WHOชี้ยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางโควิด-19 สเปน,อิตาลีทุบสถิติรายวันผู้ติดเชื้อสูงสุด
องค์การอนามัยโลก(WHO)ประจำภาคพื้นยุโรปในวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) บอกว่ามาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศควรเป็นทางเลือกสุดท้าย แม้ยอมรับทวีปแห่งนี้กลับมาเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 อีกครั้งแล้ว โดยล่าสุุดสเปนและอิตาลีพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดดร.ฮานส์ คลุกก์ (Hans Kluge) หัวหน้าสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำทวีปยุโรป ระบุในถ้อยแถลงที่กล่าวต่อที่ประชุมฉุกเฉินบรรดารัฐมนตรีสาธารณสุขของยุโรป ว่าแม้การชัตดาวน์สังคมอย่างกว้างขวางจะช่วยลดการแพร่เชื้อในชุมชนและช่วยคลายสถานการณ์ตึงเครียดแก่ระบบสาธารณสุข แต่มันก็มาพร้อมกับต้นทุนที่ใหญ่หลวง
ด้วยที่มีบรรดาชาติยุโรปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆที่กลับมาใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางดร.คลุกก์ แสดงความเห็นว่าการตอบโต้ที่หนักแน่นนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้แนวทางล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดแบบที่พบเห็นกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา เสมอไป
เขาเตือนว่ามาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ มีข้อเสียหลายอย่าง ในนั้นรวมถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เพิ่มเหตุการณ์ความรุนแรงภายในครอบครัว และก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจ "จากข้อเท็จจริงเหล่านั้น เรามองว่าการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะมาตรการขั้นพื้นฐานและมีประสิทธิผลอื่นๆยังคงเป็นไปได้อยู่"
คำแนะนำหลีกเลี่ยงล็อกดาวน์ทั่วประเทศ มีขึ้นแม้อีกด้านหนึ่ง ทาง ดร.ฮานส์ คลุกก์ ได้เผยว่าภูมิภาคยุโรปมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ สูงสุดนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น "ยุโรปกลับมาอยู่ในศูนย์กลางของโรคระบาดใหญ่นี้อีกครั้ง" เขากล่าว พร้อมชี้ว่าอัตราการเสียชีวิตและจำนวนผู้เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
องค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 53 ชาติ ในนั้นรวมถึงรัสเซียและหลายประเทศในเอเชียกลาง เปิดเผยว่าภูมิภาคแถบนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมรวมกันเกิน 10 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) ในขณะที่บรรดาชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของทวีป ล้วนแต่มีสถานการณ์ที่น่ากังวล
สเปน พบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 23,580 คนในวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) ถือเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาด ในขณะที่พวกเขากำลังดิ้นรนควบคุมการแพร่ระบาดระบอกสอง
แม้จำนวนผูู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 1,160,083 คน แต่นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ เชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่แท้จริงน่าจะเกินกว่า 3 ล้านคน เนื่องจากผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่ได้ถูกเก็บอยู่ในสถิติแห่งชาติ
นอกจากนี้แล้ว สเปน ยังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 173 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผานมา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 35,466 คน แม้เพิ่มขึ้นจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ แต่ยังต่ำกว่าระดับ 267 คนของวันอังคาร(27ต.ค.) ซึ่งเป็นตัวเลขเสียชีวิตวันเดียวมากที่สุดของการแพร่ระบาดระลอกสอง
ในอิตาลี ทางกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยในวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 26,831 คนในช่วง 24 ชั่วโมง ถือเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตเริ่มต้นขึ้น ทุบสถิติเดิม 24,991 คน ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ(28ต.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศ เพิ่มเป็น 616,595 คน
กระทรวงสาธารณสุขอิตาลี รายงานด้วยว่าพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 217 คนในวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) เพิ่มขึ้นจากระดับ 205 คนของหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 38,122 คน
ด้านฝรั่งเศส รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวัน 47,637 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากระดับ 36,437 คนในวันพุธ(28ต.ค.) แต่ต่ำกว่าสถิติสูงสุด 52,010 คนเมื่อวันอาทิตย์(25ต.ค.)
ตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของฝรั่งเศส เพิ่มเป็นมากกว่า 1.28 ล้านคน ส่วนผู้เสียชีวิตรายวัน พบเพิ่ม 235 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 36,020 คน
ข้อมูลที่น่ากังวลดังกล่าว มีขึ้นในขณะที่หลายชาติในยุโรปเริ่มทบทวนคำนวณเปรียบเทียบมูลค่าความเสียหายของข้อจำกัดต่างๆ ที่กำหนดออกมาเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง กับผลกระทบหนักหน่วงต่อวิถีชีวิตของสังคม โดยเยอรมนีและฝรั่งเศส ตัดสินใจสั่งล็อกดาวน์อีกรอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผิดกับ สหราอาณาจักร ซึ่งดูลังเลที่จะทำตาม
สหราชอาณาจักร มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 280 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 23,065 คน
ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวัน สูงสุดในสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 422 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 45,955 คน จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด 965,340 คน
(ที่มา:เอเอฟพี/รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9630000112474