อ่านประวัติตามที่คุณเจ้าของกระทู้แนะนำให้ไปค้น พบว่าเจ้าพ่อหอกลองซึ่งเดิมเป็นเทพารักษ์ กลายเป็นขุนนางไทยสมัยธนบุรีไปเสียแล้ว

ขอยกประวัติของหอกลองมาให้อ่านนะคะ
ประวัติเดิม
เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างและสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวง โดยสร้างพระนครขึ้นใหม่และทรงเห็นความสำคัญของ “หอกลอง” ที่จะต้องมีคู่พระนคร พระองค์ทรงโปรดฯ ให้สร้างหอกลองขึ้นทางด้านใกล้กับพระบรมมหาราชวัง ติดกับเนื้อที่วัดพระเชตุพนฯ หอกลองนี้ในสมัยก่อนจะมีพนักงานเจ้าหน้าที่มาทำงานประจำ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็น “เจ้าหอกลอง” ทำหน้าที่ดูแลเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในพระนครคล้ายเป็นยามดูแลรักษาพระนคร คอยระแวดระวังภัย เช่น ไฟไหม้ รวมถึงบอกเวลา และเรียกหอกลองแห่งนี้ว่า “หอกลองประจำพระนคร”
ภายในหอกลองนี้รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำกลองขนาดใหญ่มาไว้ทั้งหมด 3 ใบ ได้แก่ กลองย่ำพระสุริย์ศรี กลองอัคคีพินาศ กลองพิฆาตนารี ซึ่งกลองแต่ละใบจะใช้ตีเพื่อแจ้งเหตุแตกต่างกัน โดยกลอง “ย่ำพระสุริย์ศรี” ใช้ตีเพื่อบอกเวลาแก่คนในพระนครว่าเวลานั้น ๆ เป็นเวลาเท่าใด ซึ่งเสียงที่เป็นสัญญาณจะดัง ตุ้ม ๆ ๆ เลยกลายเป็นคำว่า “ทุ่ม” ในปัจจุบัน ส่วนกลอง “อัคคีพินาศ” ใช้ตีเมื่อเวลาบ้านเมืองมีเหตุเภทภัย สมัยก่อนหากเกิดไฟไหม้ขึ้นในพระนครก็จะต้องเกณฑ์แรงคนมาช่วยกันดับ และการที่จะบอกเหตุเร่งด่วนได้รวดเร็วที่สุด สมัยนั้นก็คือ จะต้องคอยฟังเสียงกลองที่หอกลองแห่งนี้ สำหรับ “กลองพิฆาตไพรี” จะใช้ตีเมื่อข้าศึกยกกำลังมาประชิดพระนคร จะใช้ตีเพื่อให้คนในพระนครทราบว่า ขณะนี้เกิดเหตุมีข้าศึกยกทัพมาให้ชาวพระนครเตรียมพร้อมรับศึกสงครามที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อได้สร้างหอกลองเสร็จแล้ว รัชกาลที่ 1 ยังทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานองค์เทพารักษ์มาประดิษฐานประจำหอกลองด้วย หอกลองนี้คงทำหน้าที่มาถึงรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อหอกลองออกเพราะทรงเห็นว่า ความจำเป็นที่จะใช้หอกลองแจ้งข่าวสารแบบโบราณนั้นหมดไปแล้ว หอ กลองดังกล่าวจึงถูกรื้อทิ้ง เพื่อนำมาสร้างสถานที่ราชการ คือ กรมการรักษาดินแดนนั่นเอง