วานช่วยดูของโบราณหน่อยค่ะ

[ส้มหวาน]

ไม่ทราบว่าส่วรูปติดไหม
/>
คือไปเห็นที่ร้านของเก่าที่นี่เขาจะขาย ไม่ทราบว่าเป็นศิลปะสมัยใดคะ
แล้วอักษรที่ฐานพระเป็นอักษรไทยหรือขอมคะ
src='http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW731x000.jpg'>

[ฝอยฝน]

อุ๊ย...ฝนไม่ค่อยถนัดเลยค่ะ เรื่องของเก่า
แต่พอทราบ เรื่องราวเกี่ยวกับ ลักษณะ พุทธ ประติมากรรม  ในประเทศไทย พอจะเล่าได้บ้าง ..
ขอเวลารวบรวมนิดนะคะ ภายใน วัน- สองวัน นี้  จะมาเล่าให้ฟังนะคะ..
ส่วนเรื่องพระพุทธรูป  ข้างบนนั่น  แฮะแฮะ ...ตอบไม่ได้ค่ะ

[ส้มหวาน]

คุณฝนคะ จะรอนะคะ

[ส้มหวาน]

คือว่าถ้าพระพุทธรูปนี้เป็นศิลปะของไทย ก็อยากจะซื้อกลับมาค่ะ ของของไทยควรจะอยู่ในมือคนไทย ถ้าไม่ใช่ก็ไม่อยากซื้อค่ะ เพราะหลายสตางค์อยู่ วานผู้รู้ด้วยนะคะ

[ฝอยฝน]

ตอบยากนะคะ คุณส้มหวาน
เพราะ ศิลปทางพุทธ ประติมากรรม ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร และไทย มีอิทธิพลสืบทอด ซึ่งกันและกัน   ...และยัง ได้รับอิทธิพล ทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี ฯลฯ และอื่นๆ ค่ะ ขึ้นกะยุค สมัยค่ะ ...
แต่ทว่า..ผู้ที่ศึกษาจริงๆ น่าจะบอกได้นะคะ .. ...
ดิฉันตอบแบบผู้ที่ชอบงานศิลป เท่านั้นค่ะ  ไม่เคยมีโอกาสได้ศึกษาจริงจัง  แค่ได้มีโอกาสดูประกอบกับงานทางสถาปัตยกรรมสมัยต่างๆ เท่านั้นเองค่ะ ยิ่งดูมาก เห็นมาก ยิ่งทราบว่าแยกสมัยต่างๆ ไปออกไปละเอียดขึ้นมากค่ะ...แต่หวังว่าคงจะ ช่วยให้เข้าใจอะไรขึ้นบ้าง
ขอเวลาไปนั่งพิมพ์ก่อนค่ะ

[การะเกด]

ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันอะ แต่ท่าทางน่าจะเป็นพระพุทธรูปแถบภาคอีสานนะ ส่วนตัวหนังสือ คล้ายพวกอักษรธรรมอีสาน

[แจ้ง ใบตอง]

คุณส้มหวานลองไปตั้งกระทู้ที่ห้องโบราณคดีสิครับ

คิดว่าน่าจะได้คำตอบเพราะมีผู้เชี่ยวชาญอยู่เยอะ



หรือไม่ก็ลองไปดูที่เว็บนี้ครับ พอจะได้เป็นแนวทางในการวินิจฉัยบ้าง



http://www.heritage.thaigov.net/religion/prapoot/index1.htm' target='_blank'>http://www.heritage.thaigov.net/religion/prapoot/index1.htm



อ้อ.. อีกนิดนึงครับ ไม่ทราบว่าท่านอื่นจะคิดยังไง แต่ผมว่าไม่ค่อยเหมาะที่ใช้

มวนบุหรี่เทียบความสูงของพระพุทธรูป มันขัดๆ ตายังไงชอบกล



หรือผมจะคิดมากไป...

[กองบรรณาธิ]

พระพุทธรูปศิลปะล้านช้าง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21-24 อย่างกว้างๆครับ
อักษรที่จารึกที่ฐาน เป็นอักษรธรรมอีสาน
จะพบได้ทั่วๆไปตามภาคภาคอีสานและประเทศลาว

[วรณัย]

เรียกกันว่า"พระลาว"หรือ"พระไม้"ครับ
เรียกกันง่าย ๆ อย่างนี้ เพราะเหตุที่แกะสลักจากเนื้อไม้  รูปร่างของพระจะไม่สมส่วน ฐานบางทีก็สูงลีบ สูงกว้าง หรือมีลายขีดสามเหลี่ยมสลับตาราง
หน้าตาก็ทีลักษณะเฉพาะนะครับ(ตามใจผู้แกะ)
ในช่วง 100 - 200 ปีที่แล้ว มีชาวบ้านชอบแกะสลักพระไม้ไปไว้ตาม"สิม"และศาสนสถานทางพุทธศาสนาในเขตประเทศลาว และอีสานบางส่วน เป็นพุทธวัฒนธรรมเฉพาะภูมิภาค
นัยว่าจะได้รับบุญกุศลในการต่ออายุพระพุทธศาสนา
ล่าสุดไปเห็นที่ปราสาทวัดภู ตรงถ้ำเล็ก ๆ ด้านขวามือ ยังมีพระไม้วางเรียงรายกันอยู่บ้าง
พร้อมกลิ่นธูปจาง ๆ แต่ส่วนมากไม่ค่อยสมบูรณ์ แตกหัก ที่สมบูรณ์ก็หายไปมาก
พระแบบนี้ในตลาดพระกรุงเทพฯมีค้าขายอยู่เป็นจำนวนมากตั้งแต่เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วจนมาถึงในปัจจุบัน ความนิยมอยู่ในช่วงราคาหลักพันบาทเท่านั้น

[ฝอยฝน]

มีคนมาตอบกันหลายคนแล้ว..ฝนขอกลับไปไร้สาระต่อได้ไหมคะ ขอมาเล่าไปเรื่อยๆ แล้วกันค่ะ
พระพุทธรูป องค์โตๆ ที่ประดิษฐานตามวิหาร ตามโบสถ์ ที่มักจะ ปรากฏ มีปาฏิหาริย์ ต่างๆ เช่น ลือกันว่า ท่านน้ำตาไหลบ้าง..
ฝนเพิ่งทราบมาค่ะ ว่าความจริงเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ  พระองค์ใหญ่ๆ ภายในมีที่ว่างอยู่ ภายในองค์พระจะเย็นมาก ดังนั้นไอน้ำ ในอากาศภายใน  เมื่อลอยไปกระทบความเย็น จึงกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ไม่เพียงแต่ ภายในองค์พระ นะคะ ภายใน เจดีย์ หรือกำแพงโบสถ์ที่หนาๆ  ก็เกิดปรากฏการณ์นี้ได้ค่ะ
กำแพง อาคารเก่า สมัยก่อน ยังไม่มีคอนกรีตเสริมเหล็ก จึงใช้ อิฐก่อหนาเป็นเมตร เพื่อรับน้ำหนัก เป็นลักษณะ คล้าย กำแพงรับน้ำหนัก อากาศจึงเย็น
แหม..มาซะไกลเลยค่ะ
จากพระพุทธรูป เลยไปถึงโบสถ์...

[ส้มหวาน]

แหม ขอบคุณท่านผู้รู้ทุกๆท่านมากค่ะ  คุณแจ้งคะดิฉันไมได้เป็นคนถ่ายรูปเองค่ะ แต่ก็ต้องขอโทษไว้ณที่นี้ด้วยค่ะดิฉันก็ว่ามันดูไม้ค่อยงามเหมิอนกะนค่ะ