เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 68
  พิมพ์  
อ่าน: 76495 ไปตลาด
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 10 ก.ย. 19, 18:49

ก็มีพืชพรรณไม้อีกหลายชนิดนักเป่ากัญชาแต่เก่าก่อนรู้จักกันอาทิ ไม้ข่อย พญามือเหล็ก กำแพงเจ็ดชั้น ชะเอม ....

เดี๋ยวจะไปไกล เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอนะครับ
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 11 ก.ย. 19, 09:00

เริ่มไม่ไปตลาด จะไปตะรางแทนละครับ อิอิ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 11 ก.ย. 19, 09:46

คุยเรื่องกัญชามาหลายค.ห. นึกได้ว่ายังไม่เคยเห็นหน้าตากัญชา  เลยไปค้นรูปมาดูค่ะ

บางรัฐของอเมริกาอย่างโคโลราโด อนุญาตให้ปลดล็อคกัญชาจากยาเสพติด    แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นกัญชาเสรี   
เขาจำกัดในการขายลูกค้าคนละน้อยนิดมาก ในแต่ละวัน  จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แต่น้อยนิดปานประหนึ่งครึ่งขีด ทำนองนี้ละค่ะ
เหมือนซื้อยาอันตราย
ในเมื่อกฎหมายเข้มงวดเรื่องนีิ     เรื่องจะจ้างเด็กมาซื้อแทน หรือซื้อแล้วซื้ออีกวนเวียนกันไปมา  ย่อมทำไม่ได้  คนขายโดนกฎหมายเล่นงานอ่วมแน่ๆ

ถึงกระนั้น ก็มีผู้ใหญ่จำนวนมากที่ไม่สบายใจกับเรื่องนี้  เพราะถึงจะเสพได้ทีละนิดก็ตาม แต่เมื่อเสพนานๆมันก็มีผลต่อสมองและร่างกาย  อารมณ์ซึมเศร้าได้ง่าย นำไปสู่ยาเสพติดที่แรงกว่าชนิดอื่นๆ  ทำให้วัยรุ่นเสียผู้เสียตนกันไปมากเพราะเริ่มต้นจากกัญชานี่ละค่ะ


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 11 ก.ย. 19, 17:49

เริ่มไม่ไปตลาด จะไปตะรางแทนละครับ อิอิ

กลัวอยู่ครับ ก็เลยต้องรีบลงเอย  รูดซิบปาก
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 11 ก.ย. 19, 19:07

เรือกำลังออกปากอ่าว จะกลับหัวก็ต้องใช้พื้นที่อีกเล็กน้อย  ยิงฟันยิ้ม   

ก็มีศัพท์อยู่คำหนึ่งว่า hallucination ซึ่งดูจะตรงกับคำว่า ประสาทหลอน (??)     

เพียงแต่อยากจะเรียนถามท่านที่มีความรู้หรือขัอมูลด้านสาธารณสุขว่า ในพืชผักหลายชนิดที่เราบริโภคกันอยู่นั้นมีสารที่ทำให้เกิดอาการเพี้ยน (hallucinogens) อยู่บ้างใหม    และว่ามันถูกกำจัดหรือทำลายไปด้วยวิธีการทำอาหารที่ีได้รับรู้ถ่ายทอดกันต่อๆมาหรือเปล่า   หรือว่าเป็นเพราะเรากินมันในปริมาณน้อยจึงไม่ส่งผลให้มีอาการแสดงออกมา   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 12 ก.ย. 19, 11:10

นึกออกแต่ฝิ่น ค่ะ

https://hilight.kapook.com/view/184315

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซีย เดินทางเข้าตรวจสอบร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในรัฐเปรัก หลังพบว่าลูกค้าจำนวนหนึ่งรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ รู้สึกไม่สบายและเกิดอาการประสาทหลอน หลังจากมากินอาหารที่ร้านนี้ โดยการตรวจสอบเผยให้เห็นความจริงอันน่าตกใจ เพราะทางร้านใส่สารเสพติดลงไปในอาหาร !

เจ้าหน้าที่ได้ยึดอาหารหลายอย่าง ตั้งแต่ข้าวสวย ไก่ทอด ผัก ซอสปรุงรส เครื่องปรุง และวัตถุดิบอื่น ๆ รวมทั้งยึดตัวอย่างภาชนะใส่อาหารพวกกล่องโฟมและกล่องพลาสติกไปตรวจสอบ เพื่อค้นหาว่ามีส่วนผสมที่เป็นอันตรายหรือไม่ และอะไรทำให้ผู้บริโภคเกิดอาการหลอน

          นอกจากนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวพ่อครัวและคนงานครัว 2 คน ไปตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด ผลก็ออกมาเป็นบวกเหมือนกับลูกค้า โดยในระหว่างสอบปากคำนั้นพ่อครัวอ้างว่า วัตถุดิบ เครื่องปรุงต่าง ๆ ภายในร้านอาหารของเขานั้นสะอาดถูกต้องทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย และไม่มีปัญหาอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ได้ยอมรับว่าตัวเองใช้ "เมล็ดฝิ่น" ที่บดเป็นผงแล้ว ใส่ลงไปในอาหารเพื่อชูรสชาติ แต่อ้างว่าใช้แค่ในปริมาณที่เล็กน้อยเท่านั้น

          เจ้าหน้าที่จึงจับกุมพ่อครัวฐานใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จะต้องมีการสอบสวนสืบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง และต้องรอผลการตรวจสอบอาหารจากห้องแล็บ คาดว่าน่าจะได้ทราบผลในเร็ว ๆ นี้
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 12 ก.ย. 19, 11:35

มีเห็ดชนิดหนึ่งซึ่งมักเป็นข่าวคู่กับงานฟูลมูนปาร์ตี้ ที่เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี คือ เห็ดขี้ควาย (Psilocybe cubensis)

นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมกินโดยนำไปปั่นรวมกับนม เป็นมิลค์เชคเห็ดขี้ควาย หรือนำไปทำเป็นเหล้าปั่น บางคนอาจจะนำไปปรุงเป็นเมนูอาหารอื่น ๆ เช่น ไข่เจียวเห็ดขี้ควาย
 
ที่มีชื่อว่า เห็ดขี้ควาย ก็เพราะว่ามักจะพบเห็ดชนิดนี้ขึ้นอยู่บนกองขี้ควายเก่า ๆ ที่แห้งแล้ว ในเห็ดขี้ควายจะมีสาร ๒ ชนิด คือ psilocybine และ psilocine  ซึ่งมีฤทธิ์ต่อระบบประสาทอย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ประสาทหลอน เห็นภาพแสงสีต่าง ๆ ลวงตา รู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่งแทงตามตัว ได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า สับสน ไม่สามารถลำดับทิศทางได้ และหากเสพในปริมาณมาก ๆ อาจทำให้เสียชีวิตได้

การบริโภคเห็ดขี้ควาย หากนำไปปั่นผสมกับเหล้า เหมือนที่นักท่องเที่ยวนิยมกันในงานฟูลมูนปาร์ตี้ จะทำให้เพิ่มปริมาณของสารออกฤทธิ์มากขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์จะเป็นตัวทำละลาย ทำให้ออกอาการเร็วและรุนแรงมากขึ้น และไม่ว่าจะผ่านความร้อนสูงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถจะทำลายสารนี้ได้


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 12 ก.ย. 19, 11:38

เห็ดขี้ควาย และ กัญชา ในทางกฎหมายอยู่ในสถานะเดียวกันคือถือเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีประโยชน์หากรู้จักวิธีนำมาใช้

ในตำรายาไทยก็มีการกล่าวถึงด้วยว่า มีรสเบื่อเมา มีสรรพคุณแก้ลมกองละเอียด แก้นอนไม่หลับ แก้พิษไข้ร้อน กระสับกระส่าย แพทย์แผนไทยใช้เห็ดขี้ควายเป็นยาทำให้ง่วงหรือนอนหลับ จึงเรียกยานี้ว่ายาสุขไสยาสน์

ที่สำคัญยิ่งในภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสานมีการใช้เห็ดขี้ควายในตำรับยาต่าง ๆ มากกว่า ๒๐ ตำรับ ที่มีการปรุงยากันมาก ได้แก่ ตำรับยาแก้ไข้หมากไม้ (ไข้ที่เป็นในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล มักเป็นในช่วงที่มีผลไม้ออกมาก ๆ ไข้ชนิดนี้เมื่อเป็นแล้วห้ามทานผลไม้) ยกตัวอย่างยาแก้ไข้หมากไม้ ให้เอาเห็ดขี้ควายปิ้งให้แห้ม (เกรียม) ฮากข้าว ฮากแตงกัว (แตงกวา) ฝนกินดีแล

ยารักษาโรคผิวหนัง ที่มีการใช้เห็ดขี้ควาย เช่น

ยาออกสุก (เป็นอีสุกอีใส) ตุ่มบ่ขึ้น (ตุ่มไม่ออก) ให้เอา ไข่เป็ด ๑ เห็ดขี้ควาย ๑ ทาดีแล หรืออีกตำรับให้ใช้ ฮากแค้งขม (มะแว้ง) เห็ดขี้ควาย ขนบั่วไก่ขาว (ขนอ่อนของไก่ชี) ฝนใส่น้ำหน่อไม้ส้ม ทาดีแล

ย่าฆ่าตุ่ม (เมื่อเป็นไข้หมากไม้ ต้องมีตุ่มออกมาลำตัว) ให้เอาเห็ดขี้ควาย ยางแมงวัน (ยางจากต้นมะม่วงหัวแมงวัน) มาขั้ว (ใส่กระเบื้องหรือกระทะตั้งไฟให้ร้อน แล้วคนไปจนสุกหรือเกรียม) สมกัน (ผสมกัน) ทาดีแล

ยาลวงแก้วตาควาย (โรคผิวหนังชนิดหนึ่ง มีลักษณะเหมือนตาควาย) ให้เอา เห็ดขี้ควาย ๑ คาบงู ๑ เอาเถ้าเขาควายขาด เผาดอม (ด้วย) กันใส่ดี

ในท้องถิ่นอีสานบ้านเฮานั้น เห็ดขี้ควายเป็นเห็ดที่กินได้ เคยมีการนำมาใส่ในอาหารต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ บางพื้นที่ก็นำมาทาเกลือปิ้งกิน

ข้อมูลจาก สมุนไพรเพื่อสุขภาพ / โครงการสมุนไพรเพื่อการพึงพาตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย
https://www.matichonweekly.com/column/article_153570
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 12 ก.ย. 19, 11:40

ที่นครเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา มีการลงประชามติเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เห็นชอบให้ผ่อนคลายข้อจำกัดสำหรับการครอบครองและใช้เห็ดขี้ควาย หรือที่เรียกกันว่า ‘เห็ดวิเศษ’ (magic mushrooms) เป็นการส่วนบุคคล สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ ๒๑ ปีขึ้นไป

ผลการทำประชามติครั้งนี้จะจำกัดเฉพาะในเมืองเดนเวอร์เท่านั้น และสาร psilocybin ในเห็ดขี้ควายก็ยังคงจัดเป็นสารเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑ ตามกฎหมายของรัฐโคโลราโด และกฎหมายส่วนกลางของสหรัฐ

กลุ่ม Decriminalize Denver ซึ่งเรียกร้องให้มีการทำประชามติปลดล็อคเห็ดขี้ควายชี้ว่า สาร psilocybin มีประโยชน์ในทางการแพทย์หลายอย่าง ช่วยลดความเครียดและความกังวล และสามารถใช้บำบัดผู้ที่ติดบุหรี่ เหล้า ฝิ่น รวมถึงบรรเทาอาการของผู้ที่มีภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (post-traumatic stress disorder - PTSD) ได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่คัดค้านเกรงว่าการปลดล็อคเห็ดขี้ควายจะยิ่งทำให้เดนเวอร์มีภาพลักษณ์เป็นเมืองยาเสพติด เนื่องจากรัฐโคโลราโดก็เป็นรัฐแรก ๆ ในอเมริกาที่อนุญาตให้พลเมืองวัยผู้ใหญ่ใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสันทนาการได้

ชาวเมืองเดนเวอร์ลงประชามติยกเลิกโทษอาญาสำหรับการครอบครองกัญชาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๗ ก่อนที่รัฐโคโลราโดจะผ่านกฎหมายปลดล็อคกัญชาทั่วทั้งรัฐในอีกหลายปีต่อมา ซึ่งนำมาสู่การออกใบอนุญาตร้านจำหน่ายกัญชา และการเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์กัญชาอย่างเป็นระบบ

สำหรับในประเทศไทย พืชที่ให้สาร psilocybine หรือ psilocine และรวมถึงส่วนต่าง ๆ ของพืชดังกล่าว เช่น ดอกเห็ด ก้านเห็ด และสปอร์ของเห็ด ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ิ

https://mgronline.com/around/detail/9620000044498
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 12 ก.ย. 19, 13:17

มีเห็ดชนิดหนึ่ง หน้าตาสีสันสวยน่ารักมาก    ปรากฏอยู่ในภาพประกอบนิทานเด็ก ในหนังสือการ์ตูนฝรั่ง รวมทั้งออกแบบเป็นของเล่นด้วย ค่ะ
เป็นเห็ดสีแดงสด มีจุดกลมสีขาว 
มารู้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วว่าเป็นเห็ดพิษ
แต่ไปค้นกูเกิ้ลแล้ว  ไม่รู้ว่าชื่ออะไรแน่   มีทั้ง Toadtools  (หรือPoisonous Mushroom)Amanita muscaria, หรือ fly agaric


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 12 ก.ย. 19, 19:38

ใน คห. 110 ของ อ.เทาชมพู เกี่ยวกับเรื่องพ่อครัวชาวมาเลเซียใส่เมล็ดฝิ่นบดลงไปในอาหาร ทำให้คนกินเกิดไม่สบาย และเมื่อตรวจปัสสาวะต่างก็พบผลเป็นบวกนั้น   

ก็เกิดเอะใจขึ้นมาว่า  ผมไม่เคยรู้และไม่เคยมีความรู้ใดๆเลยว่ามีการนำเมล็ดฝิ่นมาใช้ในการปรุงอาหารกัน  รู้แต่ว่ามีการใช้ poppy seeds ในด้านของรสและสัมผัสในอาหารฝรั่ง โดยเฉพาะในพวกขนมปังและขนมอบหลายชนิด      poppy seeds แปลตรงตัวก็คือ เมล็ด(ของดอก)ฝิ่น   แต่ที่ใช้ในการทำอาหารนั้น poppy seeds เป็นชื่อเรียกของ "งาขี้ม่อน" ซึ่งก็คือเมล็ดของต้นชิโสะ (?) ซึ่งมีกลิ่นและรสประหลาดๆ เป็นใบไม้สีเขียวขอบหยักๆที่คนญี่ปุ่นนิยมเอามาแต่งจานและกินคู่กับพวกอาหารทะเลสดดิบ    ในไทยเราจะใช้งาขี้ม่อนในการทำอาหารมากน้อยเมนูเพียงใดผมไม่รู้  แต่ที่รู้แน่นอนมีอยู่ 1 เมนู ก็คือข้าวเหนียวคลุกงา (หรือหนุกงา) ของอร่อยในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวได้ข้าวเหนียวใหม่ นึ่งสุกแล้วก็พรมน้ำเกลือแล้วคลุกเคล้ากับงาขี้ม่อน แล้วห่อด้วยใบตองกล้วย  อร่อยดีแท้ครับ      ก็ดูแปลกเหมือนกันที่ไม่นิยมห่อด้วยใบตองตึงดังเช่นข้าวเหนียวตามปกติ เลยเดาเอาว่าก็คงจะเป็นเพราะข้าวหนุกงาจัดอยู่ในกลุ่มเป็นพวกของหวาน   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 12 ก.ย. 19, 20:22

เลยทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ด้วยที่เมล็ดฝิ่นจากดอกฝิ่นจริงๆนั้นหายาก  ถึงจะหาได้ก็คงต้องเป็นการลักลอบซื้อขายกัน และก็คงจะไม่บ้าบิ่นพอที่จะเอามาใส่ในอาหารทำขายผู้คนทั่วไป  ผมว่าเมล็ดฝิ่นที่พ่อครัวผู้นั้นใช้ จึงน่าจะเป็นงาขี้ม่อนนั่นเอง   เลยทำให้เกิดความสนใจต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นงาขี้ม่อนนั้นจะมีสารที่ไม่เป็นมิตรต่อร่างกายหรือไม่ และในปริมาณมากน้อยเพียงใดจนทำให้อาการดังข่าวนั้น 
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 12 ก.ย. 19, 21:09

ข่าวจาก สื่อมาเลเซีย

People started hallucinating after eating nasi kandar from a shop in Perak – and the cook tested positive for drugs

The three, aged 30 to 70 years old, tested positive for opiates.

Opiate เป็นสารที่ได้มาจากฝิ่น (Papaver somniferum) ฉะนั้นเมล็ดฝิ่นในข่าวนี้มาจากดอกฝิ่นจริง ๆ

เมล็ดฝิ่นที่ตากแห้งแล้ว ในทางการค้าเรียก poppy seed หรือ maw seed ใช้เป็นอาหาร เช่น ใส่ในขนมปัง คุกกี้ น่าจะหาซื้อได้ไม่ยากนัก


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 13 ก.ย. 19, 11:17

ปรกติเมล็ดฝิ่นสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย แต่หากรับประทานผิดวิธีอาจเกิดโทษได้

James McDougall เจ้าหน้าที่ชันสูตร รัฐควีนส์แลนด์ รายงานถึงการเสียชีวิตของหญิงวัยรุ่นอายุ ๑๙ ปีจากย่าน Greenbank ทางใต้ของนครบริสเบนเมื่อเดือนเมษายน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕ ระบุว่าวัยรุ่นหญิงคนนี้เสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารเสพติด หลังจากดื่มชาทำเองที่มีส่วนผสมหลักเป็นเมล็ดฝิ่นผสมกับยารักษาโรคที่ใช้แก้ไข้ทั่วไป

จากการสอบสวนพบว่าพบว่า วัยรุ่นสาวผู้ตายและเพื่อน ๆ ของเธอได้ซื้อเมล็ดฝิ่นมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วนำมาผสมกับยาแก้ไข้เอามาชงเป็นชาแบ่งกันดื่ม ในขณะที่ทุกคนมีอาการง่วงและกำลังหลับ เพราะฤทธิ์ของสารมอร์ฟีนซึ่งออกมาจากเปลือกของเมล็ดฝิ่นเมื่อเอาไปแช่น้ำและสารอื่น ๆ  เพื่อนได้ยินเสียงผู้ตายหายใจด้วยเสียงผิดปรกติ ก่อนที่ทุกคนจะม่อยหลับไป

https://www.couriermail.com.au/news/queensland/poppy-seed-tea-fatality-prompts-drug-alert-from-coroner/news-story/d8c34033bd0804e4e40e835eda755074

https://www.webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-1503/poppy-seed


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 13 ก.ย. 19, 19:00

ขอบพระคุณครับสำหรับข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องของ poppy seed    และขออภัยท่านสมาชิกและท่านผู้ที่ติดตามอ่านทุกๆท่านในสิ่งที่ผมได้เขียนไปบนฐานข้อมูลที่ผิดๆ  อายจัง

ที่จริงก็มีความรู้อยู่ว่ามีการปลูกฝิ่นอย่างถูกกฎหมายอยู่ในหลายประเทศ และแหล่งผลิตเมล็ดฝิ่นสำคัญก็อยู่ในประเทศเช็คติดๆกันอยู่กับออสเตรียที่ไปประจำการ  แล้วก็รู้อยู่ว่าเมล็ดฝิ่นกับงาขี้ม่อนดูนั้น เมื่อดูผิวเผินก็แทบจะแยกกันไม่ออก      ในระหว่างที่เขียน สมองมันก็จินตนาการเอาเรื่องต่างๆมาผสมผูกพันกัน ผนวกกับความเลอะเทอะตามวัย หลงลืม สับสน ก็เลยได้เรื่องราวใหม่ ผนวกไปอีกด้วยกับการขาดการตรวจทานในเรื่องทางข้อมูลและตรรกะ  ก็เลยเกิดเป็นความผิดพลาดที่น่าละอายเป็นอย่างยิ่ง     ก็ดีนะครับที่ยังได้รับความกรุณาจากท่านผู้รู้จริงที่ได้กรุณาติดตามอ่าน ชี้นำ และแก้ไข     บางทีก็นึกอยู่ว่าเราน่าจะหยุดเล่าเรื่องราวอะไรต่อมิอะไรได้แล้ว แยกตัวไปอยู่ทางด้าน audit ก็ดูจะดีเหมือนกัน  แต่ก็อดไม่ได้ที่อยากจะถ่ายทอดสาระบางอย่างในประสบการณ์ของตัวเองที่ได้พบพานมา ให้เป็นองค์ประกอบของความรู้นอกตำราเพื่อความสมบูรณ์ของความรู้ในองค์รวม 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 68
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.072 วินาที กับ 19 คำสั่ง