เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 19
  พิมพ์  
อ่าน: 44773 บ้านเมืองเมื่อ 50+ ปีก่อน
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 09:09

   ถนนเพลินจิตในสมัยหลังสงครามเป็นถนนสายสั้นๆ ที่สวยงามมาก    เริ่มต้นด้วยโรงแรมเอราวัณที่เป็นตึกสีขาวสามชั้นหลังคาไทยประยุกต์  มีศาลพระพรหมที่เป็นหน้าเป็นตา  แม้ว่าไม่คับคั่งเท่าทุกวันนี้ก็ตาม  ก็มีคนนับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ตั้งศาล    ถัดจากโรงแรมเป็นบ้านของคุณหญิงมณี สิริวรสาร  ด้านหน้าติดถนนมีร้านขายขนมเค้กชื่อ "มณียา" ที่โก้หรูเอาการ     ถัดไปก็คือโรงเรียน
   ฟากตรงข้ามร.ร. เอราวัณนั้นซอยเกษรยังไม่เกิด  มาเกิดเอาตอนกลางๆทศวรรษ 2510s   มีห้องแถวเล็กๆสร้างด้วยไม้ปลูกติดๆกันหลายห้อง    แล้วก็ถึงที่ทำการของไฟฟ้าเพลินจิต   จากนั้นเป็นบ้านที่อยู่อาศัยหลังใหญ่ๆเรียงรายไปจนจดทางรถไฟช่องนนทรี 
    ตรงที่เป็นเซนทรัลชิดลมเดี๋ยวนี้ก็เคยเป็นตึกใหญ่สวยงามมาก   มีห้องระเบียงด้านบนกว้าง  มารู้ทีหลังในเรือนไทยนี้เองว่าเป็นวังของหม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ ระพีพัฒน์    มีซอยอยู่สองสามซอย ถ้าเดินเข้าไปจะพบบ้านหลังใหญ่ๆ มีบริเวณเป็นสัดส่วน   มีหลังหนึ่งเป็นบ้านสามชั้นทาสีเทา หลังคาสูงชันสีแดง ราวกับบ้านในหนังสือภาพเทพนิยาย อยู่ด้านหลังเซนทรัลพอดี   พอเซนทรัลมา บ้านนั้นก็หายไปจากสายตา
     บรรยากาศในซอยสงบเงียบ   ปลูกต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นทั้งซอย ชนิดเดินได้สบายไม่โดนแดดเลย 
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 09:13

กิจการรถเมล์ขาวรุ่งเรือง บริการดีเป็นอันดับหนึ่งด้วยฝีมือของผู้จัดการชื่อนายใช้ หงษ์เหิร ผู้ซึ่งทำงานให้บริษัทมานานตั้งแต่สมัยนายเลิดยังอยู่ มาตรฐานของรถเมล์ขาวทั้งตัวรถและมารยาทของผู้ให้บริการแตกต่างกับรถเมล์สายอื่นๆมาก โดยเฉพาะถ้าเปรียบเทียบกับรถเมล์ของบริษัทขนส่งอันเป็นรัฐวิสาหกิจ(เรียกว่ารถบขส.สีส้ม)นั้น ทั้งคนขับและกระเป๋าราวกับเพิ่งทะลุออกมาจากจอหนังคาวบอย

ครั้นรัฐบาลคึกฤทธิ์มีนโยบายให้เลิกสัมปทานเดินรถในกรุงเทพทั้งหมด ชดเชยให้กับทุกบริษัทแล้วรวบกิจการมาเป็นของรัฐ ตั้งชื่อว่าขสมก. แล้วแต่งตั้งเจ้าของบริษัทนายเลิดให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมเพื่อกำกับดูแลเรื่องการรวมรถเมล์ให้ได้ในมาตรฐานเดียวกันโดยเฉพาะ นับเป็นรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเมืองไทย ส่วนนายใช้อายุมากแล้วก็ได้รับเงินชดเชยแล้วเกษียณไปในตอนนั้น

ผลก็คือ คนกรุงเทพได้ใช้บริการรถเมล์ในมาตรฐานเดียวกันหมดจริงๆ แต่เป็นมาตรฐานของรถสีส้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 10:15

      ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ เจ้าของกิจการรถเมล์ขาว ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียรค่ะ   เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีหญิงสองคนแรกของประเทศไทย อีกคนคือคุณวิมลศิริ ชำนาญเวช
      รัฐบาลคึกฤทธิ์พ้นหน้าที่ไปก่อนหน้านี้แล้วค่ะ    ต่อมาคือพรรคประชาธิปัตย์ของม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19   แล้วทหารนำโดยพล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ก็เข้ามาปฏิรูปประเทศ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 10:47

   เล่าถึงหน้าตาของโรงเรียนบ้างนะคะ   เผื่อใครนึกถึงโรงเรียนเก่าของตัวเองจะถ่ายทอดสู่กันบ้างก็ดี   เพราะผ่านมาหลายทศวรรษ  โรงเรียนของทุกคนคงเปลี่ยนไปบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย
   โรงเรียนดิฉันอยู่ระหว่างบ้านของคุณหญิงมณี สิริวรสาร กับถนนหลังสวนซึ่งยุคนั้นเรียกว่าซอยหลังสวน   ตัวโรงเรียนมีพื้นที่เท่าไรไม่ทราบ  เดาว่าประมาณ 20 ไร่  เพราะด้านลึกมีมากกว่าด้านกว้าง      ด้านหน้าโรงเรียนยังไม่ต่างจากยุคนี้มากนัก คือพอผ่านประตูใหญ่เข้าไปก็เจอสนามกว้าง  ไว้เป็นที่หัดพละในชั่วโมงพละ และนั่งเล่นเดินเล่นได้ เช้าๆเย็นๆ  เด็กนักเรียนก็เล่นกันอยู่ริมสนามนี่แหละ ไม่มีใครห้าม

  ถนนอ้อมสนามไปถึงอาคารเรียนเป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่สองชั้น มีระเบียงแล่นตลอด  หน้าต่างกว้าง และอีกด้านที่ติดกับระเบียง เปิดโล่งไม่กั้นผนัง  ทำให้เย็นสบายอยู่ทั้งวันแม้ในยามบ่าย   ต้นไม้ใหญ่ครึ้มขึ้นอยู่่บนลานหน้าโรงเรียน    เลยจากนั้นไปทางด้านติดกำแพงบ้านคุณหญิงมณีเป็นหอประชุมเดิมซึ่งเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวรูปยาว คล้ายๆโบสถ์ฝรั่ง    เดินเข้าทางด้านข้างซึ่งเปิดโล่งตลอด  พืนปูกระเบื้องหรือกระเบื้องหินแผ่นใหญ่ๆ   ไม่มีเก้าอี้  นักเรียนต้องนั่งกับพื้นเวลาเข้าประชุม

    อาคารมีเวทีซึ่งใช้สารพัดประโยชน์ตั้งแต่ประชุม แจกรางวัลและการแสดงของนักเรียน มีม่านสีน้ำเงินเข้มกั้นไว้    พื้นผนังสองข้างซ้ายขวาเวทีเพ้นท์เป็นรูปฝูงนกพิราบสีขาวบนพื้นสีแสดอ่อน   เกาะกลุ่มและบินมาบรรจบกัน   หน้าทางเข้าหอประชุมปลูกต้นรำเพยสองสามต้น  ออกดอกสีแสดอ่อนๆก็มี ขาวก็มี สวยมาก     มีลูกสีเขียวห้อยระย้า  เคราะห์ดีไม่มีใครมือบอนไปเด็ดมากิน  ไม่งั้นคงต้องส่งไปร.พ.เพราะลูกมันเป็นพิษ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 10:57

ถูกต้องครับ รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้มีมติของคณะรัฐมนตรี ให้รวมรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานคร เป็นบริษัทเดียว เรียกว่า "บริษัทมหานครขนส่ง จำกัด เป็นรูปรัฐวิสาหกิจประเภทบริษัท จำกัด มีรัฐถือหุ้นอยู่ 51% และเอกชนถือหุ้น 49% แต่การรวมและการจัดตั้งเป็นบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด ในขณะนั้นมีปัญหาเรื่องกฎหมาย กระทบไปถึงการบริหารจัดการที่ควบคุมไม่ได้  ต่อมาในสมัยรัฐบาลของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช จึงได้ออกพระราชกฤษฎีกา การจัดตั้งเป็นองค์การขอรัฐให้ชื่อว่า "องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ"  โดยรวมกิจการรถโดยสารทั้งหมด จากบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด มาขึ้นอยู่กับ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

ขออภัยในข้อมูลที่ผิดพลาดที่ผมเขียนจากความจำที่ว่าตั้งแต่รวมรถเมล์  ทุกอย่างแทนที่จะดีขึ้นกลับเลวลง  ต่อมาเมื่อทหารปฏิวัติได้แล้วให้จัดตั้งรัฐบาลพลเรือนขึ้น  หลังฟอร์มดรีมทีมแล้วรัฐมนตรีหญิงที่ผมกล่าวจึงได้เข้าไปดำรงตำแหน่ง รมต.คมนาคม เพื่อแก้ปัญหารถเมล์ที่คนกรุงเดือดร้อนมาก  คนกรุงก็หวังจะได้เห็นท่านนำมาตรฐานรถเมล์ขาวกลับมา  แต่ท่านก็แก้ไม่ได้ เพราะปัญหาคอร์รัปชั่นในระบบราชการและรัฐวิสาหกิจมันยิ่งใหญ่กว่าบริษัทเอกชน สุดท้ายรัฐบาลนั้นก็ไปไม่รอดตามคาด
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 10:59

เชิญต่อเรื่องโรงเรียนครับ ผมคงมีเท่านี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 11:25

  ปัญหาการเมืองในยุค 2519-20  เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่อง ที่พัลวันยุ่งเหยิงอยู่ตลอดปีค่ะ     หวังว่าผ่านไป 40 กว่าปีแล้วคงจะไม่ย้อนรอยกลับมาอีก

   เอารูปโรงเรียนมาให้ดูอีกทีค่ะ
   ทางที่ทอดมาด้านซ้ายของภาพคือถนนจากประตูโรงเรียนทอดมาสู่อาคารเรียนสำหรับเด็กชั้นมัธยม    ลานตรงนี้คือที่นั่งรอพ่อแม่มารับตอนเย็น    ดิฉันนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ทางขวาเป็นประจำ
   เด็กบางคนพ่อแม่มารับเย็นมาก   หลังจากนั่งรออยู่สัก 1 ชม.  เหลือกันอยู่ไม่กี่คน   มาแมร์ก็ต้อนพวกเราขึ้นไปนั่งรอในห้องเรียนชั้นล่างในอาคารเรียนในรูป  ให้นั่งทำการบ้านเงียบๆอยู่ในนั้น จนกว่าผู้ปกครองจะมาถึงค่ะ
   อาคารนี้ใช้เป็นที่เรียนของนักเรียนตั้งแต่มัธยม 2 ไปจนชั้นสูงสุด   มีชั้นละ 2 ห้อง   ตัวห้องมีผนัง 3 ด้าน ด้่านติดถนนมีหน้าต่างกว้างติดๆกันเกือบตลอดผนัง   ด้านติดระเบียงไม่มีผนัง ลมจึงพัดผ่านจากสระน้ำของโรงเรียนมาเข้าห้องเรียนได้ตลอด    ในเมื่อเปิดหน้าต่าง ลมก็แล่นผ่านเป็นทางลมโกรก   ไม่ต้องอาศัยพัดลม   ฝุ่นถึงมีก็มีน้อยมาก  ต้นไม้ใหญ่ๆรอบอาคารช่วยกรองฝุ่นและผลิตออกซิเจนให้อยู่แล้ว
  เครื่องแบบนักเรียนเป็นเสื้อคอบัวปิดแค่คอ  มีโบหูกระต่ายห้อยอยู่ตรงกระดุมเม็ดแรก  แขนยาวมิดชิด  ตอนโน้นก็ไม่รู้สึกอะไร  ผ่านมานาน   นึกได้ว่าไม่เคยรู้สึกร้อนจนอยากถลกแขนเสื้อขึ้นมาเลย    แสดงว่าอากาศในโรงเรียนกำลังสบายจริงด้วย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 14:57

 ถัดจากอาคารไม้ลึกเข้าไป   ถ้ามองจากรูปอาคาร ส่วนลึกอยู่ทางด้านขวาอาคาร   มีสระน้ำรูปยาว ที่น่าจะมีทางระบายออกไปที่ซอยหลังสวนได้   เพราะซอยหลังสวนยังมีคูน้ำข้างถนนอยู่     น้ำในสระสะอาด มีปลาตัวโตๆอยู่เต็มสระ  แหวกว่ายไปมามองเห็นได้เวลาเดินข้ามสะพาน
  สะพานในรูปข้างล่างนี้ทอดไปสู่ตัวอาคารไม้สองชั้นทาสีครีม   ส่วนที่เห็นเป็นห้องกว้างๆด้านหน้าคือสถานที่สำหรับประกอบพิธีมิสซา    เวลาจะขึ้นก็ขึ้นทางบันไดโค้งทางขวามือของภาพ      หรือถ้าไม่มีมิสซาจะขึ้นไปสวดก็ได้  ไม่จำกัดเฉพาะนักเรียนที่นับถือศาสนาคริสต์   แม้แต่พุทธถ้าอยากขึ้นไปสวดก็ไม่มีใครห้าม     แต่สวดนานๆไม่ได้เพราะเมื่อย ต้องคุกเข่าอยู่นานๆ  ไม่สามารถนั่งพับเพียบอย่างเวลาไปฟังสวดที่วัดไทย
   ส่วนอื่นๆของอาคารหลังนี้ใช้ทำอะไรบ้าง บอกไม่ค่อยถูกค่ะ เพราะไม่เคยไปสำรวจให้ทั่วถึง  จำได้แต่ว่าบางส่วนเป็นออฟฟิศหรือห้องใช้งานของมาแมร์    นักเรียนจะไม่ล่วงล้ำเข้าไป   
   ชั้นล่างที่เป็นใต้ถุนนั้นเดินลอดทะลุไปสู่อาณาเขตด้านหลังที่เป็นเขตเรียนของนักเรียนประถมและอนุบาล   ส่วนทางขวาเป็นห้องเล็กๆ เคยไปซื้อคริสต์มาสการ์ดที่นั่น   ห้องพยาบาลอยู่ติดกับด้านหลัง   ใครไม่สบายก็ไปนอนที่นั่นได้ มีเก้าอี้ผ้าใบให้นอน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 14:59

สถานที่เดิม แต่เห็นมุมกว้างขึ้น


บันทึกการเข้า
tita
พาลี
****
ตอบ: 253


ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 16:07

  มีหลังหนึ่งเป็นบ้านสามชั้นทาสีเทา หลังคาสูงชันสีแดง ราวกับบ้านในหนังสือภาพเทพนิยาย อยู่ด้านหลังเซนทรัลพอดี   พอเซนทรัลมา บ้านนั้นก็หายไปจากสายตา

จำได้ค่ะ  เคยไปทานอาหารที่เซ็นทรัลชิดลม  ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณปี พ.ศ. 252x ต้นๆ  ตอนนั้นบ้านหลังนี้ยังอยู่  คือบ้านอยู่ด้านหลังเซ็นทรัลชิดลมพอดี  มองจากหน้าต่างกระจกห้องอาหารไปจะเห็นถนัดเพราะอยู่ติดกันเลย  เป็นบ้านสูงๆ สามชั้น  ด้านที่ชิดมาทางเซ็นทรัลมีต้นไม้สูงใหญ่เกินบ้านอยู่ 1 ต้น  ตัวบ้านด้านที่ชิดต้นไม้มีระเบียง  อยู่ในร่มเงาของต้นไม้  ดูเป็นภาพชีวิตที่สงบร่มรื่นมากค่ะ  เวลาไปทานอาหารที่เซ็นทรัลจะขอโต๊ะริมหน้าต่าง  จะได้ทานไปชื่นชมบ้านไป

เคยถามพนักงานห้องอาหาร  เขาบอกว่าเป็นบ้านของตระกูล บี.กริมม์  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 16:18

ดีใจที่เจอคนทันเห็นบ้านหลังนั้นร่วมกันค่ะ
ใช่ค่ะ บ้านนั้นยังมองเห็นได้จากหน้าต่างกระจกร้านอาหารในเซนทรัล จำชื่อร้านไม่ได้ อาจจะ The Terrace มั้ง
แต่เห็นได้พักเดียว บ้านก็หายไป  ตอนนี้ที่ตรงนั้นเป็นอะไรแล้วไม่ทราบค่ะ  ไม่ได้กลับไปดูอีกเลย
ตระกูลบี.กริมม์   หรือคะ  น่าจะเป็นเจ้าของห้างบี.กริม แอนโก  ดิฉันเคยได้ยินชื่อห้างนี้ตอนเด็กๆ  มีอีกห้างคือห้างดีทแฮล์ม  แต่ขายสินค้าอะไรไม่ได้จดจำทั้งสองห้างค่ะ     
บันทึกการเข้า
tita
พาลี
****
ตอบ: 253


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 16:35

เมื่อครู่ลองเข้าไปดูแผนที่ว่าปัจจุบันพื้นที่ตรงนั้นเป็นอะไร  สรุปว่าเป็นอาคารอัลม่า ลิงค์ ค่ะ  เข้าไปดูประวัติอาคารได้ความว่า

"..ประวัติอาคาร อัลม่า ลิงค์
มร.เฮอร์เบิร์ต ลิงค์ มีเชื้อสายเยอรมันที่กำเนิดในประเทศไทยเมื่อปี 2460 ต่อมาได้สมรสกับ มิสอัลม่า ในปี 2482 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 มร. เฮอร์เบิร์ตพำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย และเข้าร่วมงานกับ ห.ส.น. บี.กริม แอนด์ โก ในตำแหน่งผู้จัดการ

มิสอัลม่า เป็นชาวอังกฤษโดยกำเนิดและเป็นหัวหน้าพยาบาลที่ บ้านพยาบาลกรุงเทพ หรือ บางกอกเนิร์สซิ่งโฮม สถานรักษาพยาบาลเอกชนแห่งแรกของชาวต่างชาติ

หลังจากสมรสได้ไม่นาน มิสซิสอัลม่าได้อุทิศตนช่วยเหลืองานสังคม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นอกเหนือจากงานพยาบาลซึ่งเป็นงานประจำ และยังได้ช่วยเหลืองานของสามีในการรับรองแขกทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มิสซิสอัลม่ายังได้แนะนำให้ มร. เฮอร์เบิร์ตซื้อบ้านหลังหนึ่งในเขตที่อยู่อาศัยในซอยชิดลม 25 บนถนนเพลินจิต

ในสมัยนั้น ซอยชิดลม 25 ตั้งอยู่ระหว่างคลอง 2 สาย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความสงบร่มรื่น จนบุคคลที่มีชื่อเสียงในหลายตระกูลดังของเมืองไทย อาทิ ปันยารชุน และ ทวีสิน ตัดสินใจเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณนั้น ซึ่งอยู่ถัดจากที่ดินของ พระยาเลิศ เศรษฐบุตร (โรงแรมปาร์ค นายเลิศ) และสถานทูตอังกฤษ

ในช่วงปี 2513 กลุ่มบริษัทเซ็นทรัล ได้ตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ขึ้นบริเวณหัวมุมถนนเพลินจิตและชิดลม นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่ดินในเชิงพาณิชย์และยังคงดำเนินต่อเนื่องสู่สหัสวรรษใหม่ ต่อมาภายหลังพื้นที่ส่วนใหญ่ในบริเวณนั้นได้ถูกพัฒนาให้เป็นอาคารสูง ซอยเล็กๆ ได้ถูกขยายออกให้กลายเป็นถนน คลองทั้งสองในซอยชิดลมถูกถมหายไปในสุด ซึ่งทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเริ่มยากแก่การอยู่อาศัย

ดังนั้น ในปี 2532 มร. เฮอร์เบิร์ต และ มิสซิสอัลม่า ลิงค์ จึงได้ตัดสินใจสร้างอาคารสำนักงานอัลม่า ลิงค์ ในบริเวณที่ดินของตน และในวันที่ 28 ตุลาคม 2534 โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอาคารอย่างเป็นทางการ.."

อ่านแล้วเหมือนกับ มร. เฮอร์เบิร์ต ลิงค์ ก็ซื้อต่อบ้านมาอีกที  เจ้าของเดิมเป็นใครไม่ได้ระบุไว้



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 16:44

คุณอัลม่า ลิงค์   ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้่าฝ่ายใน   เป็นคุณหญิงอัลม่า ลิงค์ ค่ะ  เสียดายหารูปเธอยังไม่พบ
ไม่แน่ใจว่าที่ดินบริเวณนั้นเป็นของพระยาภักดีนรเศรษฐ์มาแต่เดิม ด้วยหรือเปล่านะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 18:38

       เมื่อเดินลอดชั้นใต้ถุนของอารามไป  ก็คือส่วนหลังของโรงเรียน   เป็นลานปูนกว้างๆสำหรับเด็กเล่นกัน   มีทางเดินซึ่งมีหลังคาทอดผ่านลานปูนนี้ไปสู่อาคารเรียนของอนุบาลและประถม   ลึกเข้าไปอีกคือโรงอาหารทำด้วยไม้
อาคารประถมเป็นอาคารชั้นเดียวกว้างๆ  ดูโล่งสบาย มีทางเดินเลียบด้านข้างเข้าไปในห้องเรียนแต่ละห้องซึ่งไม่มีผนังกั้น    ส่วนชั้นอนุบาล 1-2 เรียนในอาคารใหญ่มีหลังคาคลุม  และมีผนัง   ด้านติดกับทางเดินมีรั้วเตี้ยๆกั้นไม่ให้เด็กเล็กๆพลัดหลงออกมาข้างนอก
      หลังลานปูนเป็นสวนมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเขียวครึ้ม  มีรั้วต้นไม้กั้นทำให้มองไม่เห็นว่าข้างในมีต้นอะไรบ้าง    เห็นแต่ว่ามีประติมากรรมกางเขนอันมหึมาและพระเยซูคริสต์ขนาดเท่าคนถูกตรึงอยู่บนกางเขน     ความร่มรื่นของต้นไม้ทำให้ไม่รู้สึกร้อนกับลานปูน 
      ฟากตรงข้ามกับลานปูนที่อยู่ตืดกับซอยหลังสวน มีรั้วต้นไม้หน้าตาเหมือนพู่ระหงหรือชบา กั้นอาณาเขตโรงเรียนกับซอยหลังสวน     มีประตูด้านหลังโรงเรียนที่เปิดรับให้ผู้ปกครองเข้ามารับเด็กได้หลังเลิกเรียน    เป็นประตูแคบๆ เปิดมาสู่ลานที่ไม่ได้เทปูน แต่ดูเหมือนจะเป็นลานดินธรรมดา   เด็กๆก็เล่นกันอยู่ตรงนี้ละค่ะ   
      เคยกลับไปอีกหนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน    พบว่าบริเวณทั้งหมดที่บรรยายมาไม่เหลือแล้ว    มีแต่ตึกเรียนหลายชั้นผุดขึ้นมาแทนที่   ในพื้นที่เท่าเดิม อาคารเรียนมีมากกว่าเดิมหลายเท่าค่ะ 
 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 17 ก.พ. 19, 18:56

  อาคารหลังนี้เป็นอาคารใหม่   สร้างติดรั้วด้านซอยหลังสวน     พวกเราย้ายไปเรียนกันตอนอยู่ชั้นมัธยม 5  ซึ่งกระทรวงเปลี่ยนหลักสูตรใหม่ให้กลายเป็นมศ. 2   
  ตึกหลังนี้พื้นห้องเป็นไม้ขัดมัน  นักเรียนต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าห้อง   เดินในห้องได้ไม่นานถุงเท้าก็เริ่มมอม  เปิดเทอมต้องซื้อใหม่ทุกที


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 19
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 20 คำสั่ง