after the blue light pulled you into the space craft, what is your next memory?

[Cut to Sharon, Ms. Raperdy and Tod]
Sharon: I came to (สำนวนหมายถึง ตื่น (ฟื้น) ขึ้นมา) and saw a beautiful being made of like a beautiful calming light.
Tod: Yea, same here. That being touched my head and I felt every emotion in it’s purest form. It was amazing. I cried, sir.

[Cut to Aidy and Bobby]
Bobby: Okay. And you, Ms. Raperdy?

[Cut to Sharon, Ms. Raperdy and Tod. Ms. Raperdy is smoking a cigarette.]
Ms. Raperdy: Wow, what floor were you guys on (พวกแกอยู่บนชั้นไหนของยานวะ)? I woke up in a dirty middle dome and 40 little gray aliens watch me pee (ฉี่) in a steel bowl. And they took the bowl and walked out.

[Cut to Aidy and Bobby]
Bobby: Interesting. Were these beings also bathed in light?

[Cut to Ms. Raperdy]
Ms. Raperdy: No. They were grey with big fat eyes, little mouths. They just stared while I peed. I don’t think I was dealing with the top brass (= alien ระดับหัวหน้า  เธอหมายถึง ‘แม่งมองกูฉี่  ไม่เคยเห็นหรือวะ  ไม่มืออาชีพเลย’).

[Cut to Aidy and Bobby]
Aidy: And how did they instruct you to urinate? Was that telepathically (พวกเขาใช้กระแสจิตบอกคุณว่าให้คุณฉี่ที่ไหนเหรอ)?

[Cut to Ms. Raperdy]
Ms. Raperdy: Um, no. I woke up, I had to pee like a camel (ใครที่ไม่เคยเห็นอูฐฉี่จะนึกภาพไม่ออก  ลักษณะการฉี่ไม่เหมือนหมาแมว  ผมเห็นตอนอยู่ที่ทะเลทรายในอินเดีย  เวลามันฉี่เหมือนเราเทเหยือกใส่น้ำเต็มเปี่ยมลงพื้น ซ่า...). So, I started peeing and one of the grey aliens slapped the wall and pointed at the bowl. So I got the hint. I kind of duck-walked (นึกถึงภาพเป็ดเดิน เพราะตอนนั้นเธอฉี่ออกมาแล้ว  กลั้นไม่ได้) over the bowl, peed in it.

[Cut to Aidy and Bobby]
Bobby: Yes, I see. Now, when you all awoke, were you clothed?

[Cut to Sharon, Ms. Raperdy and Tod]
Sharon: I was wrapped in like, a robe, man. Warm, glowing energy.
Tod: Yeah, like a blanket made out of pure love.
Ms. Raperdy: Yeah, it worked different for me (ของชั้นเป็นอีกแบบว่ะ). Um, I had the shirt I came in with but my pants were gone. So, my cuckoo (จิ๋ม) was out. It’s full porky pig (ดูรูปข้างล่างประกอบ) in a drafty (ลมพัดโบก) dome.


(นี่คือ Porky Pig ตัวการ์ตูนดังของอเมริกา – ตอนนั้นสภาพของ Ms. Raperdy เป็นแบบนี้)


[Cut to Aidy and Bobby]
Bobby: Now, did you all stay on the same ship the entire time? Or…?

[Cut to Sharon and Tod]
Tod: Well, you know, my body did but my consciousness was shown what lies beyond time and space. [sobbing] It was so beautiful. I’m sorry, I’m just crying about this thing a little bit.

[Cut to Aidy and Bobby]
Aidy: Okay. Do you need a tissue?

[Cut to Sharon and Tod]
Tod: What? No. Sorry, I’ll use my shirt.
Sharon: Um, the aliens showed my mind the Furness of all creation that we would call god.

[Cut to Ms. Raperdy looking at Sharon and Tod]
Ms. Raperdy: What? These fancy cats (โจ๊กที่ฝรั่งใช้แดกดัน ถ้าผมจะแปลก็ ‘อะไรวะ อีเพ้อเจ้อสองตัวนี่...’) are seeing god. Meanwhile, I’m starting phase two which is me sitting on a stool while 40 grey aliens take turns gently batting my knockers (แสลง = นม). Did y’all get the knocker stuff?

[Cut to Sharon, Ms. Raperdy and Tod]
Sharon: No.
Tod: No.
Sharon: No knocker stuff. Sorry.

[Cut to Aidy and Bobby]
Aidy: And, did you feel threatened, Ms. Raperdy?

[Cut to Ms. Raperdy]
Ms. Raperdy: No, no, no, no, no. They were real respectful about it. They were in a line and then one by one, they’d step up, slap a knocker, and then go to the end of line and wait for another turn. It didn’t hurt. It was like, I’m sorry, pardon me Sharon. [Cut to Sharon and Ms. Raperdy. Ms. Raperdy starting patting Sharon’s breasts.] It was like that. No harm, no foul.
Sharon: It hurts a little. It hurts.

[Cut to Aidy and Bobby]
Aidy: Perhaps they were collecting biological data (เป็นขั้นตอนหนึ่งของการเก็บข้อมูลทางชีววิทยาปะคะ)?

[Cut to Ms. Raperdy]
Ms. Raperdy: No. No. It felt super off the books (ชั้นว่าแม่งทำนอกตำรามากกว่า). I swear to god, there was one grey alien by a door just kind of peeking in and out. I think he was the lookout (ในที่นี้ – คนคอยดูต้นทาง). Look, it wasn’t my worst Wednesday night (ผมว่าเป็นมุขของวัฒนธรรมทางตะวันตก ลึกเกินกว่าจะเข้าใจ คาดว่า วันพุธ เป็นวันกลางอาทิตย์  ให้ความรู้สึกสุดเซ็ง)

[Cut to Aidy and Bobby]
Bobby: And how did the aliens returned you all to earth?

[Cut to Sharon, Ms. Raperdy and Tod. Tod is laughing hard covering his mouth.]
Sharon: Oh, I was carried down gently. [Sharon looks at] He’s crying. I was carried down gently in a cradle of light placed into a soft bed of wallflowers.
Tod: Yeah. Yeah. The light layed me down like a baby in a meadow near my house. I was smiling and weeping tears of joy, sir.
Ms. Raperdy: Alright, now this misses me a little bit. Coz, my grand exit (ทางออกจากยาน) was out of what was basically like a big airplane toilet (ส้วมบนเครื่องบิน – นึกภาพเวลากดปุ่ม  ของเสียจะไหลเป็นวงลงไปสู่รูที่ก้น), okay? I dropped down seven feet on the roof of a long John Silvers (ร้านอาหารทะเลประเภท fast food ที่มีสาขามากมายทั่วประเทศ). They threw out my pants separately. They missed the roof. My slacks (= pants) landed on a freaking pine tree, 30 feet away. So, I had to just chill up there with my damn cuckoo and Prune shoes (ยี่ห้อรองเท้าที่เจ้าตัวใส่อยู่) hanging on till the place opened up (ถ้าจะแปลก็ - ชั้นก็เลยต้องยืนตากจิ๋มโต้ลมหนาวตัวสั่นรอจนกว่าร้านจะเปิด).

[Cut to Sharon, Ms. Raperdy and Tod. Tod is laughing hard covering his mouth.]
Sharon: Man!
Tod: Man, you got screwed (เซ็งชิบหายไปเลยเธอ).
Ms. Raperdy: Oh, you think Tod?

[Cut to Aidy and Bobby]
Aidy: Well, we’d like to take you guys for physical examinations now.

[Cut to everybody]
Ms. Raperdy: Yeah, alright. There’s gonna be a knocker stuff (จะมีรายการ ตบนม อีกรึเปล่า)?
Aidy: Possibly. I’m sorry (น่าจะนะก๊ะ โทษที).
Ms. Raperdy: Na-na. Don’t be. Just be gentle (ฮู้ย... ช่างแม่งเหอะ  ขอเบา ๆ หน่อยละกัน) cos, it’s gonna be super banged up (มันก็เจ็บไม่ใช่เล่น). Tell me about god. What’s god deal?
[The End]

--- ‘ดัน’ สุดขีดแล้วนี่ หวังว่าคงจะขำบ้างนิ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 230  เมื่อ 12 ม.ค. 23, 12:14

Borat! Cultural Learnings of America for Make Benefit Glorious Nation of Kazakhstan (2006) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Borat เป็นหนังตลกถากถางเล่าเรื่องของ Borat ผู้สื่อข่าวชาว Kazakhstan ที่เดินทางไปอเมริกาเพื่อทำสารคดีเกี่ยวกับชีวิตคนอเมริกันในแง่มุมต่าง ๆ

เขาโหมโรงสารคดีของตนด้วยการแนะนำตัว

My name Borat. I like you. I like sex. It's nice.
This my country of Kazakhstan. It locate between Tajikistan and Kyrgyzstan...and a**holes Uzbekistan.
This my town of Kuzcek. This Urkin, the town rapist. Naughty, naughty.
Over here, our town kindergarten. And here live Mukhtar Sakanov, town mechanic and abortionist.
This my house. Entry, please.
He is my neighbor, Nursultan Tulyakbay. He is pain in my a**holes. I get a window from a glass, he must get a window from a glass. I get a step, he must get a step. I get a clock radio, he cannot afford. Great success.
This is Natalya. She is my sister. She is number four prostitute in all of Kazakhstan. Nice.
This is my mother. She oldest woman in whole of Kuzcek. She is 43. I love her.
And this my wife, Oxana. She's boring.
What you say about me, you skinny piece of sh*t?
Not now, please. Why don't you do something useful and dig your mother a grave.
Come in here, please. Ignore.
This is where I lives. My bed. This is a VCR recorder. And this play cassettes.
Now I show you outside from my houses. My hobbies, Ping-Pong......sunbathe......disco dance......and on weekends, I travel to capital city and watch ladies while they make toilet.


ที่ New York นาย Borat ได้เผอิญดูหนังทีวีเรื่อง Baywatch ที่นำแสดงโดย Pamela Anderson  แล้วก็หลงรักเธอหัวปักหัวปำ  เวลาประจวบเหมาะกับที่เขาได้รับโทรเลขส่งข่าวมาจากบ้านว่าเมีย Oxsana ถูกหมีฆ่าตาย  ด้วยความดีใจและโล่งอก  เขาจึงคิดแผนลักพาตัว PA เอามาเป็นเมีย  เขากับเพื่อนร่วมงานตกลงกันว่าจะเดินทางโดยรถยนต์เพราะต่างกลัวเครื่องบิน  เนื่องมาจากครั้งเหตุการณ์ 9/11   แต่ก่อนอื่นต้องไปหัดเรียนขับรถยนต์ก่อน  จากนั้นก็ไปหาซื้อรถซึ่งไปลงเอยที่รถขายไอติมเน่า ๆ



ระหว่างทางก็เจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เขาไม่ลืมบันทึกเรื่องราวไว้









(0.06)
Borat: What do you do?
Man: I have spent years in construction. I’m recently retired.
Borat: You are a retard?
Man: Yes
Borat: Physical or mental?
Woman: Retired.
Man: No, no. Not retard. I don’t work anymore. Stop working.
Borat: It’s very good you allow a retard to eat with you in the same place.


ในที่สุดก็ตามหา PA จนเจอ



หลังจากก่อความโกลาหลไปครึ่งค่อนอเมริกา  Borat ก็กลับมาบ้านพร้อมทั้งนำประเพณีและวัฒนธรรมบางอย่างของอเมริกามาเผยแพร่ให้กับชาวบ้าน



การถ่ายทำหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่ด้นกันสด ๆ โดยเฉพาะฉากสัมภาษณ์ผู้คน  คนทั่วไปก็เลยนึกว่าเป็นเรื่องจริง  ผลออกมาเป็นงานแสดงถึงความเป็นธรรมชาติของผู้คน  ในแง่ตลกโปกฮา

ข่าวเล่ามาว่าช่วงการถ่ายทำตามสถานที่ต่าง ๆ  มีคนโทร. แจ้ง FBI อยู่เนือง ๆ โดยรายงานว่าเห็นชายชาวตะวันออกกลางขับรถไอติมมาป้วนเปี้ยนอยู่ในละแวก

Sasha Baron Cohen เป็นศิลปินแนวตลกจากอังกฤษ  มีนักแสดงชั้นแนวหน้าที่รู้จักผลงานของเขาพอรู้ว่าจะมีการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ต่างก็เสนอตัวเอาหน้าเข้าไปโผล่ในฉาก (cameo)  แต่ SBC ปฏิเสธเพราะความดังของพวกเขาจะทำให้ผู้คนเอะใจว่าเป็นการถ่ายหนัง  กลัวไม่เนียน  ทั้งเรื่องจึงมีนักแสดงอาชีพเล่นอยู่เพียง 4 คน

หลังจากหนังออกฉายในวงกว้าง  เนื้อหาเหยียดหยามชาติพันธุ์ทำให้เกิดการฟ้องร้องกันมาตลอด  ประเทศทางตะวันออกกลางรวมถึง Kazakhstan ห้ามฉายหนังเรื่องนี้  แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระแสความดังซวนเซ  จากต้นทุนแค่ 18 ล้านเหรียญ  หนังกวาดรายได้ไป 262 ล้านเหรียญ  พร้อมรางวัลต่าง ๆ มากมาย

หมายเหตุ – ที่นำเสนอเป็นแค่กว้าง ๆ  หนังมีรายละเอียดมากกว่านี้ซึ่งตลก ๆ (ในสายตาของผมในฐานะคนอยู่ห่างไกลจากเรื่องการเมือง) ทั้งนั้น  ทางที่ดีควรดูทั้งเรื่อง



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 231  เมื่อ 16 ม.ค. 23, 12:00

Beautiful thing (1996) เป็นหนังเกย์แนว coming of age จากฝั่งอังกฤษ  แก่นของหนังแนวนี้เหมือนกันหมดคือ วัยรุ่นชายที่สับสนกับความต้องการทางเพศของตัวเอง  ระหว่างค้นหาก็พบอุปสรรคต่างรูปแบบกันไป  แต่ในที่สุดก็ค้นพบตัวเองในที่สุด  แต่จะเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เป็นประเพณีที่หนังจะเริ่มต้นด้วยการปูพื้นตัวละครสำคัญ ๆ



ฉากของ ‘ความลับไม่มีในโลก’



ฉากจบ  สำหรับหนังเรื่องนี้เป็นแบบจบด้วยความสุข



หนังเรื่องนี้มีเพลงของ Mama Cass (อดีตสมาชิกวง The mamas and the papas หลังจากแยกออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว) สอดแทรกอยู่ตลอดเรื่อง  สิ่งที่น่าสนใจคือหนังเป็นของอังกฤษแต่ MC เป็นชาวอเมริกัน

ไตเติ้ลของหนังประเดิมเพลงของเธอเป็นเพลงแรกชื่อ It’s getting better  เป็นเพลงโปรดสุดขีดเพลงหนึ่งของผม  เสียดายที่ไม่มีใครทำ clip ย่อยมาปล่อย



อีกเพลงเด่นของเธอ Make your own kind of music



ส่วนเพลงในฉากจบ (ข้างบน) ชื่อ Dream a little dream of me

หนังเล็ก ๆ เรื่องนี้อย่างได้รับคำชมอย่างมหาศาลจากเหล่านักวิจารณ์

ตัวอย่างหนัง


มีต่อ...

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 232  เมื่อ 17 ม.ค. 23, 10:35

ดาวสุดสวยของอิตาลีที่มาดังในฮอลลีวู้ดลับฟ้าไปอีกดวง ในวัย 95 ปี   เธอมีชื่อสั้นแต่นามสกุลยาวมาก  ว่า Gina Lollobrigida

เธออยู่ยุคเดียวกับริต้า เฮย์เวิร์ธ ลานา เทินเนอร์   เกรซ เคลลี่  ลิซ เทเลอร์    เป็นยุคที่ดาราสาวต้องสวยได้สวยดีถึงจะดัง
ส่วนฝ่ายชายก็ต้องหล่อได้หล่อดีเช่นกัน

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 233  เมื่อ 17 ม.ค. 23, 10:42

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 234  เมื่อ 17 ม.ค. 23, 10:46

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 235  เมื่อ 17 ม.ค. 23, 12:50

ดาวสุดสวยของอิตาลีที่มาดังในฮอลลีวู้ดลับฟ้าไปอีกดวง ในวัย 95 ปี   เธอมีชื่อสั้นแต่นามสกุลยาวมาก  ว่า Gina Lollobrigida

เธออยู่ยุคเดียวกับริต้า เฮย์เวิร์ธ ลานา เทินเนอร์   เกรซ เคลลี่  ลิซ เทเลอร์    เป็นยุคที่ดาราสาวต้องสวยได้สวยดีถึงจะดัง
ส่วนฝ่ายชายก็ต้องหล่อได้หล่อดีเช่นกัน


คู่แข่งของเธอคือ Sophia Loren ครับ

'จาร เคยดูหนังของเธอมั้ยครับ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 236  เมื่อ 17 ม.ค. 23, 12:58

พูดถึง Mama Cass  มีเรื่องราวที่พาดพิงถึงเธอ เกิดอาการงงว่าจะนำไปปล่อยไว้ที่ไหนดี  ระหว่างห้องนี้กับห้องเพลงของ ‘จาร เพราะ MC ตายไปแล้ว  เอาเป็นว่าลงที่นี่แล้วกันเพื่อความต่อเนื่อง  อีกทั้งมีเรื่องสารคดีมาเกี่ยวข้องด้วย

Laurel Canyon เป็นชื่อของทำเลที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงต่ำรับทอดกันไปบนแนว Hollywood Hills อันเป็นส่วนหนึ่งของ Santa Monica Mountains ในเขต Los Angeles รัฐ California สหรัฐอเมริกา  สถานที่นี้มีความสำคัญในทางบันเทิงมาตั้งแต่ยุค 30s อันเป็นยุคทองของฮอลลีวู้ดด้วยเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของเหล่าดารา  ต่อมาในยุคกลาง 60s สถานที่นี้เริ่มเปลี่ยนชื่อเสียงจากวงการแสดงเป็นวงการเพลงเพราะเหล่าศิลปินทางวงการเพลงเริ่มย้ายเข้ามาครอบครองบ้านเรือนที่เคยเป็นที่อยู่ของเหล่าดารายุคก่อน

ศิลปินเพลงเหล่านี้เช่น Joni Mitchell, Linda Ronstadt, Carole King, The Byrds, Eric Clapton, Glenn Frey, Don Henley, Jackson Browne และอีกมากมายที่เป็นรากของแนวเพลง west coast music ที่โด่งดังมาตลอดจนเลยกลาง 70s เมื่อยาเสพย์ติดแบบรุนแรง (เฮโรอีน สารระเหย ฯลฯ) เริ่มเข้ามารุกราน  สถานที่แห่งนี้ก็เริ่มทรุดโทรมแล้วเปลี่ยนเป็นที่ซ่องสุมของเหล่ามิจจาชีพ

ผมรู้จักชื่อ Laurel Canyon เมื่อปีก่อน (มาถึงตอนนี้ก็ 2 ปี) เมื่อ website เกี่ยวกับหนังที่ผมเป็นสมาชิกอยู่นำสารคดีมาปล่อยให้ดูดไปชม  ตอนเห็นชื่อครั้งแรกไม่รู้ว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร  แต่พออ่านเรื่องย่อแล้วต้องรีบดูดเอามาดูโดยทันที

สารคดีชื่อ Echo of the Canyon สร้างโดย Jakob Dylan เธอเป็นลูกชายของ Bob Dylan (หน้าตาคล้ายกันมาก)  สารคดียาว 1 ชม. เศษ  เล่าเรื่องราวย้อนยุคของเหล่าศิลปินเพลงที่อาศัยอยู่ใกล้ชิดกันใน Laurel Canyon  ศิลปินพวกนี้ตอนนั้นยังไส้แห้งกันอยู่  ระหว่างรอให้คนมาค้นพบความสามารถ  เวลาว่างๆ  ก็จะมารวมตัวกันแล้วเล่นเพลงต่อเพลง เกิดความสนิทสนมกันเป็นกลุ่มแน่น

ในสารคดีนี้  JD ได้คัดเพลงเด่นดังที่แต่งโดยศิลปินเหล่านี้มาเข้าห้องอัดอีกครั้ง

นี่เป็น remake ของเพลงดังของวง The Mamas and the Papas  ชื่อ Go where you wanna go  ทำได้ดีมาก



เพลง Goin’ Back ของ The Byrds  หนึ่งในเพลงโปรดของผม หนุ่มกีต้าร์อีกคนชื่อ Beck เป็นศิลปินรุ่นหลังที่นักฟังเพลงฝรั่งชาวไทยรวมถึงผมไม่รู้จัก



เสียดายที่ไม่มีใครเอาสารคดีฉบับเต็มมาปล่อยใน Youtube  มีแต่ clip ย่อย ๆ

ตัวอย่างสารคดี



ต่อมาไม่นานก็มีคนเอาสารคดีเกี่ยวกับ LC มาปล่อยอีก  คราวเป็น mini series ยาว 2 ตอน  ชื่อง่าย ๆ ว่า Laurel Canyon  นี่ก็สนุก (น่าจะเป็นผมสนุกคนเดียวเพราะคุ้นเคยกับศิลปินเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ)  ได้เห็นชีวิตของพวกเขาในยุคแรก ๆ แล้วก็เช่นกันไม่มีใครเอาฉบับเต็มมาปล่อยใน Youtube  คราวนี้แย่กว่าคือ แม้แต่ clip ย่อย ๆ ก็หาไม่ได้   อยากให้เห็น 2 หนุ่มสมาชิกก่อตั้งวง The Eagles คือ Don Henley กับ Glenn Frey สมัยยังไม่ตั้งวง เหมือนเด็กหนุ่ม (หล่อ ๆ) ซน ๆ (0.57 - GF)

รวมถึง Jackson Browne ตอนหนุ่ม ๆ ที่แม้แต่ Stephen Still ศิลปินเพลงระดับตำนานยังเอ่ยปากว่า  เป็นหนุ่มหน้าสวยมากเกินกว่าจะเชื่อว่าเล่นดนตรีเก่งหาตัวจับยาก  JB เป็นคนแต่งเพลง Take it easy แต่ไม่ชอบงานของตน  GF ที่ตอนนั้นเพิ่งตั้งวงฯ เลยขอเพลงไปร้อง  กลายเป็นเพลงดังสนั่น (รวมถึงในบ้านเรา) ของวง The Eagles
 
ตัวอย่างสารคดี



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 237  เมื่อ 17 ม.ค. 23, 13:19

คู่แข่งของเธอคือ Sophia Loren ครับ
'จาร เคยดูหนังของเธอมั้ยครับ
จำไม่ได้ค่ะ  ถ้าเคยดูก็คงยังเด็กมาก   แต่จำรูปร่างหน้าตาได้ว่าสวยคมสุดๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 238  เมื่อ 17 ม.ค. 23, 16:31

ตอนเต้นระบำในหนังทีวีเรื่องยาว  Folcon Crest ปี 1984   คุณป้าอายุ 57 แล้ว
 
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 239  เมื่อ 18 ม.ค. 23, 14:05


ผมรู้จักชื่อ Laurel Canyon เมื่อปีก่อน (มาถึงตอนนี้ก็ 2 ปี) เมื่อ website เกี่ยวกับหนังที่ผมเป็นสมาชิกอยู่นำสารคดีมาปล่อยให้ดูดไปชม  ตอนเห็นชื่อครั้งแรกไม่รู้ว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร  แต่พออ่านเรื่องย่อแล้วต้องรีบดูดเอามาดูโดยทันที

สารคดีชื่อ Echo of the Canyon สร้างโดย Jakob Dylan เธอเป็นลูกชายของ Bob Dylan (หน้าตาคล้ายกันมาก)  สารคดียาว 1 ชม. เศษ  เล่าเรื่องราวย้อนยุคของเหล่าศิลปินเพลงที่อาศัยอยู่ใกล้ชิดกันใน Laurel Canyon  ศิลปินพวกนี้ตอนนั้นยังไส้แห้งกันอยู่  ระหว่างรอให้คนมาค้นพบความสามารถ  เวลาว่างๆ  ก็จะมารวมตัวกันแล้วเล่นเพลงต่อเพลง เกิดความสนิทสนมกันเป็นกลุ่มแน่น


มีต่อ...


เรื่องที่อยากเล่าต่อเกี่ยวกับเพลงโดยตรง  คิดว่านำไปปล่อยในกระทู้เพลง ฯ ของ 'จาร ดีกว่า
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18 ... 26
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 20 คำสั่ง