ในวัยเด็ก ผมเรียนหนังสือที่ รร. คริสต์ ฯ โรงเรียนอยู่ชานกรุงเทพฯ ในสมัยนั้น จาก ถ. ใหญ่ต้องเลี้ยวเข้าถนนเล็กไปหลายกิโลฯ พื้นที่ รร. เป็นทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา แต่มีอาคารเรียนอยู่แค่ 3-4 หลัง หน้าหนาวในยุคนั้นที่ รร. จะหนาวจับจิต จำได้ว่าทุกปีต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่อุณหภูมิลดต่ำลงเหลือแค่เลขตัวเดียวและค้างอยู่ตรงนั้นหลายวัน ลมก็แรง พวกเราจะอุ่นได้แค่ช่วงบน แต่ช่วงล่างเป็นขาสั้นไม่รู้ทำไงให้อุ่นได้ ต้องนั่งเรียนกันขนลุกเกรียว
ที่ รร. จะมีเครื่องกระจายเสียง แต่ไม่ค่อยได้กระจายเสียงอะไรออกมา ที่รู้ว่ามีเพราะถ้าจะมีเสียงออกมาก็จะเป็นเพลง นาน ๆ ก็จะแพลมออกมาให้ได้ยิน แต่ถ้าเป็นปลายปี ช่วงเทศกาลคริสต์มาสละก็ เปิดเป็นประจำ ช่วงเวลาที่เปิดก็ตอนเช้าสัก 10-15 นาทีก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ กับหลังกินข้าวกลางวันแล้ว ก่อนออดเข้าห้องดังสัก 10-15 นาทีเช่นกัน
แน่นอนที่เพลงที่กระจายเสียงออกมาต้องเป็นเพลงคริสต์มาส เป็นเสียงจากวงประสานเสียงที่ต่อมาภายหลังถึงรู้ว่าชื่อ วง Ray Conniff แต่ยังมีเพลงอีกประเภทหนึ่งที่เปิดสลับกัน มันเป็นเพลงจากนักร้องประสานเสียงเช่นกัน แต่เป็นกลุ่มเด็ก เพลงจากวงนี้ไม่ใช่เพลงคริสต์มาสแต่เสริมบรรยากาศ อาจเป็นเพราะเพลงเปิดในช่วงดังกล่าว อย่างไรก็ตามเนื้อร้องและทำนองของเพลงเพราะและติดหูง่าย
มีอยู่ 2 เพลงที่ติดหูผม เพลงหนึ่งจะร้องซ้ำไปซ้ำมา อีกเพลงจะมีเสียงร้อง อี๊ยาอียายา พอทางโรงเรียนกระจายเสียงเพลงของวงนี้ผมต้องคอยการมาถึงของ 2 เพลงดังกล่าว บางทีก็ทันได้ยินบางทีก็ไม่ทันเพราะช่วงเวลากระจายเสียงมันสั้น
กาลเวลาผ่านไป...
ตอนนี้ผมอยู่ชั้น ม.ปลาย ที่โรงเรียนแห่งใหม่และย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ที่สะพานควายแล้ว วันหนึ่งผมไปเดินเล่นที่ราชดำริอาเขต ลงไปชั้นใต้ดินก็จะเจอร้านอาหารหรูชื่อ Downtown (ถ้าจำไม่ผิด) ตรงข้ามจะเป็นร้านขายแผ่นเสียงชื่อ 4 Tracks งานหลักของร้านนี้คือขายแผ่นเสียงแผ่นเล็กที่ทางร้านผลิต
แผ่นเสียงแผ่นเล็กอย่างเป็นทางการจากเมืองนอกจะเรียกว่า single บรรจุเพลงหน้าละ 1 แผ่นหนึ่งก็จะมี 2 เพลงตามที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้ว แต่แผ่นเล็กของเมืองไทยบรรจุหน้าละ 2 เพลง 1 แผ่นก็จะมี 4 เพลง เป็นการเอาเพลงดังของเมืองนอกมาก๊อปปี้ลงให้เราซื้อไปฟัง แผ่นละ 15 บาท แผ่นเสียง 4 Tracks นี่ดังมากถึงขนาดเปิดร้านของตัวเองได้
เพราะร้านมีขนาดใหญ่ 2 ห้อง ก็เลยมีสินค้าอย่างอื่นวางขายด้วย เป็นต้นว่าแผ่นเสียงแผ่นใหญ่หรือที่เรียกเป็นทางการว่า long play ฯลฯ
ตอนกำลังไล่ดูแผ่น LP ไปเรื่อย ๆ ผมก็เห็นแผ่นหนึ่ง ปกมีหน้าตาแบบนี้


ผมดึงซองขึ้นมาพิจารณา ด้านหน้าด้านหลัง แล้วก็รู้สึกเอะใจ เผอิญแผ่นฯ นี้มีการเปิดบริสุทธิ์แล้ว ปกติแผ่น LP จะหุ้มด้วยพลาสติกอ่อนอย่างมิดชิดเพื่อกันตัวแผ่น vinyl หลุดล่วงจากการเคลื่อนย้าย และเป็นสัญลักษณ์ว่าแผ่นยังไม่เคยเปิดฟัง อันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับนักซื้อแผ่นเสียง ไม่มีใครอยากซื้อแผ่นฯ เปิดใช้แล้ว
แต่แผ่นฯ นี้เปิดแล้ว ซึ่งผมถือเป็นโอกาสอันดีที่จะไปขอให้ พนง. เปิดเพลงในแผ่นฯ ให้ฟัง
ปรากฏว่าแรงสังหรณ์ใจถูกต้อง แค่เพลงแรกที่ลองเปิดก็คือเพลงร้องประสานเสียงที่ผมเคยได้เย็นมาตั้งแต่สมัยอยู่ ม.ต้น และเพลงอื่น ๆ ที่เคยได้ยินก็รวมอยู่ในแผ่นฯ นี้ทั้งหมด แสดงว่านี่คือแผ่นเสียงที่ทาง รร. เปิดให้ฟังเป็นประจำในช่วงคริสต์มาสนั่นเอง
ผมถามหาแผนฯ ใหม่ที่ยังไม่เปิดบริสุทธิ์ แต่ทางร้านบอกว่ามีแผ่นเดียว ผมก็รีบควักเงินซื้อทันทีโดยไม่มีเกี่ยงงอน นี่เป็นแผ่นฯ สุดโปรดอีกแผ่นของผม ฟังอยู่เนือง ๆ จนถึงปัจจุบัน และฟังทีไรก็นึกถึงบรรยากาศหน้าหนาวช่วงคริสต์มาสทุกครั้งทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เพลงคริสต์มาสสักหน่อย
ทางวงเอาเพลงนี้จากหนัง The Sound of Music มาร้องใหม่ เป็นเพลงโปรดอีกเพลงหนึ่ง
เพลงอื่น ๆ ก็เพราะ ๆ ทั้งนั้น รวมถึงเพลงนี้
(ตรง 1.11 ฟังดี ๆ มีการผิวคิว น่ารักจัง นึกภาพครูกรอกตาขึ้นข้างบนอย่างระอาใจแบบที่เห็นกันในหนังฝรั่งออกเลย ไม่รู้เธอโดนครูเอ็ดรึเปล่า)
ฉบับนี้เอาเพลงของ Frank Sinatra มาร้องใหม่
ถึงช่วงเทศกาล Christmas ทีไร ความสุขมาหาโดยไม่ต้องขวนขวาย แล้วก็ไม่ขึ้นกับสภาพอากาศด้วย