เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 11:19
|
|
อ่านดูแล้ว ขอแยกประเด็นดังนี้
1 เจ้าภาพทูลเชิญเสด็จพระเจ้าอยู่หัว และคณะผู้ติดตามไปงานดินเนอร์ที่ “แรฟเฟิลโฮเต็ล” 2 เขาติดต่อมาขอรายชื่อคนไปงานทั้งหมด เพื่อจัดที่นั่งและจัดรถมารับตามรายชื่อ 3 คนที่จัดการเรื่องนี้ทางฝั่งไทย คือ เจ้าพระยารามราฆพ เป็นคนบอกให้พระวิเศษพจนกร (ต่อมาเป็นพระไผทสถาปิต) จดรายชื่อแจ้งทางเจ้าภาพ 4 เจ้าพระยารามราฆพลืมชื่อข้าราชบริพารไป 7 คน คือ 1. พระยาอนุชิตชาญชัย 2. พระยาอิศรา 3. จมื่นเสมอใจราช 4. นายจ่าเรศ 5. นายขันหุ้มแพร (ม.ร.ว.มานพ) 6. นายเสนอหุ้มแพร (ในรัชกาลที่ ๗ เป็นพระมหาเทพ) 7. พระดรุณรักษา เรียกว่าพวกนี้ตกสำรวจ 5 เมื่อไม่ได้ไปงาน เพราะไม่อยู่ในรายชื่อผู้ได้รับเชิญ ท่านทั้ง 7 ก็เป็นอันว่าว่างในค่ำนั้น 6 เมื่อว่าง ไม่มีใครจัดอาหารให้รับประทาน ท่านก็ต้องไปหามื้อค่ำรับประทานเอาเอง ก็เลยออกจากโฮเต็ลที่พักไปหาอาหารในเมือง และเที่ยวเมืองไปในตัว 7 พระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ในงานเลี้ยงที่แรฟเฟิลโฮเต็ล เห็นข้าราชบริพารหายหน้าไปเป็นกลุ่มใหญ่ ก็กริ้วว่าคงละเลยหน้าที่ เพื่อหนีเที่ยวกัน 8 เจ้าพระยาธรรมาฯ ทูลว่าการละเลยหน้าที่ต้องถูกส่งตัวกลับ ดังที่เคยมีมาก่อนในรัชกาลที่ 5 พระเจ้าอยู่หัวจึงมีรับสั่งให้เจ้าพระยาธรรมาฯส่งตัวทั้ง 7 คนกลับกรุงเทพทันที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 11:55
|
|
9 วันรุ่งขึ้น ทั้ง 7 คนที่จะต้องถูกส่งตัวกลับกรุงเทพฯ ได้พากันเข้าเฝ้า มีเจ้าคุณอนุชิตชาญชัยเป็นหัวหน้านำ 10 เจ้าคุณอนุชิตฯ และมหาดเล็กเข้าไปรออยู่ในห้องพระบรรทม เห็นว่านานนักจึงขึ้นไปบนพระที่ 11 เจ้าคุณอนุชิตฯ ปลุกพระบรรทมและกราบทูลความจริงที่ไม่ได้รับเชิญจึงไม่ได้ไปนั่งร่วมโต๊ะเสวย 12 พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงเชื่อ 13 ทั้ง 7 คนก็ต้องถวายกราบบังคมลากลับ
นี่คือประเด็นแรก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 12:00
|
|
ถ้ารายละเอียดข้างบนนี้เป็นความจริงทั้งหมด ไม่ได้มีข้อผิดพลาดตรงไหน ก็มีคำถามข้อหนึ่งที่ยังไม่มีคำตอบ คือ เจ้าพระยารามราฆพได้กระทำอะไรเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ทำรายชื่อข้าราชบริพารตกหล่นไปถึง 7 คน ในจำนวนนั้นเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ระดับพระยาถึง 2 คนคือพระยาอนุชิตและพระยาอิศรา ดูจากเหตุการณ์ ในงานดินเนอร์ที่แรฟเฟิลโฮเต็ล เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นข้าราชบริพารหายไปถึง 7 คน ก็ไม่มีใครกราบบังคมทูลอธิบายว่่าเป็น "อุบัติเหตุ " เกิดจากฝ่ายไทยไม่ได้แจ้งรายชื่อให้ครบ จนมีพระบัญชาให้ส่งทั้ง 7 คนกลับกรุงเทพเป็นการด่วน ซึ่งถือเป็นความบกพร่องร้ายแรงในหน้าที่ ก็ยังไม่มีใครพูดถึงการทำรายชื่อตกหล่นอยู่นั่นเอง เวลาล่วงไปจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อพระยาอนุชิตนำเพื่อนร่วมงานเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว ทูลชี้แจงให้ทราบว่า ไม่ได้หนีเที่ยว แต่ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปร่วมงานเลี้ยงเพราะไม่มีรายชื่อ แต่พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงเชื่อ ไม่ทรงเชื่อเพราะอะไร? ก็มีคำตอบได้ 2 ข้อคือ ไม่มีใครพูดเรื่องรายชื่อตกหล่นให้ทรงทราบ หรืออีกข้อคือ มีการปฏิเสธว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ พวกนี้ไม่มางานเอง โดยไม่ทราบสาเหตุ .
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 13:01
|
|
(ต่อ) พันเอก เรวัต เตมียบุตรได้เล่าไว้ใน "เรื่องจริงในอดีต" ต่อมาว่า
ครั้นต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ แล้ว พระยาอนิรุทธเทวาได้บอกให้บรรดา ๗ สหาย ที่ถูกส่งกลับจากสิงคโปร์เข้าเฝ้าขอพระราชทานอภัยโทษเสียให้แน่นอน เวลานั้นนั่งอยู่พร้อมเฉพาะพระพักตร์แล้ว เพียงแต่ลุกจากเก้าอี้ เข้าไปกราบพระบาทกราบทูลขออภัยโทษก็เพียงพอแล้ว พระดรุณรักษาได้เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นไปเฝ้าตามคำแนะนำของพระยาอนิรุทธฯ ต่อๆ มาก็พระยาอิศราฯ เจ้าหมื่นเสมอใจราช นายจ่าเรศ นายขันหุ้มแพร และนายเสนอหุ้มแพร ตามกันไปเป็นลำดับ
พระยาอนุชิตชาญชัย คนเดียว ไม่ยอมไปขออภัยนั่งสูบไป๊เฉยอยู่ ต่อให้ใครๆ ไปบอกก็ไม่ยอมเชื่อ พร้อมกับพูดว่า
“ผมไม่มีความผิด จะไปขอโทษทำไม?”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นว่า เจ้าคุณอนุชิตฯ ดื้อไม่ยอมขอโทษ ก็ทรงพระพิโรธถึงกับรับสั่งว่า จองหอง ไม่ขอเห็นหน้า ห้ามไม่ให้เข้าเฝ้าอีกต่อไป
พระยาอนุชิตฯ ก็ได้ลงกราบถวายบังคมลา แล้วฉวยหมวกออกเดินไปขึ้นรถยนต์กลับบ้านเลย”
จากนั้น พระยาอนุชิตชาญชัยก็พ้นตำแหน่งในราชสำนัก ออกเป็นกองหนุน แต่ยังได้รับพระราชทานเบี้ยเลี้ยงชีพตามพระราชบัญญัติกองหนุนข้าราชการในพระราชสำนัก รัตนโกสินทรศก ๑๓๑
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 13:44
|
|
ปัญหาเรื่องนี้ ดิฉันเห็นว่าแยกได้เป็น 2 ประเด็น 1 ละทิ้งงานในหน้าที่ 2 ไม่ทูลขอพระราชทานอภัยโทษ
ทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นเหตุเป็นผลแก่กัน คือถ้าทิ้งงานในหน้าที่จริง ก็ต้องขอพระราชทานอภัยโทษ (คือพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานอภัยโทษให้หรือไม่ก็ตาม ก็สมควรขออยู่ดี) แต่ถ้าไม่ได้ทิ้งงานในหน้าที่ ก็ไม่มีความผิด เมื่อไม่มีความผิดก็ไม่ต้องขอพระราชทานอภัยโทษ
พระยาอนิรุทธเทวาแนะนำให้ข้าราชบริพารทั้ง 7 คน กราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พ้นจากพระราชอาญา เพราะเป็นที่รู้กันว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตาแก่ผู้กระทำผิด แม้แต่ผู้ก่อการกบฎ ก็ยังทรงเว้นพระราชอาญาประหารชีวิต เพียงแต่คุมขังเอาไว้ไม่ให้ออกมาก่อเหตุอีก
ข้าราชบริพาร 6 คนก็คงเห็นพ้องกันว่าเป็นเรื่องผ่อนหนักให้เป็นเบา คือตัวเองจะผิดหรือไม่ผิดไม่สำคัญ ขอเพียงแต่พระเจ้าอยู่หัวหายกริ้วเท่านั้นพอ ถ้าจะเปรียบเทียบก็คงคล้ายกับจำเลยในศาลที่รู้ว่าตัวเองไม่ผิด แต่ในเมื่อศาลไม่เชื่อพยานหลักฐาน ก็ยอมสารภาพผิดเพื่อบรรเทาโทษ ดีกว่าจะถูกตัดสินประหาร ส่วนพระยาอนุชิตชาญชัยเป็นบุคคลประเภทเสียชีพอย่าเสียสัตย์ คือเมื่อตัวเองไม่ผิด ก็จะไม่มีวันสารภาพว่าทำผิด เพื่อบรรเทาโทษ ถ้าท่านทำอย่างเพื่อนๆอีก 6 คน ก็เท่ากับยอมรับว่าละทิ้งหน้าที่ หนีไปเที่ยวอย่างที่พระเจ้าอยู่หัวเข้าพระทัยเช่นนั้น ถึงพระราชทานอภัยโทษให้ แต่ประวัติท่านก็ด่างพร้อยไปแล้ว การยืนกรานไม่ขอพระราชทานอภัยโทษ คือข้อพิสูจน์ว่าท่านไม่ได้ทำผิดในหน้าที่ของท่าน แม้จะต้องแลกด้วยอนาคตของท่านก็ตาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 15:57
|
|
ในประวัติของพระยาอนุชิตชาญชัย ที่พิมพ์ไว้ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ระบุถึงนิสัยของท่านว่า " พระยาอนุชิตชาญชัยมีอุปนิสัยเป็นคนตรง และถ้าหากแน่ใจว่าตนอยู่ในที่ถูกแล้ว จะไม่ยอมโอนอ่อนให้ผู้ใดที่เป็นคนผิด แม้ว่าคนผู้นั้นจะกอปรด้วยวาสนาบารมีเพียงใดก็ตาม อุปนิสัยข้อนี้ของพระยาอนุชิตชาญชัยเป็นที่ทราบกันดีในวงการราชสำนักของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายเรื่องเป็นตัวอย่างของความจริงข้อนี้ "
ไปเจอภาพท่านถ่ายกับคุณหญิงอิง อีกภาพหนึ่งค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 16:56
|
|
ขอพักเผื่อท่านทั้งหลายที่เข้ามาอ่าน จะแสดงความคิดเห็นบ้างค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 17:52
|
|
ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์คณะข้าราชการที่ตามเสด็จฯ และบุคคลในตระกูล ณ ระนอง ร่วมถ่ายภาพบริเวณสุสานพระยาดำารงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง ณ ระนอง) เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๔๕๒ ในคราวพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำารงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ พ.ศ. ๒๔๕๒ มีรายชื่อบุคคลดังนี้ (ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
แถวยืนจากซ้าย ๑. และ ๒. ไม่ทราบชื่อ ๓. พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) ๔. พระยาดำารงสุจริตมหิศรภักดี (คอซิมก๊อง ณ ระนอง) ๕. ไม่ทราบชื่อ ๖. พระยาราชวัลภานุสิษฐ์ (เจ้าพระยาราชศุภมิตร - อ๊อด ศุภมิตร) ๗. หลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ (พระยาสุรินทรราชา - นกยูง วิเศษกุล) ๘. นายร้อยเอก หลวงประสิทธิ์ราชศักดิ์ (ชัย บุนนาค) ๙. นายพันตรี หลวงอาจสรศิลป์ (พระยาราชมานู - ถั่ว อัศวเสนา) ๑๐. พระยาเทพทวารวดี (พระยาบำาเรอบริรักษ์ - สาย ณ มหาชัย) ๑๑. พระยาอนุชิตชาญชัย (พงษ์สวัสดิ - ชูโต) ๑๒. พระยาภูวนัยสนิท (อุ่น ไชยาคำา) ๑๓. ไม่ทราบชื่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 17:54
|
|
ภาพลงสีพระตำรวจโท พระยาอนุชิตชาญชัย (พงษ์ สวัสดิ-ชูโต) แต่งกายชุดพระตำรวจหลวง ประดับเหรียญตราและเครื่องราชอิสริยาภรณ์จาก ฉายานิทรรศน์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 13 ก.ค. 21, 22:55
|
|
ถ้าดิฉันเป็นเจ้าของภาพนี้ จะขออัญเชิญโคลงพระราชนิพนธ์มาบรรยายภาพว่า
มโนมอบพระผู้ เสวยสวรรค์ แขนมอบถวายทรงธรรม์ เทอดหล้า ดวงใจมอบเมียขวัญ และแม่ เกียรติศักดิ์รักข้า มอบไว้แก่ตัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 14 ก.ค. 21, 08:44
|
|
พระยาอนุชิตฯยังจงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าไม่เสื่อมคลาย ปีต่อมาเมื่อได้ข่าวว่าทรงพระประชวร ก็ตรงเข้าวัง นอนเฝ้าอยู่ในพระที่นั่งตามอย่างที่เคยปฏิบัติมาตลอดชีวิตราชการของท่าน ตราบจนวันสวรรคต
ความซื่อตรงจงรักภักดีของพระยาอนุชิตฯ น่าจะเป็นที่ประจักษ์กันอยู่มาก หนึ่งในบุคคลที่เห็นคุณค่าของท่านคือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระยาอนุชิตฯ เป็นองคมนตรีที่ปรึกษา ตามตำแหน่งที่ท่านเคยได้รับมาก่อนหน้านี้ เมื่อพ.ศ. 2459 ต่อมาในปี 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงยกเลิกพระราชบัญญัติกองหนุน ทำให้เบี้ยหวัดที่เจ้าคุณเคยได้รับยุติลง พระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯให้พระยาอนุชิตไปรับเบี้ยหวัดทางองคมนตรีแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 14 ก.ค. 21, 10:02
|
|
เจ้าคุณกับคุณหญิงมีธิดาด้วยกัน 4 คน ได้รับชื่อพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัวทั้งหมด คือศุจิกา มณฑนา อุษา และนันทกา คุณอุษา ธิดาคนที่สาม ถึงแก่กรรมเมื่ออายุเพียง 11 เดือนค่ะ ก่อนพระยาอนุชิตชาญชัยสมรสกับคุณหญิงอิง ท่านมีภรรยาอีกคนหนึ่งคือ คุณถนอม โลหนันทน์ มีบุตร ๑ คนคือ พันโทพงษ์นารถ สวัสดิ์-ชูโต จาก แผนสกุล สวัสดิ์-ชูโต ราชินีกูลบางช้าง พ.ศ. ๒๕๔๖
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 14 ก.ค. 21, 10:04
|
|
พันโทพงษ์นารถ สวัสดิ์-ชูโต เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๔ ก่อนการสมรสกับคุณหญิง ๑ ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 14 ก.ค. 21, 10:21
|
|
ในหนังสือพระราชทานเพลิงศพ ระบุว่าคุณถนอม นามสกุล โลหะนันทน์ ถึงแก่กรรมเมื่อพ.ศ. 2455 ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|