เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 26
  พิมพ์  
อ่าน: 18466 ฉากประทับใจในหนังเก่า (4)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 270  เมื่อ 17 ก.พ. 23, 13:44

มีเรื่องนี้ที่ Errol สวมสูทสากล  แต่ดูอายุมากขึ้นแล้ว  ไม่หล่อเ่ท่าตอนหนุ่ม

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 271  เมื่อ 20 ก.พ. 23, 11:48

มีเรื่องนี้ที่ Errol สวมสูทสากล  แต่ดูอายุมากขึ้นแล้ว  ไม่หล่อเ่ท่าตอนหนุ่ม



ดาราชายยุคทองฯ ตอนหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ ทุกคน  พออายุมากหน่อย  แค่ 40 กว่า  เละกันหมด  ไม่ทราบเพราะอะไรครับ  ใช้ชีวิตแบบหัวหกก้นขวิดรึเปล่าก็ไม่รู้  แต่ดาราหญิงไม่เห็นโทรมเร็วเลย

ที่เห็นชัด ๆ ก็ EF กับ Robert Taylor นี่แหละ  จากหนังเรื่อง Qua Vadis  อ้าปากค้าง...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 272  เมื่อ 20 ก.พ. 23, 11:56

Man in an orange shirt (2017) เป็นหนังเกย์จากอังกฤษสร้างสำหรับฉายทางทีวี  หนังประกอบด้วย 2 ส่วน  แยกกันด้วยเวลา  ส่วนแรกเกิดขึ้นในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ส่วนหลังเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน (2017)  ทั้ง 2 ส่วนนี้มีตัวเชื่อมคือหญิงสาวซึ่งเป็นเมียในเหตุการณ์ส่วนแรกและเป็นคุณย่าในเหตุการณ์ส่วนที่สอง

หนังเริ่มเรื่องในยุคปัจจุบันแป๊บนึง  หลานชายกับคุณย่า (Vanessa Redgrave  ดาราใหญ่ระดับยักษ์) อาศัยอยู่ด้วยกันใน London  รูปของสามีเธอที่ตายไปแล้วชื่อ Michael เป็นตัวเปิดเรื่อง  Michael กับ Thomas  เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนมาตั้งแต่สมัยเด็ก  ทั้ง 2 มาเจอกันอีกครั้งในสนามรบ





หลังสงครามจบสิ้น  จากความรู้สึกเก่า ๆ ก็คุขึ้นมา  T ขอให้ M ตามหาเขาเมื่อมาถึง London  ผู้หญิงตอนท้าย clip คือ Flora คู่หมั้นของ M



เมื่อมาถึง London   M รีบไปตามหา T ก่อนที่จะไปหาคู่หมั้นด้วยซ้ำ

T เป็นเกย์อย่างเปิดเผยแต่ต้องใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะการเป็นเกย์เป็นสิ่งผิดกฎหมายในช่วงเวลานั้น


2 หนุ่มหนีโลกไปอยู่กันตามลำพังที่บ้านพักตากอากาศของ M ยังต่างจังหวัด  T ผู้มีพรสวรรค์ในงานศิลปะวาดรูปของ M ในเสื้อสีส้มสวย  อย่างไรก็ตามความสุขถูกขัดจังหวะเมื่อ M แจ้ง T ว่าเขาจะต้องแต่งงาน  และอยากให้ T เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว



T ไปอย่างเสียไม่ได้และมอบภาพวาดรูปกระท่อมที่ทั้ง 2 ใช้เวลาอยู่ร่วมกันเป็นของขวัญวันแต่งงาน (1.05 ของ clip ที่ 2)





M ใช้ชีวิต 2 ด้านของเขาไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง F ก็บังเอิญไปค้นพบจดหมายรักระหว่างสามีของตนกับคนที่ตัวเองคิดว่าเป็นแค่เพื่อนรัก (T) ของเขา  ความโกรธผสมความกลัวว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมายทำให้ F เผาจดหมายทิ้งแล้วเผชิญหน้าสามีของตนเพื่อหาความจริง



(1.48 – F เอารูปวาดที่ T มอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงานไปเก็บแล้วอ้างว่า  เกลียดรูปใบนี้)


F คลอดลูกแต่ความสัมพันธ์ฉันผัวเมียเปลี่ยนไป  การใช้ชีวิต 2 ด้านของ M เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อคนทำให้เขาเกิดความรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อย ๆ



ระหว่างนี้ T ถูกทางการจับข้อหาเป็นเกย์ (ข้อหาคือ to practice cottaging เป็นแสลงของชาวอังกฤษโบราณ แปลว่า to have homosexual sex in a public lavatory)  M ไปเยี่ยม T  แต่เป็นการเยี่ยมที่ไม่ราบรื่น  T ไม่อยากเจอหน้าเขาอีกต่อไป (Don’t visit again. It’s upsetting) 
 
T วาน M ให้เดินทางไปเยี่ยมแม่ของเขา  เธอเอารูปวาดของลูกชายที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยให้ดูและบอกว่า  แม้ยังไม่เสร็จแต่ก็รู้ว่าชายในรูปคือ M  เธอเลยมอบรูปนั้นให้

0.42 - How is he?
He's grown a beard.
His father did that once for Ibsen (คนเขียนบทละครที่มีชื่อเสียงในยุคโบราณ). Does it suit him?
Yes, he looks like a submariner.

2.05 - Well, you should take this one. It's only a study. He must have sold the finished portrait. I call it man in an orange shirt. But it's you, isn't it?
Yes.


แม่ของ T รักและ ‘รู้จัก’ ลูก  เธอเสนอให้หนุ่มทั้ง 2 เริ่มชีวิตกันใหม่ที่บ้านอีกหลังของเธอในต่างจังหวัดของฝรั่งเศส (He can paint and you can write something?) แต่ M ปฏิเสธ



ระหว่างที่เหตุการณ์คาราคาซัง  M เขียนจดหมายไปหา T พร้อมสารภาพความในใจ  เขาเอาภาพวาดกระท่อมของ T ไปเก็บไว้ยังกระท่อมต่างจังหวัดของตน



ในที่สุดวันที่ T เป็นอิสระก็มาถึง  M ตั้งใจไปรับแต่พบว่า T โดนเพื่อนของเขาดักหน้าไปเสียก่อน  ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ขาดสะบั้นลงแล้ว



M กับ T พบกันอีกครั้ง  อันเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายในชีวิตของทั้งสอง  ก่อนจากกัน T ให้ของขวัญกับลูกของ M เป็นกล่องสี pastel



0.19 – He’ll drink himself to death in the sunshine.
Probably.
Is that where you were going?
Yes.

1.33 เป็นตัวอย่างสำหรับตอนที่ 2


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 273  เมื่อ 21 ก.พ. 23, 05:04

คั่นรายการ...




ชื่อนี้ได้ยินมาตั้งแต่เกิด  แต่จำบทบาทของเธอในหนังไม่ได้เลย  เท่าที่ตรวจดู  มีหนังที่เธอเล่นเข้ามาฉายในบ้านเราที่ผมรู้จักและได้ดูคือ  The Poseidon Adventure (1972)  แต่จำบทของเธอไม่ได้

อยากรู้ว่ามีใครจำเธอได้บ้างครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 274  เมื่อ 21 ก.พ. 23, 10:28

จำได้ค่ะ   เธอเป็นสาวสวยยุค 1960s   เล่นหนังเล็กๆหลายเรื่องรวมทั้งเรื่อง The Nutty Professor  เจอรี่ ลุยส์  (ที่คนไทยออกเสียงว่า เลวิส ) เล่นเป็นอาจารย์หนุ่มเนิร์ดที่คิดค้นยาวิเศษ กินเข้าไปแล้วกลายเป็นหนุ่มเพลย์บอยหล่อ
สเตลลาเล่นเป็นนศ.สาวขวัญใจอาจารย์

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 275  เมื่อ 21 ก.พ. 23, 10:30

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 276  เมื่อ 21 ก.พ. 23, 10:34

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 277  เมื่อ 21 ก.พ. 23, 10:37

คุณโหน่งและท่านอื่นๆดูภาพอดีตและปัจจุบันของเธอ(ก่อนถึงแก่กรรม) ได้ที่นี่ค่ะ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 278  เมื่อ 21 ก.พ. 23, 12:24

Man in an orange shirt ภาคจบ

60 ปีต่อมาในยุคปัจจุบัน 2017  Flora ซึ่งบัดนี้คือคุณย่าหม้าย F อาศัยอยู่ใน apartment ที่เธอแบ่งห้องใต้ดินให้ Adam หลานชายคนเดียวอยู่ร่วมอาศัย  หนุ่ม A นี้ก็คือหลานของเธอกับ Michael ที่ตอนนี้ตายไปแล้ว  A มีอาชีพเป็นสัตวแพทย์และเป็นเกย์แบบปกปิด  หลังเลิกงานเขาก็วุ่นอยู่กับการหาความสุขกับหนุ่ม ๆ ทาง online  วันหนึ่งเขาก็เจอลูกค้าชื่อ Steve เป็นสถาปนิกที่เป็นเกย์แบบเปิดเผยและมีคู่เป็นชายสูงอายุ  ทั้ง 2 ปิ๊งกันอย่างช้า ๆ  โดยที่ A พยายามฝืนเนื่องจากเขาไม่ชอบการผูกมัด







คุณย่า F มอบกระท่อมที่เคยเป็นมรดกตกทอดของสามีเธอคือ M ที่เธอมีความหลังที่ไม่ดีกับมัน ให้กับหลาน A  โดยให้สิทธิเต็มที่  ถ้าเขาอยากขายก็ตามใจ  A ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะจ้าง S มาช่วยปรับปรุงไว้ก่อน  S เมื่อมาเห็นสภาพแล้วชักจูงว่าอย่าขายเลย  การที่หนุ่ม A ไม่ชอบการผูกมัด  ทำให้เขาเห็นผู้ชายที่อยากได้เป็นของเล่น  ถ้าอยากได้ก็ 'เอา'  แต่ S คิดต่าง  เขาชอบการค่อยเป็นค่อยไป  วันนั้นสรุปว่า A ตัดสินใจจะปรับปรุงกระท่อมแล้วขายค่อยขายมัน





การทำงานร่วมกันสร้างความใกล้ชิดให้กับทั้ง 2 และ A เริ่มผ่อนคลาย  วันหนึ่งขณะรื้อข้าวของเขากับ S ก็พบภาพวาดของกระท่อมหลังนั้น  A เอาภาพวาดไปให้คุณย่าดูซึ่งเธอก็ทำไม่สนใจ  แต่ A ชี้ให้ดูลายมือที่เขียนอยู่หลังรูปว่า  ผู้วาดต้องการให้รูปนี้แขวนไว้ที่บ้าน  แต่ทำไมมันถึงไปยัดอยู่ในซอกลับในกระท่อมต่างจังหวัด  คุณย่าไก๋ว่าทั้งคุณปู่และเธอไม่ชอบมันเลยเอาไปไว้ที่อื่น  แล้วคุณย่าก็ระเบิดอารมณ์ที่เธอเก็บไว้นานตั้งแต่ครั้งรู้ว่าสามีเป็นเกย์ใส่หลานชายซึ่งก็เป็นเกย์ที่เธอรู้เห็นและทำเงียบมานาน



1.54 - Why did you just pretend that you...?

I can forgive. Hm... It's how you're made. I wish you would be discreet, but of course, that's my age.

What?

You and the man.

There's nothing between... There's nothing...

Well, I never expected when I gave you the cottage that you'd turn it into somewhere that you'd bring your latest...

Stop...pick-up. Just stop, right there.

You're using your father's money...

Just stop!

I'm 34 years old. And I'm still hiding in your basement. Is it any wonder...? It's no business of yours who I fuck.

I don't need to hear this.

I'm sorry. Silly of me to forget that anything below the neck disgusts you!



0.00 - I mean, do you ever lose control?

What do you mean? Well, did you ever need to give yourself...

I loved your grandfather!

Yes, but passion!

Yes! I loved him! With passion!

Shit!

All right. You win. I've been ashamed all my life. And I wonder why that was!

Yes, you should be ashamed. Because it is terrible, it's disgusting to live with other people, as if you were animals.

Animals?

Yes! ANIMALS!


A โมโหจัดแล้วผลุนผลันออกไปจากบ้าน  เขาขับรถไปยังกระท่อมที่ S อาศัยอยู่ชั่วคราวเพราะยังเกี่ยวพันกับงานตบแต่ง  แล้วระบายความในใจ  พร้อมกับค้างอยู่ที่นั่น  ไม่ยอมกลับ London

เวลาผ่านไปจนกระทั่งการตบแต่งคืบหน้าไปมาก  ขณะที่ 2 หนุ่มจัดงานเล็ก ๆ ระหว่างเพื่อนสนิท (ของ A)  คุณย่าก็เดินทางมาเยี่ยมโดยไม่คาดนึก

2.15 - I'm sorry, I should have rung.

D-Don't be silly. It's good to see you.

Yes. I came to bring you this. Well, it belongs here. With you.

Thank you. Come and meet Steve.



0.38 - I wish I hadn't told Michael to throw away his painting.

So how well did you know Thomas March?

Not at all well.

They were at school together and in the Army.

"To Flora and Michael, in the hope that one day the enclosed might hang in your drawing room."

What was enclosed with it?

Oh, Thomas was probably drunk. He must have meant the painting. Can I have some wine?

Yes, of course.

Would you mind? I think there's something peculiar about the frame

There is?

Something odd going on. And it's just a hunch.

Oh, My goodness

Yeah, it’s definitely a second painting under there.

It's Grandpa, isn't it?

Hey, it's OK. Hey...

Here.

I thought I'd won.

Won what?

His love.

But Thomas March loved Michael, and Michael loved Thomas March.

Grandpa was gay.

Yes.

Grandpa was gay.



0.00 - He loved me, but he married me to be like everybody else.

How did you find out?

Oh, his love letters. They were beautiful. And I burnt them.

You burnt them?

I was angry and scared that Michael would be sent to prison. Thomas was.

I thought I'd won. I ruined both of their lives.

They hurt you, too.

Yes.

I wish I'd known him.


ช่วงหลังของ clip มีเสียง message เข้าที่มือถือของ A  เป็นของหนุ่ม ๆ ที่เขาชอบเก็บเกี่ยว sex ด้วย  ทั้ง ๆ ที่ตอนคบหากับ S เขาได้บอกว่าเลิกนิสัยนี้แล้ว  แสดงว่า A ยังโกหก   S ผิดหวังเลยกลับไป

A กลับไปหาคุณย่า  ซึ่งเธอบอกว่านึกอะไรได้อย่าง

1.45 - Now, this is a letter your grandfather Michael wrote, he never sent it.

I found it after he died. Well, you'll see. I want you to keep it. Keep everything.
And, you know, whatever happens, I know that your grandfather Michael and Thomas would have been very, very proud of you.



0.31 - "My darling Thomas. I'm at work. Nobody knows I'm writing to you here. You refuse my visits, so you're probably tearing up my letters, too.

"But there's nothing else I can do but keep trying. It's beyond my control, do you see?

"All those months ago, when I had nothing to lose, really, I wrote to you in my head but was too cowardly to set more than lines on paper. And now, I find I no longer care. The love I feel for you runs through me like grain through wood.

"I love you, Thomas. Your face, your voice, your touch enter my mind at the least opportune moments and I find I have no power to withstand them. No desire to.

"I want us to be together, as we were in the cottage. Only forever, not just a weekend.

"I want it to go on so long that it feels normal. I think of you constantly. Your face, your breath on my neck at night. I want to do all the ordinary, un-bedroomy things we never got around to doing. Making toast. Raking leaves. Sitting in silence.

"I love you, Thomas. I've always loved you. I see that now. Tell me I'm not too late."


Fun fact บอกว่า ‘The flagship drama in the BBC's 2017 Gay Britannia season, a series of programmes commemorating the 50th anniversary of the Sexual Offenses Act. Up until 1967, homosexuality in the United Kingdom was a criminal offense. The removal of the Act meant that gay men could consort together without the fear of being sent to prison.

สมกับ term ว่า ‘flagship’ เพราะหนังทีวีชุดนี้ชนะรางวัล 2018 International Emmy Award for Best TV Movie or Miniseries’ (รางวัล Emmy เปรียบเสมือนรางวัล Oscar ของหนังทีวี)
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 279  เมื่อ 22 ก.พ. 23, 13:33

ผมเห็นหน้า Deborah Kerr มาตั้งแต่เด็ก ๆ  แต่ไม่เคยดูหนังที่เธอเล่นจนกระทั่งพี่มนันยาเอา วิดีโอ เรื่อง An affair to remember (1957) มาให้และบอกว่าถ้าไม่ร้องไห้  ให้ด่า  ตอนผมเอาวิดีโอไปคืน  เธอถามว่า เป็นไง  ผมยิ้มแหย ๆ




บทของ DK ในหนังเรื่องนี้ทำให้ผมติดใจและเริ่มชอบเธอตั้งแต่บัดนั้น  ผมไม่ได้ดูหนังที่เธอเล่นอีกเลยจนกระทั่งมารู้จักกับ TCM 

เมื่อไรที่ TCM เอาหนังของเธอมาปล่อย  ผมเป็นไม่พลาด (ยกเว้น The King and I ... ไม่ชอบ) รวมทั้งเรื่องนี้ Tea and sympathy (1956) ที่ดัดแปลงมาจากบทละคร

เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มวัยเรียนแสดงโดย John Kerr  (นักแสดง 2 คนนี้ (DK กับ JK ไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน  ซี้คลาสสิกสอนผมให้อ่านนามสกุลว่า คาร์  ไม่ใช่ เคอร์  ตามที่เขียน)) ที่ใช้ชีวิตผิดแผกไปจากชาวบ้าน  ขณะที่เด็กอื่นชอบเฮฮา ดูกีฬา สังสรรค์ ฯลฯ แต่เด็กหนุ่มคนนี้ชอบอยู่ตามลำพัง  ชอบฟังเพลงคลาสสิก  ชอบอ่านบทละครและชอบดูละคร แล้วก็ชอบอยู่ท่ามกลางผู้หญิง

เธอจึงเป็นจุดเด่นให้ต้องโดนกลั่นแกล้งนานา

DK ซึ่งเป็นเมียครูคุมหอพักที่ JK อาศัยรู้เห็นเรื่องนี้แล้วพยายามเข้าช่วยเหลือในการปรับตัว

เหตุการณ์ในชีวิตของ JK แย่ลงเรื่อย ๆ จนเขาชอบปลีกตัวไปอยู่ตามลำพัง  ด้วยความเป็นห่วง  วันนั้น DK จึงออกตามหา  ในช่วงเวลาที่ทั้ง 2 อยู่ตามลำพัง  DK ปลอบว่าในวันหนึ่งข้างหน้า JK จะต้องแต่งงานและมีครอบครัวที่สมบูรณ์  อย่าได้กังวล

ด้วยอารมณ์พาไป DK จับมือเด็กหนุ่มและจูบเธอหนึ่งครั้งก่อนพูดว่า "Years from now, when you talk about this, and you will be kind."


(หมายเหตุ – ผมงงกับความหมาย  ตอน ซี้คลาสสิค ‘ยังอยู่’ ก็ลืมถามว่าหมายความว่าไง)


10 ปีผ่านไป  เด็กหนุ่ม JK กลายเป็นหนุ่มนักเขียนอาชีพและหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ  วันนั้นเธอกลับมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าและเลยไปหา DK ที่หอพัก เพียง เพื่อพบแค่สามีของเธอพร้อมคำตอบว่า DK จากไปแล้ว  แต่ฝากจดหมายไว้ให้ด้วย

JK รับจดหมายมาเปิดอ่านพบว่า DK เขียนจดหมายนี้หลังจากอ่านนิยายที่ถูกตีพิมพ์ของเขาที่เล่าเกี่ยวกับช่วงเวลาพิเศษของทั้ง 2 ใน 'วันนั้น'  มันทำให้เธอคิดย้อนกลับไปและตัดสินใจต้องลาจากสามีของตน

มันตรงตามที่ JK เขียนไว้ในหนังสือว่า "the wife always kept her affection for the boy."




(ผมว่าการสอดเพลงที่มีเสียงร้องแทนที่จะเป็นเพลงบรรเลงแทรกเข้าไปใน clip ทำให้เสียอารมณ์ไม่น้อย)


ต่อด้วย ควันหลง คราวหน้า...
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 280  เมื่อ 22 ก.พ. 23, 15:07


ด้วยอารมณ์พาไป DK จับมือเด็กหนุ่มและจูบเธอหนึ่งครั้งก่อนพูดว่า "Years from now, when you talk about this, and you will be kind."

(หมายเหตุ – ผมงงกับความหมาย  ตอน ซี้คลาสสิค ‘ยังอยู่’ ก็ลืมถามว่าหมายความว่าไง)

มันตรงตามที่ JK เขียนไว้ในหนังสือว่า "the wife always kept her affection for the boy."

ประโยคที่ถูกต้องคือ  "Years from now when you speak of this, and you will; be kind." ค่ะ
ไม่ใช่ "and you will be kind"
แปลว่า  "อีกหลายปีนับจากนี้ เมื่อคุณพูดถึงเรื่องนี้ (หมายถึง sex ที่กำลังจะเกิดระหว่างสองคนนี่) และคุณต้องพูดแน่นอน ขอให้พูด(ถึงฉัน) ในทางดีด้วย"
Be kind   ก็คือ อย่าเอาไปเอ่ยกับคนอื่นๆในทำนองเป็นเรื่องตลกในวงเหล้า    อย่าพูดในทำนองประณามเธอว่าสำส่อนหรือใจง่าย    ขอให้เอ่ยถึงด้วยความเข้าใจว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนี้ แม้ว่าผิดทั้งทางโลกทางศีลธรรม  ก็เป็นไปด้วยความปรารถนาดีต่อเด็กหนุ่ม เพื่อให้เขาหลุดจากความกดดันว่าตัวเองไม่ใช่ชายแท้อย่างเพื่อนๆหาความกัน

JK ก็เข้าใจ   ในหนังสืออิงชีวประวัติที่เขาเขียนใน 10 ปีต่อมา  เขาจึงใช้คำว่า "the wife always kept her affection for the boy"  แทนที่จะใช้คำอื่นๆ เช่น passion  หรือ love ที่โจ่งแจ้งไปทางชู้สาว
affection คืออารมณ์รักแบบเมตตา เอ็นดู   ชอบพอ โปรดปราน  ทำนองนี้      ถ้าหญิงที่เป็นผู้ใหญ่มีต่อเด็กหนุ่มก็คือเอ็นดูอย่างลูกหลาน

เรื่องนี้เป็นละครเวทีมาก่อนเป็นหนัง   เป็นเรื่องที่ตีความได้ซับซ้อนเพราะคนแต่ง คนกำกับและคนสร้างแฝงนัยระหว่างบรรทัดเอาไว้มากมาย  พอจะเป็นหนังสือเล่มหนาๆได้อีกเล่ม
ในยุค 1950s ที่เรื่องนี้ทำหนัง สังคมเข้มงวดกว่าสมัยนี้มาก  แม้แต่ในประเทศที่ป่าวประกาศว่าเสรีอย่างอเมริกา ก็โหดอย่างไม่น่าเชื่อ    รักร่วมเพศนอกจากผิดกฎหมายแล้วยังถือว่าเป็นบาปมหันต์อีกด้วย   พอๆกับการนอกใจก็ถือว่าผิดร้ายแรง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม  
ผู้หญิงที่นอนกับชายอื่นนอกจากสามีถือเป็นนางกากีทั้งหมด    ชายที่รักชายรู้กันเมื่อไหร่  เสียอนาคต เสียผู้เสียคน หมดเนื้อหมดตัว  จึงต้องแอบแฝงกันสุดฤทธิ์สุดเดช   ต้องแต่งงานเมื่อถึงวัย   ทำตัวเป็นสามีตามปกติในสายตาคนภายนอก   แม้ว่าในบ้านไม่ปกติก็ตาม  อย่างในชีวิตคู่ของนางเอกกับสามีในเรื่อง   ในที่สุดเธอก็ขอหย่าจากสามี นอกจากด้วยเหตุผลว่าเธอไปมีพสพ.กับชายอื่นแล้ว  สามีเธอที่ในเรื่องบอกใบ้เอาไว้ ก็เป็นเกย์อีกด้วย
ความจริงถ้าเป็นยุคนี้   นางเอกนอกจากไม่ผิดแล้วยังได้รับความเห็นใจ   แต่ยุคโน้นผู้คนรับไม่ได้  นางเอกในหนังจึงต้องประทับตรา "ผิด" ในสิ่งที่ทำลงไป ตามระเบียบ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 281  เมื่อ 23 ก.พ. 23, 11:49


ด้วยอารมณ์พาไป DK จับมือเด็กหนุ่มและจูบเธอหนึ่งครั้งก่อนพูดว่า "Years from now, when you talk about this, and you will be kind."

(หมายเหตุ – ผมงงกับความหมาย  ตอน ซี้คลาสสิค ‘ยังอยู่’ ก็ลืมถามว่าหมายความว่าไง)

มันตรงตามที่ JK เขียนไว้ในหนังสือว่า "the wife always kept her affection for the boy."

ประโยคที่ถูกต้องคือ  "Years from now when you speak of this, and you will; be kind." ค่ะ
ไม่ใช่ "and you will be kind"
แปลว่า  "อีกหลายปีนับจากนี้ เมื่อคุณพูดถึงเรื่องนี้ (หมายถึง sex ที่กำลังจะเกิดระหว่างสองคนนี่) และคุณต้องพูดแน่นอน ขอให้พูด(ถึงฉัน) ในทางดีด้วย"
Be kind   ก็คือ อย่าเอาไปเอ่ยกับคนอื่นๆในทำนองเป็นเรื่องตลกในวงเหล้า    อย่าพูดในทำนองประณามเธอว่าสำส่อนหรือใจง่าย    ขอให้เอ่ยถึงด้วยความเข้าใจว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนี้ แม้ว่าผิดทั้งทางโลกทางศีลธรรม  ก็เป็นไปด้วยความปรารถนาดีต่อเด็กหนุ่ม เพื่อให้เขาหลุดจากความกดดันว่าตัวเองไม่ใช่ชายแท้อย่างเพื่อนๆหาความกัน

JK ก็เข้าใจ   ในหนังสืออิงชีวประวัติที่เขาเขียนใน 10 ปีต่อมา  เขาจึงใช้คำว่า "the wife always kept her affection for the boy"  แทนที่จะใช้คำอื่นๆ เช่น passion  หรือ love ที่โจ่งแจ้งไปทางชู้สาว
affection คืออารมณ์รักแบบเมตตา เอ็นดู   ชอบพอ โปรดปราน  ทำนองนี้      ถ้าหญิงที่เป็นผู้ใหญ่มีต่อเด็กหนุ่มก็คือเอ็นดูอย่างลูกหลาน

เรื่องนี้เป็นละครเวทีมาก่อนเป็นหนัง   เป็นเรื่องที่ตีความได้ซับซ้อนเพราะคนแต่ง คนกำกับและคนสร้างแฝงนัยระหว่างบรรทัดเอาไว้มากมาย  พอจะเป็นหนังสือเล่มหนาๆได้อีกเล่ม
ในยุค 1950s ที่เรื่องนี้ทำหนัง สังคมเข้มงวดกว่าสมัยนี้มาก  แม้แต่ในประเทศที่ป่าวประกาศว่าเสรีอย่างอเมริกา ก็โหดอย่างไม่น่าเชื่อ    รักร่วมเพศนอกจากผิดกฎหมายแล้วยังถือว่าเป็นบาปมหันต์อีกด้วย   พอๆกับการนอกใจก็ถือว่าผิดร้ายแรง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม  
ผู้หญิงที่นอนกับชายอื่นนอกจากสามีถือเป็นนางกากีทั้งหมด    ชายที่รักชายรู้กันเมื่อไหร่  เสียอนาคต เสียผู้เสียคน หมดเนื้อหมดตัว  จึงต้องแอบแฝงกันสุดฤทธิ์สุดเดช   ต้องแต่งงานเมื่อถึงวัย   ทำตัวเป็นสามีตามปกติในสายตาคนภายนอก   แม้ว่าในบ้านไม่ปกติก็ตาม  อย่างในชีวิตคู่ของนางเอกกับสามีในเรื่อง   ในที่สุดเธอก็ขอหย่าจากสามี นอกจากด้วยเหตุผลว่าเธอไปมีพสพ.กับชายอื่นแล้ว  สามีเธอที่ในเรื่องบอกใบ้เอาไว้ ก็เป็นเกย์อีกด้วย
ความจริงถ้าเป็นยุคนี้   นางเอกนอกจากไม่ผิดแล้วยังได้รับความเห็นใจ   แต่ยุคโน้นผู้คนรับไม่ได้  นางเอกในหนังจึงต้องประทับตรา "ผิด" ในสิ่งที่ทำลงไป ตามระเบียบ


อ่านของ 'จาร แล้วกลับไปฟังประโยคที่ว่าอีกที  จริง ๆ ด้วย  มีช่องว่างระหว่าง you will กับ be kind  ซึ่งไม่เคยสังเกตมาก่อน 

แค่ ช่องว่าง เองสามารถเปลี่ยนความคลุมเครือให้เป็นความเข้าใจอย่างแจ่มชัดเหมือนกับเห็นของวางอยู่กลางแจ้งเลยครับ  หลงงงงวยมาร่วม 20 กว่าปี  นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็คลุมเครือกับประโยคที่ว่า  นี่แสดงว่าตอนดูหนังที่ IBC คนแปลก็คง 'ตกหลุม' เหมือนกัน  ไม่งั้นโหน่งคงไม่งงมาจนถึงบัดนี้

ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างครับ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 282  เมื่อ 23 ก.พ. 23, 12:15

กลับมาที่ควันหลงจากหนังเรื่องนี้...  ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องของหนัง  แต่เกี่ยวกับชื่อหนัง

ชื่อหนัง Tea and sympathy นี้ฟังแล้วคลาสสิกมาก ผมเคยได้ยินสำนวนนี้มานานแล้วตั้งแต่ต้นยุค 70s  โน่น
 
ในปี 1975 ที่อเมริกามีนักร้องหญิงชื่อ Janis Ian ออกเพลงที่ดังมาก  เป็นเพลงแนวเบา ๆ ใส ๆ ชื่อ At seventeen  วิทยุบ้านเราเปิดเพลงนี้ประปราย (ไม่งั้นผมคงไม่เคยได้ยิน) 



พอเพลงดัง (สามารถคว้าแผ่นฯ ทองคำได้)  เธอก็ออก album ตามมามีชื่อว่า Between the Lines  (อันดับ 1 billboard เลยละ)  ผมก็แจ้นไปซื้อมาฟังว่าเพลงอื่น ๆ ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง  ผลคือเพลงเพราะถูกหูมากหลายเพลง (จะบอกว่าเพราะทุกเพลงไม่ได้  มันต้องมีบ้างที่ไม่ถูกหู  คน (ฝรั่ง) เคยบอกว่าซื้อ album มาฟัง 1 แผ่น  ถ้ามีเพลงถูกหู 3-4 เพลง (จากจำนวนมาตรฐาน 10 เพลงใน 1 แผ่น) ก็คุ้มแล้ว)


(จากคลังภาพของอากู๋  ฉบับส่วนตัวขายไปแล้ว)


ในบรรดาเพลงในแผ่นของ JI นี้มีอยู่เพลงหนึ่งชื่อ Tea and sympathy  ทำนองเนิบนาบอ้อยสร้อย  ฟังครั้งแรกหาวทันที  แต่พอได้มาฟังซ้ำอีก 2-3 ครั้ง  แหม... มันเพราะจัง  นั่นแสดงว่าเพลง ๆ หนึ่งถ้าฟังบ่อยครั้งขึ้นจะเริ่มคุ้นหู  จากนั้นสมองจะตัดสินใจว่าเพราะหรือไม่

พอเริ่มเพราะหูก็อยากเข้าใจเนื้อร้อง  ก็หยิบซองใน (inner sleeve) ที่มีเนื้อร้องพิมพ์อยู่ (ไม่เสมอไปสำหรับทุกแผ่นฯ) ออกมาอ่านไปฟังไป  ตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 20  อย่าว่าแต่ความรู้ภาษาอังกฤษเลย  ความรู้ภาษาไทยยังไม่ค่อยจะแตก  เป็นอันว่าไม่เข้าใจว่าในเพลงนี้ JI เธอต้องการสื่ออะไร

เปลี่ยนฉาก...  เคยเปรยไปบ้างแล้วว่าที่บ้านผมรับนิตยสารมากมาย  หนึ่งในนั้นคือนิตยสารสตรีสาร  ก่อนที่นิตยสารฯ จะเพิ่มหน้า ‘ภาคพิเศษ’ อันเป็นเรื่องของเด็ก ๆ ที่ผมติดตามประจำ   มี 3 คอลัมน์ที่ผมชอบอ่านที่สุด คือคอลัมน์เรื่องเขียนชุด ‘คลังคนใช้’ ของ พรพรหม อนันต์ (ชื่อคนเขียนนี้ถามอากู๋  ผมจำไม่ได้) จำเอกลักษณ์ได้แม่นว่าชื่อตอนจะคล้องจองกับตอนต่อไป อีกคอลัมน์คือนิทานนานาชาติ  แปลโดย บรรจบ พันธุเมธา (ข้อมูลนี้จำได้)

ส่วนคอลัมน์ที่ 3 ที่ชอบอ่านคือ เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง ผมจำชื่อเจ้าของคอลัมน์ไม่ได้แม่นแล้ว รู้สึกจะ ‘จ.ย.ส.’  แต่มารู้ในเวลาต่อมาอีกนานว่าคือ ศจ. คุณหญิงจินตนา ยศสุนทร  เป็นแฟนคอลัมน์นี้เพราะเพลงฝรั่ง  ฉบับไหนลงเพลงที่ผมรู้จักก็อ่าน  ถ้าไม่รู้จักก็ผ่าน 

พอนึกถึงคอลัมน์นี้ได้  ผมก็คว้ากระดาษและปากกามาเขียนจดหมายถึงเจ้าของคอลัมน์พร้อมทั้งลอกเนื้อเพลง T&S ที่ยาวยืดส่งไปถามความหมาย (นึกขึ้นมาได้ว่าในสมัยผม  เราเรียนวิชา ‘จดหมาย’ ‘เรียงความ’ แล้วก็ ‘ย่อความ’  หลักสูตรเหล่านี้คงสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว)

เวลาผ่านไปหวือ... หวือ...  วันหนึ่งกลับจากโรงเรียน  แม่ก็ทักว่าเขียนจดหมายไปถามความหมายเพลงที่สตรีสารเหรอ  แหม... พอได้ยินแล้วก็ตื่นเต้น  รีบคว้าหนังสือมาเปิดอ่าน  จำได้คร่าว ๆ ว่าเจ้าของคอลัมน์เกริ่นว่าได้รับ จม. ถามเนื้อเพลงแล้วลงชื่อ-นามสกุลของผม (แม่ถึงรู้ว่าเป็นไอ้ตัววุ่นวายนี่เอง  แสดงว่าแม่อ่านแหลกเพราะแม่ไม่ใช่คนฟังเพลง)  บอกว่าดูจากลายมือเป็นของเด็กแต่ทำไมฟังเพลงที่มีเนื้อหาเป็นของผู้ใหญ่

จากนั้นเธอก็อธิบายเนื้อเพลง  เธอไม่ได้แปลประโยคต่อประโยคแต่แปลความหมายของแต่ละย่อหน้า  มีการเน้นบางประโยคบางสำนวน เช่น ชื่อเพลง ที่เธอคิดว่าน่าศึกษา แล้วสรุปรวมว่าเนื้อเพลงหมายถึงอะไรได้ชัดเจนมาก

ผมว่า ความสามารถในด้านการให้ความรู้  สำหรับคนก่อนยุค อตน. นี่ถ้าเป็นคนเก่งจะเก่งจริง ๆ เพราะไม่มีการ ‘จิ้มแล้วปัด หรือ จิ้มแล้วคลิก’ แล้วลอกข้อมูล  มีแต่ ‘พลิกไปพลิกมา’ เพื่อหาข้อมูลเอามาประกอบการอธิบาย  พอเข้ายุค อตน.  นิยามของความเก่งเปลี่ยนเป็น ใครหาข้อมูลได้เร็วกว่าหรือแม่นยำกว่า 

สรุปแล้ว  ขอบคุณ จ.ย.ส.  ที่อธิบายให้ผมเข้าใจความหมายของสำนวนว่า Tea and Sympathy




มีต่อ...


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 283  เมื่อ 23 ก.พ. 23, 12:48

อ้าว คุณโหน่ง
หลอกให้อ่านจนเพลิน  แล้วไม่ยักไขกุญแจให้รู้ว่าอาจารย์คุณหญิงจินตนา ท่านอธิบายเนื้อความของเพลงว่าอะไรล่ะคะ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 284  เมื่อ 27 ก.พ. 23, 12:12

อ้าว คุณโหน่ง
หลอกให้อ่านจนเพลิน  แล้วไม่ยักไขกุญแจให้รู้ว่าอาจารย์คุณหญิงจินตนา ท่านอธิบายเนื้อความของเพลงว่าอะไรล่ะคะ

จำไม่ได้แล้วครับ 'จาร  ร่วม 50 ปีมาแล้ว  จำได้แต่ว่าอ่านแล้วเข้าใจดี  พอเข้าใจแล้วก็จบความสงสัย  ความจริงโหน่งฉีกเก็บเอาไว้ด้วยแต่ความที่ย้ายบ้านหลายครั้ง  ยิ่งครั้งสุดท้ายเป็นการย้ายแบบไม่ได้ตั้งตัว  เลยไม่รู้ว่าไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน

ตอนนี้ อตน. เฟื่องฟู  เลยขัด link มาให้อ่านครับ

https://songmeanings.com/songs/view/3530822107858592480
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 26
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.104 วินาที กับ 19 คำสั่ง