ที่บ้านผมมีงั่ง (ตอนนั้นไม่รู้จักชื่อนี้ พอเกิดเรื่องแล้วค่อยหาประวัติความเป็นมา) อยู่หนึ่งชิ้น เป็นของโบราณมาตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยาย ผมเห็นมาตั้งแต่เกิด วางอยู่รวมกับพระพุทธรูปอื่น ๆ ตอนเด็ก ๆ เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมพระองค์นี้ถึงได้ขี้ริ้วจัง ถามคุณยาย ท่านก็ไม่ทราบ บอกแต่ว่านึกไม่ออกว่าได้มาจากใครหรือตั้งแต่เมื่อไร (คุณตาตายก่อนผมเกิด)
วันหนึ่งนานมาแล้ว ประมาณปี 2530 กว่า ๆ มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นในบ้าน บ้านหลังนี้เป็นของคุณตาและคุณยายซึ่งผมอยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด เป็นบ้านไม้สักทองทรงโบราณตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ในเขตวงเวียนใหญ่
เรื่องร้ายดังกล่าวเกี่ยวกับการตีรันฟันแทง (ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นคุณยายตายไปแล้ว ส่วนคุณตาตายไปก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก เหลือแต่ผมกับน้าสาวรวม 2 คนในบ้านหลังใหญ่ ตอนนั้นเราดัดแปลงตึกแถวหน้าบ้านห้องหนึ่งมาทำเป็นโรงเรียนสอนขับรถยนต์) ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรามาก่อน เป็นเรื่องระหว่างคนในบ้าน (ครูสอนขับรถยนต์ที่เราจ้างมา) กับคนนอกบ้าน เรื่องร้ายนี้เกิดขึ้นกลางดึกซึ่งผมหลับไปแล้วจึงไม่รู้เรื่อง
ตื่นเช้าขึ้นมา ผมเดินผ่านหิ้งพระซึ่งเป็นแบบทำเอง คือเป็นชั้นสามเหลี่ยม 3 ชั้นเข้ามุม ชั้นล่างสุดอยู่สูงจากพื้นประมาณช่วงสะโพก ต่ำลงมามีโต๊ะวางเครื่องบูชาเช่นกระถางธูป เชิงเทียน และแก้วใส่น้ำ หิ้งพระนี้ตั้งอยู่ชั้นบนของบ้าน และอยู่หน้าห้องนอนของผม
ขณะเดินผ่านเพื่อจะลงบันไดไปชั้นล่าง ตาผมเหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในแก้วน้ำบนโต๊ะวางเครื่องบูชา กล่าวคือ ในแก้วนั้นมีงั่งนั่งจมน้ำอยู่โดยหันหน้าออก ผมยืนตะลึงและขนลุกซู่กับภาพที่เห็นขึ้นมาทันที
อย่างที่บอกว่า ปกติงั่งนั่งอยู่รวมกลุ่มกับพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ บนหิ้งชั้นสามหรือชั้นล่างสุดซึ่งอยู่สูงขึ้นไปจากโต๊ะวางเครื่องบูชา งั่งนี้ทำด้วยสัมฤทธิ์ ถ้าจะเกิดการพลัดหล่นลงมาลงแก้วน้ำที่อยู่ต่ำลงไป แก้วต้องแตกแน่นอนด้วยน้ำหนักของงั่ง
อย่างไรก็ตาม ตามรูปการณ์แล้วไม่มีทางเป็นไปได้ ประการแรก งั่งไม่ได้นั่งหมิ่นอยู่ริมหิ้ง ถ้าจะล้มก็ควรจะล้มลงบนพื้นของหิ้งนั้น ไม่มีทางหล่นจากหิ้งลงมาได้ ประการที่สอง การที่งั่งทำด้วยสัมฤทธิ์มีน้ำหนัก จึงเป็นไปได้ยากที่จะล้มได้ง่าย ๆ นอกจากจะมีใครปัด ซึ่งชั้นบนของบ้านไม่มีใครขึ้นมา มีผมครอบครองอยู่คนเดียว (น้าสาวนอนชั้นล่าง) และประการสุดท้าย ตำแหน่งที่งั่งนั่งก็อยู่คนละด้านกับแก้วน้ำ กล่าวคืองั่งนั่งอยู่ด้านซ้ายบนหิ้ง ส่วนแก้วน้ำวางอยู่ด้านขวาบนโต๊ะบูชา
สิ่งที่ผมเห็นในเช้านั้น เหมือนมีใครจับงั่งมาแล้วค่อย ๆ หย่อนลงแก้วน้ำ ผมสังเกตเห็นด้วยว่าน้ำในแก้วซึ่งปกติเป็นน้ำฝนตอนนี้มีสีเหลืองใสเหมือนน้ำเก๊กฮวย
ผมลงไปถามคนในบ้าน (น้าสาวกับครูสอนฯ) ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง ทุกคนเดินขึ้นมาดูให้เห็นกับตา บอกว่าหิ้งพระนี้ผมเป็นคนดูแลแต่ผู้เดียว ไม่มีใครกล้าขึ้นมายุ่งเกี่ยว แล้วพวกเขาก็เล่าเรื่องร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนซึ่งผมไม่รู้เรื่องเพราะหลับไปก่อนให้ฟัง มันช่างประจวบเหมาะจริง ๆ งั่งอยู่บนหิ้งมาเป็นเวลา 60-70 ปีอย่างสงบ จู่ ๆ ก็เกิดอภินิหารขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับเหตุร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรามาก่อน แปลกดี
จนบัดนี้ ผมก็ยังไม่ทราบความหมายของเรื่องมหัศจรรย์ในคืนนั้น
