เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 26
  พิมพ์  
อ่าน: 37746 โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 150  เมื่อ 20 ส.ค. 21, 08:13

วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของเมืองไทยอีกวันหนึ่ง ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๑ ล้านคนเรียบร้อยแล้ว ตกใจ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 151  เมื่อ 20 ส.ค. 21, 19:33

ชื่อว่า “ล้าน” คือมากมายพอใจยิ่ง
ชื่อว่า “ล้าน” คือสิ่งมหาศาล
ชื่อว่า “ล้าน” ได้ฤกษ์ว่าเบิกบาน
ชื่อว่า “ล้าน” เติมใจให้เต็มแรง

แต่ว่าล้านวันนี้ทำใจหาย
แต่ว่าล้านนี้หมายว่าเหี่ยวแห้ง
แต่ว่าล้านนี้รันทดหมดคำแจง
เพราะว่าล้านนี้แสดงแต่ท้นทุกข์

เราเหยียบล้านวันนี้มีแต่เศร้า
ฟังแล้วเหงาเครียดขึ้งถึงเจ่าจุก
นี่มันกาลเดือดระอุทุรยุค
ประชาชนไม่สนุกแล้วนะรัฐบาล

ชมัยภร บางคมบาง
๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 152  เมื่อ 25 ส.ค. 21, 08:59

วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของเมืองไทยอีกวันหนึ่ง ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๑ ล้านคนเรียบร้อยแล้ว

ห้าวันต่อมา วันนี้ก็นับเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งเช่นกัน ผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๑ หมื่นคน ตกใจ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 153  เมื่อ 26 ส.ค. 21, 10:34

ไปเจอข้อเขียนใน FB  น่าสนใจเลยนำลงให้อ่านกันค่ะ


Pongprom Yamarat


เมืองไทยน่าศึกษากรณีการเปิดประเทศของอังกฤษเป็นตัวอย่างครับ
1. อังกฤษมีประชากรใกล้เคียงกับไทย
2. พึ่งจะเมื่อ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา อังกฤษเข้าสู่จุดพีคของการระบาดหนักระลอก 3 โดยมีผู้ติดเชื้อต่อวันสูงถึง 47,000 คน จากการทดสอบวันละ 700,000 คน แต่มีเสียชีวิตต่อวันเพียง 20-30 คน เพราะประชากรได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วถึง 60% รับ 1 เข็มแล้ว 72%
3. ผ่านจุดระบาดหนักมาได้เพียง 2 อาทิตย์ เมื่ออัตราการระบาดลดเหลือ 30,000 คนต่อวัน อังกฤษประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาโดยไม่ต้องกักตัว
4. กติกามีง่ายๆ คือถือ vaccine passport ที่ฉีดในเวลาที่กำหนด และทำ RT-PCR ในวันแรก และวันสุดท้าย ซึ่งจะได้ผลในวันเดียวกัน (ตรงนี้ขอหาข้อมูลเพิ่ม บางข่าวแจ้งว่าให้ใช้ ATK โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอังกฤษ)
5. อังกฤษมีนโยบายชัดเจนแล้วว่า จะเปิดประเทศโดยไม่สนอัตราการติด แต่จะสนอัตราการตายเพียงอย่างเดียว
6. อังกฤษยังเชื่อในการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน และโดยธรรมชาติจากการติดเชื้อ และตราบใดที่ไม่ทำให้เสียชีวิต ก็ถือซะว่าเป็นไข้หวัด
7. อังกฤษเลือกใช้การควบคุมเรื่อง social distancing, ใส่ mask และใช้ NHS Covid Passport รวมถึงบังคับผู้จัด event ในการทำประกันสุขภาพพิเศษ (ขอศึกษาต่อเรื่องการบังคับคนจะเข้าร่วมงาน คอนเสิร์ต ต้องทำประกันด้วยหรือไม่)

บันทึกการเข้า
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 154  เมื่อ 26 ส.ค. 21, 12:25

วันที่ 21 สิงหาคม 2021 สนามฟุตบอลทีมลิเวอร์พูลมีคนดูเต็มสนามครั้งแรกในรอบ 528 วัน

ไม่สวมแมสกันเลยสักคน เชียร์บอลเสร็จไปนั่งดื่มเบียร์กันต่อตามระเบียบพัก

บันทึกการเข้า
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


ความคิดเห็นที่ 155  เมื่อ 27 ส.ค. 21, 10:15

แอบอิจฉาประเทศทางยุโรปเหมือนกันนะคะ ตอนแรกๆเป็นหนักกว่าไทยจนคนไทยหลายคนก็ไปเยาะเย้ยไว้ พอมาตอนนี้เขาแก้ไขได้แล้วแต่ไทยกลับเป็นหนักกว่าเขาซะงั้น
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 156  เมื่อ 31 ส.ค. 21, 11:35

สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

อัตราการติดเชื้อขึ้นสู่จุดสูงสุดราวกลางเดือน (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๔) คือ ๒๓,๔๑๘ รายและค่อย ๆ ลดลง จนถึงต่ำสุดท้ายในวันสุดท้ายของเดือน (๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๔) คือ ๑๔,๖๖๖ ราย

ในขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงสุดอยู่ในราวกลางเดือน (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๔) คือ ๓๑๒ ราย โดยเฉลี่ยสูงกว่า ๒๐๐ ราย แม้วันสุดท้ายของเดือนจะลดลงเป็น ๑๙๐ ราย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าตัวเลขในเดือนหน้าจะลดลงหรือไม่



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 157  เมื่อ 02 ก.ย. 21, 12:17

   เมื่อวานนี้ (1 กันยายน 2564) เป็นวันแรกที่คลายล็อกดาวน์   ร้านอาหารสามารถเปิดให้บริการได้(ในจำนวนที่จำกัดลูกค้า ) ห้างสรรพสินค้าก็เปิดได้(แบบจำกัดพื้นที่และเวลา)  ผ่านไปทางห้างสรรพสินค้าใหญ่ใกล้บ้าน มีรถรอคิวเข้าที่จอดกันแน่นขนัด ยาวออกมาถึงถนนใหญ่     แสดงว่าชาวบ้านอัดอั้นกันมานาน
   ตอนนี้วัคซีนกระจายกันออกไปมาก   ก่อความเชื่อมั่นให้ผู้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วโดยเฉพาะคนที่ฉีดสองเข็มเรียบร้อย    แต่ก็อย่าลืมว่า วัคซีนเหล่านี้ไม่ได้กันติด แค่กันตาย   เพราะฉะนั้นถ้าไปหายใจรดหน้ากันในที่แออัดอย่างห้องแอร์  ก็มีสิทธิ์ติดเชื้อได้ แต่ไม่รุนแรงเท่ากับคนที่ยังไม่ได้ฉีดเลยสักเข็ม
   สถิติการติดเชื้อที่ประกาศเป็นทางการกันออกมา  ไม่ได้แยกแยะว่าผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งหมื่นกว่านั้นติดมากติดน้อยขนาดไหน  เพราะฉะนั้นก็เป็นได้ว่า เมื่อเลิกล็อคดาวน์ สถิติการติดเชื้ออาจไม่ลดลง  แถมยังมากขึ้น 
   ก็ต้องดูสถิติคนหายป่วยกลับบ้านได้ว่ามากน้อยแค่ไหน ควบกันไปด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 158  เมื่อ 30 ก.ย. 21, 09:35

สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกันยายน ๒๕๖๔

จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างช้า ๆ โดยมีตัวเลขต่ำสุดและต่ำกว่าหนึ่งหมื่นเป็นครั้งแรกในวันที่ ๒๘ กันยายน ที่ ๙,๔๘๙ ราย และผู้เสียชีวิตก็ค่อย ๆ ลดลงเช่นกัน โดยมีตัวเลขต่ำสุดในวันที่ ๒๗ กันยายน ที่ ๑๐๑ ราย

มีแนวโน้มที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลงต่ำกว่าหนึ่งหมื่นราย และผู้เสียชีวิตต่ำกว่าหนึ่งร้อยรายในเดือนหน้า หากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกแซง ยิงฟันยิ้ม



บันทึกการเข้า
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


ความคิดเห็นที่ 159  เมื่อ 30 ก.ย. 21, 11:24

หวังว่าปีใหม่ยอดคนติเชื้อ คนตายจะเลือแค่หลักร้อย หลักสิบนะคะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 160  เมื่อ 03 ต.ค. 21, 10:12

มีข่าวดีมาบอก ยิงฟันยิ้ม

ยาต้านโควิดที่ชื่อว่า “โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัท Merck ได้ผลดีมาก
 
จากศึกษาการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกลุ่มตัวอย่าง ๗๗๕ ราย กินวันละ ๒ ครั้ง นาน ๕ วัน มีแค่ ๗.๓% ที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล และไม่มีใครตายด้วยโควิดเลย ส่วนอีกกลุ่มตัวอย่างหนึ่งที่ให้ยาหลอก (Placebo) ป่วยเข้าโรงพยาบาล ๑๔.๑% และตายด้วยโควิด ๘ ราย

ตอนนี้ราคาหุ้นของ Merck & Co ก็เลยสูงขึ้น  ๙.๐% ในชั่วข้ามคืน

ส่วนหุ้นวัคซีนตกกันเรียบ

หุ้น Moderna ตก   ๑๓.๙%
หุ้น BioNTech ตก  ๑๓.๗%
หุ้น Novavax ตก   ๑๘.๔%
ส่วนหุ้น Pfizer ตก  ๒.๓%

ถ้าผ่านอย.และเอามาใช้ได้จริง ในอนาคตโควิดก็จะไม่น่ากลัวอีกต่อไปแล้วครับ เพราะมียารักษาที่มีประสิทธิภาพ เราจะได้ใช้ชีวิตปกติกันซักที

หมอแล็บแพนด้า รายงานข่าว

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 161  เมื่อ 03 ต.ค. 21, 10:53

อ่านเจอข่าวนี้ว่าลดได้ 50%  เลยไม่เข้าใจว่ามันช่วยได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ คุณหมอเพ็ญช่วยอธิบายได้ไหมคะ

ยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์” สามารถลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต หลังการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 50%

วันที่ 2 ตุลาคม 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บริษัท “เมอร์ค” (Merck) และ “ริดจ์แบ็ก ไบโอเทราพิวติกส์” (Ridgeback Biotherapeutics) ได้ระบุว่า ยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์” (molnupiravir) สำหรับรักษาอาการป่วย รวมถึงเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้ร่วมผลิต สามารถลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต เมื่อติดเชื้อโควิดได้ถึง 50%


https://www.prachachat.net/world-news/news-774243
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 162  เมื่อ 03 ต.ค. 21, 11:41

ยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์” สามารถลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต หลังการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 50%

ตัวเลข ๕๐% นี้คำนวณจากตัวเลข กลุ่มตัวอย่างที่ให้ยาหลอก (Placebo) ป่วยเข้าโรงพยาบาล ๑๔.๑%  และ กลุ่มตัวอย่างที่ให้กินยาจริง ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพียง ๗.๓% สรุปได้ว่ายาตัวนี้ลดการต้องเข้าโรงพยาบาลได้ครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ [(๑๔.๑-๗.๓)/๑๔.๑ X ๑๐๐]
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 163  เมื่อ 05 ต.ค. 21, 11:44

ไปเจอคำตอบของอาจารย์เจษฎาเข้าใน FB  จึงขอลอกมาให้อ่านกันค่ะ

อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
กำลังแชร์ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโควิด-19

#ถาม : บริษัท Merck ของเยอรมัน ได้ทดสอบยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir)” พบว่า ลดอัตราการป่วยเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ลงได้ครึ่งหนึ่ง .. คำว่าครึ่งหนึ่งนี่ หมายความว่าอะไร? และทำไมชื่อจึงลงท้ายว่า "ravir" ?
.
#ตอบ : คำลงท้ายชื่อยาว่า "ravir" บอกให้รู้ว่ามันคือ "ยาต้านไวรัส" สังเกตได้จากคำว่า vir ย่อมาจาก virus นั่นเอง
ข่าวยา Molnupiravir ตัวนี้ วนเวียนอยู่ในโซเชียลมานานแล้ว โดยเคยแชร์กันเหมือนว่ามีขายแล้ว แต่จริงๆ ยังกำลังวิจัยทดลองอยู่
.
ล่าสุด ที่ประกาศออกมาคือ มันกำลังทำการทดสอบทางคลินิคเฟสที่ 3 แล้วได้ผลลัพธ์เบื้องต้นที่ดี ทางบริษัทจึงหยุดการศึกษาและกำลังจะขออนุญาต FDA สหรัฐอเมริกา ให้นำมาใช้แบบฉุกเฉินเร่งด่วนได้
.
คำว่า "ลดป่วยลดตายได้ครึ่งหนึ่ง"มาจากการทดสอบประสิทธิภาพของยา โดยเปรียบเทียบระหว่างการใช้ยาจริง และ ยาหลอก (placebo) ในอาสาสมัคร  โดยอาสาสมัครทุกคนจะถูกบอกว่าได้รับยาจริง แต่จริงๆ แล้ว ประมาณครึ่งหนึ่งจะได้ยาหลอกโดยไม่รู้ตัว
.
ซึ่งผลเบื้องต้น พบว่ามีอาสาสมัครกลุ่มที่ได้รับยาจริง  แล้วติดเชื้อโควิดและป่วยหนักจนถึงเสียชีวิตนั้น เพียงประมาณ  7% เทียบกับกลุ่มนที่ได้ยาหลอก ที่ป่วยหนักและเสียชีวิตประมาณ 14% จึงมีการตีความว่า ประสิทธิผลของยาจริงนั้น ดีกว่ายาหลอก 50% .. ซึ่งสรุปง่ายๆ คือ ยานี้มีความคืบหน้าด้านประสิทธิภาพค่อนข้างดี
.
ส่วนที่ต้องไปขอ FDA เพราะอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ และถ้าขออนุญาตสำเร็จ ก็จะง่ายต่อการนำไปใช้ที่ประเทศอื่นๆ เพราะ FDA อเมริกา มีมาตรฐานสูงมาก ผ่านอเมริกาได้ ทั่วโลกก็มักจะให้การยอมรับ
.
#ถาม : ไทยเราจะได้ใช้ยาตัวนี้หรือไม่ ?
.
#ตอบ : ถ้าเราต้องการ ก็ต้องไปจองคิวซื้อยาตัวนี้ เหมือนที่จองคิววัคซีนเช่นกัน
.
#ถาม : แล้ววัคซีนโควิดยังจำเป็นอยู่อีกไหม?
.
#ตอบ : หลายคนเข้าใจผิด ว่าพอมียากินแล้ว จะไม่ต้องฉีดวัคซีนอีก จริงๆ แล้วก็ยังต้องฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอยู่
.
ยาต้านไวรัสตัวนี้ ใช้กินเมื่อติดเชื้อแล้ว ไม่เหมือนกับวัคซีนที่ฉีดป้องกันล่วงหน้า ยาต้านไวรัส จะช่วยทำให้เชื้อไวรัสแล้วไม่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในร่างกาย จึงทำให้มีโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิตน้อยลง
.
แต่จุดเด่นของยาตัวนี้ คือเป็นยาต้านไวรัสที่พัฒนามาเพื่อโคโรน่าไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ ซึ่งก่อนนี้ เราต้องใช้ยาต้านไวรัสของโรคอื่น (เช่น ยาต้านไวรัส HIV) มาใช้ไปก่อน จึงมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก (สูงกว่ายาต้านไวรัสที่ใช้อยู่ เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์)
.
#ถาม : พอมียาต้านไวรัสตัวใหม่ แล้วฟ้าทะลายโจรล่ะ?
.
#ตอบ: คงเอามาเทียบกันไม่ได้ ฟ้าทะลายโจรเป็นแค่สมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการหวัด เป็นไข้ตัวร้อนปวดเมื่อย แต่ถูกเอามาโปรโมทเพื่อช่วยรักษาโควิด เพราะความจริงเราขาดแคลนยาต้านไวรัสรักษา (เช่น ฟาวิพิราเวียร์)
.
ในระดับหลอดทดลอง ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณทำให้เซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสไม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ผลการวิจัยประสิทธิภาพจริงในคนนั้น ยังไม่ชัดเจน ว่าได้ผลดีจริงแต่ไหน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับยาหลอก
.
#ถาม : แล้วมีสมุนไพรอื่นๆ อีกมั้ย?
.
#ตอบ : เคยคุยกันขำๆ ว่า อาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิดนั้น น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีระดับน้ำตาลในเส้นเลือดสูง ไม่ว่าในคนปรกติ หรือคนอ้วน หรือคนที่เป็นเบาหวาน อาการป่วยมักจะหนักกว่าคนปกติ ดังนั้น “กระท่อม” อาจจะมีประโยชน์ เพราะมีคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือดได้ด้วย
.
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 164  เมื่อ 05 ต.ค. 21, 11:45

#ถาม : ทำไมหุ้นของบริษัทวัคซีนจึงตก เมื่อมีข่าวยาต้านไวรัสออกมา ?
.
#ตอบ : คนส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังให้คิดว่า วัคซีนเป็นฟางเส้นสุดท้าย เป็นทางออกทางเดียวของโรคโควิด พอมียาต้านไวรัสออกมา เลยทำให้เหมือนมีทางออกมากขึ้น หุ้นวัคซีนก็เลยตก
.
แต่ยืนยันว่า จริงๆ แล้ว ควรจะใช้ควบคู่กันทุกอย่าง ทั้งวัคซีนป้องกันล่วงหน้า ทั้งชุดตรวจ ATK เพื่อหาผู้ติดเชื้อ และยาต้านไวรัส เมื่อติดเชื้อแล้ว
.
#ถาม : มีข่าว วัคซีนซิโนแวคทำให้ลุงวัย 74 ปีที่ป่วยเป็นอัมพาต ลุกมามีชีวิตปกติ แข็งแรงได้เหมือนคนไม่ป่วย หลังจากฉีด  เรื่องนี้มีความเป็นไปได้แค่ไหน ?
.
#ตอบ : ในทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ จะปักใจเชื่อทันทีคงไม่ได้ ต้องค่อยๆ ไล่หาดู ว่าป่วยจริงไหม แอบอ้างว่าป่วยหรือเปล่า หรือถ้าป่วยจริง แล้วเป็นการหายชั่วคราวเพราะกำลังใจ หรือว่าหายถาวร
.
แต่ผ่านมา แม้จะฉีดวัคซีนซิโนแซคกันไปแล้วหลายร้อยล้านโดสทั่วโลก ก็ไม่เคยมีรายงานผลข้างเคียงแบบนี้ มีแต่ที่เกิดอาการคล้ายอัมพฤกษ์ชั่วคราว
.
#ถาม : วัคซีนทางเลือกของ บ. โมเดอร์น่า ทำไมล่าช้านัก ?
.
#ตอบ : ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะที่องค์การเภสัชกรรมสั่งซื้อไปนั้น เป็นปริมาณไม่กี่ล้านโดส ไม่ได้เยอะมากมายอะไร เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ สั่งกัน
.
 องค์การเภสัชฯ ต้องไปกระตุ้นทางบริํืษัทตัวแทน เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ประชาชน ต้องไปดูในสัญญาที่เซ็นกับบริษัทซิลลิคฟาร์ม่า (ซึ่งน่าจะมีอยู่จริง) ว่ามีข้อที่ผิดสัญญาหรือไม่ จะได้ฟ้องร้องได้ว่าล่าช้า
.
#ถาม : วัคซีนไทยของจุฬาฯ 2 ตัว ทำไมเงียบไป?
.
#ตอบ : วัคซีนตัวแรก คือ ChulaCov19 เป็นวัคซีนชนิด mRNA ซึ่งมีความคืบหน้าเชิงวิจัยค่อนข้างดี ตอนนี้ผ่านการทดสอบในสัตว์ทดลองแล้ว และทดสอบในอาสาสมัคร เฟสที่ 1 แล้ว กำลังเริ่มเฟสที่ 2 อยู่ตอนนี้
.
คาดว่ากว่าจะเสร็จการวิจัยทั้งหมด คงต้องข้ามไปต้นปีหน้า แล้วต้องมีเรื่องไลน์ผลิตจริงอีก ซึ่งไม่ควรตั้งเป้าให้เป็นวัคซีนหลักแห่งชาติ แต่เราน่าจะมองเป็นวัคซีนสำรองระยะยาวดีกว่า
.
อีกตัวคือวัคซีน จุฬาใบยา ซึ่งใช้ต้นยาสูบจีเอ็มโอมาผลิตโปรตีนหนามของไวรัส  ซึ่งก็เริ่มเฟสที่ 1 แล้ว และกว่าจะเสร็จก็น่าจะกลางปีหน้า
.
มีอีกหลายกลุ่มที่วิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศไทย แต่ตอนหลังๆ นี้ มีการประชุมร่วมกัน ตั้งเป้าใหม่ให้พัฒนาเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์โดส มากกว่า
.
#ถาม : เราจำเป็นจะต้องฉีดเข็มที่ 3 อีกไหม ถ้าจะฉีดควรฉีดตัวเดิม หรือ ฉีดไขว้ mRNA หรือเปล่า?
.
#ตอบ : เราต้องทำใจว่า อาจจะเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ ที่ต้องฉีดวัคซีนไปเรื่อยๆ ตามระดับการกลายพันธุ์ของไวรัส
.
โดยอาจจำเป็นต้องฉีดในกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวและผู้สูงอายุ ที่มีความเสี่ยงจะป่วยหนักสูงจากโควิด จึงอาจจะต้องฉีดไปอีกหลายปี
.
แต่สำหรับคนทั่วไป ถ้าไม่มีการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ ที่น่ากังวลไปมากกว่าสายพันธุ์เดลต้าในนี้ ก็ฉีดแค่เข็ม 3-4 ก็พอ
.
#ถาม : แล้วเข็มที่ 3 ควรจะฉีดยี่ห้อไหนดี ?
.
#ตอบ : อันนี้ตอบค่อนข้างยาก เพราะสูตรการฉีดวัคซีนในประเทศไทยเราค่อนข้างหลากหลาย จากการเราขาดแคลนวัคซีนมาแต่แรก เลยมีทั้งที่ฉีดซิโนแวค2เข็ม และที่ฉีดแอสตร้า2เข็ม  ไปจนถึงสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตร้า ซึ่งไม่มีประเทศอื่นในโลกฉีดแบบนี้
.
ให้มองว่าเราฉีดวัคซีนอะไรไป แล้วดูแนวโน้มว่าภูมิคุ้มกันของเราเป็นอย่างไร มีลดน้อยลงหรือไม่ รวมถึงให้ดูด้วยว่าเชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
.
ตัวอย่างเช่น
.
- Sinovac 2 เข็ม (ส่วนใหญ่ฉีดครบแล้วตั้งแต่มิถุนายน) : ภูมิคุ้มกันมักจะเกิดขึ้นน้อย และลดลงมากเมื่อระยะเวลาผ่านไป 3 เดือนแล้ว ดังนั้น จึงควรฉีดบูสต์เข็ม 3 ในช่วงปลายปีนี้  ไม่ว่าจะแอสตร้าของรัฐ หรือวัคซีน mRNA อย่างโมเดอร์น่า ที่สั่งจองไว้ (เลือกตัวใดตัวหนึ่ง)
.
- AstraZeneca 2 เข็ม (ส่วนใหญ่เป็นการฉีดสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง) : มีประสิทธิภาพสูงกว่า ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานกว่า  สามารถรอได้ถึง 6 เดือนหลังครบโดส แล้วค่อยไปฉีดบูสต์เข็ม 3 (แนะนำวัคซีน mRNA มากกว่าจะซ้ำด้วยแอสตร้า)
.
- สูตรไขว้ Sivovac + Astra (คนส่วนใหญ่ที่ฉีดตั้งแต่เดือนสิงหาคมมา จะฉีดสูตรนี้) : สูตรไขว้นี้ ให้มองที่แอสตร้าเข็มที่ 2 เป็นหลัก ว่าควรจะฉีดบูสต์ตามใน 3-6 เดือน ซึ่งแนะนำให้ฉีดเข็ม 3 เป็นแอสตร้าเดิม หรือ mRNA ก็ได้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 26
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 20 คำสั่ง