SILA
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 04 ส.ค. 20, 15:46
|
|
วัด ดูจะเป็น ที่ไป(พึ่งได้) สำหรับไพร่และทาสในสมัยอยุธยา ที่น่าไปมากกว่า ป่า มากนัก หากจะหลบเลี่ยง การไม่ถูกเกณฑ์เดือน ไม่ต้องรับใช้มูลนาย ไม่ต้องถูกเกณฑ์ไปรบ และ เพื่อเป็นไท
ข้อมูลหลักจาก การบวชในสมัยอยุธยา พระมหาทศพล จนฺทวํโส (มาบัณฑิตย์)
เมื่อมีการสร้างวัดของราชสำนักจะมีการพระราชทานไพร่หลวง,ไพร่สมให้ไปรับใช้ดูแลพระในวัดเรียกว่า เลกวัด(จากคําว่า สักเลก - การทําเครื่องหมายที่ข้อมือของชายฉกรรจ์ที่ถูกเกณฑ์แรงงานไพร่) ส่วนทาสจะมีโอกาสได้เป็น ข้าพระ เมื่อเจ้านาย,ขุนนาง หรือคหบดีสร้างวัดก็จะถวายทาสในเรือนให้เป็นแรงงานวัด อ.ศรีศักร วัลลิโภดม ได้วิเคราะห์ว่า "การสร้างวัดให้ลูกเล่นอีกด้านหนึ่งเป็นทางออกของสามัญชนที่เป็นขุนนางใหญ่ หรือ ผู้ดีเศรษฐีมีทรัพย์มหาศาล แต่สร้างเรือนชานที่อยู่ให้ใหญ่โตมโหฬารไม่ได้ เพราะเท่ากับทาเทียมวังพระเจ้าแผ่นดินและ เจ้านายมีโทษหนักถึงตัดหัว บรรดาผู้ดีเศรษฐี มีทรัพย์เหล่านี้เลยพากันสร้างวัดอวดกัน วัดเลยมีจำนวนมากมาย" (นอกจากนี้ ยังมีอีกที่หนึ่งซึ่งเป็นส่วนน้อย นั่นคือ โบสถ์คริสต์ ตามสัญญาทางศาสนาที่ว่าด้วยการให้มิชชันนารีรับคนไทย ไว้ในโบสถ์เหมือนเป็นข้าวัด)
เลกวัดและข้าพระ เป็นสมาชิกของ สมณครัว ที่ต่อมาน่าจะแปรเรียกเป็น สำมะโนครัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 04 ส.ค. 20, 15:51
|
|
การบวชเป็นพระ ก็เป็นอีกโอกาสของการเปลี่ยนแปลงสถานภาพทางสังคม ทำให้ไพร่ไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงาน และ ทาสเป็นไทหากนายทาสอนุญาตให้บวช แต่ต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติผ่านพุทธบัญญัติและข้อห้าม - ห้ามบวชคนของราชการ,ทาส,ไพร่ต้องสังกัดมูลนาย เมื่อจะบวชต้องขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากมูลนายที่ สังกัด นายบางคนในตอนแรกยินยอมให้บวช แต่ต่อมาเสียดายผลประโยชน์ที่สูญเสียไป ก็เรียกร้องหรือบังคับให้ไพร่หรือทาส นั้นสึก ถ้าไพร่,ทาสไม่ยอมสึกจะมีการเรียกร้องให้ชดใช้เงินทอง ซึ่งในกรณีบังคับให้ลาสิกขานี้อาจจะเกิดขึ้นได้น้อยมากเพราะ ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยเชื่อกันว่าการบวชนั้น ตัวเองจะบวชเองหรือจะให้ผู้อื่นบวชนั้นได้อานิสงส์ใหญ่ - คนเป็นหนี้(ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหนี้ก่อน), บุรุษผู้ถูกเฆี่ยนด้วยหวาย(แล้วแผลยังไม่หาย) และผู้เป็นโรคติดต่อ บางชนิด
เมื่อพระสงฆ์มีจำนวนมากเกิน ในแผ่นดินพระนารายณ์จึงทรงโปรดให้มีการสำรวจสมณครัว และ การสอบไล่ โดยให้คณะสงฆ์จัดการศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างเป็นระบบจริงจัง กำหนดว่าภิกษุที่บวชมากี่พรรษาจะต้องมีภูมิความรู้ ในธรรมะและภาษาบาลีขั้นไหน และจัดการสอบไล่ ลาลูแบร์ได้บันทึกถึง การสอบไล่ของพระสงฆ์ตามนโยบายของสมเด็จพระนารายณ์เพื่อให้คนที่บวชหนีส่วย,เกณฑ์แรงงาน แล้วไม่ผ่านสอบไล่ต้องลาสิกขาและถูกสักเลกให้สังกัดมูลนายว่า ตอนที่เขาเข้ามา (พ.ศ.๒๒๓๐) มีพระสงฆ์ถูกจับสึกหลายพันรูปเพราะสอบตก และคนที่เป็นแม่กองสอบพระสงฆ์ฝ่ายคามวาสี ก็คือ ออกหลวงสุรศักดิ์ หรือพระเจ้าเสือในอนาคตนั่นเอง ส่วนมองซิเออร์ คอนซตันซ์ ฟอลคอน บันทึกเล่าว่า “...เคยเห็นพระเจ้าแผ่นดิน (สมเด็จพระนารายณ์) ให้พระสงฆ์สึกในวันเดียว ตั้ง ๗๐๐ และให้ลูกศิษย์ออกจากวัดตั้ง ๑๐,๐๐๐ คนก็มี"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 06 ส.ค. 20, 08:50
|
|
ถ้าเทียบกับทาสในอเมริกาก่อนมีกฎหมายเลิกทาส ทาสในสยามดูจะมีทางออกมากกว่า และกฎหมายก็คุ้มครองว่านายงานไม่อาจจะลงโทษถึงตายได้ ระหว่างอิสรภาพที่จะเป็นไพร่ มาทำงานให้หลวงในบางเดือน กับเป็นทาส อะไรดีกว่ากันคงยากจะชี้ชัดลงไปได้ เพราะเราไม่อาจเอาความคิดของคนปัจจุบันไปชี้วัด แต่หลังจากเสียกรุงครั้งที่ 2 การเข้าเวรแรงงานของไพร่ลดน้อยลงเมื่อมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ขณะที่ทาสกลับมีจำนวนมากขึ้น จนในรัชกาลที่ 3 พบว่าทาสมีจำนวนถึง 1 ใน 3 ของประชากร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
 
ตอบ: 89
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 06 ส.ค. 20, 21:28
|
|
เห็นคุณเทาชมพูบอกว่า "อย่างที่สองคือค่าตัวทาสนั้นไม่ได้คงที่เหมือนตอนแรกที่มาขายตัวเป็นทาส เพราะกฎหมายบัญญัติให้มีการลดค่าตัวทาสลงตามระยะเวลาของการเป็นทาส ทำให้ทาสมีค่าตัวลดน้อยลง เปิดโอกาสให้ทาสหาเงินมาไถ่ตัวเป็นอิสระได้ง่ายขึ้น"
พอจะมีรายละเอียไหมคะว่าส่วนใหญ่เขาซื้อขายทาสกันด้วยจำนวนเงินเท่าไร แล้วจำนวนเงินที่ลดลงตามระยะเวลาเขาคิดกันอย่างไง ลดเงินให้มากไหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 10 ส.ค. 20, 20:14
|
|
เมื่ออาณาจักรรัตนโกสินทร์สถาปนาขึ้น จนถึงรัชกาลที่ 5 ระบบทาสก็มีอยู่ในสังคมไทยแบบเดียวกับสมัยอยุธยา จำนวนทาสนั้นมีถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด กฎหมายที่ใช้กันอยู่ ตีราคาลูกทาสในเรือนเบี้ย ชาย 14 ตำลึง หญิง 12 ตำลึง แล้วไม่มีการลด ต้องเป็นทาสไปจนกระทั่งชายอายุ 40 หญิงอายุ 30 จึงมีการลดบ้าง คำนวณการลด อายุทาสถึง 100 ปี ก็ยังมีค่าตัวอยู่ คือชาย 1 ตำลึง หญิง 3 บาท แปลว่า ผู้ที่เกิดในเรือนเบี้ย ถ้าไม่มีเงินมาไถ่ตัวเองแล้ว ก็ต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต
ระบบทาสมาถึงจุดสิ้นสุดในรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้ตราพระราชบัญญัติขึ้น เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2417 ให้มีผลย้อนหลังไปถึงปีที่เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ พระราชบัญญัตินี้มีใจความสำคัญว่า ลูกทาสซึ่งเกิดเมื่อปีมะโรง พ.ศ. 2411 ให้มีสิทธิได้ลดค่าตัวทุกปี โดยกำหนดว่า เมื่อแรกเกิด ชายมีค่าตัว 8 ตำลึง หญิงมีค่าตัว 7 ตำลึง เมื่อลดค่าตัวไปทุกปีแล้ว พอครบอายุ 21 ปีก็ให้ขาดจากความเป็นทาสทั้งชายและหญิง
ต่อมาถึงปี พ.ศ. 2448 สยามออกพระราชบัญญัติเลิกทาสที่แท้จริงขึ้น เรียกว่า “พระราชบัญญัติทาส ร.ศ.124” (พ.ศ. 2448) เลิกเรื่องลูกทาส ในเรือนเบี้ยอย่างเด็ดขาด เด็กที่เกิดจากทาส ไม่เป็นทาสอีกต่อไป การซื้อขายทาสเป็นโทษทางอาญา ส่วนผู้ที่เป็นทาสอยู่แล้ว ให้นายเงินลดค่าตัวให้เดือนละ 4 บาท จนกว่าจะหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 10 ส.ค. 20, 20:43
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
 
ตอบ: 89
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 17 ส.ค. 20, 21:08
|
|
ขอบพระคุณคำตอบเรื่องเงินไถ่ตัวทาสด้วยนะคะ ขอบโทษที่ไม่ได้เข้ามาขอบคุณเสียนานค่ะ
เห็นหลานท่านว่าทาสไทยดีกว่าทาสอเมริกา ยุโรป แล้วถ้าเทียบกับชาติในเอเชียด้วยกันอย่างจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ในสมัยก่อนถือว่าไทยดีกว่าเขาไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 18 ส.ค. 20, 11:10
|
|
เรื่องทาสในจีน ขอแนะนำให้เข้าไปอ่านในลิ้งค์นี้ค่ะ ภาษาง่าย และเล่าได้กระชับค่ะ https://china.mrdonn.org/slavery.html
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 19 ส.ค. 20, 12:11
|
|
ภาพการเลิกทาสในรัชกาลที่ ๕ ค่ะ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
 
ตอบ: 89
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 19 ส.ค. 20, 12:24
|
|
ขอบคุณสำหรับบทความเรื่องทาสในจีนค่ะ ดิฉันจะไปอ่านดู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 26 ส.ค. 20, 13:23
|
|
ปัจจุบัน เห็นจะเหลือแต่ ทาสแมว ละครับ มีมากขึ้นทุกวัน ทุกหัวระแหงแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|