ภศุสรร
อสุรผัด
ตอบ: 0
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 06 เม.ย. 21, 09:37
|
|
ไม่เห็นคนตอบมาหลายวันแล้ว ทางกระผมขออนุญาตเล่าต่อเลยนะครับ ความเชื่ออีกอย่างของคนในสมัยโบราณที่สมัยนี้ไม่เห็นจะมีใครรู้จักแล้วก็คือการ ไล่พระราหูครับ เกล่าคือในสมัยโบราณนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์สุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา คนโบราณจะเชื่อว่าเป็นพระราหูมากินพระจันทร์ครับ แล้วก็จะมีการนำเอาฆ้องหรือฉาบออกมาตี เพื่อไล่พระราหู ทำให้พระราหูนั้นตกใจแล้วคายพระจันทร์ออกมา อีกด้วยล่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อ 06 เม.ย. 21, 11:04
|
|
กระผมยังพอมีเรืองเล่าของเหตุการณ์ที่น่าสนใจในบริเวณบางโฉลงอยู่หลายเรื่องล้วนเป็นสิ่งที่ได้รับฟังมาจากผู้สูงอายุในพื้นที่ทั้งนั้น เดี๋ยวผมมีเวลาเมื่อไหร่จะมาเล่าต่อให้ทุกท่านฟังนะครับ จะต้องขออนุญาตมาเล่าเรื่องราวแปลกประหลาดที่บางโฉลงอีกทีในตอนเย็นนะครับ หวังว่าทุกท่านจะได้รับฟังด้วยนะครับ รอฟังอย่างตั้งจิต เผลอแอบคิดเมื่อไรหนอ บางโฉลงที่เฝ้ารอ จะเล่าต่อขอรับฟัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร
อสุรผัด
ตอบ: 0
|
ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อ 06 เม.ย. 21, 14:44
|
|
กระผมต้องขอโทษต่อทุกท่าน ด้วยผมนั้นได้ลืมเลือนความจำหาย เกิดมาเป็นมนุษย์ปุตุชน ยอมจำนนต่อความลืมเลือน
ต้องขอโทษทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ด้วยหน้าที่การงานทุกสิ่งมาหรุมเร้า ให้ตัวเราต้องลำบากยากหนักหนอ ต้องเหนื่อยจิตรมือหงิกหลังโค้งงอ ดั่งวัวสีซอย่อมลำเข็ญ ตัวกระผมไม่ทราบความท่านร้องขอ หากปล่อยท่านรอกระผมได้รู้เห็น ต้องขอโทษทุกท่านอย่างใจเย็น ต้องขอโทษท่านเพ็ญอย่างใจจริง
เรื่องราวบางโฉลงนั้นมีอยู่ หากใคร่รู้จะเล่าสู่ไม่มีหาย แต่ด้วยการงานรุมล่อมกาย เรื่องปู่ย่าตายายเห็นต้องรอ ณ วันนี้กระผมได้หยั่งเห็น ด้วยท่านเพ็ญได้เมตตาท่านสั่งสอน ด้วยตัวท่านนั่นได้แต่งเป็นตัวกลอน ได้จัดจรให้เห็นถึงความจริง
คนเราเมื่อหลงย่อมเสื่อมจิตร จะมืดมิตมองอะไรก็ไม่เห็น ได้ผู้รู้ติดเตือนจึงอยู่เป็น แสงเดือนเพ็ญเห็นทีจะดีจริง
ด้วยเหตุนี้กระผมต้องขอกล่าว เรืองราวปู่ย่ามาแต่ก่อน ให้ทุกท่านได้ฟังก่อนเข้านอน หากคุณท่านอยากรู้จงรับฟัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร
อสุรผัด
ตอบ: 0
|
ความคิดเห็นที่ 63 เมื่อ 06 เม.ย. 21, 15:29
|
|
เรื่องราวแปลกประหลาดแห่งบางโฉลง: งู:
กล่าวกันว่าบางโฉลงในสมัยก่อนนั้นมีสภาพเป็นบึงน้ำหนองนำ้เสียส่วนใหญ่ อีกทั้งยังติดทะเลอ่าวไทยอย่างที่กระผมได้เคยเกล่ามาแล้ว ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ของบางโฉลงในสมัยก่อนที่เต็มไปด้วยคลองและทางน้ำน้อยใหญ่ ประกอบกับสภาพอากาศที่ชื่นแฉะ ทำให้บริเวณนี้เป็นที่โปรดปราณของงูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษนานาชนิตเป็นอย่างยิ่ง และจากอสรพิษนี่เองที่เหตุการณ์อันแสนสลดได้เกิดขึ้น เกล่ากันว่าในบริเวณบางโฉลงสมัยก่อนนั้นมีครอบครัวที่เล็กแต่อบอุ่นครเบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ ซึ่งผู้เป็นพ่อของครอบครัวนี่นั้นมีอาชีพออกทะเลหาปลาทางอ่าวไทย โดยปกติจะออกไปตั่งแต่เช้าตรู่และจะไม่กลับมาจนมืดค่ำ ส่วนผู้เป็นแม่นั้นนอกจากจะเป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือนตามปกติของผู้หญิงในสมัยนั่นแล้วนั่นก็ยังมีอาชีพเสริมด้วยการหาหอยแครงในพื้นที่มาขายอีกด้วย สามีภรรยาคู่นี้นั้นใต้ตั้งบ้านเรือนอยู่ข้างคลองบางโฉลงในปัจจุบัน หลังจากแต่งงานแล้วไม่นั้นผู้เป็นภรรยาก็ให้กำเนิดบุตรหญิงอันแสนน่ารักคนหนึ่ง เป็นที่รักของผู้เป็นพ่อแม่อย่างมาก แต่ใครเล่าจะอยั่งรู้ว่าอีกไม่นานเหตุการณ์อันน่าเศร้าจะเกิดขึ้นเมื่อ วันหนึ่งผู้เป็นพ่อได้ออกทะเลหาปลาแต่เช้าตามปกติ ส่วนผู้เป็นแม่ก็ได้ออกไปนั่งล้างหอยแครงอยู่ตรงหน้าบ้าน โดยได้นำเอาลูกน้องอุ้มใส่หลงในเปลเด็กแบบโบราณชึ่งตั้งไว้บนบ้าน หลังจากที่ผู้เป็นแม่ได้ออกไปนั่งล้างหอยแครงหน้าบ้านอยู่ไม่นาน จู่ๆก็ได้ยินเสียงแผดร้องของเด็กทารกดังออกมาจากเรือนของตัวเอง ผู้เป็นแม่จึงได้รีบวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความตกใจ ในขณะที่ย่างเท้าเขาไปในบ้านนั้น ผู้เป็นก็ต้องตกใจจนแทบจะสิ้นสติเมื่อเห็นว่า สิ่งที่อยู่ในเปลนั้นหาใช่ลูกน้อยของตัวเองไม่ แต่กลับเป็นงูเหลือมตัวเขื่อง่ที่ได้กลืนกิ้นร่างของเด็กน้อยเข้าไปจนไม่เห็นแม่แต่นิดเดียว คงจะเห็นแต่ท้องที่ป่องออกมาของงูเหลือมตัวนั่น ผู้เป็นแม่ตกใจจนแทบจะเสียสติ ได้แต่ตะโกนร้องเรียกเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงด้วยเสียงดังลั่น เมื่อชาวบ้านได้วิ่งกรูกันเข้ามาดูเหตุการณ์แล้วก็ได้เห็นแต่สภาพของงูเหลือมยักษ์นอนท่องปองอยู่ในเปลเด็กอ่อนนั้นเอง ชาวบ้านได้ช่วยกับนำมีดมาผ่าท้องของงูเหลือมตัวนั้นเสีย และก็ต้องตกใจไปตามกันเมื่อพบร่างของเด็กทารกผู้โชคร้ายอยู่ในท้องของงูเหลือมยักษ์ตัวนั้นนั้นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 07 เม.ย. 21, 07:16
|
|
บางโฉลงแต่ก่อนเก่า งูเยือนเหย้าเล่าสืบมา เรื่องอื่นมีไหมหนา สักเรื่องนาตั้งตาคอย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 09 เม.ย. 21, 10:12
|
|
ขัดตาทัพด้วยเรื่องเล่าจากสุนทรภู่ 'บางโฉลงแตก่อนเก่า'
จนตกลึกล่วงทางถึงบางโฉลง เปนทุ่งโล่งลานตาล้วนป่าแขม เหงือกปลาหมอกอกกกับกุ่มแกม คงคาแจ่มเค็มจัดดังกัดเกลือ
จาก นิราศเมืองแกลง
บางโฉลง ณ เวลานั้น คงเป็นท้องทุ่งที่น้ำทะเลท่วมถึงดั่งในภาพนั่นแล
ภาพจาก ที่นี่บางพลี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร
อสุรผัด
ตอบ: 0
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 09 เม.ย. 21, 10:49
|
|
แสดงว่าคำบอกเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ว่า บางโฉลงแต่ก่อนเก่านั้นติดทะเล ก็น่าจะมีเค้าจริงอยู่บ้างน่ะสิครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร
อสุรผัด
ตอบ: 0
|
ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อ 09 เม.ย. 21, 11:41
|
|
เรื่องเล่าบางโฉลง๒: ยายทองข้างวัด
ย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณ๔๐ปีที่แล้ว บ้านหลังโตซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดบางพลีใหญ่ในนั้น มีหญิงชราท่านหนึ่งชื่อว่า‘`คุณยายทอง’’ อาศัยอยู่ คุณยายทองท่านนี้เมื่อเวลา๔๐ปีทีแล้วก็ได้เข้าสู่ปัจฉิมวัยเป็นที่เรียบร้อย(ท่านเป็นคนรุ่นเดียวกันกับคุณย่าของคุณป้าที่เล่าเรื่องนี้มาให้ฟังอีกทีหนึ่ง จึงสามารถคาดคะเนได้ว่าคุณยายทองน่าจะเกิดในสมัยปลายราชกาลที่๕) กล่าวกันว่าคุณยายทองนั้นมีเชื้อสายเจ้านายเก่าในแถบบางโฉลง หรือที่เรียกกันในภาษาปากว่า’ผู้ดี’ นั้นเอง แต่จะจริงเทษอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ รู้แต่เพียงว่าคุณยายทองนั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในบางโฉลงผู้หนึ่ง คุณยายทองนั้นอยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ ส่วนของคุณยายจะมีผู้สืบทายาทหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ ตั้งแต่คุณป้าที่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังจำความได้ก็ได้เห็นแต่คุณยายทองอยู่ตัวคนเดียว
คุณยายทองนั้นเป็นผู้มีความเมตตาและความใจบุญอย่างยิ่ง กล่าวกันว่าท่านบริจาคที่ดินของท่านให้กับวัดบางพลีใหญ่ในให้ไปเป็นธรณีสงฆ์ เป็นจำนวนหลายสิบไร่ อีกทั้งยังทำบุญตักบาตรอยู่เป็นประจำทุกวัน ส่วนตัวของคุณยายนั้นจะใส่โจงกระเบนเป็นประจำทุกวัน ใม่ค่อยใส่ผ้าถุงทั่งที่อยู่ในช่วงเวลาหลังจาก การสั่งห้าม นุ่งโจงกระเบนของจอมพลแปลกเป็นเวลานานหลายปีแล้ว อีกทั้งตัวคุณยายทองเองยังชอบกินหมากเป็นประจำอีกด้วย เรื่องอันน่าแปลกคือคุณยายทองท่านนี้ มีอายุยืนยาวมาก คุณป้าได้เล่าว่าคุณยายทองเพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อประมาณสิบกว่าปีมาแล้วนี่เอง รวมอายุได้ประมาณ๑๒๐ปี ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงคุณยายทองก็น่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอายุมากที่สุดในประเทศไทย กระผมเองก็แทบจะไม่เชื่อ แต่คุณป้าก็ได้ยืนยันว่าคุณยายทองข้างวัดนั้นเกิดไล่เลี่ยกันกับคุณย่าของคุณป้า (คุณย่าของคุณป้าเกิดในปี๒๔๓๙) ซึ่งหลังจากที่คุณยายทองได้เสียชีวิตไปก็มีเกียรติได้รับพระราชทานเพลิงศพอีกด้วย แต่ก็ยังมีเรื่องราวที่แปลกกว่านั้นไปอีก กล่าวคือหลังจากที่คุณยายทองได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ก็มีคนได้ฝันว่ามีราชรถของเหล่าทวยเทพอย่างในรามเกียรติ์มารับตัวขอคุณยายทองไปยังสวรรค์อีกด้วย ถือว่าคุณยายทองเป็นผู้มีบุญมากคนหนึ่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 10 เม.ย. 21, 21:52
|
|
ถึงบางพลี ยี่สิบสี่ นาฬิกา
บนทุ่งนา รกร้าง ข้างบ้านสวน
พบเรือนไทย ใหญ่โอ่อ่า ป้าเนื้อนวล
ประดับไฟ พอสมควร เห็นชัดดี
เราสองคน ดั้งด้น ถึงที่หมาย
ผ่านคอกควาย ผ่านโรงนา มาโรงสี
เจอคุณป้า ทาปากแดง เรี่ยวแรงดี
ดูอีกที ป้าหยิบนี่โว้ย โกยเถอะโยม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 10 เม.ย. 21, 23:42
|
|
ฝ่ายป้าหยิบ สงสัย เมื่อได้เห็น โกยดั่งเช่น เห็นผี มีไฉน หนีลงโอ่ง นี่ซิ หนีทำไม ดูหนังผี มากไป ไหมล่ะโยม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อ 20 เม.ย. 21, 14:00
|
|
เล่าถึงบ้านเรือนในกรุงเทพเมื่อ 60 ปีก่อนบ้างนะคะ บ้านเรือนที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ ปลูกทั่วไปสองข้างถนน มีเนื้อที่และบริเวณเป็นสัดส่วน แม้แต่บ้านเล็กๆก็อาจมีเนื้อที่ถึง 200 ตารางวา ส่วนที่เป็นตึกคือตึกแถวซึ่งส่วนใหญ่ปลูก 2-4 ชั้น ไม่สูงกว่านั้น อยู่ในย่านค้าขาย บ้านในยุคนั้นไม่ต้องใส่เหล็กดัดตามหน้าต่าง เหตุผลคือขโมยยังน้อย และคนในบ้านยังอยู่กันเยอะ ตอนกลางวันก็จะมีพวกผู้หญิงอยู่ในบ้านเสมอ ทั้งนายและคนรับใช้ อย่างที่สองคือบานหน้าต่างเป็นไม้ทึบ ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ปิดหน้าต่างเสียก็หมดเรื่อง ความที่บ้านอยู่ห่างๆกันพอสมควร ลมถึงพัดผ่านได้สะดวก หน้าต่างกว้าง ลมพัดเข้ามาในบ้านได้ นั่งพักนอนพักได้สบายในตอนกลางวัน ต้นไม้ใหญ่ในบ้านทำให้บ้านร่มเย็นพอจะไม่ต้องพึ่งแอร์ หรือแม้แต่พัดลม ถ้ามีก็เป็นพัดลมตัวเล็กๆ ใบพัดทำด้วยเหล็กบางๆ สำหรับเปิดในหน้าร้อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร
อสุรผัด
ตอบ: 0
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 22 เม.ย. 21, 13:01
|
|
เป็นบ้านที่สวยไม่ใช้เล่นเลยนะครับ แอบเสียดายนิดหน่อยที่ว่าบ้านอย่างนี้นับวันจะหาอยากขึ้น ความเจริญนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีก็อดคิดเสียไม่ได้ว่า เรากำลังสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างไปตามกาลเวลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร
อสุรผัด
ตอบ: 0
|
ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อ 22 เม.ย. 21, 13:08
|
|
ส่วนบ้านทั่วไปในพื้นที่ชนบทเมื่อสมัยก่อนก็เห็นจะบ้านยกพื้นสูง มีใต้ถุนเกือบหมด ไม่น่าจะต่างจากสมัยโบราณสักเท่าไหร่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อ 22 เม.ย. 21, 15:48
|
|
ถ้าคุณเดินไปตามถนนสายเก่าของกรุงเทพ อย่างแถวเขตดุสิต สามเสน ศรีย่าน จะเจอบ้านเก่าแก่อายุ ๑๐๐ ปีอยู่หลายหลังเหมือนกันค่ะ ส่วนใหญ๋อยู่ตามตรอกตามซอย มองจากถนนใหญ่ไม่เห็น ต้องทำตัวเป็นพลตระเวนจึงจะเห็นค่ะ
ส่วนภาพข้างล่างนี้เป็นบ้านแถวเจริญกรุง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร
อสุรผัด
ตอบ: 0
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 22 เม.ย. 21, 17:38
|
|
ต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เทาชมพูสำหรับคำตอบนะครับ บ้านในรูปดูสวยไม่น้อยเลยนะครับ สวนตัวกระผมเป็นคนที่ชอบบ้านที่สร้างด้วยไม้เป็นพิเศษ ในความคิดส่วนของผมคิดว่ามันแลดูเป็นธรรมชาติกว่าอิฐปูนเยอะ ไม่ทราบว่าในสมัยก่อนนั้นเวลาสร้างบ้านเรือนจะนิยมใช้ไม้ชนิดใดเป็นหลักบ้าง ต้องขอรบกวนถามทุกท่านแล้วกันนะครับ โบราณท่านเกล่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|