เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 24
  พิมพ์  
อ่าน: 16612 เมนูเนื้อ หลายเมนู
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 08 ธ.ค. 21, 19:09

พูดถึงเนื้ออบ  เลยทำให้นึกไปถึงเนื้ออบที่เป็นเมนูอยู่คู่กันในร้านขายขนมจีนไหหลำและร้านข้าวมันไก่ไหหลำ   ก็ไม่ทราบว่าเนื้ออบที่ทำขายกันอยู่นั้น เป็นตำรับแต่ดั้งเดิมของไหหลำ หรือเป็นแบบฝรั่งปนจีน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 09:02

ต้องรอผู้รู้เข้ามาตอบค่ะ

ตอนนี้ขอเสนอซี่โครงเนื้อรมควัน
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 18:43

ซี่โครงเนื้อย่าง(หรือรมควัน)เป็นเมนูที่พบเห็นได้เฉพาะในร้านอาหารบางประเภทในกรุงเทพฯ  ไม่เคยเห็นว่ามีเมนูนี้ในร้านอาหารในต่างจังหวัด และก็ไม่เคยเห็นชาวบ้านทำกินกันเช่นกัน  รวมทั้งก็ไม่เคยเห็นว่ามีการตัดแยกซี่โครงเป็นแผง นำออกวางขายตามตลาดสดต่างๆ มีแต่การเลาะเอาเนื้อส่วนที่ติดซี่โครงออกมาขายกัน 

เมนูซี่โครงเนื้อย่างนี้เป็นที่นิยมกินกันในพื้นที่สหรัฐอเมริกาตอนล่าง ต่อเนื่องลงไปตลอดทวีปอเมริกาใต้  เขาใช้วิธีตัดแต่งซี่โครงให้ยังคงมีเนื้อติดอยู่หนาๆ ทำการย่าง(หรืออบ)ซี่โครงทั้งแผง แล้วตัดแบ่งจัดลงจานละหนึ่งท่อนซี่โครง  ผมชอบทานกับมัสตาร์ด ซอสมะเขือเทศ และแทะฝักข้าวโพดย่าง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 18:53

แบบนี้หรือเปล่าคะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 19:02

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  ในโรงอาหารพระเกี้ยวน้อย  มีป้าแม่ค้าขายเนื้อบดปั้นเป็นก้อน ทอดกระเทียมพริกไทยรสชาติกำลังพอดี อร่อยมาก  กินควบกับผัดวุ้นเส้นที่ป้าตักราดข้าวมาให้    หรูหรามากราคาถึงจานละ 4 บาท
(ยุคนั้นข้าวราดแกงจานละบาทเดียว)
ต่อมาเนื้อต้องหลีกทางให้หมู   ก็เลยไม่ได้กินเนื้อบดแบบนั้นอีกเลยค่ะ   


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 19:04

ลักษณะนี้ละครับ แต่เป็นซี่โครงวัวแต่ละซี่โครงยาวประมาณคืบหนึ่ง ครับ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 19:32

สมัยข้าวราดแกงจานละบาท มีของอร่อยๆให้เลือกทานได้หลากหลายเมนูจริงๆครับ  เนื้อสับปั้นเป็นก้อนทอดกระเทียมพริกไทยก็เป็นหนึ่งในของอร่อยนั้น ซึ่งดูจะเป็นเมนู hit โดยทั่วๆไปอีกด้วย  บางเจ้าก็ใส่หอมใหญ่สับละเอียดคลุกลงไปแล้วปั้นทอด  มีทั้งแบบสับเนื้อไปพร้อมกับกระเทียม และแบบทอดเกือบสุกแล้วใส่กระเทียมลงไปทอดให้กรอบ

ราคาข้าวราดแกงสมัยจานละหนึ่งบาทนั้น หากสั่งน้ำชาฟรีด้วยก็ไม่เสียสตางค์ แต่หากสั่งเป็นแบบใส่น้ำแข็งมาด้วย จะเป็นแก้วละสลึงนึงเลยเชียว (แพงเอาการอยู่)   

ฤๅ เราเป็นพวก สว รุ่นเก๋าไปแล้วหรือไร ?  ยิงฟันยิ้ม 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 19:33

นึกถึงเนื้อสวรรค์ ของกินชื่อดังในอดีตอย่างหนึ่งเมื่อครั้งผู้คนยังนิยมกินเนื้อวัวกันอย่างแพร่หลาย ครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 20:36

ราคาข้าวแกงในปัจจุบัน  ขนาดร้านต่างจังหวัดนะคะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 09 ธ.ค. 21, 20:41

เกือบลืมเนื้อสวรรค์ไปแล้ว   
เมื่อก่อนถ้าไปต่างจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพ ต้องเจอเนื้อสวรรค์วางขายในตลาด  เนื้อเหนียวๆหน่อย รสชาติเค็มๆหวานๆ กินกับข้าวเหนียวค่ะ


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 10 ธ.ค. 21, 18:26

เนื้อสวรรค์น่าจะจัดเป็นของกินที่ผู้ขายเกือบจะทุกเจ้าต่างก็ทำได้อร่อยไม่แพ้กัน (สมัยฟันยังแข็งแรงดีนะครับ  ยิงฟันยิ้ม)  แต่ก่อนนั้นจะทำเป็นแผ่นๆกว้างยาวขนาดประมาณสองสามนิ้วมือ  ต่อมาก็ค่อยๆลดขนาดของแผ่นลงไปจนใกล้จะเป็นเส้น แล้วก็ค่อยๆหายไปจากตลาด   

ที่โผล่ขึ้นมาแทนและเป็นที่นิยมในปัจจุบันก็จะเป็นในรูปของ เนื้อแดดเดียวที่ไม่มีการใส่เครื่องเทศ(เม็ดผักชี และยี่หร่า) แล่เป็นแผ่นขนาดประมาณฝ่ามือโดยพยายามให้มีมันติดอยู่ทุกชิ้น   

เนื้อสวรรค์ไม่เป็นเมนูอยู่ในสำรับอาหารบนโต๊ะกินข้าว แต่จะเป็นเมนูอาหารในการไป picnic หรือการเดินทางไกล  ต่างกับเนื้อแดดเดียวที่เป็นทั้งเมนูบนโต๊ะอาหารและในการไป picnic

นึกถึงกลิ่นเตะจมูกของเนื้อทั้งสองชนิดที่ทำสุกแล้วครับ   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 10 ธ.ค. 21, 20:28

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 11 ธ.ค. 21, 10:20

เนื้อย่างคำหวาน

วิธีทำอยู่นี่ค่ะ
https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=mambyrose&month=02-2016&date=17&group=45&gblog=32


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 11 ธ.ค. 21, 18:22

เนื้อย่างคำหวาน ดูน่าอร่อยนะครับ  เห็นเครื่องปรุงเป็นชิ้นๆแล้วทำให้นึกไปถึง 'พล่าเนื้อ'    ก็เพียงซอยตะไคร้เพิ่มลงไป ลดหรือไม่ใส่น้ำตาล ใส่ใบสะระแหน่เพื่อแต่งกลิ่นและปรับรส ก็จะกลายพันธุ์ไปเป็นเมนูประเภท 'พล่า'(เนื้อ) 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 11 ธ.ค. 21, 20:32

ชามนี้ ทุกคนคงรู้จักนะคะ   เกาเหลาเนื้อตุ๋น

เนื้อตุ๋น เป็นของอร่อยที่ตุ๋นด้วยชุดเครื่องยาจีน แต่งรสตามชอบของตนเองด้วยน้ำเต้าหู้ยี้หรือพริกน้ำส้ม ...  มักจะจิ้มกินกับน้ำส้มพริกดอง   

เนื้อตุ๋นกับเนื้อเปื่อย  เนื้อตุ๋นดูจะเข้มข้นไปด้วยการใช้เครื่องยาจีน ต่างกับเนื้อเปื่อยที่ดูจะใช้เครื่องยาจีนในปริมาณไม่มาก   สำหรับในต่างจังหวัดนั้น พบว่าเกือบจะไม่มีการใช้คำว่าเนื้อตุ๋น มีแต่ใช้คำว่าเนื้อเปื่อย  เมื่อลงไปถึงระดับท้องถิ่นจริงๆ คำว่าเนื้อเปื่อยก็เกือบจะไม่ได้ยิน กลับมีแต่คำว่าเนื้อต้ม     ก็พอสังเกตได้คล้ยๆกับว่า เนื้อตุ๋นนั้นใช้ชิ้นเนื้อที่ติดมัน ติดผังผืด และติดเอ็น  เนื้อเปื่อยนั้นใช้เนื้อที่ค่อนข้างจะออกไปทาง lean meat  และเนื้อต้มก็คือการต้มเนื้อเป็นก้อนหรือชิ้นใหญ่ๆ (บ้างก็ใส่สับปะรดฝานเพื่อช่วยให้รสและช่วยให้เปื่อย)   

ในภาคเหนือนั้นนิยมกินเนื้อต้มกับน้ำพริกข่า ก็อร่อยดีครับ เป็นเมนูหนึ่งที่แสดงถึงระดับฝีมือของผู้ทำเลยทีเดียว             
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 24
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.081 วินาที กับ 19 คำสั่ง