เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 3047 เก็บตกจาก ลาลูแบร์ : ออกญาเม็ง นักค้ามนุษย์สมัยอยุธยา กับโรงน้ำชา
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


 เมื่อ 22 ก.พ. 21, 19:05


ลา ลูแบร์ ได้เขียนไว้ในหนังสือ พรรณาเกี่ยวกับราชอาณาจักรสยาม ปี  1688 ว่า

Set infame qui achete las femmes&les filles pour les prostituer potte le titre d’Oc-ya;
on l’appelle Oc-ya Meen : & c’eft un homme fort meprife.
Iln’y a que les jeunes debauchez, qui ayent commetce avec luy.



(ในเหล่าผู้ที่มีบรรดาศักดิ์สูงนั้น หาได้เป็นเจ้าใหญ่นายโตทุกคนไม่)
เจ้าคนฉาวโฉ่ที่ซื้อผู้หญิง และเด็กสาวเพื่อการค้าประเวณีมีบรรดาศักดิ์เป็นออกญา
มันชื่อว่าออกญาเม็ง (Oc-ya Meen) เป็นคนที่น่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
มีแต่พวกชายหนุ่มเสเพลเท่านั้นที่ไปติดต่อด้วย


คุณสันต์ ท. โกมล แปล Oc-ya Meen  เป็น "ออกญามีน"
และกลายเป็นที่รู้จักกันในเกร็ดประวัติศาสตร์ว่าออกญามีนเป็นเจ้าของธุรกิจโบราณเจ้าใหญ่แห่งอยุธยา

ในที่นี้จะแสดงให้เห็นว่า Oc-ya Meen คือ ออกญาเม็ง (หรือเป็นคนมอญ) และ เราจะหาตำบลที่ทำการของบุคคลนี้ต่อไป


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 22 ก.พ. 21, 19:11


เจ้าคนนั้นต้องเสียเงินภาษีเข้าภาคหลวง
กล่าวกันว่า มันมีหญิงโสเภณีในปกครองถึงหกร้อยนาง
ล้วนแต่เป็นลูกสาวของขุนนางมีชื่อทั้งสิ้น


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 23 ก.พ. 21, 13:12


ภาษีใหม่ที่เพิ่มมาในรัชกาลนี้ คือ ส่วนแรก เป็นภาษีที่เก็บจากการจัดงานบันเทิงรื่นเริงในสยาม
ค่าส่วยที่เจ้าออกญาเม็ง จ่าย ก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 23 ก.พ. 21, 13:37


ทหารม้าราชองครักษ์ ประกอบด้วย คนชาติลาว และ อีกชาติหนึ่งใกล้เคียง
ที่มีเมืองหลักเรียกว่า เม็ง (Meen)
ชาวเม็ง และชาวลาว เหล่านี้รับราชการกันพวกละหกเดือน

ออกญาลาว บังคับบัญชา กองราชองครักษ์ลาว
ออกญาเม็ง (Oc-ya Meen) บังคับบัญชา กองราชองครักษ์เม็ง
แต่ออกญาเม็งที่ว่านี้ไม่ใช่คนเดียวกับเจ้าคนค้าหญิงโสเภณี


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 23 ก.พ. 21, 13:43


เมื่อ Meen = เม็ง = มอญ

ดังนั้น ออกญาเม็ง นักค้ามนุษย์ จึงน่าจะทำธุรกิจในแถบที่มีคนมอญ อาศัยอยู่
เพื่อประโยชน์ในการควบคุมกิจการโดยใช้คนในอาณัติตนเอง

ลองดูว่าในแผนที่เมืองอยุธยา ลาลูแบร์ เจอพวกมอญอยู่ตรงไหนบ้าง

--> ปากคลองขุนละครไชย พอดี
กลายเป็นว่าทำเลนี้เป็นย่านทำธุรกิจดังกล่าวมาจนปลายกรุงศรีอยุธยา
เพียงแต่ว่าเปลี่ยนผู้รับสัมปทานจากมอญเป็นจีน !


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 23 ก.พ. 21, 13:53


ย่านสำเพ็งของอยุธยา


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 23 ก.พ. 21, 14:24


คุณสันต์ ท. โกมลบุตร ก็นึกถึงมอญอยู่  ยิงฟันยิ้ม



บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 23 ก.พ. 21, 19:56


https://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/ethnicGroups/133

ชาวล้านนาเรียกชาวมอญว่า “เม็ง”  โดยชาวเม็งและลัวะเป็นชาติพันธุ์ดั้งเดิมในที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง  ตามตำนานจามเทวีวงศ์ (ตำนานของพระนางจามเทวี ปญมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จามเทวี อาณาจักรหริภุญชัย) เรียกชาติพันธุ์เม็งว่า “เมงคบุตร”  โดยศรีศักร วัลลิโภดม วิเคราะห์ว่า กลุ่มเมงคบุตร เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองที่เจริญเป็นพวกแรกในที่ราบเชียงใหม่ มีลักษณะการตั้งถิ่นฐานที่กระจายตัวอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง จึงพบคำเก่าแก่ในภาษาเม็งที่เรียกแม่น้ำปิงว่า “แม่ระเม็ง” (มาจากคำว่า รเมญ ในภาษามอญโบราณ และกร่อนมาเหลือ เมญ หรือ เม็ง ในภาษาล้านนา) หรือแม่น้ำเม็ง หมายถึงแม่น้ำที่ชาวเม็งอาศัยอยู่ (เพจรามัญคดี – Mon Studies, 13 ธันวาคม 2018) นับตั้งแต่นั้นมา ชาวล้านนาและกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ บริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยจึงมักเรียกชาวมอญว่า “เม็ง” จนถึงปัจจุบัน

Meen = M+ee+n = ม +  ี + ง = มีง = เม็ง
ดั้งนั้น Oc-ya-Meen จึงเป็น ออกญาเม็ง  หรือ พระยามอญ ชาวพะโค นั่นเอง
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 23 ก.พ. 21, 21:53


เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่ได้สัมปทานทำธุรกิจบริการกับภาครัฐในสมัยอยุธยา มักต้องมีเส้นสายกับผู้มีอำนาจเสมอ

เช่น นางสุ ชาวมอญ (O-Sut Pegu) ภริยาของวันวลิต เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าส่งออกรายใหญ่กับฮอลันดา
     มีเส้นสายกับเจ้านายสตรีชั้นสูงสมัยพระเจ้าปราสาททอง

     ออกญาเม็ง หรือพระยามอญ อาจได้สัมปทาน ในยุคของออกญาพระคลังคนก่อนคือ โกษาเหล็ก ที่มีเชื้อสายมอญ    
     แม่นมพระนารายณ์มีญาติเป็นมอญ จะเป็น connection ของนางสุ หรือไม่ ก็ไม่อาจทราบได้
     สมัยพระเพทราชา ธุรกิจของเจ้าออกญาเม็งผู้นี้ก็คงยังไปได้ เพราะ โกษาปาน ขึ้นมาเป็นออกญาพระคลัง

     ต่อมา ออกญาพระคลังเปลี่ยนเป็นคนจีน ธุรกิจสัมปทานของชาวมอญคงได้รับผลกระทบ ไม่มากก็น้อย
     ในสมัยพระเจ้าท้ายสระเศรษฐกิจรุ่งเรืองอยู่ในมือคนจีน ผ่านกลุ่มของเจ้าพระยาพระคลังจีน มีเส้นสายทางเจ้านายสตรีชั้นสูง

     ในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม บันทึกว่า

     "ตลาดบ้านจีนปากคลองขุนละครไชยมีหญิงละครโสเภณี ตั้งโรงอยู่ท้ายตลาด ๔ โรง รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ
      ตลาดนี้เปนตลาดใหญ่ใกล้ทางเรือแลทางบก มีตึกกว้านร้านจีนมาก ฃายของจีนมากกว่าของไทย มีศาลเจ้าจีนศาลหนึ่งอยู่ท้ายตลาด ๑"


     ในที่สุดแล้ว ธุรกิจสีเทาของเจ้าออกญาเม็ง คงถูก Takeover โดยกลุ่มธุรกิจของออกญาพระคลังจีน ที่มีเส้นสายมากกว่า
     ตามวัฐจักรที่เป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน




บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 23 ก.พ. 21, 22:24


หลังจาก ลา ลู แบร์ เขียนถึงออกญาเม็งและธุรกิจสีเทา
สองปีต่อมา แกมป์เฟอร์ มีโอกาสสำรวจเกาะเมืองอยุธยา และได้พบกับโกษาปาน
แผนที่ของแกมป์เฟอร์ เขียนชื่อคลองนั้นไว้ว่า "Klong Nam Ja"

คลองน้ำชา จะเกี่ยวข้องกับโรงน้ำชาในย่านปากคลองนี้ในเวลาต่อมาอย่างไร ก็เหลือจะเดา


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 24 ก.พ. 21, 08:22

ในหนังสือ คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม  เอกสารจากหอหลวง เรียกว่า "คลองน้ำยา"

มีตลาดบนบกนอกกำแพงพระนคร ตามชานพระนครบ้าง ตามฝั่งฟากกรุงบ้าง ติดแต่ในรอบบริเวณในขนอนใหญ่ทั้ง ๔ ทิศรอบกรุงเข้ามาจนฟากฝั่งแม่น้ำตรงกรุง และชานกำแพงกรุงนั้นด้วยรวมเปน ๓๐ ตลาด คือตลาดน่าวัดน่าพระธาตุหลังขนอนบางหลวง ๑ ตลาดชาวลาวเหนือวัดคูหาสวรรค์ ๑ ตลาดริมคลองน้ำยา ๑ ตลาดป่าปลาเชิงทำนบรอ ๑ ตลาดน่าวัดแคลงแลวัดตะพานเกลือ ๑ ตลาดท่าเรือจ้างวัดนางชีน่าบ้านโปรตุเกต ๑ ตลาดบ้านบาตร์วัดพิไชย ๑ ตลาดวัดจันทนารามหลังวัดกล้วย ๑ ตลาดหลังตึกห้างวิลันดาแถววัดหมู ๑ ตลาดวัดสิงหน่าตึกยี่ปุ่น ๑ ตลาดวัดทองถนนลายสอง ๑ ตลาดวัดท่าราบน่าบ้านเจ้าสัวซีมีตึกแถวยาว ๑๖ ห้องสองชั้น ๆ ล่างตั้งร้านฃายของ ชั้นบนคนอยู่ หัวตลาดนี้มีโรงตีเหลกแลโรงเยบรองท้าว ทำยาแดงสูบกล้องฃายตลาด ๑ ตลาดบ้านปูนวัดเขียนลายสอง ๑ ตลาดบ้านจีนปากคลองขุนละครไชย มีหญิงละครโสเภณีตั้งโรงอยู่ท้ายตลาด ๔ โรง รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ ตลาดนี้เปนตลาดใหญ่ใกล้ทางเรือแลทางบก มีตึกกว้านร้านจีนมาก ฃายของจีนมากกว่าของไทย มีศาลเจ้าจีนศาลหนึ่งอยู่ท้ายตลาด ๑ ตลาดบ้านกวนลอดฉ้อง ๑ ตลาดท่าเรือจ้างวัดธรมา ๑ ตลาดบ้านป้อมตรงขนอนปากคู ๑ ตลาดแหลมคลองมหานาคถนนบัณฑิตย์ ๑ ตลาดวัดขุนญวนศาลาปูน ๑ ตลาดคูไม้ร้องหลังโรงเรือพระที่นั่ง ๑ ตลาดน่าวัดตะไกรลงมาน่าวัดพระเมรุ ๑ ตลาดฃ้างวัดควายวัดวัวถนนบ้านทำม่อ ๑ ตลาดป่าเหลกหลังบ้านเฃมรโยมพระ ๑ ตลาดวัดครุธ ๑ ตลาดคลองผ้าลายริมวัดป่าแดงหลังวังฟักเจ้าลาว ๑ ตลาดริมบ้านโรงกูบน่าวัดกุฎีทอง ๑ ตลาดวัดโรงฆ้อง ๑ ตลาดน่าวัดป่าคนที ๑ ตลาดบ้านป่าเหลกท่าโขลง ๑ ตลาดวัดมะพร้าวริมบ้านญวนทะเล ๑ รวมตลาดบกนอกกำแพงพระนคร ๓๐ ตลาดเปนตลาดใหญ่

"คลองน้ำยา" เรื่องและภาพจาก ayutthaya-history.com


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 24 ก.พ. 21, 13:44

ในหนังสือ คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม  เอกสารจากหอหลวง เรียกว่า "คลองน้ำยา"

ตามทิศที่ว่าในเอกสารจากหอหลวง
คลองน้ำยา อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเมือง  แถว ๆ ทำนบรอ  ไม่ได้อยู่ใกล้กับคลองขุนละครไชยเลย
แต่  Klong Nam  Ja  อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้  ครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 24 ก.พ. 21, 19:58

ในหนังสือ อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยากับคำวินิจฉัยของพระยาโบราณราชธานินทร์ ฉบับชำระครั้งที่ ๒ พิมพ์เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒ อธิบายเรื่อง "คลองน้ำยา" ไว้ว่า

ชาวบ้านเดี๋ยวนี้เรียกคลองที่อยู่เหนือพะเนียดเข้าไปในทุ่ง วัดบรมวงศ์ว่า คลองน้ำยา แต่ในจดหมายเหตุและแผนที่ของพวกฝรั่งเศส ซึ่งเขียนไว้ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่า คลองเหนือวัดเสนต์โยเสฟคือที่เรียกกันว่าคลองตะเคียนเหนือเดี๋ยวนี้ เป็นคลองน้ำยา แต่ในหนังสือนี้เรียกคลองนี้ว่าคลองขุนละคอนไชย

"คลองน้ำยา" จึงมีอยู่ ๒ แห่ง

๑. อยู่เหนือพะเนียดเข้าไปในทุ่ง วัดบรมวงศ์ เป็นตำแหน่งเดียวกับที่คุณคนโคราชอธิบายว่าอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเมือง
๒. อยู่เหนือวัดเซนต์โยเซฟ ที่เดียวกับคลองขุนละคอนไชย ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับในแผนที่ของแกมป์เฟอร์ระบุว่าชื่อ Klong Nam Ja



Klong Nam Ja ก็คือ คลองน้ำยา นั่นแล  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 24 ก.พ. 21, 22:13

ในหนังสือ อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยากับคำวินิจฉัยของพระยาโบราณราชธานินทร์ ฉบับชำระครั้งที่ ๒ พิมพ์เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒ อธิบายเรื่อง "คลองน้ำยา" ไว้ว่า

ชาวบ้านเดี๋ยวนี้เรียกคลองที่อยู่เหนือพะเนียดเข้าไปในทุ่ง วัดบรมวงศ์ว่า คลองน้ำยา แต่ในจดหมายเหตุและแผนที่ของพวกฝรั่งเศส ซึ่งเขียนไว้ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่า คลองเหนือวัดเสนต์โยเสฟคือที่เรียกกันว่าคลองตะเคียนเหนือเดี๋ยวนี้ เป็นคลองน้ำยา แต่ในหนังสือนี้เรียกคลองนี้ว่าคลองขุนละคอนไชย

"คลองน้ำยา" จึงมีอยู่ ๒ แห่ง

๑. อยู่เหนือพะเนียดเข้าไปในทุ่ง วัดบรมวงศ์ เป็นตำแหน่งเดียวกับที่คุณคนโคราชอธิบายว่าอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเมือง
๒. อยู่เหนือวัดเซนต์โยเซฟ ที่เดียวกับคลองขุนละคอนไชย

Klong Nam Ja ก็คือ คลองน้ำยา นั่นแล  ยิงฟันยิ้ม


ตรงนี้ต้องใส่เครื่องหมายคำถามให้พระยาโบราณครับ
ท่านอ้างว่า  ฝรั่ง  เขียน  Klong  Nam  Ja
แล้วอ่านว่า  คลองน้ำยา  นี่ก็เหมือน อ่าน  Meen  ว่า  มีน

ถ้าต้องการให้อ่าน "ยา" ท่านก็น่าจะเขียน  "ya"
เหมือนกับ Oc-ya คือ  ออกญา
ไม่ได้เขียน  Oc-ja

แต่ถ้า  Nam  ไม่ใช่  "น้ำ" แต่เป็น  "นัง"  ก็ตัวใครตัวมันละครับ

อีกตัวอย่างคล้ายๆกัน
วันวลิต เขียนว่า พระเจ้าอู่ทองสร้าง  Klong Cout tiam
มีนักวิชาการแปลว่า  เมืองคลองขุดเทียม
ทั้ง ๆ ที่น่าจะอ่านว่า คลองคูจาม มากกว่า
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 24 ก.พ. 21, 22:37


สรุปว่าคลองนี้ ปัจจุบัน คนเชื่อว่ามีชื่อเรียกต่าง ๆ กัน
1. คลองตะเคียน
2. คลองขุนละครไชย
3.  คลองคูจามใหญ่
4.  คลองน้ำยา
5. คลองน้ำชา
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.089 วินาที กับ 19 คำสั่ง