เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18
  พิมพ์  
อ่าน: 18483 สัตว์ประหลาด ๖
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 225  เมื่อ 27 ม.ค. 24, 11:19

พระลิน สุจิตโต พระลูกวัดได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูจุดที่พบรอบและอธิบายว่า รอยประหลาดคล้ายพญานาคนั้นออกมาจากรูปปั้นพญานาค 2 ตน เลยผ่าน กระถางธูป แล้วมีรอยหายไปริมสระน้ำ ตอนแรกอาจารย์ก็แปลกใจดูด้วยตาเปล่าตอนแรกไม่เห็น ซึ่งอาตมาก็อธิษฐานจิตว่าหากเป็นรอยพญานาคชัดเจนก็ขอให้รอยนั้นชัดเจนขึ้นพออธิษฐานจบปรากฏว่า รอยนั้นคล้ายๆ กับเกร็ด ซึ่งอาตมาคิดว่าพญานาคอาจจะมาอนุโมทนาบุญจากการสวดมนต์เมื่อคืนวันพระที่ผ่านมาเพราะคนที่มาสวดมนต์คืนนั้นมีหลายพันคน

สำหรับรอยประหลาดนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันพระวันที่ 25 ม.ค.67 ที่ผ่านมา วันนั้นทางวัดนิมนต์พระสงฆ์จากต่างจังหวัดและหลายที่มาจำนวน 567 รูปมีญาติติธรรม 3-4 พันคน ซึ่งพระคุณเจ้าจำนวนดังกล่าวนั้นท่านมาสวดถอดถอนพระอุโบสถ ภายหลังสวดถอดถอนเสร็จ พระคุณเจ้าบางรูปก็กลับวัดบางรูปก็ยังคงอยู่และมีการพาญาติโยมสวดมนต์ทำวัตรเย็น ตอนสวดมนต์ฟ้าก็ครึ้มราวกับมีปาฏิหาริย์ พอสวดมนต์เสร็จก็มีฝนตกลงมาปรอยๆ ซึ่งตอนนั้นก็สวดมนต์ตากฝนไปด้วย สวดมนต์เสร็จถามแผ่เมตตา ญาติโยมก็กลับจากนั้นพระอาจารย์ก็เดินไปที่กุฏิโดยมีญาติโยมเดินมาด้วยตอนเดินไปก็ไม่มีรอย แต่พอเดินออกมาเพื่อที่ส่งญาติโยม กลับเห็นรอยประหลาดบอกญาติโยมมาดูใครเห็นรอยอะไรไหม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 226  เมื่อ 27 ม.ค. 24, 11:20

ลักษณะของรอยนั้นคดเคี้ยวจากรูปปั้นพญานาคผ่านกระถางธูปและลงสระน้ำตอนนั้นเห็นว่าเป็นรอยก็ได้เอาไม้มาเช็ดถูถูยังไงก็ไม่ออก ส่วนตัวหลายคนก็ไม่เชื่อหลายคนเชื่อก็มี แต่อาตมาคิดเห็นว่า บางสิ่งบางอย่าง มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มันต้องมีสมาธิภาวนา แต่หากถามว่าจะเกิดมรรคผลนิพพานไหมเรื่องนี้ก็คงนำทางสู่เส้นทางนั้นไม่ได้ แต่อยากให้สื่อถึงความดีมีจริงความชั่วมีจริง อย่างน้อยๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อก็มาร่วมอนุโมทนาบุญ ทำคนงานความดี ส่วนตัวก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะบารมีของปู่องค์ดำกับย่ามณีจันทร์

กรณีคนที่มาหาพระอาจารย์ที่วัดเพื่อให้เขียนดวงยันต์มหารวยให้นั้นก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คนมาให้พระอาจารย์เขียนให้ประสบความสำเร็จก็บอกกันปากต่อปากจนผู้คนหลั่งไหลมาจำนวนมาก สิ่งที่อาตมาทำให้ก็เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ หลายคนให้อาจารย์ลงให้ก็ประสบความสำเร็จและบอกกันปากต่อปาก สำหรับปัจจัยที่ญาติโยมถวายมาอาตมาไม่ได้เก็บไว้เองเอาไปช่วยเหลือโรงเรียน คนจนและทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา วัดวาอาราม โรงพยาบาลและหน่วยงานราชการ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 227  เมื่อ 27 ม.ค. 24, 11:22

นางพัชรี รัตน์มณี บอกว่า ตนเป็นคนจังหวัดชัยภูมิแต่ทำงานที่จังหวัดอุดรธานี ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าพระอาจารย์เขียนยันต์เปิดโชคเปิดลาภ ตอนนั้นตนดูในช่อง YouTube เห็นคนมาหาพระอาจารย์มาก พระอาจารย์ก็เขียนยันต์เปิดโชคเปิดลาภให้บางคนก็ไปขอพรกับองค์พญานาค หลายคนมาก็ถูกหวยมีโชคมีลาภตนก็เลยอยากมาเผื่อจะถูกบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพระลิน เคยเป็นข่าวโด่งดังมาแล้วเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยชายพิการคนหนึ่งได้เอาเงินที่หาได้จากการขายขยะ 240 บาททำบุญกฐินที่พระอาจารย์เป็นเจ้าภาพ และขอร่วมบุญสร้างพญานาค ต่อมาพระลิน ได้ช่วยปลดหนี้บ้านให้ชายพิการจำนวน 3 หมื่นบาท - 003


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 228  เมื่อ 17 ก.พ. 24, 17:35

เป็นที่ฮือฮาอีกครั้งเมื่อมีผู้โพสต์ถามใน นี่ตัวอะไร ว่า "ปลาอะไรคะ ติดเรือขึ้นมา" มีผู้ให้คำตอบหลายท่านว่าคือ "ออร์ฟิช หรือ ปลาพญานาค" ต่อมาในโพสต์ต้นทางจึงขยายความว่า "เรือที่จับปลาตัวนี้ได้คือ เรือ ก.เทพเจริญพร ๑๕ ละงู สตูล และตอนนี้มีพี่นักวิจัยประมงมารับน้องไปวิจัยแล้วนะคะ" นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่พบปลาออร์และออกเผยแพร่ในสื่อ


ปลาออร์พบครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๖ นำไปไว้ที่สำนักงานประมงจังหวัดสตูลเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๖ และนำไปเก็บรักษาต่อไปที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

มีตัวแรกก็ต้องมีตัวที่สอง เมื่อวานซืนนี้ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) พบซากปลาออร์อยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ วัดขนาดความยาวได้ ๒.๘๕ เมตร นำขึ้นมาจากเรือประมง ปมัสยานำโชค ๔ หลังจากติดอวนลากคู่ ขณะเก็บกู้อวนบริเวณทิศตะวันตกนอกเขตชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ห่างจากฝั่งประมาณ ๑๕ ไมล์ทะเล ประมงจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ก่อนที่จะส่งไปยังองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเพื่อศึกษาต่อไป



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 229  เมื่อ 18 ก.พ. 24, 15:35

ที่ญี่ปุ่น มีการพบสัตว์ทะเลพันธุ์ใหม่ ที่เกาะคูเมะจิมะ (久米島) โอกินาวา (沖縄) จำพวก เพรียงหัวหอม (sea squirts) ลำตัวใสยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร พร้อมลายคล้ายโครงกระดูก และมีจุดแต้มสีขาวดำซึ่งทำให้นึกถึงแพนด้า จึงได้ชื่อว่า ガイコツパンダホヤ (ไกโคทสึพันดะโฮยะ = เพรียงหัวหอมโครงกระดูกแพนด้า)

นาโอฮิโระ ฮาเซกาวะ (長谷川直弘) จากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด นักวิจัยด้านเพรียงหัวหอม ได้ตีพิมพ์การศึกษาเรื่องเพรียงหัวหอมชนิดใหม่ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ให้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Clavelina ossipandae  ฮาเซกาวาบอกว่าพบภาพของสัตว์ชนิดนี้ครั้งแรกในทวิตเตอร์เมื่อปี ๒๐๑๘  และอธิบายว่า

"ส่วนสีขาวที่ดูเหมือนกระดูก คือ เส้นเลือดของมัน ส่วนจุดดำบนหัวที่ดูเหมือนตาและจมูกแพนด้านั้นเป็นแค่ลวดลาย และไม่มีเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น"

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 230  เมื่อ 18 ก.พ. 24, 16:35

ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 231  เมื่อ 21 ก.พ. 24, 10:35

เรื่องแปลก ๆ เกี่ยวกับสัตว์ทะเลมีอย่างต่อเนื่อง คราวนี้เกิดที่เมืองไทย ยิงฟันยิ้ม

เมื่อวานนี้ (๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) คุณสุวรรณา แซ่ฮึง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "กุ้งต็อกหรือกั้งต็อก  หลาย ๑๐ ปี พึ่งเคยเจอ ใครอยากได้มาช้อนเอาเลย"

กุ้งต๊อก หรือ กั้งต๊อก ของคุณสุวรรณา คือ กั้งหางแดง หรือ แม่หอบอ่อน ซึ่งขึ้นมาลอยตัวบนผิวน้ำจำนวนมาก บริเวณจุดชมวิวแหลมแท่น ชายหาดบางแสน  ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเฟซบุ๊กว่า

น่าจะมีภาวะผิดปรกติบางประการที่ทะเลแถวบางแสน ทำให้ "แม่หอบอ่อน" ขึ้นมาในน้ำเยอะมาก

แม่หอบอ่อน ชาวบ้านเรียกกั้งหางแดง แต่ไม่ใช่กั้ง เป็นสัตว์มีเปลือกกลุ่มกุ้งปู เป็นญาติของแม่หอบที่อยู่ในป่าชายเลน แต่ไม่ใช่กลุ่มเดียวกันแม่หอบอ่อน เรียกเช่นนี้เพราะตัวอ่อนนุ่ม ในเมืองไทยมีรายงานประมาณ ๒๐ ชนิด

แม่หอบอ่อนมักฝังตัวอยู่ตามพื้นทราย/พื้นเลน อยู่ในรู กินสัตว์เล็กและซากต่าง ๆ เหมือนกุ้งทั่วไป ปรกติจะไม่ขึ้นมาอยู่ในน้ำ และต่อให้ขึ้นมา ก็ไม่เข้ามารวมกันเยอะขนาดนี้ อาจมีปัจจัยบางประการที่ทำให้แม่หอบอ่อนไม่อยู่ในรู แต่ออกมาอยู่ในมวลน้ำเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดจากดร.สุเมตต์ มหาวิทยาลัยบูรพา

"นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลได้ออกสำรวจคุณภาพน้ำทะเลในบริเวณที่แม่หอบอ่อนรวมตัวกันมีค่าปกติตามเกณฑ์มาตรฐาน และออกซิเจนไม่ได้ต่ำลง จึงคาดว่า อาจจะเป็นเพราะคุณภาพดินในบริเวณนี้และแม่หอบอ่อนรวมกลุ่มกันเพื่อผสมพันธุ์"

ในต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จะไปจับตามรู นำมาทอด ในเมืองไทยอาจเป็นอาหารประจำถิ่นเฉพาะพื้นที่ สามารถกินได้ ไม่มีพิษ แต่สาเหตุที่ออกมาอยู่ในน้ำจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 232  เมื่อ 29 ก.พ. 24, 20:58

ระยอง -ชาวสวนฮือฮาพบ “ค้างคาวสีส้ม” สายพันธุ์หายากในประเทศไทยและใกล้จะสูญพันธุ์ ขณะกำลังปรับพื้นที่การเกษตรเพื่อปลูกทุเรียนใน อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมเตรียมปล่อยคืนธรรมชาติให้ได้ขยายพันธุ์ต่อไป

เย็นวันนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.7 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง ว่าพบค้างคาวสีส้มซึ่งเป็นพันธุ์หายากและใกล้สูญพันธุ์ ขณะกำลังทำการปรับหน้าดินเพื่อเพาะปลูกทุเรียน ซึ่งในครั้งแรกคิดว่าเป็นผีเสื้อหลังบินเข้ามาเกาะที่มือ แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดกลับพบว่าเป็นค้างคาวมีสีส้ม และเมื่อนำภาพเปรียบเทียบใน Google พบว่าเป็นค้างคาวพันธุ์หายากในประเทศไทย

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบและพูดคุยกับชาวบ้านทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยพบเจอค้างคาวสายพันธุ์นี้มาก่อน เช่นเดียวกับคนในพื้นที่ที่อายุมากถึง 71 ปี บอกว่าอยู่มาจนป่านนี้เพิ่งจะได้เจอค้างคาวสายพันธุ์นี้เช่นกัน

อ่านรายละเอียดได้ที่
https://mgronline.com/local/detail/9670000018194


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 233  เมื่อ 01 มี.ค. 24, 09:35

เมื่อประมาณ ๑๑ ปีมาแล้ว คุณพีได้พาเจ้าค้างคาวตัวนี้มาแนะนำ

นานๆ จะมีโอกาสได้เห็นค้างคาวมากสีสรร  เจ้า ค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ หรือ ค้างคาวสี (อังกฤษ: Painted bat, Painted woolly bat; ชื่อวิทยาศาสตร์: Kerivoula picta) ก็เลยกลายเป็นของแปลก เป็นข่าวฮือฮาในหนังสือพิมพ์อยู่เนืองๆ เช่น พบที่ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร จาก ไทยรัฐออนไลน์ 1 เม.ย. 2554, ตลาดเทศบาลเมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง จาก คมชัดลึกออนไลน์ 21 ก.ค. 2555

ปล. จากการติดตามอ่านเรื่องทำนองนี้ พบว่ามีอยู่หลายครั้งที่สื่อมวลชนไม่ค่อยจะให้ความสำคัญของการตรวจสอบ แถมชอบให้ข้อมูลผู้อ่านแบบหวือหวาเกินเหตุ (กะขายอย่างเดียวเลย) ยิ่งใกล้หวยออกยิ่งเป็นข่าว จุดธูปขอหวยกันอีกแล้ว เฮ้อ..

ข่าวค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อที่ระยองตัวนี้ มาก่อนวันหวยออก และก็มีตัวเลขใบ้ไว้ในข่าวตามธรรมเนียม อย่างที่คุณพีว่าไว้ ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 234  เมื่อ 01 มี.ค. 24, 09:35

ค้างคาวตัวน้อยในโลกกว้าง

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 235  เมื่อ 02 มี.ค. 24, 19:51

ตัวอะไรเอ่ย?
ไม่รู้ว่าในกรุงเทพยังหลงเหลืออยู่หรือเปล่า


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 236  เมื่อ 03 มี.ค. 24, 09:35

ปลาตีน ณ ป่าชายเลนบางขุนเทียน

ตาโปนแป๋วเกาะเรียงเคียงลำไผ่
ตาโปนใสตะกายรายสลอน
ตาโปนวับดำขลับจับงามงอน
ตาโปนอ้อนประจักษ์น่ารักจริง

ตึก หน้าพระลาน
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 237  เมื่อ 05 มี.ค. 24, 09:35

เรามีวาฬเผือกรายงานแรกของไทย และน่าจะเป็นวาฬโอมูระเผือกรายงานแรกของโลกด้วย



คุณก้อย เจ้าของคลิป ระบุรายละเอียดชัดเจน

วันที่พบ : วันจันทร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๖.๐๐ น. สถานที่พบ : ระยะประมาณ ๙ กิโลเมตร ทางใต้ของเกาะคอรัล (เกาะเฮ) จังหวัดภูเก็ต

พบวาฬสองตัวที่คิดว่าน่าจะเป็นวาฬชนิดเดียวกัน ว่ายอยู่ด้วยกัน ตัวหนึ่งมีสีขาวสวยงาม อีกตัวหนึ่งสีปรกติ  บ้านเรา (คุณก้อย) ตั้งชื่อน้องว่า "ถลาง"  สำหรับวาฬสีขาว และ "บูกิต" สำหรับวาฬสีปรกติ

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กำลังออกค้นหา "น้องถลาง" วาฬโอมูระเผือกตัวแรกของไทยอยู่อย่างขะมักเขม้น หวังว่าคงจะพบในไม่ช้า

อัปเดตการค้นหา "น้องถลาง" วาฬโอมูระเผือกตัวแรกของไทย ยิงฟันยิ้ม

เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นายบัญชา แซ่โจ ผู้จัดการเรือ New Tapana จ.ภูเก็ต โพสต์เฟซบุ๊ก "Banchar Sae-jo" พบ "วาฬโอมูระเผือก" บริเวณกองหินริเชลิว ใกล้หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา นับเป็นการพบ "น้องถลาง" ครั้งที่ ๒



การพบครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ เจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ออกลาดตระเวน รอบเกาะสุรินทร์เหนือ พบวาฬโอมูระจำนวน ๓ ตัว โดยเป็นวาฬโอมูระตัวสีดำ ๒ ตัว เเละวาฬโอมูระเผือก ๑ ตัว และเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๗ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบวาฬโอมูระเผือก ที่อ่าวไทรเอน ทางด้านตะวันออกของเกาะสุรินทร์เหนือ



อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ทิ้งท้ายไว้ใน เฟซบุ๊ก ว่า

"อันดามันเหนือเป็นพื้นที่เป้าหมายมรดกโลก เจอวาฬเผือก ๓ หนใน ๒ เดือน ถือเป็นสัญญาณที่ดีมาก

แม้ทางวิชาการมีค่าเท่ากับวาฬธรรมดา แต่ทางจิตใจแล้วเลิศล้ำ กรรมการมรดกโลกร้อง Oh Wow ไอชอบ ยูเอามรดกโลกไปเลย

โอมูระเผือกแห่งทะเลไทย หนึ่งเดียวในโลกครับ !"

☺️❤️
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 238  เมื่อ 05 มี.ค. 24, 09:35

รอบเกาะสุรินทร์เหนือพบ "น้องถลาง" ติดต่อกัน ๓ วันคือ ๑-๒-๓ มีนาคม ๒๕๖๗ ภาพวันที่ ๓ เป็นภาพน้องถลางอึเป็นทางยาว เป็นปุ๋ยชั้นดีให้เหล่าแพลงตอน ถ่ายโดยคุณอับดุลฮาลีม ราหมันและลูกชาย กฤษดา ราหมัน

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 239  เมื่อ 05 มี.ค. 24, 19:12

จีนพบ'กบ'กลิ่นตัวเหม็นสายพันธุ์ใหม่ บริเวณต้นไผ่ใกล้ลำธารในพื้นที่สูง
วันอังคาร ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2567, 18.59 น.
Tag : จีน กบสายพันธุ์ใหม่ กบกลิ่นตัวเหม็น
 

5 มีนาคม 2567 สำนักข่าวซินหัวไทยรายงานว่าคณะนักวิจัยของจีนพบกบมีกลิ่นตัวเหม็นสายพันธุ์ใหม่ชื่อ "โอดอร์รานา เหลยซานเนซิส" (Odorrana leishanensis) ในมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน  ทีมวิจัยร่วมค้นพบกบสายพันธุ์นี้ระหว่างการสำรวจทรัพยากรสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติภูเขาเหลยกง ระหว่างเดือนมีนาคม-ตุลาคม 2023

หลี่ซื่อเจ๋อ หัวหน้าทีมวิจัย ระบุว่าตัวอย่างกบตัวโตเต็มวัย 7 ตัวถูกพบบนโขดหินและต้นไผ่ใกล้ลำธารในพื้นที่สูง 1,600-1,800 เมตร โดยตัวอย่างกบตัวผู้วัดความยาวได้ 39.1-49.4 มิลลิเมตร และตัวอย่างกบเพศเมียยาว 49.7 มิลลิเมตร การค้นพบครั้งนี้ได้รับการเผยแพร่ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ซูคีส์ (ZooKeys)

https://www.naewna.com/inter/791250


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.088 วินาที กับ 19 คำสั่ง