เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 12
  พิมพ์  
อ่าน: 17386 2020 อเมริกาจลาจล
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 21 มิ.ย. 20, 12:44

     ในยุค 200 ปีก่อน   อเมริกาค้าทาสกันอย่างเสรี เหมือนค้าขายสัตว์เลี้ยง  คำนี้อาจจะแรงไปหน่อยแต่ก็ให้ภาพที่ตรงที่สุด   เพราะคนดำในสายตาคนขาวไม่ได้มีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับพวกเขา   อย่าว่าแต่คนดำ คนผิวสีอื่นๆเช่นอินเดียนแดงก็ถูกมองว่าเป็นคนป่าเถื่อน  ครอบครองดินแดนอุดมสมบูรณ์ที่ควรจะเป็นคนของคนขาว
     ทั้งๆถูกมองว่าไม่ได้เป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน    สัญชาตญาณมืดของผู้ชายก็ทำให้เจ้าของทาสจำนวนมากเอาผู้หญิงผิวดำเป็นนางบำเรอ    แต่ไม่ได้ยกขึ้นมาเป็นเมียออกหน้า   คงเก็บสตรีเหล่านี้ไว้ในฐานะทาสในบ้าน แม้ว่าเธอมีลูกให้เขา  ลูกครึ่งเหล่านั้นก็ถูกเลี้ยงอย่างทาส  ไม่ได้รับการศึกษา   แต่ถูกฝึกงานต่างๆเช่นเป็นช่างฝีมือ หรือคนงานในไร่ เพื่อจะได้มีแรงงานรองรับความมั่งมีของนาย
    แซลลี่ เฮมิ่งส์เป็นสตรีผิวดำในประวัติศาสตร์ที่ถูกเก็บใต้พรมมานานนับร้อยปี   แม่ของเธอชื่อเบตตี้ เป็นทาสหญิงในบ้านเศรษฐีผิวขาวชื่อจอห์น เวลส์   คลอดลูกออกมา 6 คนกับนาย  สุดท้องคือแซลลี่     แซลลี่กลายเป็นสมบัติตกทอดไปสู่มาร์ธา ลูกสาวคนโตของเวลส์ซึ่งเกิดจากภรรยาผิวขาว   จะว่าไปมาร์ธา ก็คือพี่สาวต่างแม่ของเธอเอง  
   ต่อมามาร์ธาแต่งงานกับโทมัส เจฟเฟอร์สัน   เธอก็หอบนางทาสในฐานะสมบัติส่วนตัว มาอยู่บ้านของสามี  แซลลี่ต่อมาก็ได้เป็นนางบำเรอของนายผู้ชาย เมื่อมาร์ธาถึงแก่กรรม   มีความเป็นอยู่อย่างสาวใช้ในบ้านมาตลอดชีวิต
   ลูกๆของแซลลี่ที่เกิดจากเจฟเฟอร์สันไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นลูก  แต่ก็มีความเป็นอยู่ดีกว่าทาสคนอื่นๆนิดหน่อย  คือได้ฝึกงานช่างและทำหน้าที่คนรับใช้ในบ้าน  ไม่ต้องทำไร่ไถนาซึ่งเป็นงานหนักมาก
    เมื่อเจฟเฟอร์สันถึงแก่กรรม ลูกสาวคนโตที่เกิดจากมาร์ธาก็ปลดปล่อยแซลลี่เป็นอิสระ  เธอจึงออกจากบ้านไปอยู่กับลูกชาย จนถึงแก่กรรมในฐานะนางทาสที่ได้ถูกปลดปล่อย   ไม่ใช่ในฐานะภรรยาของประธานาธิบดี
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 21 มิ.ย. 20, 14:37

โทมัส เจฟเฟอร์สัน เป็น ประธานาธิบดีคนที่ 3  ของอเมริกา  ผู้ร่างคำประกาศอิสรภาพที่คนอเมริกันภูมิใจกันมาทุกวันนี้ทตอนหนึ่งในประกาศคือ มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน

ปากอย่าง : เราถือว่าความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือ มนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการที่จะเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดาสิทธิเหล่านั้นได้แก่ ชีวิต เสรีภาพและการเสาะแสวงหาความสุข

ใจอย่าง : มนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน ยกเว้นคนผิวดำและคนพื้นเมืองอเมริกัน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 21 มิ.ย. 20, 16:49

ทำให้นึกถึงนิยายเสียดสีสังคมการเมือง เรื่อง Animal Farm ของ George Orwell
" สัคว์ทั้งปวงเกิดมาเท่าเทียมกัน   แต่สัตว์บางตัวก็มีความเท่าเทียมมากกว่าตัวอื่นๆ"


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 21 มิ.ย. 20, 17:24

มาถึงขยะใต้พรมของจอร์จ วอชิงตันบ้าง

จอร์จเป็นลูกชายคหบดี  เมื่ออายุ 11 เขาก็ได้รับมรดกส่วนหนึ่งจากพ่อคือทาสผิวดำจำนวน 10 คน    พอโตเป็นหนุ่ม แต่งงานกับแม่ม่ายทรงเครื่องชื่อมาร์ธา  เธอมีมรดกคือทาสจำนวนกว่า 80 คนจากทรัพย์สินของสามีคนแรก   บวกกันเข้าไปแล้ว ทั้งสองก็อยู่ในฐานะมั่งคั่งทีเดียว ในฐานะเจ้าของไร่ผืนใหญ่ ณ เมาท์เวอร์นอน

ทั้งๆจอร์จทำหน้าที่แม่ทัพทำศึกประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ จนได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา  ดินแดนแห่งเสรีภาพ    แต่ในด้านส่วนตัวแล้ว เขาก็หาได้ให้เสรีภาพใดๆแก่ทาสผิวดำของเขาไม่      คนผิวนำนับร้อยกว่าคนยังต้องทำงานเป็นทาสแรงงานไร่นาของเขาไปตลอดชีวิต

หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นหญิงผิวดำชื่อโอน่า จัดจ์   พ่อเธอเป็นชาวบ้านผิวขาวอพยพมาจากอังกฤษ  มาได้แม่ซึ่งเป็นทาสหญิงผิวดำ   ตามกฎหมายสมัยนั้นกำหนดให้ลูกทาสต้องเป็นทาส  ไม่ว่าพ่อจะเป็นอิสรชนหรือไม่ก็ตาม    ดังนั้นโอน่าจึงตกเป็นทรัพย์สินของนายของแม่   และตกทอดมาเป็นทรัพย์สินของมาร์ธา วอชิงตัน ลูกสาวนายอีกทอดหนึ่ง

เมื่อโตเป็นสาว  โอน่าตัดสินใจหนีออกจากบ้านของนาย ลงเรือหนีข้ามรัฐไปอยู่ที่นิวแฮมป์เชียร์   ณ ที่นั้นมีครอบครัวคนผิวดำที่เป็นไทแก่ตัวอาศัยอยู่มากพอจะเป็นที่พึ่งพิงของเธอได้   
เมื่อรู้ว่าทาสหนีไป   ประธานาธิบดีผู้ประกาศอิสรภาพแก่คนผิวขาวก็ส่งคนมาไล่ล่าเอาตัวเธอกลับไปบ้านด้วยกลอุบายต่างๆ   แต่โชคดีทำไม่สำเร็จ   โอน่าจึงมีชีวิตอิสระอยู่จนกระทั่งแก่ชราถึงแก่กรรม  แม้ยากจนค่นแค้นสาหัส เธอก็ไม่เคยอยากจะกลับไปเป็นทาส  ทั้งที่ชีวิตในบ้านนายอย่างน้อยทาสก็ไม่อดอยาก
  เธอขอเลือกอยู่เป็นไทแก่ตัวดีกว่า

ประวัติของวอชิงตันให้ข้อมูลทำนองอะลุ้มอล่วยกับเขาว่า จอร์จเองก็ไม่สบายใจนักที่ต้องมีทาส   แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อไร่นาสาโทอันกว้างใหญ่ของเขาต้องอาศัยแรงงานจำนวนมาก เพื่อให้สร้างผลผลิตต่อไปได้    มีแต่คนผิวดำจำนวนนับร้อยเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้

สรุปว่าตลอดชีวิตของจอร์จ วอชิงตัน ยังใช้แรงงานทาสมาตลอด     เขาเพิ่งปลดปล่อยทาสทั้งหมดเป็นอิสระในพินัยกรรม เมื่อเขาสิ้นชีวิตไปแล้ว


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 21 มิ.ย. 20, 22:17


จะมีใครปีนไปพ่นสีเมาท์รัชมอร์ไหมครับ​ :-)​
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 21 มิ.ย. 20, 22:19

เทพีเสรีภาพอาจจะกำลังหนาวๆร้อนๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 23 มิ.ย. 20, 19:22

คิวของประธานาธิบดีคนต่อไป  คือแอนดรูว์ แจ๊คสัน
ผู้ประท้วงพยายามโค่นอนุสาวรีย์ประธานาธิบดีคนที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา   ซึ่งตั้งอยู่ที่จตุรัสลาฟาแย็ตต์ ใกล้ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 24 มิ.ย. 20, 07:50

สาเหตุที่ท่านทวดแจ๊คสันโดนล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่เข้าไปด้วย เพราะสมัยท่านมีชีวิตอยู่ เป็นเศรษฐีด้านการเกษตร เจ้าของไร่เกษตรกรรมมหึมา อยู่ในรัฐมิสซิสซิปปี้ 
ตอนท่านถึงแก่อนิจกรรม  บ้านท่านมีทาสอาศัยอยู่ถึง 51 คน  ว่ากันว่าตลอดชีวิตท่าน มีทาสในปกครองไม่ต่ำกว่า 300 คน
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 24 มิ.ย. 20, 10:43

         มหกรรมโค่นล้มอนุสาวรีย์ในอเมริกาที่ระบาดตามหลังโควิดนี้ มีอนุสวารีย์เด่นๆ ที่ตกลงจากแท่นมากมาย
(วิกี้มีรวบรวมรายการ List of monuments and memorials removed during the George Floyd protests)
 
เช่น
         อดีตปธน. Ulysses Grant ผู้ยุติสงครามกลางเมือง - มีทาสในครอบครอง
         
         Francis Scott Key ผู้ประพันธ์เพลงชาติ Star Spangled Banner - มีทาสในครอบครอง

และ เป็นข่าวล่าสุดคือ  Equestrian statue of Theodore Roosevelt ที่ the American Museum of Natural History, New York
         
         ตั้งตระหง่านมาแต่ปี 1940 ถึงวันนี้ทางการนิว ยอร์คจะดำเนินการย้ายออกไปเอง
         หลังจากทราบข่าวปธน. ทรัมป์ทวิตว่า  "Ridiculous, don't do it!"

ให้ภาพบอกเล่าเหตุให้ต้องย้าย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 24 มิ.ย. 20, 17:08

ขอแตกกระทู้ไปที่กระทู้ใหม่ค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=7132.new#new
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 28 มิ.ย. 20, 07:53

จลาจลในอเมริกายังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง    ทางการบ้านเมืองก็ดูเหมือนจะอ่อนแรง ราข้อลงไปเรื่อยๆ  กลายเป็นว่า ใครใคร่ทำ ทำ    อนุสาวรีย์จึงถูกโค่นลงมาเป็นว่าเล่น    แต่ข่าวก็เหมือนจะถูกกรองอย่างเข้มงวด  เราจึงไม่ค่อยจะได้ข่าวว่าคนดำลุกฮิอทำอะไรกันอีกบ้างในช่วงนี้

แต่ข่าวที่แทรกขึ้นมาคือ คะแนนเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ตกต่ำลง  อาจจะไม่รอดการเลือกตั้งปลายปีนี้ แปลว่าโอกาสจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี ริบหรี่ลงทุกที
 ก่อนหน้านี้  ทรัมป์ได้คะแนนท่วมท้นจากชนผิวขาวชั้นแรงงานของอเมริกา  เรียกว่าแกเป็นพ่อค้าขวัญใจชาวบ้าน  พวกนี้ก็จะไปลากจูงลูกเมียมาลงคะแนนให้
แต่ตอนนี้  บรรดาป้าๆน้าๆชาวบ้านทั้งหลายไม่เอาลุงแกแล้ว  เพราะเห็นฝีมือและฝีปากแกหลายอย่างในการแก้ปัญหาของประเทศ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 28 มิ.ย. 20, 09:44

จลาจลในอเมริกายังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง    ทางการบ้านเมืองก็ดูเหมือนจะอ่อนแรง ราข้อลงไปเรื่อยๆ  กลายเป็นว่า ใครใคร่ทำ ทำ    อนุสาวรีย์จึงถูกโค่นลงมาเป็นว่าเล่น

การรื้อทำลายอนุสาวรีย์ของบุคคลในประวัติศาสตร์ซึ่งถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาส การล่าอาณานิคม และการออกนโยบายแบ่งแยกเชื้อชาติ ยังมีกรณีหนึ่งซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่ “ไปไกลเกินไป” คือ การโค่นทำลายอนุสาวรีย์ของยูลีสซีส เอส แกรนต์ อดีตประธานาธิบดีคนที่ ๑๘  ในนครซานฟรานซิสโกเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ แม้ว่านักประวัติศาสตร์จะชี้ว่า แกรนต์เคยมีทาสในครอบครองหนึ่งคนและแต่งงานกับหญิงจากครอบครัวนักค้าทาส แต่เขาก็ปล่อยทาสคนนั้นเป็นอิสระ และเป็นผู้นำกองทัพสหรัฐฯ นำชัยในช่วงสงครามกลางเมืองอันนำมาซึ่งการเลิกทาสในเวลาต่อมา



ภาพและรายละเอียดจาก
https://www.facebook.com/105929502780726/posts/4270636169643351/


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 28 มิ.ย. 20, 11:17

ะการออกนโยบายแบ่งแยกเชื้อชาติ ยังมีกรณีหนึ่งซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่ “ไปไกลเกินไป” คือ การโค่นทำลายอนุสาวรีย์ของยูลีสซีส เอส แกรนต์ อดีตประธานาธิบดีคนที่ ๑๘  ในนครซานฟรานซิสโกเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ แม้ว่านักประวัติศาสตร์จะชี้ว่า แกรนต์เคยมีทาสในครอบครองหนึ่งคนและแต่งงานกับหญิงจากครอบครัวนักค้าทาส แต่เขาก็ปล่อยทาสคนนั้นเป็นอิสระ และเป็นผู้นำกองทัพสหรัฐฯ นำชัยในช่วงสงครามกลางเมืองอันนำมาซึ่งการเลิกทาสในเวลาต่อม
จะเก็บเรื่องนี้ไปเล่าในกระทู้ ขยะสีดำใต้พรมทำเนียบขาว   เพราะมีรายละเอียดอีกหลายอย่าง   แล้วชาวเรือนไทยค่อยตัดสินประธานาธิบดีแกรนท์ว่าพวกเดินขบวนทำกับแกมากไปหรือไม่ นะคะ
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 29 มิ.ย. 20, 12:58

อ้างถึง
ใจอย่าง : มนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน

จริงๆ จะมีวรรคสองครับ
"มนุษย์" หมายความว่า ...............

แนวคิดนี้ สืบทอดมาตั้งแต่สมัยกรีก - โรมันแล้วแหละครับ เอเธนส์ ที่ว่ากันว่าเป็นประชาธิปไตยหนักหนะ ไม่นับผู้หญิงเป็นพลเมือง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทาส เวลาพูดถึงสิทธิเสรีภาพอะไรต่อมิอะไร เขาหมายถึง ชายชาวกรีกเท่านั้น สมัยโรมัน กฎหมายที่ใช้กับชาวโรมคือ Jus Civile ส่วนพลเมืองชาติอื่นใช่ Jus Gentium (บางท่านมองว่า สิ่งนี้เหมือนหลักกฎหมายภายใน กับกฎหมายระหว่างประเทศมากกว่า) แต่ผมมองว่า หลักกฎหมายที่ต่างกัน ทำให้เวลาพูดคำว่าสิทธิ มันหมายถึงสิทธิของชาวโรมซึ่งเป็นเสรีชนเท่านั้น

เมื่ออาณาจักรเหล่านี้ล่มสลายลง แนวความคิดนี้ก็ไม่ได้หายไปไหน ยังคงสืบต่อไปตามหลักกฎหมายของชนชาติยุโรปต่างๆ เวลาที่ชาวฝรั่งเศส พูดถึงสิทธิ เสรีภาพ ภารดรภาพ เขาก็ไม่นับชาวอาณานิคมเป็นภารดา กับเขาด้วย อเมริกาก็เช่นกันครับ     
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 01 ก.ค. 20, 10:28

ต้องถามว่า เสรีภาพของชนกลุ่มไหน และเสมอภาคของคนกลุ่มไหน ในประเทศเดียวกัน ค่ะ

อเมริกายังจลาจลไม่เลิก   ถ้าสุนทรภู่อยู่อเมริกาคงรำพึง "เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น  ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา"
เชิญอ่าน แก้ผ้าลุงแซม
โดย...เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้
วันอังคาร ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 09.43

ขอพักเบรคกับสถานการณ์น่าปวดหัวในอเมริกาสักครั้ง  ในฐานะคนที่อาศัยในอเมริการู้สึกถึงความน่าหวาดหวั่นและไม่ปลอดภัย  ท่ามกลางความประมาทของอเมริกันทั้งประเทศขณะที่โควิด 19 ระบาดจัดหนักรอบสองทั้งที่รอบแรกก็ยังหนักหนาสาหัสอยู่
การระบาดรอบแรกมีศูนย์กลางที่นิวยอร์ก แต่รอบสองนี่ย้ายที่ลงมารัฐทางใต้แทน ทั้งหมดนี้เพราะผลของการเปิดเมืองเมืองรัฐ และทัศนคติของอเมริกันที่ไม่ยอมใส่หน้ากาก ทั้งยังเหยียดคนที่ใส่หน้ากากว่าขี้ขลาด หากกลัวติดเชื้อก็อยู่บ้าน ไม่ต้องออกมา  สถานที่สาธารณะบางแห่ง อย่างซุปเปอร์มาร์เก็ตมีมาตรการให้ใส่หน้ากากเข้าร้าน แต่ยังมีพวกมีหัวไว้ให้แค่ผมงอก ออกมาเอะอะอาละวาดด่าทอ ไม่ยอมใส่หน้ากาก อ้างหมอประจำตัว อ้างสิทธิส่วนบุคคล อ้างเสรีภาพโน่นนี่ไปเรื่อย

ยอดผู้ป่วยทั้งหมดล่อไปสองล้านเจ็ดแสน ตายไปเกือบแสนสามหมื่นราย  ช่วงก่อนวันที่ 15 เมษายนที่ว่าเป็นช่วงพีค ยอดป่วยรายวันประมาณสองหมื่นห้า แต่ตอนนี้ยอดป่วยรายวันพุ่งไปสี่หมื่นกว่า เล่นเอาคนตามข่าวหัวใจจะวาย  โดยเฉพาะฟลอริด้านี่ยอดติดเชื้อเพิ่มเกือบหมื่นทุกวัน

สถานการณ์การประท้วงการเหยียดผิวยังคงดำเนินไปคู่ขนานกับโควิด ตาลุงผมเป๋ยังออกเดินสายหาเสียงแบบไม่แคร์สื่อ แถมประกาศว่า ใครติดโควิดเพราะมาฟังแกพูด จะฟ้องร้องไม่ได้เสียด้วย

ล่าสุดเกิดรัฐซ้อนรัฐชังชาติสาขาสอง เกิดเขตปกครองตัวเองในวอชิงตันดีซี ผู้ประท้วงปิดกั้นพื้นที่บริเวณหนึ่ง แล้วตั้งชื่อเรียกว่า “เขตปกครองตนเองทำเนียบดำ” (Black House Autonomous Zone) หรือ BHAZ ใกล้ทำเนียบขาว เอาเข้าไป..มีทำเนียยบขาวแล้วต้องมีทำเนียบดำสินะ จากนั้นก็พยายามโค่นรูปปั้นของแอนดรูว์ แจ็กสัน ประธานาธิบดีคนที่ 7 ภายในสวนสาธารณะลาฟาแยตต์

อ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ
https://www.naewna.com/columnonline/44488
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.049 วินาที กับ 20 คำสั่ง