เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 02 ธ.ค. 19, 17:44
|
|
ผู้ชายยุคนี้ถูกวางทัศนคติว่า เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ทำงานอาชีพที่รายได้ดี ความมั่นคงอยู่ที่ไม่เปลี่ยนงาน เพราะฉะนั้นใครทำอาชีพอะไรก็จะปักหลักอยู่ตรงนั้นไปจนเกษียณ อาจจะเลื่อนตำแหน่งขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนจากอาชีพหนึ่งไปทำอีกอาชีพหนึ่ง หรือย้ายรัฐย้ายงานไปเรื่อย ส่วนผู้หญิงถูกวางว่า ความมั่นคงคือต้องแต่งงานเป็นแม่ศรีเรือนเลี้ยงลูกๆ ไม่ต้องทำงานนอกบ้าน สามีมีรายได้ดีพอที่จะหาเครื่องอำนวยความสะดวกให้ภรรยาได้ทุกอย่าง บริษัทต่างก็ผลิตเครื่องไม้เครื่องมือช่วยแม่บ้านกันเป็นล่ำเป็นสัน ไม่ว่าตู้เย็น เตาอบไฟฟ้า เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น เครื่องล้างจาน ฯลฯ เธอไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยซักผ้าด้วยมือหรือตักน้ำจากบ่ออย่างยุคก่อนสงคราม
มองในแง่หนึ่ง ผู้หญิงยุคนี้ก็กลายเป็นผู้หญิงสวยงาม อ่อนหวาน อบอุ่นสำหรับครอบครัว แต่อีกแง่หนึ่ง ผู้หญิงถูกจำกัดสิทธิ์ไม่ให้มีบทบาทในสังคมเท่าผู้ชาย อยู่ในโลกแคบๆของบ้านเท่านั้น
ข้อนี้ ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากเกิดความอึดอัดคับข้องใจ จนนำไปสู่ขบวนการก่อตั้งสิทธิสตรีหรือเฟมินิสต์ในทศวรรษต่อมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
 
ตอบ: 89
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 03 ธ.ค. 19, 16:36
|
|
จากที่อ่านมาอเมริกาเป็นชาติที่พัฒนาได้เร็วมากเลยนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 03 ธ.ค. 19, 16:51
|
|
คนที่อพยพเข้ามาในอเมริกา มาจากประเทศเก่าแก่ที่พัฒนากันมาเป็นพันปี ตัวอย่างเช่นอังกฤษและฝรั่งเศส พวกเขาเป็นเพียงคนด้อยโอกาส ไม่มีที่ยืนเพียงพอในบ้านเกิด แต่ทวีปใหม่มีเนื้อที่เหลือเฟือให้เขาทำมาหากินได้ ด้วยความรู้ที่ถ่ายทอดกันมา พวกเขาก็สามารถลุกขึ้นยืนได้ในที่สุด
อเมริกาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ยังไม่ค่อยเจริญนักค่ะ นอกจากในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ค รัฐนอกๆออกไปจากนั้นก็ยังตั้งตัวกันอยู่ ต้นศตวรรษที่ 20 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 อเมริกาอยู่ไกลเลยไม่บอบช้ำ แต่ก็มาเจอพิษเศรษฐกิจตกต่ำในยุค 1930s ถึงกับซวนเซไปพักใหญ่ จากนั้นมาเจอสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุค 1940s อีก ยังดีที่เจ็บตัวน้อยกว่ายุโรปมาก พอถึง 1950s หมดสงคราม แรงงานเต็มประเทศ งานดี เงินดี คนชั้นกลางที่เป็นชนชั้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมีเงินทองเต็มกระเป๋ายิ่งกว่ายุคใดๆ ยุคนี้ก็เลยเป็นยุคฝันเป็นจริงของอเมริกา
แต่... ขยะใต้พรมก็ยังมี จะค่อยๆเล่าในโอกาสต่อไปค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 08:27
|
|
กลับมาที่ 1950s อีกครั้ง ในเมื่อการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเป็น American dream จึงปรากฏว่าชนชั้นกลางแต่งงานกันเยอะมาก หนุ่มสาวที่เดินเข้าสู่ถนนสมรสมีถึง 97% เหลือพวกโดดเดี่ยวข้างทางเพียง 3 % เมื่อแต่งกันแล้วก็อยู่กันไปจนถือไม้เท้ายอดทอง สถิติการหย่าร้างของคู่สมรสที่แต่งกันในยุค 1950s มีต่ำว่า 20 % คือ 10 คู่มีไม่ถึง 2 คู่ที่เลิกกันไป กฎหมายมีส่วนช่วยให้การสมรสยั่งยืน นอกเหนือไปจากความรัก เพราะในยุคก่อนหน้าและยุคนั้น การฟ้องหย่ามีประเด็นหลักได้เพียง 2 เรื่องคือนอกใจและทำร้ายร่างกาย ถ้าไม่ใช่สองอย่างนี้ก็ยากที่ศาลจะรับฟัง กล่าวคือถ้าคู่สามีภรรยาเบื่อหน้ากันแทบตาย ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาข้อหาเบื่อหน้าไปฟ้องศาล ศาลไต่สวนแล้วว่าไม่ได้นอกใจ ไม่ได้ตบตีเตะต่อย ไม่ได้กระทำใดๆที่เป็นปฏิปักษ์อย่างร้ายแรง ก็อาจยกฟ้อง เพราะฉะนั้นจึงมีอยู่มากที่คู่สามีภรรยาแม้ว่าความรักจะจืดจางกันไปแล้ว ก็ยังอยู่กันจนตายจากกันไป เพราะทางเลือกดีกว่านี้ไม่มี เหตุผลอีกอย่างหนึ่งคือสังคมวางบทบาทให้ผู้ชายหาเลี้ยงครอบครัว แต่ผู้หญิงมีหน้าที่รักษาครอบครัว ถ้าเธอหย่า เธอจะถูกมองว่าเป็นคนทำให้ครอบครัวล่มสลาย แทนที่จะแก้ปัญหาว่าทำยังไงจะให้สามีเลิกนอกใจ หรือว่าอดทนไปเพื่อลูก แมกกาซีนต่างๆที่ออกในยุคนี้ก็มักจะมีคอลัมน์ประเภท "ทำยังไงเมื่อสามีนอกใจ" หรือ " วิธีเติมความหวานให้ชีวิตแต่งงานหลัง 10 ปี"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
kui045
มัจฉานุ
 
ตอบ: 94
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 11:44
|
|
เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกมีความสุข อบอุ่นในบรรยากาศ สังคมบ้านเมือง กินดี อยู่ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 15:44
|
|
เจ้าบ่าวเจ้าสาวในยุค 1950s
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 16:22
|
|
เด็กน้อยในยุคนี้แต่งกายเรียบร้อย สวยงาม สวมถุงเท้ารองเท้าครบ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 17:23
|
|
ดาราชายดังๆในยุคนี้ ล้วนแต่เป็นหนุ่มหล่อระดับเทพบุตร เช่นชาร์ลสตัน เฮสตัน แครี่ แกรนท์ ร็อค ฮัดสัน และมาร์ลอน แบรนโด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 17:32
|
|
ส่วนดารายอดนิยมฝ่ายหญิงก็สวยกันหยาดฟ้ามาดิน เช่นลิซ เทเลอร์ ออเดรย์ เฮปเบิร์น เดเบอราห์ คาร์ และเกรซ เคลลี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 17:56
|
|
และ..ยอดดาราแห่งยุค ที่ไม่มีใครลบรัศมีเธอได้จนทุกวันนี้ มาริลีน มอนโร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 18:29
|
|
1950s เป็นยุคสมัยของระเบียบเรียบร้อยในสังคมชนชั้นกลาง ผู้ใหญ่เห็นความสำคัญของการอบรมดูแลเด็กให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ปลูกฝังคุณธรรม และศีลธรรมกันมาตั้งแต่เด็ก ระเบียบสังคมบางเรื่องนั้น เด็กที่เกิดในศตวรรษที่ 21 รู้เข้าคงหัวร่องอหาย เช่น หนังทีวีถูกเซนเซอร์ไม่ให้มีคำว่า "ตั้งท้อง" (pregnant)ออกมาเด็ดขาด ต้องเลี่ยงไปใช้คำอื่น ฉากห้องนอนที่สามีภรรยานอนเตียงเดียวกัน ออกอากาศไม่ได้อีกเช่นกัน ถ้าจะมีฉากห้องนอนจริงๆก็ต้องสร้างให้ต่างคนต่างนอนกันคนละเตียง มาถึงกลางทศวรรษ นักร้องวัยรุ่นที่เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่ชื่นชมของเด็กวัยรุ่น ต้องร้องเพลงสำหรับวัยรุ่นด้วยกิริยาอาการสำรวม แต่งกายเรียบร้อยเป็นพิธีรีตองไม่ต่างจากรุ่นพ่อ
คลิปนี้ คือริคกี้ เนลสัน ดาราเด็กที่เติบโตขึ้นมาในหนังชุดครอบครัวยอดนิยมทางทีวี พอเป็นวัยรุ่นก็ร้องเพลงในหนังทีวีที่เขาเล่น กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นทั้งประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 18:30
|
|
นี่คือพอล แองก้า ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อ 04 ธ.ค. 19, 18:33
|
|
เพลงนี้ วัยรุ่นไทยยุคคุณปู่รู้จักดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ 05 ธ.ค. 19, 11:03
|
|
ถ้าหากว่าใครอยากใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลาของโดเรมอน เดินทางกลับไปอยู่ในยุค American dream เพราะเป็นยุคทองที่บ้านเมืองสวยงาม ครอบครัวอบอุ่น งานดี เงินดี ก็โปรดเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ 2 เรื่องต่อไปนี้ คือ 1 คุณต้องเป็นชายจริงหญิงแท้ 2 คุณต้องเป็นฝรั่งผิวขาว
ข้อแรกนั้น เหตุผลข้อหนึ่งในหลายๆข้อ เกิดจากที่ว่า ความฝันของคนอเมริกันคือมีครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก บทบาทของชายหญิงแยกกันชัดเจน พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว แม่เป็นแม่ศรีเรือน เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ไม่อาจสวมบทบาทนี้ได้พอดีตัว จึงหาที่ยืนได้ลำบากในสังคม พูดง่ายๆอีกทีคือถ้าคุณเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง หรือคุณเป็นหญิงแต่ใจเป็นชาย คุณก็จะไม่ลงตัวในครอบครัวพ่อแม่ลูกดังกล่าว คุณอาจจะค้านว่า คนเพศเดียวกันก็สามารถมีรักแท้ และครองคู่กันได้ยั่งยืนไม่แพ้คู่ต่างเพศ ข้อนี้ถึงแม้ว่าเป็นไปได้ แต่คุณก็จะไม่ใช่ครอบครัวอย่างที่เป็นความฝันของสังคมได้อยู่ดีละค่ะ ใน 1950s คนที่เป็นรักร่วมเพศอาจถูกตัวบทกฎหมายลงโทษได้ในข้อหา "ประพฤติตนไม่ถูกต้องดีงาม" คือถ้าคุณเป็นชายโสด ไปหิ้วสาว(ที่ไม่ใช่ผู้เยาว์)ที่ไหนเข้าบ้าน จะไม่มีใครว่าอะไร ถือเป็นความสมัครใจกันทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าชายโสดคนไหนไปหิ้วหนุ่มมาร่วมเตียงด้วย เป็นเรื่องขึ้นมาทันที ตำรวจมีสิทธิ์ตั้งข้อหาได้ ถ้าเรื่องอื้อฉาวออกไป ดังนั้น ผู้ชายหรือผู้หญิงที่เกิดมาโดยไม่มีจิตพิศวาสเพศตรงข้าม แต่รักใคร่ชอบพอเพศเดียวกัน จึงอยู่ในฐานะลำบากมากในสังคม ถ้าบางคนเกิดมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนา ก็อาจถูกอบรมให้เข้าใจว่าความคิดเช่นนี้เป็นบาป ทางออกของพวกเขาก็แคบมาก มีทางเลือกเพียงเก็บกดความคิดนี้เอาไว้ แล้วแต่งงานไปเพื่อจะทำหน้าที่พ่อบ้านหรือแม่บ้าน(หากว่าเป็นเลสเบี้ยน) อย่างดีที่สุด บางทีคู่ครองดีๆอาจทำให้ลืมเรื่องนี้ไปได้เอง หรืออีกทางก็คืออยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต ไม่ทำร้ายความรู้สึกของพ่อแม่หรือชายหญิงที่จะมาเป็นคู่สมรส
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ 05 ธ.ค. 19, 11:22
|
|
ถ้าเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นบุคคลสาธารณะอย่างดารานักร้อง หรือนักการเมือง หรืออะไรก็ตามที่มีภาพมีข่าวลงหนังสือพิมพ์บ่อยๆ สภาพรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ต้องปกปิดกันสุดชีวิต เพราะหมายถึงอนาคตการงานจะดับลงทันที ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีก ดาราหนุ่มหลายคนของฮอลลีวู้ดเป็นเกย์ แต่บริษัทก็จัดการกลบเกลื่อนให้สนิท ด้วยการวางตัวให้เป็นหนุ่มโสดเจ้าชู้ ควงผู้หญิงไปเรื่อยไม่ลงเอยกับใครบ้าง เป็นคนชอบเก็บตัวชอบอยู่เงียบๆบ้าง หรือไม่ก็จัดการให้แต่งงานหลอกๆ ไปกับหญิงสาว แล้วค่อยหย่ากันทีหลัง หนึ่งในจำนวนนี้คือร็อค ฮัดสัน ดาราดัง สูงใหญ่หล่อล่ำ มาดแมนทุกกระเบียดนิ้ว เล่นหนังได้หลายแบบตั้งแต่คาวบอยกร้าวๆ ไปจนบทสนุกกุ๊กกิ๊ก บริษัทจัดการให้เขาแต่งงานไปกับเลขาสาวของบริษัท ทำทีอยู่กันพักหนึ่งก็หย่ากันไป เพื่อได้หมดข้อสงสัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|