ยินดีต้อนรับ
ท่านผู้มาเยือน
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
หน้าแรก
ตู้หนังสือ
ค้นหา
ข่าว
: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
เรือนไทย
>
General Category
>
ประวัติศาสตร์โลก
>
ขยะสีดำใต้พรมทำเนียบขาว
หน้า:
1
2
[
3
]
พิมพ์
อ่าน: 6136
ขยะสีดำใต้พรมทำเนียบขาว
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 30
เมื่อ 17 ก.ค. 20, 11:28
กฎหมายในอเมริกายุคนั้นไม่ได้ให้สิทธิ์ใดๆแก่ทาสหญิง เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่ปฏิเสธความสัมพันธ์ทางเพศ อธิบายอีกทีคือกฎหมายเปิดทางให้ข่มขืนทาสหญิงได้โดยทาสไม่มีสิทธิ์จะขัดขืนหรือไปโวยวายกับใคร ดังนั้นเมื่อกลับมาอยู่ที่เวอร์จิเนีย แซลลี่ก็กลายเป็นลูกไก่ในกำมือของเจฟเฟอร์สันอีกครั้งหนึ่ง
แซลลี่ยังคงใช้ชีวิตอย่างหญิงรับใช้อยู่ในคฤหาสน์ของเจฟเฟอร์สัน พร้อมกับมีลูกให้เขาคนแล้วคนเล่า เด็กๆเติบโตขึ้นมาอย่างทาสในบ้านเช่นกัน ลูกชายได้ฝึกอาชีพสำหรับทำงานให้นาย คือเป็นช่างไม้ประจำบ้าน ส่วนผู้หญิงก็เป็นสาวรับใช้
เจฟเฟอร์สันไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแซลลี่จนแล้วจนรอด คือไม่ได้ฉีกสัญญาทาส ปล่อยเธอเป็นไทแก่ตัว แต่เมื่อลูกสองคนแรกรอดชีวิตมาจนโตเป็นหนุ่มสาว เขาก็อนุญาตทั้งสอง (คือลูกชายชื่อเบฟเวอร์ลี่และลูกสาวชื่อแฮเรียต)ให้ออกจากบ้านไปใช้ชีวิตอิสระได้ แต่ไม่ยอมลงนามในสัญญาอนุญาตปลดปล่อยทาส พูดง่ายๆคือยอมให้ออกจากบ้านไปตั้งถิ่นฐานที่อื่นได้โดยพฤตินัย แต่โดยนิตินัยหรือตามกฎหมาย หนุ่มสาวทั้งสองยังมีชื่ออยู่ในฐานะทาสของเขาเช่นเดิม
เหตุผลนี้เองทำให้เบฟเวอร์ลี่และแฮเรียตเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล ในเมื่อทั้งสองมีเลือดผิวขาวอยู่ถึง 87.5% มีเลือดผิวดำแค่ 12.5 % ( เพราะพ่่อผิวขาว 100% และแม่มีเลือดผิวขาว 75% ผิวดำแค่ 25%) ก็ตัดสินใจจะปกปิดเลือดผิวดำเอาไว้ แสดงตัวเป็นคนขาว เพื่อย้ายเข้าไปอยู่ในสังคมคนขาวได้โดยไม่มีใครสงสัย
ข้อนี้ทำให้เรื่องราวของลูกชายลูกสาวนอกกฎหมายของเจฟเฟอร์สันในส่วนนี้หายสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ไม่มีใครแกะรอยได้ว่าเขามีลูกหลานสืบต่อมาหรือไม่
บันทึกการเข้า
pratab
อสุรผัด
ตอบ: 29
ความคิดเห็นที่ 31
เมื่อ 17 ก.ค. 20, 15:47
เรียนคุณเทาชมพูู ผมไม่เคยได้ทราบหรืออ่านเกี่ยวกับทาสที่เคยมีในปรเทศไทย ไม่ทราบว่ามีสถานะเหมือนทาสในสหรัฐอเมริกาหรือในยุโรปหรือไม่ ขอความกรุณาเล่าให้ฟังบ้างครับ ขอบพระคุณมาก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 32
เมื่อ 17 ก.ค. 20, 15:49
เล่ากระทู้นี้จบแล้วจะไปค้นเรื่องทาสในสยามมาให้อ่านนะคะ
ขอให้คุณ Pratab อดใจรอหน่อยค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 33
เมื่อ 18 ก.ค. 20, 09:31
แซลลี่และลูกชายอีก 2 คนชื่อเมดิสันและเอสตัน ยังคงใช้ชีวิตใต้ใบบุญของเจฟเฟอร์สัน ในสถานะเดิม จนกระทั่งเขาถึงแก่กรรมในปี 1826 ในพินัยกรรมของเขาระบุไว้ว่าให้ปลดปล่อยทาสหนุ่มทั้งสองเป็นอิสระ แต่ไม่ได้ระบุแซลลี่เอาไว้ด้วย รวมทั้งทาสอื่นๆอีกนับร้อยก็ยังเป็นทาสอยู่ต่อไป
มาร์ธาลูกสาวของเจฟเฟอร์สัน( ซึ่งถ้านับตามสายเลือดคือหลานน้าของแซลลี่) อนุญาตให้เธอออกจากบ้านเป็นไทแก่ตัวได้ หลังจากเจฟเฟอร์สันถึงแก่กรรม เธอก็ออกจากบ้านไปพร้อมกับลูกชายทั้งสอง ไปอาศัยอยู่ในเมืองชาล็อตสวิลล์จนถึงแก่กรรมในปี 1835 คือ 9 ปีต่อมา เป็นมรณกรรมของหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง เงียบเชียบ ปราศจากการรับรู้ใดๆของโลกภายนอก
หลังจากมารดาถึงแก่กรรม ลูกชายทั้งสองก็ย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในรัฐโอไฮโอ เมดิสันยังคงใช่นามสกุลแม่ ส่วนเอสตันเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเจฟเฟอร์สัน ทั้งสองเปิดเผยกับลูกหลานว่าเขาสืบสายเลือดมาจากประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน แต่ก็ไม่เคยมีสิทธิ์ใดๆในมรดกของตระกูล หรือแม้แต่ได้รับการยอมรับจากพี่ๆคนละแม่ที่เป็นคนผิวขาวล้วน
ลูกหลานตามกฎหมายของเจฟเฟอร์สันปฏิเสธเรื่องนี้ ไม่ยอมรับว่ามีพี่น้องคนละแม่อีกกลุ่มหนึ่งที่มีเลือดคนดำ เวลาผ่านไปนับร้อยปีจนมีการพิสูจน์ DNA กันได้ ก็พบว่า DNA ของลูกหลานทั้งสองกลุ่มนี้เข้ากัน
ขยะใต้พรมจึงถูกเปิดเผยออกมา ในที่สุด
รูปข้างล่างนี้คือหลานย่าและเหลนของแซลลี่ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 34
เมื่อ 24 ก.ค. 20, 11:20
ประธานาธิบดีหลายคนของอเมริกามีทาสในครอบครองเป็นจำนวนมาก ซื้อขายทาสกันเป็นล่ำเป็นสัน ในยุคที่การมีทาสยังเป็นเร่องถูกต้องตามกฎหมาย ประธานาธิบดีบางคนก็ถึงขั้นต่อต้านร่างกฎหมายเลิกทาสเสียด้วยซ้ำ ทั้งๆพูดกันเต็มปากในทำเนียบขาวว่า อเมริกาคือดินแดนแห่งเสรีภาพ
มาดูกันว่ามีใครบ้างนะคะ
จอร์จ วอชิงตัน มีทาส 317 คน
โธมัส เจฟเฟอร์สัน มีทาส 600+ คน
เจมส์ เมดิสัน มีทาส 100+ คน
เจมส์ มอนโร มีทาส 75 คน
แอนดรูว์ แจ๊คสัน มีทาส 200 คน
มาร์ติน แวน บูเรน มีทาส 1 คน
วิลเลียม เฮนรี่ แฮรืสัน มีทาส 11 คน
จอห์น ไทเลอร์ มีทาส 70 คน
เจมส์ เอ. โพลค์ มีทาส 25 คน
แซคเคอรี่ เทเลอร์ มีทาส 150 คน
แอนดรูว์ จอห์นสัน มีทาส 8 คน
ยูลิซิส แกรนท์ มีทาส 1 คน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 35
เมื่อ 24 ก.ค. 20, 11:26
ความขัดแย้งกันเรื่องมีทาสหรือไม่มีทาส ก่อตัวมาเรื่อยๆหลายสิบปีจนกระทั่งระเบิดขึ้นเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ หลังจากฝายใต้(ที่สนับสนุนการมีทาส)พ่ายแพ้ฝ่ายเหนือ ที่ต้องการเลิกทาส กฎหมายเลิกทาสก็ออกมาหลังสงครามสิ้นสุดลง
ทาสทั้งหลายที่ทนทุกข์ทรมานมานับร้อยปี ก็ได้รับอิสรภาพ
ถึงกระนั้น ความไม่เสมอภาคยังดำรงต่อมาอีกนานหลายทศวรรษ จนกระทั่งมีการระเบิดออกมาหลายครั้ง ครั้งล่าสุดคือคดีจอร์จ ฟลอยด์ ที่ถูกตำรวจผิวขาวทารุณจนตาย
เบื้องหลังประธานาธิบดีและคนสำคัญๆหลายคนในประวัติศาสตร์ ที่รูปปั้นถูกโค่นถูกทำลายในการประท้วงครั้งนี้ ก็คงจะทำให้หลายคนเข้าใจได้ดีขึ้น ถึงที่มาที่ไป
หลายคนคงเรียนรู้ว่า เบื้องหลังวีรกรรมของคนสำคัญเหล่านี้ ผลประโยชน์ส่วนตัวย่อมมาก่อนประเทศชาติอยู่ดี
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
ตอบ: 6355
ความคิดเห็นที่ 36
เมื่อ 24 ก.ค. 20, 14:49
นอกจากอนุสรณ์ของปธน.ที่มีทาสในครอบครองถูกโค่นล้มลงไปแล้ว อนุสรณ์รำลึกการเลิกทาส(Emancipation Memorial)
ที่เป็นรูปปั้นท่าน Lincoln กับทาสที่ Washington, D.C. และ(แบบจำลอง) ที่ Boston’s Park Square ก็ยังโดนเพ่งเล็งเข้าข่าย
ควรย้ายลงด้วย
ผ่านไปเกือบ 150 ปี, การออกแบบให้ทาสอยู่ในท่านั่งคุกเข่าหนึ่งข้างเบื้องหน้าท่านปธน.ที่ยืนยื่นมือขึ้นเหนือตัวทาส ก็ได้กลายมา
เป็นประเด็นในศตวรรษนี้ ด้วยการมองว่าเป็นลักษณาการแสดงถึงความต้อยต่ำจำนนของทาส และความเหนือกว่าของคนขาว
แต่ ยังมีประเด็นอื่นอีกที่ทำให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ซับซ้อนและเป็นที่ถกเถียงว่าควรย้ายลงหรือคงไว้หรือให้ปรับ
ทั้งในแง่การตีความว่า ทาสนั้นอยู่ในท่าที่กำลังจะลุกขึ้นยืนต่างหาก คุณค่าในแง่งานศิลปกรรม คุณค่าทางประวัติศาสตร์การสร้าง และ
เกียรติประวัติของตัวทาสต้นแบบผู้นั้นคือหนึ่งในผู้ประกอบวีรกรรมเสี่ยงชีวิตช่วยรักษาชีวิตคนอื่นมากมายในช่วงสงครามเลิกทาส
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 37
เมื่อ 24 ก.ค. 20, 16:28
มองว่าช่างยังไม่สามารถจะทำให้ประธานาธิบดีและทาสยืนตัวตรงเสมอกันได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
ตอบ: 421
ความคิดเห็นที่ 38
เมื่อ 30 ก.ค. 20, 11:29
ผมมองว่า คิดมากไปครับ การทำงานศิลป์ (รูปปั้น รูปสลัก หรือภาพวาด) เกี่ยวกับเหตุการณ์การให้ความช่วยเหลือผู้ด้วยโอกาส โดยธรรมชาติงานนั้นก็ต้องสื่อได้ชัดว่า ผู้ที่มาช่วยคือคนไหน และผู้ที่ได้รับการช่วยคือคนไหน ขืนทำรูปปั้น มนุษย์สองคนแต่งกายดีเสมอกัน ยืนกอดคอกัน จะสื่อว่า นี่เป็นเหตุการณ์ปลดปล่อยทาสได้อย่างไรกันครับ
นี่ถ้ามีแนวคิดอย่างนี้ ผมหละเสียวแทนรูปปั้นหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเคยมีคนแซวหลายทีแล้วว่า ขนาดรูปปั้นหน้ากรมยัง "อุ้ม" ประชาชนเลย (ฮ่า) ถ้าตีความตามตัวอักษรรูปปั้นนี้ เห็นที่จะได้ไปพักผ่อนในร่มแน่ครับ
บันทึกการเข้า
Anna
องคต
ตอบ: 550
ความคิดเห็นที่ 39
เมื่อ 30 ก.ค. 20, 13:42
ตลกของนักกฎหมายล้ำลึกยิ่งนัก ข้าน้อยขอคารวะ
บันทึกการเข้า
หน้า:
1
2
[
3
]
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกกระทู้:
-----------------------------
General Category
-----------------------------
=> ศิลปะวัฒนธรรม
=> ภาษาวรรณคดี
=> ระเบียงกวี
=> ชั้นเรียนวรรณกรรม
=> หน้าต่างโลก
=> ประวัติศาสตร์โลก
=> ประวัติศาสตร์ไทย
=> ทันกระแส
=> วิเสทนิยม
=> ห้องหนังสือ
=> ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย
Powered by SMF 1.1.21
|
SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder
XHTML
|
CSS
|
Aero79
design by
Bloc
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.033 วินาที กับ 19 คำสั่ง
Loading...