สมาชิกเรือนไทยนี่ถือว่าเป็นกลุ่มที่ต้องระวังโควิดมากเป็นพิเศษ เพราะแต่ละท่านอาวุโสไม่น้อย
จากการติดตามข่าวสาร ผมเห็นว่าสถานการณ์น่าวิตกมาก ๆ และดูจะเลวร้ายลงเรื่อย ๆ เพราะหลายสาเหตุ
1. รัฐบาลมีแนวโน้มจะปิดข่าวและพูดความจริงไม่หมด
ที่ผมบอกเช่นนี้เพราะจากผู้เสียชีวิตรายล่าสุด มีความพยายามโยงไปว่าเพราะเป็นไข้เลือดออก พ่วงกับโควิด เสียชีวิตหลังจากไวรัสตายหมดแล้ว แต่เพราะปอดเสียหายหนัก แต่ไม่บอกว่าที่ปอดเสียหายหนักมันเพราะอะไร โควิดหรือเชื้อไข้เลือดออก? การพูดความจริงไม่หมดหรือพยายามบิดเบือนให้เข้าใจคลุมเครือ มีแต่ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง
ตัวเลขการเสียชีวิต 1 คน เป็นสิ่งที่ปกปิดไม่ได้ แต่ตัวเลขการติดเชื้อเรายังน้อยและเพิ่มขึ้นในระดับที่น้อยอยู่ แต่วันนี้มีการแชร์ตัวเลขผู้ป่วยโรคปอดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก็ไม่รู้ว่ามีความเชื่อมโยงหรือการบิดเบือนหรือไม่
อีกประเด็นคือผู้ติดเชื้อติดจากไหนบ้าง นี่เป็นข้อมูลที่ประชาชนต้องรู้เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการไปสถานที่เหล่านั้น อย่างผู้เสียชีวิตรายล่าสุดติดจากคิงพาวเวอร์ รู้มาตั้งแต่วันที่ 6 กพ แม้จะอ้างว่ามีการปิดร้านที่ผู้เสียชีวิตทำงานตั้งแต่ 6 กพ แต่ก่อนหน้าไม่มีข่าวใด ๆ แสดงว่ามีการจงใจปกปิดข้อมูลเพื่อเอื้อต่อผู้ประกอบการหรือไม่
2. การบริหารจัดการหน้ากากอนามัยไร้ประสิทธิภาพ
จำได้ว่าตอนหน้ากากเริ่มขาด มีข่าวบอกมาว่าบ้านเรามีกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย มีเป็นร้อยล้านชิ้น แต่ถึงวันนี้ก็ยังขาดแคลน รมต สาธรณสุขบอกให้ไปถามกระทรงพาณิชย์กระทรวงเงียบกริบ หน้ากากเป็นสินค้าควบคุมแล้วแต่ยังควบคุมราคาไม่ได้ รพ เอกชนหาซื้อไม่ได้ เพราะผู้ผลิตต้องส่งให้กรมการค้าภายใน แต่กรมจัดลำดับความสำคัญในการแจกจ่ายหน้ากากไม่ได้ นี่คือความไร้ประสิทธิภาพและไร้แม่ทัพที่มีฝีมือในการจัดการดูแล
ที่น่าวิตกยิ่งกว่าคือคนจำนวนมากมองว่าหน้ากากอนามัยคือตัวช่วยชีวิต แห่กันกักตุน ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าในสถานการณ์ทั่วไป ไม่ใช่ใน รพ หรือพื้นที่ชุนนุมชน หน้ากากมีประโยชน์มากแค่ไหน แล้วหน้ากากที่ควรใช้หนเดียวแล้วทิ้ง ซื้อหามาแผ่นละ 15 บาท จะมีซักกี่คนที่ใช้หนเดียวทิ้ง แล้วถ้าหน้ากากมีไวรัสปนเปื้อนถูกนำมาใช้ซ้ำจะเกิดอะไรขึ้น การเอามือจีบหน้ากากที่ปนเปื้อนไว้รัสตอนใส่ตอนถอด หรือการจับหน้ากากด้วยมือที่มีโอกาสเปื้อนไวรัสมากกว่า แตกต่างกับการไม่ใส่หน้ากากหรือไม่
การที่รัฐไม่ให้ความรู้ประชาชนในการใช้หน้ากากที่ถูกต้องเหมาะสม เช่นเมื่อใดควรใส่ เมื่อใดควรสงวนไว้ ทำให้มีการใช้หน้ากากโดยไม่จำเป็น เกิดการกักตุนและการใช้ซ้ำ ซึ่งไม่ได้ช่วยป้องกันอะไรเลย แทนที่จะรณรงค์ให้ใช้แบบตะวันตก คือคนที่ป่วยกับคนใน รพ ค่อยใช้ คนทั่วไปในสถานการณ์ปกติ ในพื้นที่ที่ไม่มีรายงานว่ามีความเสี่ยงหรือมีผู้ป่วยให้งดใช้หน้ากาก แต่ใช้การล้างมือบ่อย ๆ แทน เพื่อให้เรามีหน้ากากพอใช้ในวันที่ต้องการจริง ๆ แต่รัฐบาลไม่ทำในส่วนนี้
3. การเตรียมการรับมือการระบาดในระยะสาม
แม้ตอนนี้หลายหน่วยงานสั่งห้ามเดินทาง ห้ามสัมมนา แต่การจัดการยังไม่มีเอกภาพ เป็นวิจารณญาณของหน่วยงานมากกว่าระดับนโยบายหรือคำสั่งจากรัฐบาล นอกจากนี้ผมยังไม่เห็นแผนรับมือในกรณีเกิดการระบาดว่าจะทำอย่างไร จะกักตัวผู้คนในเขตระบาดอย่างไร จะมีการ supply ปัจจัยที่จำเป็นแก่การดำรงชีพของคนในพื้นที่กักกันอย่างไร เรามี stock อาหาร น้ำ ยาต่าง ๆ มากแค่ไหน จะจัดการโรงพยาบาลในพื้นที่ระบาดอย่างไร แยกคนไข้ปกติกับคนไข้โควิดอย่างไร ส่งอาหารเข้าพื้นที่อย่างไร ใครเป็นแม่ทัพใหญ่ ฯลฯ แผนการเหล่านี้ไม่รู้มีไหม หรือลงลึกรายละเอียดขนาดไหน หรือมีการเตรียมการจริงขนาดไหน ประชาชนไม่เคยรู้ ยิ่งไม่รู้ วันที่ระยะสามมาจะเกิดการแตกตื่นกักตุนอาหารกัน รัฐบาลจะรับมืออย่างไร ในเมื่อหน่วยงานราชการเรามีประสิทธิภาพต่ำมาก
คำแนะนำต่อผู้อาวุโสเรือนไทยตอนนี้คือ ทุกท่านต้องจัดกาข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค ต่าง ๆ และปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเตรียมไว้ได้แล้วครับ อาจจะมีให้พอซักเดือน เพราะถึงเวลานั้น อาจจะหาซื้ออะไรไม่ได้ กลไกต่าง ๆ เป็นอัมพาต และคงพึ่งพารัฐบาลนี้ได้ยาก