เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 240 เมื่อ 20 มี.ค. 20, 14:59
|
|
งวดแรก น่าจะพอสำหรับคนป่วยในปัจจุบันนะคะ ไม่รวมคนป่วยในอนาคต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ninpaat
|
ความคิดเห็นที่ 241 เมื่อ 20 มี.ค. 20, 15:02
|
|
ข่าวดี
แต่ไม่รู้ว่าแสนแปดหมื่นเม็ดนี่ เพียงพอสำหรับคนป่วยเท่าไหร่ ประมาณ 4,500 คนครับ
อ้างอิง : ฟาวิพิราเวียร์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี การใช้ยาโดยทั่วไปสำหรับผู้ใหญ่ ขนาดการรับประทาน (1,600 มิลลิกรัม วันละสองครั้งในวันแรก) และ (600 มิลลิกรัม วันละสองครั้งในวันที่ 2 ถึงวันที่ 5) ระยะเวลาการรักษาโดยรวมคือ 5 วัน ด้วยยาเม็ดขนาด 200 มิลลิกรัม ดังนั้นจึงต้องรับประทาน [(1,600 x 2) + (600 x 2 x 4) มก.] / 200 มก. = 40 เม็ดต่อคน ส่วนผลจากการได้รับยาในปริมาณสูง ยังคงอยู่ระหว่างการศึกษา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 242 เมื่อ 20 มี.ค. 20, 15:17
|
|
Favipiravir มีชื่อการค้าว่า Avigan ทั้งสองชื่อจึงเป็นชื่อยาตัวเดียวกัน ปรกติใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่
กรมควบคุมโรคเคยจัดซื้อจากประเทศญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราคาเม็ดละ ๑๕๕ บาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 243 เมื่อ 21 มี.ค. 20, 12:01
|
|
แต่ไม่รู้ว่าแสนแปดหมื่นเม็ดนี่ เพียงพอสำหรับคนป่วยเท่าไหร่
นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงเรื่องความพร้อมของยาที่จะใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-๑๙ ว่า ยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยในขณะนี้ แม้จะยังไม่มียาที่รักษาตรงประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พอจะแก้ไขได้ดีในระดับหนึ่ง นั่นคือยาฟาวิพิราเวียร์ (favipiravir) ในช่วงแรกติดต่อซื้อมาได้ ๔ หมื่นเม็ด และได้มาเพิ่มอีก ๑ แสนเม็ด ตอนนี้หน่วยงานทางภาครัฐพยายามติดต่อขอซื้อมาเพิ่มเติมจากประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง โรคนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ได้รับเชื้อจะต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้ยาทำการรักษา ร้อยละ ๘๐ ที่ติดเชื้อมักมีอาการน้อย ถึงน้อยมาก บางรายแทบไม่มีอาการป่วยให้เห็น ซึ่งกลุ่มนี้สามารถใช้วิธีการกักตัวเองที่บ้านเป็นเวลา ๑๔ วันเชื้อก็จะตายไปเอง ร้อยละ ๑๕ มีอาการมากต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล และอีกประมาณร้อยละ ๕ อยู่ในขั้นวิกฤติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัวแทรกซ้อน ๒ กลุ่มหลังเป็นกลุ่มหลักที่ต้องใช้ยา โดย ๑ คนจะต้องใช้ยา ๗๐ เม็ด ตอนนี้จำนวนตัวยาเพียงพอที่จะทำการรักษาได้มากถึง ๒,๐๐๐ คน https://www.mcot.net/view/5e74a036e3f8e40af9427b4bนาทีที่ ๒๐.๒๐ - ๒๔.๔๕
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 244 เมื่อ 21 มี.ค. 20, 20:16
|
|
วันนี้ เกิดปรากฏการณ์ใหม่ตั้งแต่ตั้งกรุงเทพมหานครเป็นต้นมา คือการปิดบางส่วนของเมือง เพื่อระงับโรคระบาดไม่ให้แพร่ขยายออกไป กทม. มีมติปิดห้างสรรพสินค้า และตลาดทั่วกทม. ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.-12 เม.ย. ยกเว้นให้เปิดโซน super market ร้านยา ร้านอาหารที่ให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้นเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 มี.ค. 2563 มีรายงานว่า คณะกรรมการอำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" กทม. มีมติปิดห้างสรรพสินค้า และตลาดทั่วกทม. ยกเว้นให้เปิดโซน super market ร้านยา ร้านอาหารที่ให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น ส่วนตลาดยกเว้นของสด ของแห้งขายได้ บังคับใช้ 22 มี.ค.-12 เม.ย. 2563 รวม 22 วัน https://www.thairath.co.th/news/society/1800461
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 245 เมื่อ 21 มี.ค. 20, 20:19
|
|
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/8719465 จังหวัดปริมณฑลล็อกดาวน์ตาม กทม.หลังจาก กทม.ออกประกาศปิดสถานที่ต่างๆ รวม 26 ประเภท ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ จนถึงวันที่ 12 เมษายน 2563 โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ล่าสุด นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จังหวัดปริมณฑล 5 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี และปทุมธานี ได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้ว มีมติให้ปิดสถานที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระบาดโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม-12 เมษายน เช่นเดียวกับ กทม.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 246 เมื่อ 21 มี.ค. 20, 20:22
|
|
สรุป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 247 เมื่อ 21 มี.ค. 20, 20:23
|
|
ท่านสมาชิกเรือนไทยมีท่านไหนลำบากกับเรื่องนี้บ้างไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 248 เมื่อ 22 มี.ค. 20, 09:19
|
|
ถึงแม้จะไม่ใช้คำว่า "ปิดเมือง" แต่ในทางปฏิบัติก็คงจะเป็นประมาณนั้น ในฐานะผู้ซื้อและใช้บริการคงไม่เดือดร้อนเท่าผู้ให้บริการที่มีรายได้รายวัน เมื่อปิดเมืองก็ต้องขาดรายได้ไปถึง ๒๒ วัน นี่แหละผู้เดือดร้อนที่แท้จริง รัฐบาลให้ผู้ว่าออกหน้าเป็นคนออกคำสั่ง โดยไม่พูดถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือ มีกรณีศึกษาจากอังกฤษให้เปรียบเทียบ อังกฤษสั่งปิดสถานบันเทิง-ร้านอาหารคุมเข้มโควิด เล็งจ่ายค่าจ้างชดเชยรัฐบาลสั่งปิดไนต์คลับ โรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกาย และศูนย์สันทนาการเช่นกัน รวมทั้งปิดโรงเรียนในอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ โดยไม่มีกำหนด ทางด้านกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า จะมีการจ่ายเงินค่าจ้าง ๘๐% ชดเชยให้แก่พนักงานที่ไม่สามารถไปทำงานได้ อันเนื่องจากการปิดสถานที่ทำงาน โดยจะมีการจ่ายเงินสูงสุดไม่เกิน ๒,๕๐๐ ปอนด์/เดือน หากคิดจะช่วยเหลืออย่างอังกฤษ แม้จะให้ไม่มากเท่าแต่สักน้อยหนึ่งก็ยังดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 249 เมื่อ 23 มี.ค. 20, 07:28
|
|
ผลพวงจากการปิดสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองหลวงและปริมณฑล ยังผลให้ผู้ว่างงานเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ ก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่ถูกยกเลิกวันหยุดไปแล้ว
ที่น่าเป็นห่วงคือ บางส่วนอาจนำ COVID-19 ติดตัวไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 250 เมื่อ 23 มี.ค. 20, 08:44
|
|
ประเมินจากข่าวแล้ว เชื้อโคโรน่าไวรัสที่ระบาดในไทยน่าจะมีสองสาย
สายแรกสายเอเชีย สายนี้ที่กระจายในกลุ่มเที่ยวผับที่ติดกัน 11 คน สายนี้ดูจะไม่รุนแรงนัก ดูจากคนที่ติดที่ออกมาให้ข่าวด่า รพ บำราศฯ คนคนนั้นปอดไม่เสียหาย อาการไม่หนัก ไม่ทรมาน สังเกตจากอัตราการตายเอเชียไม่สูง 1%
สายที่สองสายอิตาลี สายนี้กระจายตัวจากสนามมวย สายนี้ติดง่ายมาก คนจากสนามมวยติดหลายสิบคน อาการหนักกว่าสายแรกเยอะ ขนาดลิเดียกับสามีที่แข็งแรงดีก่อนติดมีอาการที่ปอดทั้งคู่ ดูจากที่ลิเดียเล่าป่วยแล้วทรมานพอสมควร ขนาดต้องเฝ้าระวังใน ICU อิตาลีอัตราการตาย 8%
สายที่สองเป็นสายที่กระจายตัวไปทั่วประเทศเรามากกว่าสายแรกมาก ๆ จากลมหายใจเซียนมวย เราคงได้เห็นวิกฤติหนักในช่วงปลายเดือนนี้ต่อต้นเดือนหน้า เมษานี้จะเป็นเมษาเศร้าสำหรับชาวไทยทุกคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 251 เมื่อ 23 มี.ค. 20, 09:04
|
|
เตรียมตัวแต่ไม่แตกตื่น ความน่ากลัวของ COVID-19 สภาพโรงพยาบาลในอิตาลี ถ่ายทำโดยสถานีโทรทัศน์ Sky News ของอังกฤษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 252 เมื่อ 23 มี.ค. 20, 09:47
|
|
ประเมินจากข่าวแล้ว เชื้อโคโรน่าไวรัสที่ระบาดในไทยน่าจะมีสองสาย
สายแรกสายเอเชีย สายนี้ที่กระจายในกลุ่มเที่ยวผับที่ติดกัน 11 คน สายนี้ดูจะไม่รุนแรงนัก ดูจากคนที่ติดที่ออกมาให้ข่าวด่า รพ บำราศฯ คนคนนั้นปอดไม่เสียหาย อาการไม่หนัก ไม่ทรมาน สังเกตจากอัตราการตายเอเชียไม่สูง 1%
สายที่สองสายอิตาลี สายนี้กระจายตัวจากสนามมวย สายนี้ติดง่ายมาก คนจากสนามมวยติดหลายสิบคน อาการหนักกว่าสายแรกเยอะ ขนาดลิเดียกับสามีที่แข็งแรงดีก่อนติดมีอาการที่ปอดทั้งคู่ ดูจากที่ลิเดียเล่าป่วยแล้วทรมานพอสมควร ขนาดต้องเฝ้าระวังใน ICU อิตาลีอัตราการตาย 8%
สายที่สองเป็นสายที่กระจายตัวไปทั่วประเทศเรามากกว่าสายแรกมาก ๆ จากลมหายใจเซียนมวย เราคงได้เห็นวิกฤติหนักในช่วงปลายเดือนนี้ต่อต้นเดือนหน้า เมษานี้จะเป็นเมษาเศร้าสำหรับชาวไทยทุกคน
เห็นด้วยกับคุณประกอบค่ะ ส่วนเดือนเมษา หวังอย่างเดียวว่าอากาศร้อนจัดจะช่วยทุเลาการแพร่กระจายของโรคลงได้ ไม่รู้แถวบ้านคุณประกอบเป็นยังไงบ้าง แต่แถวบ้านดิฉันคนยังไม่ใส่หน้ากากกันเลยค่ะ ดำเนินชีวิตตามปกติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 253 เมื่อ 23 มี.ค. 20, 10:02
|
|
ขณะนี้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ได้ออกระกาศปิดสถานที่บริการต่างๆ เพื่อให้คนลดการออกจากบ้านไปรวมตัวกัน เป้นเวลา 3 สัปดาห์ ขณะที่สถานประกอบการหลายแห่งก็ให้พนักงานทำงานที่บ้าน ซึ่งการลดการออกจากบ้านไปเจอผู้คนจำนวนมาก และการมีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ที่ควรห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร จะเป็นตัวช่วยให้ลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค COVID-19 ลงได้
แต่ที่น่ากังวลคือ คนที่ไม่มีงานทำกำลังเดินทางออกกลับภูมิลำเนา ซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้จัดทำฐานข้อมูลคนกลับมาจาก กทม.และปริมณฑล และให้กักตัวเองที่บ้าน 14 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.เป็นต้นไป และให้ขนส่งทุกประเภท ทั้งรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ และเครื่องบิน ทำการคัดกรอง จัดทำฐานข้อมูลคนเดินทาง เพื่อไม่ให้มีผู้ป่วยเดินทาง และเว้นระยะห่างของการจัดที่นั่ง เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อ
นพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่ประชาชนควรปฏิบัติ คือ เรื่องมาตรการระยะห่างในสังคม แต่ละคนอยู่ห่าง 1-2 เมตร ป้องกันแพร่เชื้อ หรือเรียกว่า อยู่ห่างไว้ ไม่แพร่เชื้อ เพื่อทุกคน แต่มาตรการนี้จะไม่ได้ผล ถ้าไม่ใช้ร่วมกับการจำกัดการเดินทาง คือ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพราะสถานการณ์ใน กทม.ขณะนี้ไม่แตกต่างจากญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้วที่ห้ามไป จากสถานการณ์การระบาดใน กทม.ต้องจำกัดการเดินทาง ผู้ที่อยู่ใน กทม.ไม่ควรออกไปต่างจังหวัด และคนจากต่างจังหวัดก็ไม่ควรเข้ามา ส่วนข้อเสนอว่า ทำไมเราต้องอยู่บ้าน เพราะสถานการณ์ตอนนี้มีความเสี่ยงอยู่รอบตัวเรา เกิดการระบาดโดยไม่รู้ว่าใครติดหรือไม่ติดเชื้อบ้าง ก็เทียบเหมือนกับเหตุการณ์ร้ายรอบตัวเรา มีการยิงกันได้ยินเสียงปืนจะออกจากบ้านหรือไม่ ก็คงไม่อยากออก โควิด-19 ก็เช่นกัน ไวรัสกำลังอยู่ในคนที่อาจอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ คนมีความเสี่ยงสูง เช่น สูงอายุ จึงควรอยู่บ้าน เพราะถ้าติดเชื้อแล้วมีโอกาสป่วยหนักได้
"เหตุผลทำไมต้องอยู่ใน กทม. ไม่ออกไปต่างจังหวัด เพราะถ้าเราไม่ป่วย แต่ระหว่างเดินทางออกไป เราไม่รู้ว่าข้างๆ เราอาจมีเชื้ออาจเป็นคนป่วย นั่งไปด้วยเวลานานๆ โอกาสติดเชื้อมีสูง หรือถ้าเรามีเชื้อก็อาจแพร่ให้ผู้อื่นได้ รวมถึงกำลังเป็นการเอาเชื้อโคโรนา 2019 ไปแพร่สู่คนที่เรารัก อาจเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ผู้สูงอายุ และการอยู่ กทม.จะดีที่สุด เพราะถ้าหากเราป่วยหนัก รพ.ต่างจังหวัดตอนนี้ไม่สามารถรองรับกรณีนี้ได้ โดยเฉพาะระดับตำบล อำเภอ เพราะอาการหนักต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ อยู่ไอ.ซี.ยู. ซึ่ง รพ.ที่พร้อมที่สุด คือ กทม. การ อยู่กทม.ยังสามารถรักษาได้ โอกาสหาย ไม่เสียชีวิตสูงกว่า ในส่วนของการออกต่างจังหวัดต้องบอกว่า ไม่ควรทำอยู่ใน กทม.ดีที่สุดแล้ว" นพ.ชิโนรส กล่าว
นพ.ชิโนรส กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การอยู่บ้านอาจมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา เช่น เครียด เบื่อ เหงา มีคำแนะนำว่า อาจต้องหากิจกรรมต่างๆ มาทำ เช่น การออกกำลังกายในบ้าน ทำให้หายเครียด ช่วยลดอาการเศร้าได้ และขอให้มีในเรื่องขวัญกำลังใจที่ดี ยึดหลักสมัยน้ำท่วม อึด หึด สู้ เดี๋ยวก็ผ่านไป อยูในบ้าน 10 กว่าวันผู้ป่วยแสดงอาการหมดแล้ว ผู้ป่วยลดลง ก็กลับมาสู่สถานการณ์ปกติได้ ถ้าเครียด มีปัญหาสุขภาพจิต ก็โทร. 1323 หรือตรวสอบความเครียดได้ผ่านแอปพลิเคชัน และควรเปลี่ยนความคิดว่า อยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีประโยชน์ เป็นว่าอยู่บ้านก็ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ ทำให้การต่อสู้โควิดสำเร็จได้ เพราะเราเก็บตัวในบ้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 254 เมื่อ 23 มี.ค. 20, 10:20
|
|
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า เดิมผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดอยู่ใน กทม. แต่ขณะนี้ผู้ป่วยในต่างจังหวัดกำลังเพิ่ม ถ้าเราไม่ทำไรจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มมากขึ้นในต่างจังหวัด การที่รัฐบาลหรือ กทม.ให้หยุดงาน 3 สัปดาห์ วัตถุประสงค์หลัก คือ ให้อยู่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่น และใครที่อยู่ระหว่างการป่วยเล็กๆ น้อยๆ 2 สัปดาห์ก็จะหาย เป็นช่วงเวาสำคัญที่จะทำให้ กทม.ปลอดเชื้อ ไม่เพิ่มเชื้อ แต่ถ้าใครทำไม่ตรงวัตถุประสงค์ เช่น เดินทาง เพราะไปอยู่กับคนจำนวนมาก ก็จะเป็นการเพิ่มเชื้อ เพราะเราอาจจะอาการน้อยหรืออยู่ระหว่างการฟักตัว พอไปถึงต่างจังหวัดก็มีโอกาสไปแพร่เชื้อให้คนต่างจังหวัดหรือที่บ้าน และความเสี่ยงจะเพิ่มมากกว่าใน กทม.ในช่วงที่ผ่านมา ถ้ารักพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่อย่าเพิ่งเดินทางกลับ ให้กักตัวครบ 14 วันก่อน ให้แน่ใจว่าเชื้อใน กทม.น้อยลง
"ขณะนี้ข้อมูลช่วงแรกๆ คนไปสนามมวย เที่ยวผับบาร์ตอนกลางคืน มีโอกาสได้รับเชื้อมา บางคนอาจป่วยไปแล้วจากตัวเลขที่แถลงไปแล้ว แต่บางคนอยู่ระหว่างเริ่มมีอาการหรืออยู่ระหว่างระยะฟักตัว การที่รัฐบาลให้เราหยุด 2 อาทิตย์ สำหรับคนวัยทำงาน ร่างกายแข็งแรงเป็นส่วนใหญ่ และเชื้อไม่ได้มีอาการรุนแรงในวัยทำงาน ก็หวังว่าพวกเราจะช่วยกันหยุดเพื่อให้ร่างกายกำจัดเชื้อให้หมดก่อน และไม่แพร่เชื้อ ถ้าเราเข้าใจวัตถุประสงค์จะรู้ว่าไม่ใช่ช่วงวันหยุดพิเศษที่เดินทางกลับต่างจังหวัด เพราะระหว่างเดินทางมีโอกาสรับเชื้อคนอื่น หรือแพร่เชื้อให้คนอื่น ถ้าทุกคนช่วยกัน ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ม่ให้เชือ้ไปต่างจังหวัด" นพ.โสภณ กล่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|