เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
  พิมพ์  
อ่าน: 12443 American Dream ในยุค 1950s
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 05 ธ.ค. 19, 11:41

ดาราข้างล่างนี้  สีม่วงทั้งหมดค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 05 ธ.ค. 19, 14:43

ดาราหญิงที่มีใจฝักใฝ่ผู้หญิงด้วยกัน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 05 ธ.ค. 19, 15:40

 ถ้าหากว่าใครอยากใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลาของโดเรมอน  เดินทางกลับไปอยู่ในยุค American dream   เพราะเป็นยุคทองที่บ้านเมืองสวยงาม    ครอบครัวอบอุ่น  งานดี  เงินดี    ก็โปรดเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ 2 เรื่องต่อไปนี้
  คือ
  1  คุณต้องเป็นชายจริงหญิงแท้
  2  คุณต้องเป็นฝรั่งผิวขาว  

   กลับมาค.ห.ที่ 58 ข้อ 2
  แม้ว่าอเมริกาได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ    มีความเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งชนชั้นอย่างในยุโรป   แต่เอาเข้าจริงก็หาเป็นจริงเช่นนั้นไม่      อเมริกาไม่มีชนชั้นเจ้านาย และไพร่ก็จริง  แต่มีชนชั้นนายจ้างและทาส(ผิวดำ) ซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองสมัยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น    ระหว่างรัฐทางเหนือซึ่งไม่มีทาสผิวดำ และรัฐทางใต้ที่มีทาสผิวดำเป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมาย
   สงครามกลางเมืองจบลงตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19    แต่ล่วงมาจนกลางศตวรรษที่ 20   คนผิวดำก็ยังถูกแบ่งแยกชนชั้นจากคนผิวขาวอยู่นั่นเอง  โดยเฉพาะในรัฐทางใต้   ส่วนทางเหนือนั้นค่อยยังชั่วหน่อย  คนผิวดำยังมีโอกาสมากกว่า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 05 ธ.ค. 19, 16:17

      การแบ่งแยกอย่างที่จะเล่าต่อไปนี้อาจฟังประหลาดสำหรับคนไทย เพราะถึงแม้ว่าสังคมเรามีการพูดถึงชนชั้นกันมาบ้าง เช่นคนรวยกับคนจน   หรือการแบ่งแยกความคิดทางการเมือง  แต่เราก็ไม่เคยเจอกฎหมายแบ่งแยกที่ประกาศกันออกมาจะจะ ว่าโรงเรียนนี้สงวนไว้ให้เด็กผิวขาวเท่านั้น     ห้องน้ำสาธารณะไม่ได้แบ่งแค่ชายหญิง แต่แบ่งว่าส่วนนี้คนผิวขาวเท่านั้นถึงจะเข้าได้     รถโดยสารก็แบ่งที่นั่งว่าคนดำต้องขึ้นทางประตูหลัง  ส่วนคนขาวเท่านั้นมีสิทธิ์ขึ้นทางประตูหน้า   ถ้าที่นั่งคนขาวเต็ม คนดำต้องลุกขึ้นสละที่ให้นั่ง    ภัตตาคารบางแห่งก็รับเฉพาะลูกค้าผิวขาว    หมู่บ้านบางแห่งก็ไม่ขายให้ลูกค้าผิวดำ ต่อให้มีเงินซื้อก็เถอะฯลฯ
     คนผิวดำไม่มีสิทธิ์เป็นดารานำในหนัง   เป็นได้แต่ตัวประกอบเท่านั้น  นักร้องก็เช่นกัน    เธอไม่มีสิทธิ์ออกมาร้องเดี่ยวๆในรายการ
     ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในหลายรัฐ   ในยุค 1950s

     คำว่าคนผิวดำ เรียกกันอย่างเหยียดหยามว่า negro  คำนี้คนไทยในอดีตเองก็ไม่รู้เรื่อง  พลอยเรียกพวกผิวดำว่า "นิโกร" ไปด้วย เพราะได้ยินฝรั่งเรียกเช่นนั้น   


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 06 ธ.ค. 19, 08:45

การแบ่งแยกสีผิวดำเนินไปตลอดทศวรรษที่ 1950s   จนกระทั่งเกิดขบวนการเคลื่อนไหวคัดค้านความไม่เสมอภาคนี้ขึ้น     แล้วชัดเจนขึ้นในทศวรรษ 1960s  แต่ไม่ขอเล่าเพราะไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้ค่ะ  เรื่องมันจะยาว
   ถ้าใครเข้าไปดูหนังครอบครัวยอดนิยม ใน youtube  เช่นในเรื่อง Leave it to Beaver  หรือ Father Knows Best   จะเห็นว่าโรงเรียนของหนูน้อยบีเวอร์ไม่มีเด็กต่างสีผิว โดยเฉพาะผิวดำ     เพื่อนบ้านผิวดำก็ไม่มี      ชีวิตวัยเด็กที่อบอุ่นของหนูน้อยเป็นโลกของคนผิวขาวโดยเฉพาะ

   เมื่อจบยุคทองในวัยเด็กของเหล่าเบบี้บูมเมอร์แล้ว    ทศวรรษต่อมาเด็กพวกนี้เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มสาวแบบกลับตาลปัตร    สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป จากความราบรื่นผาสุกกลายเป็นว่าอเมริกากระโจนเข้าไปทำสงครามในเวียตนาม   เด็กหนุ่มทั่วประเทศเดินเข้าสู่สมรภูมิไกลจากบ้านเกิดคนละซีกโลก    เอาชีวิตไปทิ้งเสียมากมาย    จนเกิดการต่อต้านสงครามจากพวกที่อยู่ข้างหลัง  ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ไปทำสงครามเพื่ออะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อปกป้องบ้านเมืองตัวเอง
   หนุ่มสาวที่เหลือในประเทศจำนวนมากลุกขึ้นก่อกบฏกับครอบครัว   กลายเป็นฮิปปี้ ออกจากบ้านไปแสวงหาความหมายของชีวิต  โยนกฎเกณฑ์ระเบียบต่างๆที่เคยได้รับอบรมมาทิ้งหมด   ติดยา   ร่อนเร่ นอนข้างถนน สำส่อน ไม่ทำงานทำการ
   ถ้าใครเคยดูหนัง Forrest Gump ชีวิตนางเอกในเรื่องก็คือฮิปปี้แบบนี้ละค่ะ

   American dream ที่เคยงดงามในยุค 1950s  ก็จบลงเพียงแค่นี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 06 ธ.ค. 19, 08:47

 เศร้า


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 06 ธ.ค. 19, 10:24

แนะนำหนังคุณภาพเรื่อง Far from Heaven (2002) ที่มี Julianne Moore รับบทแม่บ้านในฝันอเมริกัน
ที่ต้องเผชิญกับ 2 ประเด็นต้องห้ามนี้


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 06 ธ.ค. 19, 10:30

ขอบคุณค่ะคุณหมอ SILA

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 06 ธ.ค. 19, 10:32

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 06 ธ.ค. 19, 13:14

    หนังเรื่องนี้เป็นการตีแสกหน้า American dream อย่างจัง      นางเอกเป็นหญิงสาวที่มีชีวิตตรงตามอุดมคติของฝันอเมริกันทุกอย่าง   เธอแต่งงานกับชายหนุ่มหน้าที่การงานดี  มีลูกเล็กๆ มีบ้านหลังงามในเขตชานเมือง  ตัวเองเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัวให้สมบูรณ์แบบ
    จนกระทั่งวันหนึ่งเธอค้นพบความลับของสามีเข้าโดยบังเอิญ   ว่าเขาเป็นชายรักร่วมเพศ     ความจริงข้อนี้สั่นคลอนความสัมพันธ์ของสามีภรรยาอย่างไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้อีก     แม้พยายามจะปรับตัวกลับมาเหมือนเดิมก็ไม่สำเร็จ
    ร้ายยิ่งกว่านั้นคือมีผู้ชายอีกคนเดินผ่านเข้ามาในเส้นทางพอดี     เป็นชายที่มีอัธยาศัยดีและรสนิยมเข้ากับเธอได้   เพียงแต่เขาเป็นคนผิวดำ
    คนทั้งเมืองไม่มีคนไหนยอมรับได้ แม้แต่เห็นเธอเดินคู่ไปกับเขาตามถนน   หรือแวะเข้าไปในร้านอาหาร
    ตัวเขาเองก็โดนประณามหยามเหยียด    ถูกกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง  ที่บังอาจไปคบผู้หญิงผิวขาว
    เรื่องก็จบลงแบบตรงตามความเป็นจริง    ไม่ใช่ความฝัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 07 ธ.ค. 19, 17:51

ไปต่อที่กระทู้ สงครามเย็น  ค่ะ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=7071.msg170250;topicseen#msg170250
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 18 ธ.ค. 19, 13:42

มีภาพชีวิตชาวบ้านร้านถิ่นและผู้คนระดับกลางในยุค AMerican dream มาให้ดูอีกเว็บหนึ่งค่ะ

https://www.thevintagenews.com/2015/06/20/how-things-looked-like-in-the-50s-color-photos-of-everyday-life-back-in-the-1950s/
บันทึกการเข้า
ninpaat
ชมพูพาน
***
ตอบ: 167


ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 18 ม.ค. 21, 19:35

.
ผมขออนุญาตท่านอาจารย์ นำกระทู้นี้มา เพื่อระลึกถึงผู้ร่วมแต่งเพลงๆ นี้ 'Be My Baby' ... "Phil Spector" .....ตำนานแห่ง Wall of Sound ครับ


.


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 18 ม.ค. 21, 20:03

ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมคะ  ยังไม่เข้าใจค่ะ
บันทึกการเข้า
ninpaat
ชมพูพาน
***
ตอบ: 167


ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 19 ม.ค. 21, 06:13

.
ผมสนใจโปรดิวเซอร์เพลง Phil Spector ตรงที่เขาได้คิดค้นวิธีที่จะนำเทคโนโลยีในยุคของเขา
มาใช้สร้างผลงานต่างๆ นั่นคือ เทคนิคในการสร้างเสียงดนตรี ที่เรียกว่า Wall of Sound นี้ครับ

และบังเอิญคุณ teerapong ได้เขียนเรื่องราวชีวิตของ Phil Spector เอาไว้ที่เวบ bearthai วันนี้พอดี
ผมจึงขออนุญาต นำระโยงของบทความนั้น จากเวบ bearthai มาขยายความเพิ่มเติมไว้ตามสมควรครับ

เส้นทางชีวิตและผลงานของ Phil Spector โปรดิวเซอร์ผู้บุกเบิกการบันทึกเสียงแบบ ‘Wall of Sound’
https://www.beartai.com/lifestyle/524617

ขอขอบคุณ : คุณ teerapong และ beartai.com
.
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 20 คำสั่ง