เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 27
  พิมพ์  
อ่าน: 34354 เรืองเล่าคนเก่าแก่
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 255  เมื่อ 08 มิ.ย. 21, 08:42

รถรางสายดุสิต วิ่งวนรอบเกาะรัตนโกสินทร์ คุณหนุ่มสยามอธิบายเส้นทางไว้ดังนี้

สายนี้เริ่มจากหน้าบริษัทสยามอิเลคทริคใกล้ ๆ วัดเลียบวิ่งไปตามถนนจักรเพ็ชร แล้ววิ่งไปตามถนนพระสุเมรุเลียบกำแพงเมืองไปยังประตูไม้ ที่แยกบางลำพู แล้ววิ่งผ่านถนนพระอาทิตย์, ถ.ราชินี ผ่านไปยังอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ ๑ แถวกระทรวงยุติธรรมเก่า แล้ววิ่งไปตามถนนหน้าพระธาตุก่อนที่จะเลี้ยวขาวเข้าท่าพระจันทร์ที่ถนนท่าพระจันทร์ หลังจากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมหาราช ผ่านท่าราชวรดิษฐ์และท่าเตียน, ปากคลองตลาด, ถ.จักรเพ็ชร, กระทรวงศึกษาธิการ และข้ามคลองโอ่งอ่างตรงคูเมืองเก่าแล้วผ่านไปทางวัดบพิตรพิมุข วิ่งไปตามถนนจักรวรรดิ์ไปทางวัดตึก และวิ่งไปตามถนนวรจักรไปยังสะพานแม้นศรี (สะพานดำ)

จากนั้นรถรางวิ่งเข้าถนนจักรพรรดิพงศ์ไปนางเลิ้ง(ถนนนครสวรรค์) ก่อนเลี้ยวเข้าถนนพิษณุโลกไปถนนราชดำเนินนอกไปบรรจบกับสายสามเสนหน้าวัดเทวราชกุญชร สายนี้เปลี่ยนไปในปี พ.ศ. ๒๔๖๙โดยไม่ผ่านหน้าโรงเรียนสวนกุหลาบและเปลี่ยนจากสุดสายที่หน้าวัดเทวราชกุญชรไปเป็นที่สี่เสาเทเวศน์

จาก รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก ๓

รถรางสายดุสิตกำลังจอดที่ป้ายติดกับวัดเบญจมบพิตร บนถนนพิษณุโลก ถ่ายโดย W.J. Higgins เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๒

ภาพจาก bus-planet.com

ขอบคุณครับ  ตอนนั้นเลขสายดุสิตเปลี่ยนจาก 3 เป็น 9 แล้วเหรอครับ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 256  เมื่อ 15 มิ.ย. 21, 09:04

ปี 1931 ร.7 เสด็จประพาสอเมริกา  

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 257  เมื่อ 15 มิ.ย. 21, 09:25

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จประพาสสหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ สาเหตุสำคัญเบื้องต้นในการเสด็จต่างประเทศครั้งนี้ คือการเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกพระเนตรซ้ายที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังทำไม่ได้ในสยาม และทรงถือเป็นพระราชภารกิจเจริญพระราชไมตรีกับประเทศสำคัญทั้งสามนั้น ทรงศึกษาดูงานความเจริญก้าวหน้าต่าง ๆ อย่างรวดเร็วของโลก  ขณะเดียวกันทรงทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สยามกับโลกด้วย กรณีกิจสำคัญอย่างหนึ่งคือ ทรงพระราชทานสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ในอเมริกา เรื่องที่ทรงมีพระราชประสงค์จะให้ประชาธิปไตยกับสยาม

การเสด็จ ฯ ครั้งนั้น เป็นยุคที่ภาพยนตร์เสียงกำลังเป็นนิวนอร์มอล ภาพยนตร์ข่าวก็ถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ข่าวเสียงกันเป็นปกติมากแล้ว  ภาพยนตร์นี้เป็นภาพยนตร์ข่าวของบริษัทฟอกซ์ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำหนังข่าวเสียงรายแรกของโลก และได้เคยติดต่อขอเข้ามาถ่ายข่าวสัมภาษณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ตั้งแต่ปี ๒๔๗๒ แต่พระองค์ไม่โปรดให้สัมภาษณ์  เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ เสด็จสหรัฐอเมริกาครั้งนั้น บริษัทฟอกซ์ จึงถือโอกาสติดตามถ่ายทำภาพยนตร์ข่าวอย่างใกล้ชิด  

ฟิล์มภาพยนตร์นี้ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) อนุรักษ์จากต้นฉบับฟิล์มไนเตรท ซึ่งบริษัทฟอกซ์ได้ส่งเข้ามาถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ในเวลานั้น และได้รับการเก็บรักษาไว้โดยข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิด ซึ่งทายาทของท่านได้นำมามอบให้หอภาพยนตร์ตั้งแต่เมื่อแรกก่อตั้ง

ข้อมูลจาก หอภาพยนตร์ Thai Film Archive
บันทึกการเข้า
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 258  เมื่อ 15 มิ.ย. 21, 19:47

เดี๋ยวนี้ฝรั่งไม่ค่อยสวมหมวกกันแล้วนะครับ เริ่มเลือนหายไปช่วงไหนหนอ  เศร้า
บันทึกการเข้า
ภศุสรร
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 259  เมื่อ 16 มิ.ย. 21, 11:18

ข้อมูลจาก Wikipedia ระบุว่าหมวกตามแบบในวิดีโอซึ่งเรียกว่า “top hat” นั้น ได้เริ่มรับความนิยมน้อยกลงในช่วงเวลาแห่งสงครามโลกครั้งที่สองครับ พอมาถึงยุค50ก็หายากมากแล้วครับ สาเหตุน่าจะมาจากการที่ขนสัตว์ที่ใช้ในการพลิดหมวกนั้นแต่เดิมมีราคาแพงอยู่แล้ว ช่วงหลังมาก็ได้มีการนิยมหมวกจากฟ้ายที่ถูกกว่ามากขึ้น หมวก top hat จึงได้เลือนหายไปครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 260  เมื่อ 19 มิ.ย. 21, 10:31

หมวกที่พระเจ้าอยู่หัวทรงสวมไม่ใช่หมวก Top Hat ค่ะ  
หมวกท็อปแฮทหน้าตาเป็นแบบนี้    ใช้สวมกับชุดออกงานในโอกาสพิเศษ  เช่นงานแต่งงาน หรืองานหรูต่างๆเช่นงานแข่งม้าที่แอสคอท ซึ่งถือเป็นงานชุมนุมประจำปีของพระราชวงศ์และผู้ดีมีตระกูลของอังกฤษ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 261  เมื่อ 19 มิ.ย. 21, 10:34

หมวกท็อปแฮท


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 262  เมื่อ 19 มิ.ย. 21, 10:42

พระมาลาที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงสวมเรียกว่า fedora hat   แปลว่าหมวกสักหลาด   เป็นหมวกที่ใช้ในงานกลางวัน   แต่งกับชุดสุภาพเวลาไปไหนมาไหน หรือไปร่วมงานที่จัดในตอนกลางวัน
หมวก fedora ยังคงใช้กันมาจนถึงต้นๆทศวรรษ 1960s  เวลาผู้ชายออกจากบ้านไปทำงาน จะสวมเสื้อนอกทับเชิ้ตผูกไท และกางเกงขายาว ขาดไม่ได้คือหมวกประเภทนี้  ถือเป็นชุดสุภาพออกนอกบ้าน   
แต่พอช่วงปลาย 1960s  ในอเมริกา  เครื่องแต่งกายเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง กลายเป็นชุดลำลองตามค่านิยมของบุปผาชน  หมวกก็เลยหายไปจากชุดทำงานประจำวันของผู้ชาย   ในอังกฤษเองก็เช่นกัน
ของไทยเรา  หมวกหายไปเมื่อจอมพลป.พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรก หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง  เมื่อนายควง อภัยวงศ์ขึ้นเป็นนายกฯ ก็ยกเลิกเรื่อง "วัธนธัม" ของจอมพลป.  ประชาชนสามารถกลับมานุ่งโจงกระเบน กินหมาก   ออกจากบ้านไม่ต้องสวมหมวก ฯลฯ ได้โดยอิสระ   หมวกเลยหายไปจากเครื่องแต่งกายของชายหญิง   


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 263  เมื่อ 19 มิ.ย. 21, 10:57

ไม่ทราบว่าคุณภศุสรรรู้จักพวกฮิปปี้หรือเปล่าคะ
พวกนี้ถ้ามีอายุมาจนถึงปัจจุบัน ก็คราวปู่ย่าตาทวดแล้ว   เพราะเริ่มตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1960s คือ 60 กว่าปีแล้ว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 264  เมื่อ 19 มิ.ย. 21, 10:59

วิถีชีวิตของหนุ่มสาวฮิปปี้  แบบเดียวกับนกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไหนนอนนั่น  นอนตามริมถนนหนทาง
ก็ได้  ไม่อยู่บ้าน ไม่ทำงานเป็นเรื่องเป็นราว


บันทึกการเข้า
ภศุสรร
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 265  เมื่อ 19 มิ.ย. 21, 12:46

ต้องขอท่านเทาชมพูสำหรับการแก้ไขครับ สำหรับพวกฮิปปี้นั้น รู้สึกว่าย้อนไปเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน พวกนี้ได้มีส่วนร่วมในการต่อต้านสงครามเวียดนามด้วยครับ
บันทึกการเข้า
ภศุสรร
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 266  เมื่อ 19 มิ.ย. 21, 12:52

เพลงเอกลักษณ์ของฮิปปี้ในยุค60ครับ ถ้าได้ไป San Francisco...
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 267  เมื่อ 19 มิ.ย. 21, 15:52

ฮิปปี้ หรือ บุปผาชน (Hippies or Flower People) เป็นขบวนการหนุ่มสาวของสหรัฐอเมริกาที่เริ่มก่อตัวตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1950s แล้วขยายใหญ่ขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1960s  จนแพร่หลายไปทั่วอเมริกา
เป็นกลุ่มที่ปฏิเสธค่านิยมดั้งเดิมในสังคมอเมริกัน  
ถ้าอ่านกระทู้ American Dreams คงเห็นว่าสังคมของสหรัฐให้ความสำคัญกับชนชั้นกลางมาก   พวกนี้จัดระเบียบสังคมให้มีแบบแผนชีวิตชัดเจน   แต่พวกฮิปปี้คือการแหกคอกออกจากแบบแผนดังกล่าว  นิยมใช่ชีวิตเสรี  ทำอะไรตามใจชอบ ไม่เอากฎเกณฑ์สังคมมากำหนด  หันไปสนใจวิถีชีวิตใหม่ที่ตัวเองกำหนดเอง เช่นออกจากบ้านไปเร่ร่อนนอนริมถนน เพื่อค้นหาตัวเองให้พบ   ใช้ยาเสพติดเพื่อความสุขส่วนตัว ฯลฯ

ในช่วงที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ของอเมริกาเติบโตขึ้นมาเป็นฮิปปี้   หนุ่มสาวอเมริกันก่อนหน้านี้ก็ถูกปลุกใจด้วยค่านิยมให้ไปรบในนามกองทัพสหรัฐที่เวียตนาม  ซึ่งตอนนั้นประเทศแบ่งเป็น 2 ส่วน คือเหนือกับใต้    อเมริกาสนับสนุนฝ่ายใต้  ก็ส่งกองทัพเข้าไปตรึงไว้ไม่ให้ฝ่ายเหนือที่มีคอมมิวนิสต์หนุนหลังรุกลงมาได้    ไทยก็เอากับเขาด้วย เพราะเราเป็นพันธมิตรฝ่ายเสรีนิยมซึ่งนำโดยอเมริกา

ทหารหนุ่มจากอเมริกาเข้าไปรบด้วยความฮึกเหิมในตอนแรก เพื่อเชิดชูอุดมการณ์ประชาธิปไตย   แต่นานหลายปีเข้า ตายกันไปมากมาย  สงครามก็ไม่มีท่าทีจะยุติลง    หนุ่มสาวรุ่นที่โตขึ้นไล่ๆตามกันมาก็เกิดความรู้สึกว่า เอาชีวิตไปทิ้งให้เปลืองเปล่าทำไม   เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับปากท้องหรือประเทศชาติของตนสักนิด    
พอหันไปถือคติฮิปปี้นิยม รักเสรีภาพสุดโต่ง ไม่ต้องการใครบังคับไม่ว่าประเทศชาติ  หรือพ่อแม่หรือใคร  พวกนี้ก็เลยออกมาต่อต้านสงครามเวียตนามกันอย่างเอาจริงเอาจัง    ลุกลามแพร่ขยายไปทั่วประเทศ   จนในที่สุด สงครามเวียตนามก็จบลงในปี 2518

อิทธิพลของฮิปปี้แพร่ขยายจากอเมริกาไปอีกหลายประเทศ   เข้าไปในศิลปะประเภทต่างๆเช่นเพลง  ดนตรี ศิลปการแสดง  แฟชั่นฯลฯ  แต่จุดเสื่อมก็มาถึงเมื่อฮิปปี้นิยมใช้ยาเสพติดเป็นเครื่องกล่อมอารมณ์ให้เป็นสุข  เคลิบเคลิ้มว่าบรรลุถึงสัจธรรม  จนเกิดการมั่วสุม  ก่ออาชญากรรมต่างๆอันเป็นผลจากเสพยาจนติด ทำให้ขบวนการเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อยุคสมัยผ่านไป   ฮิปปี้หนุ่มสาวแก่ตัวลง   ความนิยมก็หมดไปเป็นธรรมดา   ผ่านมา 60 ปีถ้ายังเหลืออยู่ก็เป็นคุณทวดฮิปปี้  หมดเรี่ยวแรงจะจูงสังคมได้อย่างเมื่อก่อนอีก


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 268  เมื่อ 21 มิ.ย. 21, 09:08

ถ้าพูดถึง ฮิปปี้ ต้องนึกถึง Woodstock Concert, 1969 ครับ



แล้วก็ต้องนึกถึงเพลงนี้  ดังสนั่น กรุงเทพฯ  




บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 269  เมื่อ 21 มิ.ย. 21, 20:28

เพลงยอดนิยม เชิดชูอุดมการณ์ของชาวบุปผาชน

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 27
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.518 วินาที กับ 19 คำสั่ง