เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 48
  พิมพ์  
อ่าน: 62235 เกี่ยวกับโคโรนาไวรัส อู่ฮั่น
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 210  เมื่อ 17 มี.ค. 20, 11:20

ประเด็น (คัดค้าน) แนวคิดภูมิคุ้มกันโควิดหมู่ ที่อังกฤษ จากบีบีซีไทย

          “ภูมิคุ้มกันหมู่” คืออะไร เหตุใดนักวิทยาศาสตร์พากันคัดค้าน ไม่ให้ใช้ต้านโควิด-19

ที่ https://www.bbc.com/thai/51911994
 


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 211  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 10:09

ข้อเขียนของดร.สุภางค์ คงทำให้คนไทยที่ได้อ่านใจชื้นขึ้นมาบ้าง   ไม่ตำหนิรัฐบาลว่าบกพร่องด้วยประการต่างๆ

ดร.สุภางค์'เล่าถึงโควิด-19ที่เยอรมนีกระตุกสำนึกคนไทย
18 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 09:27 น.

18 มี.ค.2563 - ศ.ดร.สุภางค์ จันทวานิช  ศาสตราจารย์กิตติคุณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “หญิงไทยที่เยอรมันต่อสู้กับโควิด19 อย่างสุขุม” มีเนื้อหาว่า ดิฉันอยู่เยอรมันมา 25 ปีแล้วค่ะ  ที่เยอรมันวันนี้ มีคนติดเชี้อเพิ่ม 850 ราย รวมของเก่าเป็น 4,550 ราย ตาย 8 ดิฉันเริ่มใส่หน้ากากมาได้ประมาณสามอาทิตย์นิดๆ เริ่มตั้งแต่ที่เค้าเริ่มแพร่เชื้อแรกๆ ที่เมือง Nord Rein Westfalen โดยสองสามี ภรรยาที่กลับจากเที่ยวอิตาลี แล้วไปงานปาร์ตี้ถนนคนเดิน แล้วก็แพร่เชื้อ หลังจากนั้นเยอรมันก็ออกข่าวมาบ้างประปราย ว่ามีคนติดโคโรนา จนถึงเมื่อซักสองอาทิตย์ที่ผ่าน มันแพร่หนักมากขึ้น จนเริ่มมีนักวิชาการออกมาพูดให้คำแนะนำบ้าง ผู้คนก็เริ่มซื้อของตุน จนมาถึงวันนี้ประมาณหนึ่งเดือนได้ คนเขาไม่ตื่นตัว รัฐบาลก็ไม่มี มาตการอะไรเป็นพิเศษ เพราะเค้าบอกว่าคนเป็นไข้หวัดใหญ่น่ากลัวกว่า

ต่างกับรัฐบาลบ้านเราตื่นตัวเตือนประชาชน ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีการระบาด ตัวดิฉันเองเริ่มซื้อหน้ากากไว้ ตั้งแต่ที่จีนเริ่มปิดเมือง แฟนถามจะซื้อไปทำไม เราเองบอกป้องกัน ก็ซื้อมาเรื่อยๆ ทีละห้าชิ้น สิบชิ้น ซื้อทุกแบบ หน้ากากหมอ หน้ากาก N95 หน้ากากที่มีช่องระบาย CO2 หน้ากากแบบซักใช้ซ้ำ จนเมื่อประมาณสามอาทิตย์ที่แล้ว เยอรมันไม่มีหน้ากากขายค่ะ ตามร้านขายยาทุกที่ไม่มีขาย พวกเจล แอลกอฮอล์ก็ไม่มีค่ะ แต่ดิฉันเตรียมไว้หมด เริ่มซื้อไว้เจลแอลกอฮอล์ขวดใหญ่ ขวดเล็กแบบพกพา สเปรย์ กระดาษเปียกแอลกอฮอล์ มีทุกอย่าง ในที่ทำงานก็ใส่หน้ากากทำงานตลอด
บางวันต้องนั่งรถสาธารณะก็ใส่คนก็มองค่ะ แต่เราไม่สนเอาปลอดภัยไว้ก่อน ถ้ามีคนถาม ดิฉันจะบอกตรงๆ ว่าดิฉันกลัว เพราะดิฉันเป็นภูมิแพ้ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ฉันไม่ค่อยแข็งแรงก็เลยกันไว้ก่อนเค้าก็โอเคนะคะ แต่บางคนเค้าก็จะเดินห่างเราไปเลยเพราะที่นี่เค้าคิดว่าป่วยถึงใส่ก็ดีไปสำหรับเรา

อยากให้คนไทยในบ้านเรามองรัฐบาลในเรื่องนี้ใหม่ รัฐบาลทำดีมาก ดีจริงๆ อยากให้ไอ้พวกที่ด่ารัฐบาลมาเห็นในยุโรปแล้วจะรู้ว่าฟ้ากับเหวเลย รักเมืองไทยค่ะ แต่ต้องอยู่เพื่อครอบครัว ลุงตู่ทำดีที่สุดแล้วนะคะ

อย่าโทษกันเลย ไม่มีใครอยากให้เกิด คนที่เยอรมันไม่เห็นมีใครด่ารัฐบาลเลย มีแต่ดิฉันพูดกับสามีว่า รัฐบาลพวกเธอรับมือช้ามากๆ ถ้าเขาเริ่มรับมือตั้งแต่ที่มีคนแพร่เชื้อ เหตุการณ์จะไม่เป็นแบบนี้ เดี๋ยวนี้แฟนพูดอยู่คำเดียวว่า เธอพูดถูกหมดเลย ตอนนั้นที่เขาเห็นดิฉันซื้อของจากร้านขายยา เขาว่าดิฉันสติแตก มาตอนนี้เขาได้ใช้ของพวกนั้นติดกระเป๋าไปทำงานด้วยตลอด อยากให้คนไทยที่อคติกับรัฐบาล ลองเปิดใจกว้างๆ วางใจให้เป็นกลาง ไม่ต้องชอบหรอกค่ะ แค่ใช้เหตุผล ใช้สติ ซักนิด แล้วจะเห็นว่ารัฐบาลลุงตู่ และในทุกภาคส่วน เค้าทำงานกันเต็มที่จริงๆ หันหน้ามาร่วมใจกัน ให้กำลังใจกันให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ให้ได้จะดีกว่านะคะ

https://www.thaipost.net/main/detail/60132?fbclid=IwAR0qTxAUTpU_vNvWbYYx6Y9xthQF0m3UxeJlFxOjK0gFg4w50kaKBg4l9gY
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 212  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 11:32

ตอนนี้บ้านเราทำอะไรก็ผิดไปหมดละครับ การเมืองบังตา
ถ้าเมืองนอกมีจำนวนผู้ติดเชื้อเยอะกว่าเรา = เขาตรวจละเอียดกว่า = รัฐบาลห่วย
ถ้าเมืองนอกมีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าเรา = เขาป้องกันดีกว่า = รัฐบาลห่วย
เราคิดจะป้องกันด้วยวิธีการแบบ A ซึ่งไม่เหมือนกันต่างประเทศ -> ทำไมทำไม่เหมือนเขา -> รัฐบาลชี้แจงว่า บ้านเรากับเขาแตกต่างกัน -> ไม่เชื่อ รัฐบาลห่วย
ครั้นต่างประเทศหันมาป้องกันแบบ A บ้าง -> มีคนย้อนถามว่า ทียังงี้ทำไมไม่ด่าเขาหละ -> เพราะ บ้านเขากับบ้านเราแตกต่างกัน เขาใช้ A จึงถูกต้อง -> แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ รัฐบาลห่วย
รัฐบาลไม่ปิดประเทศ -> ห่วงรายได้อยู่นั่นแหละ ไม่ห่วงประชาชน -> รัฐบาลห่วย
รัฐบาลเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ -> เอาสมองส่วนไหนคิด -> รัฐบาลห่วย
งั้นถ้าไม่เลื่อน -> เอาสมองส่วนไหนคิด -> รัฐบาลห่วย
รัฐบาลขอให้สถานบันเทิง นวดแผนโบราณ โรงมหรสพ สถานที่มีคนเยอะๆ หยุดกิจกรรมชั่วคราว -> ทำคนอดตาย ทำไมไม่หาอาชีพสำรองให้ -> รัฐบาลห่วย
รัฐบาลขอให้ส่วนราชการเร่งจัดสัมมนา กระตุ้นเศรษฐกิจ -> จะบ้าเหรอ -> รัฐบาลห่วย
รัฐบาลไม่กักตัวผีน้อย -> ไม่ห่วงคนไทย -> รัฐบาลห่วย
รัฐบาลนำผีน้อยไปกักตัว -> ที่กักตัวใกล้บ้านฉัน -> รัฐบาลห่วย
รัฐบาลแถลงข่าวเท่าที่จำเป็น -> ปกปิดข้อมูล -> รัฐบาลห่วย
รัฐบาลออกแถลงการ -> รัฐบาลสร้างภาพ -> รัฐบาลห่วย
รัฐบาลแจกเงิน -> ไม่มีสมอง คิดได้แต่วิธีนี้เหรอ -> รัฐบาลห่วย
ข่าววันนี้ บ.Facebook แจกเงินพนักงานคนละ 1000 ดอล -> ทำไมไม่ทำอย่างเขาบ้าง -> รัฐบาลห่วย  

 
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 213  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 14:58

เรื่องของรัฐบาลประเทศอื่นห่วยหรือไม่ห่วยไม่ออกความเห็น แต่ขอแย้งคุณ Naris ครับว่าคนที่ด่าว่ารัฐบาลห่วย ไม่ใช่การเมืองบังตาไปทั้งหมด  และเพราะการบริหารจัดการแบบรักษาหน้า และไม่มีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานหรือข้ามกระทรวง  ไม่มีการเปิดเผยแผนรับมือที่เป็นรูปธรรม  ไม่เปิดเผยสถานที่ที่ผู้ติดเชื้อไปมา ฯลฯ ทำให้ไม่มีใครเชื่อถือรัฐบาลนี้

ทุกวันนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเลยว่า ในเขตอำเภอหรือจังหวัดต่าง ๆ มีกำลังผู้ติดเชื้อเท่าไหร่ เฟ้าระวังเท่าไหร่ รักษาอยู่ใน รพ เท่าไหร่ ทั้งที่เป็นข้อมูลสำคัญที่จะให้คนในแต่ละพื้นที่ระวังตัวเองได้  ทุกวันนี้มีแต่ตัวเลขยอดรวมในประเทศและต่างประเทศที่มันไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่  ในขณะที่สิงคโปร์ให้ข้อมูลหมดว่าคนติดเชื้อติดจากที่ไหน ไปไหนบ้าง  อย่างคนป่วยที่ตาย ถ้าไม่ตายก็ไม่มีการเปิดเผยเลยว่าเป็นพนักงานร้านนึงในพื้นที่ของ king power นี่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเห็นความสำคัญของนายทุนมากกว่าความปลอดภัย ทั้งที่รักษาตัวเป็นสัปดาห์

ถึงวันนี้ชุดตรวจเรามีกี่ชุด แต่ละพื้นที่มีกี่ชุด มีกำลังหาเพิ่มเติมได้กี่ชุด ตัวเลขไม่มี ทำให้คนไม่รู้และอาจจะแห่ไปตรวจโดยไม่จำป็น ประชาชนไม่ได้โง่ การแจ้งให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์จริงจะช่วยแก้ปัญหามากกว่าสร้างปัญหา


การออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น ถ้าไข้ยังไม่ถึง 37 องศา อย่าเพิ่งไปหาหมอ ให้กักตัวเองก่อน เพราะจะทำให้ รพ แออัด ตั้งเป็นกฎการคัดกรองที่ให้ทุกคนเข้าใจ และบอกเหตผลด้วยว่าทำไม รัฐบาลนี้ก็ไม่ทำ


การประสานงานระหว่างหน่วยงานหรือข้ามกระทรวงก็เหมือนไม่มีเลย ฝ่ายจะกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะกระตุ้น บอกให้จัดสัมมนากระจายเงิน ฝ่ายสาธารณสุขก็เฝ้าระวังบอกอย่าจัด คือทำไมไม่คุยกันก่อนว่าอะไรคือความจำเป็นเร่งด่วน  ฝ่ายพาณิชย์ก็ไม่มีน้ำยาอะไรเลย จนบัดนี้หลาย ๆ รพ ยังขาดแคลนหน้ากาก ทั้ง ๆ ที่กำลังการผลิตพอสำหรับ รพ และผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก่อนหน้าการกักกันก็ทำแบบสุกเอาเผากิน  เลือกปฏิบัติ คนเกาหลีมาไทยไม่กัก ไฮโซมาไม่กัก นายพลไม่กัก แรงงานไทยกลับมากัก กักก็เอาไปไว้ในสถานที่ที่ไม่มีสุขลักษณะใด ๆ สุดท้ายก็เลิกเอาดื้อ ๆ  แบบนี้จะให้ชมรัฐบาลได้อย่างไร 


การสั่งปิดสถานที่เสี่ยงนั้นทำถูก แต่ระหว่างนั้นรัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบอย่างไร จะแจกเงินอะไรก็ว่าไป ตรงนี้ต้องทำ โดนด่าก็ต้องทำ ก็ยังไม่เห็นว่าจะทำ คนค้าขายรายย่อยระหว่างนี้จะช่วยเหลืออย่างไร แรงงานที่ต้องหยุดงานทำอย่างไร คนพวกนี้จำนวนไม่น้อยรายได้ต่ำไม่มีเงินเก็บ ต้องหยุดงานจะให้เค้าใช้ชีวิตระหว่างนี้อย่างไร ไม่เห็นมีแผนเลย ทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวจะทำอย่างไรบ้าง จะลดภาษี ยกเลิกค่าธรรมเนียมอะไรก็ว่าไง แต่ตอนนี้รัฐบื้อไปหมด  หรือเรื่องง่าย ๆ เช่นการบังคับให้สายการบิน รถไฟ รถทัวร์ คืนเงินค่าตั๋วเพราะลดการเดินทางรัฐก็ไม่มีนโยบาย เพราะไม่คิดอะไรเกินปลายจมูกทั้งนั้น


หรือแผนว่าพื้นที่ไหนเกิดการระบาด ต้องห้ามประชาชนออกจากบ้าน รัฐจะมีมาตรการในการ supply ปัจจัยต่าง ๆ ให้คนที่ติดอยู่ในพื้นที่อย่างไร  รัฐไม่เคยบอก มีแต่ออกมาอ่านตาม script แบบหลวมๆ ตอนทุ่มนึง ที่ไม่มีข้อมูลอะไรสำคัญหรือจะเพิ่มความเชื่อมั่นได้


การบริหารจัดการต่าง ๆ มันชี้ให้เห็นว่าเรากำลังทำให้วิกฤติเป็นหายนะที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ด้วยความไร้ประสิทธิภาพของคนที่อยู่หัวโต๊ะสุดนั่นแหละครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 214  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 15:17

อันนี้เป็นบทความของ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ เรื่องยุทธศาสตร์การรับมือกับโรคระบาด

https://visitdrsant.blogspot.com/2020/03/covid-19_18.html?fbclid=IwAR0SgiRC5Qq-iNubnkwtWItd7kiBZBWN68VRcBiiw3zK7txOVA4RUa43veM

ผมเห็นด้วยกับบทความว่าการปิดประเทศรอจนมีวัคซินมีเพียงพอเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ ยุทธศาสตร์การหน่วงเวลาอาจเหมาะสมที่สุดที่เราทำได้ แต่การหน่วงเวลาจะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกคนนการเฝ้าระวัง และไม่ทำตัวเป็น spreader รวมถึงไม่แตกตื่นหรือวิตกจริตเกินเหตุ  ซึ่งความร่วมมือนี้จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อประชาชนรับรู้สถานการณ์และมีข้อมูลมากพอให้ตัดสินใจได้ว่าสิ่งที่แต่ละคนต้องปฏิบัติคืออะไร ซึ่งตอนนี้สิ่งนี้ยังไม่เกิดขึ้น

ผมอยู่นครปฐม วันนี้มีข่าวที่อ้างอิงแหล่งข่าวไม่ได้ว่ามีผู้ต้องกักตัวเฝ้าระวัง 77 คน ป่วย 3 คน ไม่รู้จริงไหม แต่เพราะก่อนหน้าไม่รู้ ไม่มีตัวเลข ทำให้ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้ระมัดระวังหรือเพิ่มช่องว่างการใกล้ชิดคนอื่นเท่าไหร่  นี่เป็นตัวอย่างว่าการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงสำคัญต่อการรับมือสถานการณ์มาก  ตอนนี้มีตัวเลขแม้ไม่รู้ว่าจริงไหมปรากฎมา ก็ทำให้ต้องระวังมากขึ้น
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 215  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 15:33

ตอนนี้ มีคนจำนวนมากเชื่อว่า บ้านเราหายนะมากกว่าที่เป็นอยู่ที่เยอะ แต่เมื่อไม่เห็นความเยอะตามที่เชื่อสักที ก็เข้าใจว่า รัฐปกปิด

ถ้าเป็นสงคราม ตอนนี้ข้าศึกประชิดเมืองเรา ฝ่ายเราสกัดไว้อยู่ข้าศึกยังฝ่ากำแพงเมืองเข้ามาไล่ฆ่าคนในเมืองเราไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละพี่ สงครามมันก็ต้องมีลูกธนูปลิวเข้ามาในเมืองบ้าง มีลูกปืนใหญ่ปลิวเข้ามาบ้าง มีข้าศึกปีนบันใดเข้ามาฟันทหารเราเลือดตกยางออกบ้าง แต่สถานการณ์ต้องจัดว่ายังดีอยู่

ในสถานการณ์อย่างนี้ สิ่งที่น่ากลัวไม่น้อยกว่าข้าศึก คือการที่คนเรากันเองตื่นตระหนกจนคุมกันไม่อยู่ ชาวบ้านเรื่มมาถามทหารว่า ข้าศึกมีกี่คนกันแน่ มีศพคนในเมืองกี่ศพแล้ว เอาที่ชัดๆเลยนะ เสบียงจะพอกินไปอีกกี่วัน ขอที่ชัดๆ เราเหลือลูกประสุนปืนใหญ่กี่ลูก พอยิงได้อีกกี่วัน เอาชัดๆ มีแผนขับไล่ข้าศึกออกไปได้ภายในอีกกี่เดือน กี่ปี กี่วัน เอาชัดๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าใครบ้างจะตอบเรื่องพวกนี้ให้ชัดๆได้ และถ้าสมมุติว่าตอบได้ แล้วมันจะยังไง

ถ้าทหารตอบว่า ข้าศึกมีมากดั่งน้ำในมหาสมุทร ทหารเราตายไปเกินหมื่นคนแล้ว เราคงต้านได้อีกไม่เกิน 3 เดือน แผนขับไล่ทำทุกทางแล้วไม่เป็นผล ไม่มีอะไรเหลือแล้ว สุดท้ายเราคงตายกันหมด

ผลของเรื่องนี้ พี่ว่า เมืองจะอยู่ได้ถึง 3 เดือน หรือจะพังก่อนถึง 3 เดือน
ที่ผมยกตัวอย่างมานี้ ไม่ได้จะสื่อว่า ประเทศเราจะเป็นอย่างนั้น แต่ผมอยากสื่อสารว่า ข้อมูลที่มากเกินไปรังแต่จะทำให้คนตื่นตระหนก และเมื่อคนที่ตื่นตระหนกแล้ว มันก็ไม่สร้างผลดีอะไรเลย  
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 216  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 15:40

ก็เนี่ยพี่
ผมอยู่ในกระทรวงการคลัง มีข่าวลือทุกวัน วันนี้พบคนกองนั้น สำนักนี้ ฝ่ายโน้น ติดแล้ว ป่วยแล้ว
พอขอให้เจาะจงว่า คนไหน เพราะมันไม่ยากนี่พี่ กระทรวงมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น บางกรมมีคนไม่ถึงร้อย พอถามจี้เข้า ก็ได้ความว่า "เขาเล่าว่า" ทุกทีไป ของพี่เอง พี่ก็บอกว่า เป็น "ข่าวที่อ้างอิงแหล่งข่าวไม่ได้" ใช่ไหมหละครับ แล้วอิแบบเนี้ย พี่จะให้รัฐแถลงอะไร

ผมมาลองคิดดูนะ เชื่อโรคเป็นของจริง คนป่วยก็เป็นของจริง ป่วยแล้วตายเป็นเรื่องจริง คนตายก็ต้องมีจริง

ต่อให้รัฐบาลปิดข่าว ไม่ตรวจ ไม่กัก ไม่คุม ไม่ทำอะไรเลย มันก็ต้องมีคนติดจริง ป่วยจริง และตายจริง เกิดขึ้นใช่ไหมพี่ และต้องตายไม่ใช่น้อยๆด้วย คนตายเนี่ย ถ้าเกิดจากการที่รัฐไม่ยอมรักษานะพี่ โหยเรื่องยาว เนี่ยแหล่งอาหารชั้นดีของฝ่ายค้านเลย รัฐบาลปิดไม่ได้หรอกครับ โคตรไอโอยังไงก็ไม่ไหว

ปัญหาคือ คนตายหายไปไหน

ถ้าดูข่าวต่างประเทศอย่างอิตาลี่ ยอดคนตายเพิ่มพรวดๆเลย ของเรากลับไม่มี

แล้วอันนี้มันไม่ใช่ความจริงหรือครับ 
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 217  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 15:51

ทุกวันนี้ ข้าราชการถูกเรียกประชุมกันทุกวัน แน่นอนครับ กระทรวงการคลังไม่ใช่หน้าด่านในเรื่องนี้ การเรียกประชุมก็น้อยหน่อย มีคนที่ต้องทำงานแนวหน้า คนที่ต้องทำงานสนับสนุน อาจจะเป็นพันๆ คนทำงานกันอยู่ แผนหนะมีครับ มีทั้งแผนปฏิบัติการ และแผนสื่อสารทำความเข้าใจ และแน่นอนว่า คนที่ทำตามแผนก็มี พวกที่แหกแผนก็มี พวกแหกแผนนี่ บางที่ก็แหกแบบบ้าบอ บางทีก็แหกเพราะจำเป็นเพราะความฉุกเฉินตามหน้างาน มันรอการสังการจากฝ่ายนโยบายไม่ได้ ก็ต้องตัดสินใจด้นสด พวกนี้บางทีกี่น่าเห็นใจ

มันมีหมดแหละครับ

บางเรื่องคิดแผนแทบตาย พอเสนอออกไป อ้าว มวลชนไม่ชอบ ไม่ชอบเพราะอะไร อธิบายไม่ได้เลยครับ อย่างเรื่องเลื่อนวันหยุดสงกรานต์เนี่ย ตอนที่ประกาศงดจัดงาน แต่ยังไม่ได้ประกาศงดวันหยุด พี่รู้มั๊ยครับว่า มีคนโทรมาด่ากี่สายหาว่า ไม่มีสมอง งดเทศกาลไม่งดวันหยุด คนก็ยังไปเที่ยวกันอยู่ดี มันก็ยิ่งกระจายโรค

อ่ะโอเค มีเหตุผล งั้นเสนองดวันหยุดด้วย โอ้โหพี่เอิ๋ย กระหน่ำมาเลย เอาสมองส่วนไหนคิด แล้วให้มาทำงานต่อมันจะไม่ติดโรคหรือไง ขอเจอหน้าคนคิดหน่อยซิ แล้วพวกที่เขาเสียหายเราจองตั๋วกลับบ้านไว้แล้วหละทำไง  

สุดท้าย ผมต้องหาทางเสนอให้เอางบประมาณมาจ่ายเยียวยาคนที่ซื้อตั๋วไว้แล้ว ซึ่งในกลุ่มนี้ ก็มีทั้งพวกซื้อตั๋วเตรียมกลับไปหาบุพการี และพวกเตรียมไปเที่ยว ทางผมก็ต้องมาหามาตรการรองรับ ก็คือจะบอกพี่ว่าอ้ายพวกนี้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นเนี่ย ต้องมีคนทำทั้งนั้นแหละพี่  
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 218  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 15:59

คือ ไม่ไหวหวะพี่ บอกตามตรง คิด A บอกทำไมไม่ทำ B พอทำ B บอก งานนี้ต้องทำ A เว้ย กลับไปกลับมายังงี้
ชี้แจงอะไรไปก็ไม่ยอมเข้าใจ

พี่พอนึกภาพออกมั๊ยครับ บางเรื่องมันเป็นเรื่องในทางเทคนิคเกินไป อธิบายออกไป แทนที่จะก่อให้เกิดผลดี กลับทำให้เกิดผลเสียมากกว่า เวลาพี่สอนหนังสือ พี่ยังต้องไล่ฐานความรู้ใช่ไหมครับ วิชานี้สอนปี 1 พอมีพื้นฐานแล้ว จึงค่อยสอนอีกวิชาหนึ่งในปีที่ 2 อะไรอย่างนี้เป็นลำดับกันไป ถ้ามีเด็กคนนึงมันใจร้อนขอให้พี่สอนทั้งหมดแบบไม่ปิดบังตั้งแต่ปี 1 พี่คิดว่าอย่างไร โอเค มันอาจจะทำได้นะ แต่วุ่นวายมากเลยจริงไหมพี่

เรื่องนี้มันก็คล้ายๆยังงี้แหละ

 


บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 219  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 16:14

ผมมาลองนั่งนึกนะพี่ สมมุติว่า รัฐบาลบอกเท่าที่เป็นจริง มีคนป่วยร้อยคน ก็บอกว่า มีร้อยคน
ถ้าเท่านี้ไม่พอ อยากได้อะไรอีก
100 คนนั้น เป็นใคร ทำงานอยู่ที่ไหน บิดา มารดา คู่สมรส บุตร เป็นใคร ทำงาน/เรียน อยู่ที่ใด คนทั้งหมดนี่ ได้ไปที่ใดมาบ้าง ย้อนหลัง เอิ่ม กี่วันดีพี่ ย้อนหลัง 15 วัน เอาแบบละเอียดๆเลย วันที่ 1 เวลา 6.00 ไปไหม 7.00 ไปไหน ยันวันที่ 14 เลยนะ

ไปไหนไม่พอ ต้องไปอย่างไร ด้วยวิธีการใด ใช้เส้นทางใด สัมผัสใกล้ชิดกับใครมาบ้าง ระบุชื่อเป็นรายบุคคลมาเลย เพื่อจะได้เสนอข้อมูลต่อไปว่า คนเหล่านั้น เป็นใคร มีบิดา มารดา คู่สมรส บุตร....................

ทำยังไงถึงจะได้ข้อมูลอย่างนี้ครับ อย่างสมมุติ 77 รายของพี่ ถ้าต้องสืบให้ได้อย่างนี้ มันต้องใช้เวลาเท่าไหร่ แทนที่จะรีบน้ตัวเขาไปรักาา ต้องมานั่นสอบประวัติก่อนหรือครับ

และถ้าทำได้จริง สามารถทำข้อมูลออกมาจริงๆ แล้วไงพี่ ในที่สุดพี่ก็รู้ว่า ทุกคนรอบตัวพี่เสี่ยงหมดเลย แล้วพี่จะทำตัวอย่างไร
ถ้าผลออกมาว่า พี่ยังไม่เสี่ยงขนาดนั้น พี่จะทำตัวอย่างไร พี่จะระวังตัวลดลงเหรอ พี่จะไม่ระวังตัวเหรอ หรือจะยังไง


ถ้าอย่างไรก็ต้องระวังสูงสุดอยู่แล้ว มันจะต่างกันอย่างไร และถ้ามันไม่ต่าง พี่จะหาให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้เหนื่อยมากขึ้นไปทำไมครับ
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 220  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 16:37

อย่างยกเลิกหยุดสงกรานต์เนี่ย เสียงชมมากกว่าเสียงด่าเยอะครับ  คนจำนวนมากเข้าใจและเห็นด้วย  แต่แผนรองว่าจะให้มีการชดเชยคนจองตั๋วแล้ว จะคืนเงินอะไรยังไง ผมก็เพิ่งได้ยินจากคุณ Naris วันนี้แหละว่ามี และเชื่อคนส่วนใหญ่เป็นแบบผมคือไม่รู้ว่ามี หรือต้องทำยังไง

อะไรที่รัฐคิดว่าจำเป็นต้องทำก็ต้องประกาศทำไปเลย ตรงไหนหน้างานปฏิบัติไม่ได้ ก็ให้อำนาจตัดสินใจแก่คนหน้างานไป และต้องไม่มีสองมาตรฐานในการปฏิบัติ เสียงด่าน้อยกว่าเสียงชมมาก ๆ อยู่แล้ว ถ้าการตัดสินใจอยู่ในกรอบของเหตุผล รับฟังผู้เชี่ยวชาญมากพอ  เชื่อว่าถูกต้องจำเป็น ก็ไม่ต้องกลัวถูกด่า   นั่นคือสิ่งที่ผู้นำต้องมี แต่ถ้าอิหลักอิเหลื่อแบบตอนนี้ เดี๋ยว A เดี๋ยว B คนถึงด่า  

อีกเรื่องคือการตัดสินใจยังไม่ฉับไวจนน่าห่วงว่าถึงเวลาสาหัสจะทันหรือ อย่างประกาศเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ ปิดสถานศึกษา ฯลฯ  ข่าวออกวันจันทร์ว่าจะทำ แต่ต้องรอผลจากการประชุม ครม ในบ่ายวันรุ่งขึ้นจึงจะประกาศเป็นทางการมีผลบังคับใช้ แบบนี้ไม่ไหว  เรื่องบางเรื่องต้องตัดสินใจเร็วลงมือฉับไว ไม่ต้องรอระบบราชการหรือทำตามโปรโตคอลเดิมเสมอไปก็ได้  อะไรรอได้ก็รอ รอไม่ได้รีบตัดสินใจ

ส่วนเรื่องข้อมูลปลอม ข่าวลือเกลื่อน ก็เพราะรัฐไม่เปิดเผยข้อมูลจริงให้ครบไงครับ  จะเพราะกลัวแตกตื่น หรือไม่สนใจจะเก็บให้ครบถ้วนผมก็ไม่รู้   แต่ผมเชื่อว่าสยบข่าวลือก็ต้องใช้ความจริงไม่หมกเม็ดเท่านั้น

ทุกวันนี้ผมไม่รู้ว่ามีศูนย์ข้อมูลกลางว่าถ้าอยากติดตามจำนวนคนป่วย คนเฝ้าระวัง ต้องตามที่ไหนที่เชื่อถือได้จริง  นอกจากตามอ่านข่าวเอง อย่างเช่นข่าววันนี้ เพิ่มอีก 35 คนหรือไงนี่แหละปัญหาคือ มีแต่ตัวเลข 35 คน พร้อมข้อมูลคร่าว ๆ ว่า มาจากสนามมวย และติดต่อจาก 11 นักศึกษา และโคราชมีอีก 2 คน ผู้ว่าประกาศ คุณ Naris ไม่ต้องประชดว่าต้องลึกขนาดไหน เอาตัวอย่างของสิงคโปร์ไปดู

https://www.straitstimes.com/multimedia/graphics/2020/02/spore-virus-cases/index.html?shell&fbclid=IwAR1aisWEUe8JEPgXB4DesPzpUJkyFSEPt1AhZT9Jx5RxxQVAZYs5QTytgj8

ทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าพื้นที่ควรระวังคือเขตไหน แถวไหน รวมถึงมีตัวเลขคนที่ต้องกักกันตัวเฝ้าระวังดูอาการอีกเท่าไหร่ อยู่ที่ไหนบ้างในเขตนั้น  คนในพื้นที่ใดที่ต้องใส่หน้ากากและล้างมือ  รวมถึงเพิ่มระยะห่างระหว่างคนมากเป็นพิเศษ   เจาะลึกเป็นพื้นที่ไป   แบบนี้มันไม่มีไงครับ คนก็ไม่รู้ว่ามันมาถึงแถวบ้านรึยัง ทำให้ที่กลัวก็แตกตื่นเกินเหตุไม่กล้าทำมาหากิน ทุกอย่างชะงักไปหมด  แต่ที่ไม่กลัวก็ประมาทต่อไป   ยิ่งบ้านผมมีคนแก่ เป็นเบาหวาน ความดัน ไตเสื่อม หลอดเลือดครบเงื่อนไขเลย เลยต้องระวังเป็นพิเศษ ตัวผมเองไม่กลัวเท่าไหร่ แต่คิดว่าถ้าผู้อาวุโสที่บ้านติดขึ้นมาจากเรานี่ ... แน่  แต่ก็ไม่รู้ว่าแถวบ้านเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน ผมไม่เคยวิจารณ์รัฐหรือขอให้ปิดประเทศเลย ผมรู้ว่ามันทำไม่ได้ คนอื่นไม่รู้ รัฐก็มีหน้าที่อธิบายให้เข้าใจ

รัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นที่มากกว่าการอ่าน script แบบลอย ๆ 1.1  1.2 ... 5.8  แบบเมื่อวานกับวานซืน ที่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่วิธีการสื่อสารให้ถูกให้เป็น ยังทำไม่ได้เลย เรื่องการสื่อสาร  เรื่องการปฏิบัติตัวไม่ต้องลงลึกระดับเทคนิค RNA ไวรัสเป็นอย่างไร แค่ใช้ตรรกะพื้นฐานบวกกับการยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็สามารถสื่อสารแบบได้ผลได้  อย่าเพิ่งกลัวว่าจะเกิดผลเสีย เรามีคนเก่งที่สามารถสื่อสารแบบสั้น ๆ ให้เป็นเหตุเป็นผลเข้าใจได้ จะภาครัฐหรือเอกชนก็ดึงมาได้   ดูแถลงการณ์จากลุงสิ แค่ฉากหลังก็เหมือนหามาใส่แบบงั้น ๆ สื่อสารแบบนั้นหนะมีแต่ผลเสียแน่ ๆ

ในหัวผมเห็นแต่คำว่า incompetent leadership  ทำให้ตอนนี้เห็นใครชมว่าลุงตู่ทำดี หรือลุงตู่ถูกวิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม ผมเลยหัวร้อนขึ้นง่ายเป็นพิเศษ    ผู้ปฏิบัติหน้างานเราเก่งและเสี่ยง ผมเห็นใจมาก แต่ระดับนโยบายยังใช้ไม่ได้  

ที่ตอนนี้โรคยังไม่กระจายมากแบบอังกฤษ อิตาลี น่าจะเป็นเพราะอากาศบ้านเราร้อน เชื้อโรคไม่ชอบมาช่วยไว้ แต่อีกสองสัปดาห์ข้างหน้าก็ต้องมาลุ้นกันครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 221  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 16:53

ลองอ่านความเห็นใน FB ของคุณ Pat Hemesuk ดูค่ะ

Pat Hemasuk
1 ชม. ·
สถิติผู้ติดเชื่อโควิด-19 อัพเดททุกวันที่เวลา 0.0 GMT
ถ้าดูจำนวนผู้เสียชีวิตต่อผู้ติดเชื้อแล้ว ยุโรปนำจีนไปมาก ถ้าจะดูไปแล้วอัตราการเสียชีวิตของจีนขึ้นมาแตะอยู่ที่ 4% แต่ของอิตาลีนั้นตายสองเท่าขึ้นไปแตะ 8% แล้ว ขณะที่อิหร่านคุมเอาไว้ที่ 6% สเปนอยู่ที่ 4.5
ของไทยนั้นคุมการตายเอาไว้ได้ที่ 0.4% ถือว่าต่ำมาก และต่ำมากๆ ถ้าจะดูพื้นที่และโซนรอบประเทศที่ตัวเลขโดดสูงไปพอสมควร

จากทฤษฎีการระบาด คนทุกคนต้องติดเชื้อแล้วปล่อยให้ธรรมชาติคัดสรรไป เราคงต้องพยุงตัวรอวัคซีนเพื่อตัดวงจรตามธรรมชาติโดยให้เกิดความเสียหายให้น้อยที่สุด ปีนี้อาจจะเป็นปีที่ลำบากสำหรับประเทศไทย แต่เราต้องร่วมมือกันผ่านไปให้ได้

ส่วนประเทศที่ติดเชื้อหนักตายมาก แต่พวกเขาก็จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า ถ้าไม่คิดเรื่องมีหรือไม่มีวัคซีน
แต่ถ้ามีวัคซีนแล้ว ประเทศที่พยุงตัวเอาไว้ได้จะเสียหายน้อยและฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมได้เร็วขึ้น

ประเทศไทยเลือกเส้นทางนี้ที่จะต้องพยุงตัวลดปริมาณผู้ติดเชื้อเอาไว้ เรามีระบบทางการแพทย์ที่ดีเป็นอันดับต้นของโลก เราจึงต้องทุ่มทรัพยากรของประเทศทัั้งเงินและบุคคลากรลงไปมากพอสมควร

***********************************************

แต่ที่สำคัญคือระบบดีอย่างไรความร่วมมือของประชาชนต้องมีวินัยให้มากขึ้นด้วย ไม่ใช้เรียกร้องให้ปิดมหาวิทยาลัยแต่ตอนกลางคืนไปนั่งกินเหล้าข้าง ม.กันเต็มร้านแบบในภาพช่าว แบบนี้ระบบดีอย่างไรก็ไม่ไหว และการแยกประชากรในพื้นที่ติดเชื้อออกจากพื้นที่ที่ยังมีการระบาดน้อยหรือไม่มีเลยนั้นคือ Social distancing เป็นวิธีที่ดีที่สุด ได้ผลที่สุด และราคาถูกที่สุด แต่ก็ยังมีการต่อต้านเรื่องขอความร่วมมือไม่กลับบ้านตอนช่วงสงกรานต์

ผมก็ได้แต่อ่านข่าวด้วยใจที่เป็นอุเบกขาปล่อยวาง ถ้าอยากเป็นเพชรฆาตฆ่าพ่อแม่หรือลูกตัวเองที่อยู่ต่างจังหวัดผมก็คงห้ามอะไรไม่ได้ เพราะไทยไม่ได้ใช้มาตรการบล็อกการเข้าออกเมืองเหมือน ฟิลิปปินส์ หรืออิตาลีและสเปน แต่ผมเห็นด้วยที่ผู้นำบางจังหวัดที่เข้าใจเรื่อง Social distancing ออกมานำร่องแล้วเรื่องเข้มงวดในการเช้าพื้นที่และยกเลิกการจัดงานในชุมชนต่างๆ อย่างเช่นบุรีรัมย์ และอุทัยธานี

ทีมประเทศไทยเท่านั้นที่จะพาชาติรอดไปได้ พวกเราทุกคนคือผู้เล่นทีมนี้ คนที่เล่นแย่จะให้ใบแดงไล่ออกจากสนามก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่ช่วยกันเฝ้าระวังกันให้ดีที่สุดเท่านั้น
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 222  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 17:54

ถ้าเมืองนอกมีจำนวนผู้ติดเชื้อเยอะกว่าเรา = เขาตรวจละเอียดกว่า = รัฐบาลห่วย

ตรงนี้เป็นความจริง ถ้าเราตรวจเยอะ ก็จะพบจำนวนผู้ติดเชื้อเยอะ  เป็นวิธีที่ควรทำ ซึ่งตรงตามคำแนะนำของผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก



วิธีที่ควรทำไม่ทำ กลับทำแต่วิธีที่ไม่ควรทำ  เศร้า

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 223  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 18:29



วิธีที่ควรทำไม่ทำ กลับทำแต่วิธีที่ไม่ควรทำ  เศร้า

คนไทยกำลังเสียขวัญ วิตกกังวลอย่างแรงกล้า จากโรคระบาดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน    การสวดมนตร์ในหมู่ชาวพุทธเป็นการทำให้ใจสงบลง   เรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมาได้ด้วยวิธีหนึ่ง    
ข้อนี้เป็นดำริของสมเด็จพระสังฆราช  ด้วยทรงเมตตาต่อประชาชน     ปกติพระในวัดต่างๆท่านก็สวดมนตร์ทำวัตรเย็นอยู่แล้ว  เมื่อเพิ่มบทสวดเพื่อเป็นกำลังใจให้ประชาชนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรตรงไหน
การถ่ายทอดทางทีวี ทำให้ประชาชนฟังสวดได้จากในบ้าน  ไม่ต้องออกจากบ้านไปแออัดกันอยู่ในวัด

ทั้งนี้  ไม่ได้หมายความว่า  รัฐบาลมีนโยบายให้สวดมนตร์เพื่อให้ไวรัสหยุดระบาด    ไม่มีมาตรการทำอะไรอย่างอื่น  มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วค่ะ




บันทึกการเข้า
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 224  เมื่อ 18 มี.ค. 20, 18:38

ผมติดใจบรรทัดสุดท้ายอักษรขาวพื้นสีน้ำเงินเท่านั้นเองครับ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 48
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 19 คำสั่ง