naitang
|
ความคิดเห็นที่ 285 เมื่อ 20 ก.พ. 22, 18:58
|
|
เนื้อควายสดจะมีสีเข้มในโทนสีดำแดง ที่พอจะเห็นแบบคุ้นเคยก็จะมีวางขายในตลาดสดชาวบ้านแถวเชียงราย แต่มิใช่ในลักษณะของเขียงขายเนื้อ หากแต่อยู่ในรูปของแผงลอย และก็ไม่ได้มีมาวางขายแบบเป็นประจำ เนื้อควายมีกลิ่นสาบเฉพาะตัว ที่ออกไปทางหอมน่ากินเมื่อทำสุกแล้ว ซึ่งเมื่อกินแล้วก็คิดว่าน่าจะชวนให้นึกไปถึงเนื้อของสัตว์ป่า แม้ว่าจะไม่เคยกินเนื้อของสัตว์ป่าใดๆมาก่อนเลยก็ตาม
ผมไม่มีประสบการณ์มากพอกับเมนูอาหารจากเนื้อควาย ที่เห็นจนคุ้นเคยก็จะเป็นแบบที่เอาไปนึ่งให้สุกนิ่มแล้วกินกับน้ำจิ้ม ซึ่งก็มีทั้งแบบนึ่งเปล่าๆและนึ่งกับพวกข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เมนูนี้มักจะพบเห็นในตลาดชาวบ้านที่เป็นตลาดเย็น อีกเมนูหนึ่งที่นิยมทำกันก็คือการเอาไปทำลาบ เมนูนี้จะเป็นการซื้อเนื้อสดไปทำกินเอง และที่คุ้นตาตามข้างถนนหลวงที่ตัดผ่านหมู่บ้าน ก็จะเห็นเพิงตั้งป้ายขายเนื้อควายนึ่งหรือย่าง
ผมยังไม่เคยเห็นการวางขายเนื้อควายในตลาดในลักษณะเช่นเดียวกันกับเขียงขายเนื้อหมูหรือเนื้อวัว (ก็พอเข้าใจได้ว่า คงจะเกี่ยวกับระเบียบหรือข้อกำหนดต่างๆของราชการ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 286 เมื่อ 20 ก.พ. 22, 20:15
|
|
เมื่อชาวบ้านล้มควายสักตัวหนึ่ง บรรดาเมนูอาหารที่เอาไปทำกินกันก็คงจะไม่ต่างไปจากที่ทำกับการล้มวัว ซึ่งก็จะอยู่ในเรื่องของลาบดิบ ลาบคั่ว(ลาบสุก) นึ่งแล้วกินจิ้มกับน้ำจิ้ม(น้ำพริกข่า น้ำจิ้มใส่ดีหรือเพี๊ยะอ่อน) แกงอ่อม ย่างไฟอ่อนๆแบบรมควัน ...
สำหรับผมนั้น เมื่อเห็นแม่ค้าเอาเนื้อควายมาวางขาย ก็มักจะซื้อเอามาสักก้อนขนาดประมาณ 2-3 ขีด เอามาแล่เป็นแผ่น คลุกกับเกลือหรือน้ำปลาแล้วเอาไปทอด กินเป็นกับแกล้ม และเป็นของแนมกินข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกผักต้ม ผัด และแกงต่างๆ ได้กลิ่นสาบของเนื้อควาย ทำให้ได้ความรู้สึกดีๆที่ได้สัมผัสถึงความอร่อยอย่างเป็นธรรมชาติของเนื้อสัตว์
กลิ่นและความต่างของกล้ามเนื้อของสัตว์เลี้ยงที่ต้องมีการขุนเพื่อการขายให้ได้ราคานั้น มีความต่างกับเนื้อของสัตว์ที่เติบโตอย่างเป็นไปตามธรรมชาติมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 287 เมื่อ 20 ก.พ. 22, 22:00
|
|
เนื้อควายตอนนี้ขึ้นโต๊ะเป็นกาสรสเต๊ก หรือมหิงษาไฮโซแล้วละค่ะ เพราะมีการเลี้ยงควายเพื่อขุนเอาเนื้อโดยเฉพาะ เนื้อควายในเมนูต่าง ๆ จาก Roddeeded The SteakHouse เป็นเนื้อควายดรายเอจ (dry-aged) ๓๐ วัน จากโครงการที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ Tropical Animal Genetic Unit (TAGU) ร่วมกับ บริษัท สไมล์บีฟ จำกัด (Smile beef) ฟาร์มกระบือทันสมัย Buffalo Modern Farm และ เครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อ จังหวัดบุรีรัมย์ อ่านรายละเอียดของโครงการจาก รศ.ดร.ศกร คุณวุฒิฤทธิรณ ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 288 เมื่อ 21 ก.พ. 22, 19:00
|
|
TAGU เป็นโครงการที่น่าสนใจมากนะครับ โดยเฉพาะในเรื่องของการยกระดับคุณภาพของเนื้อ(ลดความเหนียว เพิ่มความนุ่มละมุน)ให้มากขึ้นด้วยวิธีการที่เรียกว่า Dry-aged ในระยะเวลาต่อไปไม่ไกลนัก เราอาจจะได้เห็นร้านขายเนื้อสัตว์ในลักษณะเป็นการเฉพาะ (ก็พอได้เห็นบ้างแล้วในบางตลาดหรือในพื้นที่รอบๆตลาด) ซึ่งจะจำหนายเนื้อสัตว์ที่ชำแหละตัดแบ่งเป็นชิ้นส่วนแบบฝรั่ง
ผมเคยเล่าไว้ในบางกระทู้ในประเด็นเรื่องการ marinate เนื้อด้วยการเก็บไว้ในตู้เย็นประมาณ 3-4 วัน ก่อนที่จะเอาออกมาทำให้สุก จะต่างกับวิธีการ Dry-aged ของร้านขายเนื้อที่เขาทำกันก็ตรงที่ เขาทำด้วยการแช่เย็นเนื้อสดทั้งก้อนที่อุณหภูมิระดับหนึ่งและในช่วงระยะเวลาหนึ่งตามที่เขาเห็นว่าได้คุณภาพของเนื้อสมควรที่เข้าต้องการแล้วจึงจะเอามาตัดแบ่งขาย
กรณีเนื้อควายของโครงการนี้ ได้ใช้เวลาในการเก็บแช่เย็นไว้ถึง 30 วัน ก็จึงน่าจะนุ่มน่าดูเลยทีเดียว แต่เท่าที่เคยกินแบบซื้อเนื้อสดใหม่มาทำ ก็ดูจะไม่เหนียวจนเกินหน้าเนื้อวัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 289 เมื่อ 21 ก.พ. 22, 19:42
|
|
ทำความรู้จักเนื้อดรายเอจกันหน่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 290 เมื่อ 21 ก.พ. 22, 20:23
|
|
ก็มีเรื่องที่น่าสนใจและติดตามเพื่อเก็บไว้เป็นความรู้ว่า
เมื่อได้มีกรอบแนวคิดตามลักษณะโครงการ TAGU แล้วเลือกควายขึ้นมาเป็นเรื่องเด่นของการศึกษา จนได้มีผลิตภัณฑ์จากเนื้อควายในรูปแบบที่เรียกว่า Dry-aged ออกมาโฆษณาประชาสัมพันธ์แล้ว ก็เลยน่าจะต้องมีข้อมูลและการศึกษาเกี่ยวกับการยกระดับคุณภาพของเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ปลาทะเลตัวใหญ่.. ด้วยวิธีการ Dry-aged เช่นกัน เพราะว่าเนื้อสัตว์เหล่านี้ล้วนจะต้องผ่านกระบวนการแช่เย็นหรือกระบวนการแช่แข็งซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดการบ่มอย่างมีคุณภาพ
เรื่องเช่นนี้ฝ่ายควบคุม ผู้ผลิต และผู้ขาย จะมีข้อมูลประชาสัมพันธ์บ้างก็น่าจะเป็นการดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 291 เมื่อ 21 ก.พ. 22, 20:53
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 292 เมื่อ 22 ก.พ. 22, 18:05
|
|
ลืมเล่าความไปว่า Mozzarella cheese นั้น ของดั้งเดิมทำมาจากนมควาย ในปัจจุบันนี้มีขายทั้งชนิดที่ทำจากนมควายและจากนมวัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 293 เมื่อ 22 ก.พ. 22, 20:04
|
|
เมื่อครั้งที่ยังเดินทำงานสำรวจอยู่ ได้พบเห็นวัวควายที่ชาวบ้านเขาเลี้ยงกันมากมาย จนกระทั่งวันหนึ่ง ขับรถเข้าไปในพื้นที่ทุ่งนาแถวๆ อ.แม่ทะ หรือ อ.แม่ทา ได้เห็นป้ายไม้เขียนว่า 'ยินดีต้อนรับ' ปักอยู่ในนาที่ถนนสัญจรตัดผ่าน พร้อมกับมีควาย 4 ตัวยืนเงยหน้าสลอนอยู่ใต้ป้าย ยืนแอ่นอกโชว์บั้งคอสีขาวรูปตัว V แต่ละตัวดูสมบูรณ์ อ้วนท้วน ผิวหนังดำมัน
ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มชอบที่จะสังเกตดูควายที่มีความสมบูรณ์ อ้วนพี เพราะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่นั้นๆ เมื่อใกล้เกษียณก็เริ่มเก็บสะสมงานหล่อ งานปั้น/เคลือบ และแกะสลักไม้ พร้อมๆไปกับการหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับควาย ได้พบว่างานที่จะสะสมที่มีสัดส่วนถูกต้องดูเป็นตัวควายจริงๆนั้นมีอยู่น้อยมาก แล้วก็ได้พบว่า คล้ายๆกับว่ามันมีอยู่ 2 รูปทรง ทรงหนึ่งเป็นแบบที่เห็นคุ้นเคยอยู่ตามชนบทห่างไกล กับอีกทรงหนึ่งที่ไม่คุ้นตานัก จึงได้รู้ในภายหลังว่าควายในบ้านเรานั้นมีอยู่ 2 สายพันธุ์หลักๆ คือ พวกควายปลัก (แบบของเราและซีกโลกตะวันออก) เลี้ยงเพื่อการใช้งานเป็นหลัก และพวกควายแม่น้ำ (แบบของฝรั่งและซึกโลกทางตะวันตก ?) เลี้ยงเพื่อเอานมและกินเนื้อ ซึ่งทั้งสองสายพันธุ์นี้ผสมข้ามพันธุ์กันได้
โครงการ TAGU จึงน่าจะมีเป้าหมายทั้งน้ำนมและเนื้อ ??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 294 เมื่อ 22 ก.พ. 22, 20:42
|
|
ควายแม่น้ำพันธุ์มูร่าห์ (Murrah) นำเข้ามาจากอินเดีย ปัจจุบันเป็นฟาร์มใหญ่มีควายหลายร้อยตัว ผลิตทั้งน้ำนมและ Mozzarella cheese
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 295 เมื่อ 23 ก.พ. 22, 07:49
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 296 เมื่อ 23 ก.พ. 22, 18:26
|
|
เป็นความรู้ใหม่ของผม เพิ่งทราบว่ามีการเลี้ยงควายแม่น้ำกันเป็นฟาร์มไปเลย แล้ว..สถานภาพของควายปลักพื้นบ้านของเรา ในปัจจุบันนี้เป็นเช่นใรครับ ? ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งผลิต แหล่งขาย และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคอื่นใดจากควายที่ผลิตได้ในไทย คงจะต้องหาโอกาสสั่งซื้อมาทดลองบริโภคสักครั้งเพื่อการเปรียบเทียบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 297 เมื่อ 24 ก.พ. 22, 19:07
|
|
เมนูอาหารที่ใช้เนื้อวัวที่นึกไม่ค่อยจะออกนั้น เมื่อพลิกความคิดไปในอีกรูปว่ามีอาหารอะไรที่ใช้เนื้อวัวทำแทนเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ได้บ้าง ก็เลยพอจะนึกออกเพิ่มได้อีก ก็มี เมนูเนื้อวัวต้มใส่ใบชะมวงแบบของทางใต้และของทางเหนือ (ทางเหนือเรียกใบชะมวงว่า'ส้มป้อง') แต่ไม่ทราบว่าเมนูอาหารในพื้นที่ๆทำให้ใบชะมวงโด่งดังขึ้นมาซึ่งเป็นเมนูที่ใช้เนื้อหมูนั้น (จันทบุรี ตราด ระยอง) จะมีเมนูที่ใบชะมวงทำกับเนื้อวัวด้วยหรือไม่
เมนูอาหารที่ใช้ใบชะมวงเป็นเครื่องปรุงร่วมด้วยนั้น เกือบจะไม่เคยเห็นว่ามีการทำขายตามร้านข้าวแกงหรือร้านอาหารสำเร็จรูปในพื้นที่ กทม. ก็อาจจะเป็นความคิดที่ดีหากจะทำเมนูอาหารขายที่ใช้ใบชะมวงเป็นเครื่องปรุง เพื่อให้แปลกออกไปจากที่คุ้นเคยกันอยู่ไม่กี่อย่างจนน่าเบื่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 298 เมื่อ 25 ก.พ. 22, 18:36
|
|
ฟักเป็นผักที่มีราคาย่อมเยาว์เมื่อเปรียบกับปริมาณของเนื้อผักที่ได้รับ นิยมนำมาใช้กับแกงเผ็ด ต้มจืด หรือตุ๋น โดยเฉพาะการใช้กับเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ เป็นกลุ่มอาหารของผู้คนในภาคกลาง แต่ผู้คนในภาคเหนือและอีสานดูจะนิยมเอาไปใช้ในการทำแกงอ่อม
แกงอ่อมเนื้อใส่ฟักเป็นเมนูอาหารที่อร่อย เป็นอาหารที่ทำได้ไม่ยุ่งยากนัก ที่จะยุ่งยากก็ดูจะเป็นเรื่องของการเลือกสูตรหรือตำราที่จะใช้ในการทำอาหาร เพราะมีอยู่มากมายหลายสูตรจริงๆ
'อ่อม' ในความหมายที่ผมเข้าใจจากวิธีการทำ ก็คือการผัด(หรือรวน)เครื่องปรุงต่างๆให้พอสุกเสมอกันดีแล้ว จึงเติมน้ำแล้วต้มต่อไปให้เครื่องต่างๆปรุงสุกเปื่อย ประสานรสและกลิ่นเข้ากันจนได้ที่ จะใช้วิธีการเคี่ยวต่อไปจนน้ำงวดก็มี หรือจะใส่น้ำในปริมาณเล็กน้อยพอเหมาะก็มี สุดท้ายก็เพื่อให้ได้แกง(ผัด ?)ที่มีลักษณะน้ำขลุกขลิก ในอีกนัยหนึ่ง 'แกงอ่อม' ก็ดูจะหมายถึงแกงแบบที่มีน้ำเข้มข้น(ขลุกขลิก)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 299 เมื่อ 26 ก.พ. 22, 19:19
|
|
ใบขี้เหล็กแกงกับเนื้อสัตว์ย่าง ดูจะเป็นอาหารดั้งเดิมของผู้คนในพื้นที่แหลมทอง มีการทำกินกันกระจายอยู่ในลาว ในภาคเหนือ อีสาน ตลอดไปจนถึงภาคใต้ เนื้อสัตว์ย่างที่ใช้ก็มีทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว ปลา.... แต่ในปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าจะนิยมใช้แต่เฉพาะเนื้อหมูทั้งแบบย่างและแบบสด ซึ่งเหตุผลหลักๆก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับราคาที่ค่อนข้างสูงของเนื้อวัวย่างและปลาย่าง
แกงขี้เหล็กใส่เนื้อย่างเป็นแกงที่อร่อยมาก แกงขี้เหล็กนั้นดูหน้าตาแล้วอาจจะไม่น่าชวนกินนัก หากท่านใดยังไม่เลิกกินเนื้อวัวก็น่าจะลองดูสักครั้ง แล้วก็น่าจะลองกินเพื่อเปรียบเทียบกันระหว่างเมนูที่แกงด้วยเนื้อวัวย่าง เนื้อหมูย่าง เนื้อปลาย่าง และที่ใช้หมูสด ผมเคยใช้เนื้อปลาสลิดทอดแกะเองและแบบที่เขาทอดจนแห้งกรอบแล้ว ก็อร่อยเหลือหลายเช่นกันครับ
แกงใบขี้เหล็กนั้นมีทั้งแบบเข้ากะทิ ซึ่งเป็นแบบที่เราเห็นคุ้นเคยกัน และแบบที่แกงด้วยน้ำใบย่านาง ซึ่งพบเห็นได้ในเมนูอาหารพื้นบ้านในภาคเหนือ ซึ่งก็น่าจะมีอยู่ในภาคอีสานด้วย
ใบขี้เหล็กจัดเป็นพวกสมุนไพรที่เป็นยาพวกเสริมภูมิ (ในความเห็นผม) เพราะมีวิตามินซีและฟอสฟอรัสสูง เป็นสมุนไพรที่ออกฤทธิ์อ่อนๆในเชิงของการขับถ่าย และในเชิงของการช่วยให้หลับได้เร็วและหลับสนิทมากขึ้น
แกงขี้เหล็กแบบภาคกลาง(เข้ากะทิ) จัดเป็นอาหารโปรดของผมอย่างหนึ่ง ผมชอบแกงที่ใช้ใบผสมกับดอกในสัดส่วนที่ใบมากกว่าดอกเยอะๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|