เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 3221 ขออนุญาตเรียนถามถึงอาหารของชาวบ้านภาคกลางในสมัยอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์ตอนกลางค่ะ
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


 เมื่อ 02 ต.ค. 19, 13:40

ขออนุญาตเรียนถามถึงอาหารของชาวบ้านภาคกลางในสมัยอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์ตอนกลางค่ะ คือดิฉันได้ไปอ่านเรื่องอาหารของภาคเหนือกับภาคอีสานมาเห็นว่าสองภาคนั้นเขานิยมนำสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น งู หนู กบ กิ้งก่า อื่นๆ รวมถึง แมง แมลง วัว ควาย สัตว์ป่าต่างๆมาประกอบอาหารเลยทำให้นึกขึ้นมาว่าในสมัยอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์ตอนกลางชาวทั่วไปในภาคกลางก็ยังไม่นิยมกินสัตว์ใหญ่ ไม่มีการทำปศุสัตว์ ชาวบ้านทั่วไปในสมัยนั้นก็น่าจะมีการกินที่ไม่ต่างจากคนภาคเหนือกับภาคอีสานนัก ซึ่งพอไปหาข้อมูลในกูเกิ้นก็ไม่ค่อยมีข้อมูลในเรื่องเมนูอาหารที่เอาสัตว์พวกนี้มาทำส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนให้เป็นเนื้อปกติ

ดิฉันเลยอยากทราบว่าชาวบ้านทั่วไปในภาคกลางเขานำสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น งู หนู กบ กิ้งก่า อื่นๆ รวมถึง แมง แมลง วัว ควาย สัตว์ป่าต่างๆมาประกอบอาหารเมนูอะไรบ้างคะ มีเมนูอะไรที่โดดเด่น ขึ้นชื่อในการประกอบอาหารกับสัตว์ชนิดนั้นๆบ้าง จะเป็นเมนูที่ทำกินเลยหรือทำเพื่อถนอมอาอาหาร ชาวบ้านทำกินนานๆทีหรือทำกินบ่อยๆก็ได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 02 ต.ค. 19, 17:49

เคยมีกระทู้เก่าๆของเรือนไทยยุคต้นเล่าเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว แต่ยังค้นหาไม่เจอค่ะ

ต้องไปอ่านบันทึกของลาลูแบร์ หรือฝรั่งอื่นๆที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยา     เดี๋ยวคุณเพ็ญชมพูคงมาบอกเองค่ะ
ภาคกลางเป็นพื้นที่อุดมด้วยแหล่งน้ำ    กุ้งหอยปูปลาน้ำจืดมีให้กินอย่างสมบูรณ์เหลือเฟือ   คงไม่ต้องไปกินแมลงหรือกิ้งก่ามั้งคะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 02 ต.ค. 19, 18:12

เปิบพิสดารสมัยอยุธยา
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=442.0


เมื่อพ.ศ. ๒๒๒๘  พระเจ้าชาร์สุไลมานแห่งเปอร์เชียส่งคณะราชทูตมาเจริญพระราชไมตรีกับสมเด็จพระนาราณ์  มีหลักฐานเป็นบันทึกของเลขาทูตชื่ออิบน์ มูฮัมเหม็ด อิมราฮิม เล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอยุธยา เท่าที่เขาเห็น รวมเรื่องอาหารการกินไว้ว่า

" ชาวสยามจำกัดอาหารอยู่กับข้าวเปล่าเท่านั้น  ไม่คลุกเกลือ เนื้อหรือเครื่องเทศลงในข้าว  กินข้าว น้ำต้มและหัวปลา  ชนทุกชั้นไม่ว่าสูงหรือต่ำจะกินแบบนี้ ถ้าหากว่าเขาพบสัตว์ตายไม่ว่าอะไร แม้แต่ซากอีกาแก่  เขาจะกินอย่างไม่ลังเล  แต่จะไม่ฆ่าสัตว์เอามาบริโภคเพราะถือว่าเป็นบาป
(ที่ว่าไม่ฆ่านี้คงหมายถึงวัว หรือหมู ไม่รวมปลา)

บางครั้งชาวเมืองจะกินแย้หรือตะกวด ( lizard) และงู ซึ่งวางขายตามตลาด  อาหารอย่างอื่นคือตะพาบน้ำหรือเต่า  ( tortoise) บางเผ่าก็กินเนื้อช้างหรือหมาป่า"

คนอยุธยาค่อนข้างจะขาดโปรตีน เพราะไม่ชอบกินเนื้อสัตว์  อย่างมากก็กินปลาเป็นหลัก แต่ก็มักจะทำเป็นปลาแห้ง ปลาร้า ปลาเค็มไว้กิน มากกว่าปลาสด หมูเป็นอาหารของคนจีน ชาวอยุธยาไม่นิยมการฆ่าสัตว์ไว้กินเนื้อ หนังสือภูมิสถานกรุงศรีอยุธยาบอกว่าภายในเมืองมีตลาดขายหมูอยู่แห่งเดียว ที่ย่านในไก่ซึ่งเป็นชุมชนคนจีนในเมือง ถึงแม้ว่าเลี้ยงวัวควาย แต่ก็เพื่อใช้งาน  ชาวอยุธยาไม่กินนมวัว

ย่านขายเป็ดไก่ในอยุธยาตอนกลางลงมาถึงตอนปลาย มีจำกัดเพียงย่านเดียว คือย่านป่าทุ่งวัดกระบือวัดวัว  ต่อมาในตอนปลายอยุธยา พระเจ้าแผ่นดิน (เข้าใจว่าเป็นพระเจ้าบรมโกศ) ออกกฎหมายว่า "ทรงพระกรุณาแก่สัตว์  โปรดให้เลิกตลาดซึ่งฆ่าเป็ดไก่เสีย" คือหมายความว่าห้ามจำหน่าย ในเมื่อไม่มีตลาด  ชาวบ้านจะฆ่าเป็นไก่มาขายก็ทำไม่ได้   ก็เท่ากับต้องเลิกเลี้ยงไปโดยปริยาย   เพราะพระเจ้าแผ่นดินสงสารเป็ดไก่ที่ถูกฆ่า แต่ไม่รวมไก่ชนซึ่งไม่ได้มีไว้ฆ่า  ชาวบ้านเลี้ยงไก่ชนกันทั่วไป แชร์แวสในสมัยพระนารายณ์บันทึกว่า เป็นการพนันที่คนอยุธยาชอบมากที่สุด

เราได้อาศัยบันทึกของชาวต่างประเทศที่เข้ามาในอยุธยา ทำให้รู้เรื่องอาหารการกินของคนไทยได้บ้าง ในบันทึกของลาลูแบร์และแชร์แวส เล่าตรงกันว่า ชาวสยามไม่นิยมบริโภคเนื้อสัตว์อื่นนอกจากปลา  ไม่ชอบการฆ่าและกักขังสัตว์ แม้ว่าล่ากวางมาถลกหนังขายเป็นสินค้าส่งออก แต่ไม่กินเนื้อกวาง คนเลี้ยงแพะแกะรีดนม เป็นชาวมุสลิม  คนจีนเลี้ยงหมูเป็ดไก่

ที่เรียกว่าเปิบพิสดารอีกอย่าง มาจากคนจีนไม่ใช่คนไทย ลาลูแบร์บันทึกว่า คนจีนในอยุธยาบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปกติราละเว้น  เช่น แมว หมา ม้า ลา ล่อ !!!

ในสมัยรัตนโกสินทร์  การกินอยู่คงจะเริ่มหลากหลายกว่าอยุธยาตอนกลาง   ดูจากรายชื่ออาหารในจดหมายเหตุความทรงจำกรมหลวงนรินทรเทวี  ระบุเมนูเอาไว้ในงานสมโภชน์พระพุทธมณีรัตนปฏิมากรฯว่ามีเครื่องคาวหวานหลายอย่าง ได้แก่  ไส้กรอก  ไข่เป้ดต้ม  ไก่พะแนง  หมูผัดกับกุ้ง  มะเขือชุบไข่ทอด  ไข่เจียว ลูกชิ้น  กุ้งต้ม หน่อไม้ผัด  ผักน้ำพริก  ปลาแห้งแตงโม  และข้าว   ของหวาน มีขนมไส้ไก่  ขนมฝอย ข้าวเหนียวแก้ว  ขนงผิง กล้วยฉาบ  หน้าเตียง หรุ่ม สังขยา ฝอยทอง และขนมตะไล
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 02 ต.ค. 19, 18:48

ภาคกลางเป็นพื้นที่อุดมด้วยแหล่งน้ำ   กุ้งหอยปูปลาน้ำจืดมีให้กินอย่างสมบูรณ์เหลือเฟือ  คงไม่ต้องไปกินแมลงหรือกิ้งก่ามั้งคะ

ลาลูแบร์ได้เขียนเกี่ยวกับการเปิบพิสดารสมัยสมเด็จพระนารายณ์ตอนหนึ่งว่า

พวกเขาก็ชอบบริโภค (เนื้อสัตว์) ที่หมักเค็มไว้ยังไม่ได้ที่ และปลาแห้งยิ่งกว่าปลาสด ๆ แม้ปลาเน่า (ปลาร้า) ก็เป็นที่นิยมชมชอบไม่น้อยไปกว่าไข่ตายโคม, ตั้กแตน, หนู (พุก), แย้ และตัวด้วงต้วแมลงอีกเป็นส่วนใหญ่ ไม่น่าสงสัยเลยว่าธรรมชาติคงจะแต่งให้ชาวสยามหันไปบริโภคแต่อาหารประเภทที่ย่อยง่าย และลางที่สิ่งเหล่านี้อาจมีรสชาติไม่เลวดังที่เราคิดกันก็เป็นได้

จาก จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม บทที่สี่ ว่าด้วยสำรับกับข้าวของชาวสยาม แปลโดย คุณสันต์ ท. โกมลบุตร
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 02 ต.ค. 19, 19:52

ความทรงจำแย่จริงๆ  ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูค่ะ
บันทึกการเข้า
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 03 ต.ค. 19, 10:29

ขอบพระคุณสำหรับคำตอบค่ะดิฉันจะเข้าไปอ่านดูนะคะ ขอถามเพิ่มหน่อยค่ะว่าเนื้อหาที่ชาวต่างชาติเขาจดไว้เขากล่าวถึงชาวบ้านในภาคกลางแบบรวมๆหรือแยกเป็นแต่ละชาติพันธ์คะ คือในสมัยนั้นก็มีสงครามที่กวาดต้อนผู้คนชาติพันธ์อื่นมาที่ภาคกลาง จะเป็นไปได้ไหมคะเรื่องการกินอาหารแบบนี้จะถูกนำมาด้วยหรือเป็นชาติพันธ์อื่นที่กินชนิดนั้นๆแต่คนดั้งเดิมไม่กินแต่ถูกเขียนให้นับรวมๆกันไป
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.055 วินาที กับ 19 คำสั่ง