เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 150 เมื่อ 11 มี.ค. 19, 20:59
|
|
ปากกาลูกลื่นยี่ห้อแรกที่ขายในเมืองไทยคือยี่ห้อ Schneider สั่งมาจากเยอรมันโดยบริษัท ดี. เอช. เอ. สยามวาลา จำกัด (DHAS) เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ ปากกายี่ห้อนี้ถือเป็นพระเอกที่ช่วยให้ธุรกิจของครอบครัวสยามวาลาพลิกฟื้นจากที่ประสบปัญหาตลาดซบเซาหลังสงครามและชดใช้หนี้สินจากเหตุการณ์โรงงานไฟไหม้ แต่ Schneider มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่เพียงเพียง ๒ ปี ก็ถูกปากกาลูกลื่นยี่ห้อ Bic ชิงตลาดไป โฆษณาปากกาลูกลื่นชไนเด้อร์ จากหนังสือ "งานแสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๒๕ ครบรอบ ๕๐ ปี" ธันวาคม ๒๕๐๕
ผู้บัญญัติศัพท์ "Ballpoint pen" ว่า "ปากกาลูกลื่น" ก็คือ DHAS นี่เอง http://www.forbesthailand.com/people-detail.php?did=2037https://www.facebook.com/1823599227854580/posts/2160680670813099?sfns=mo
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 151 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 09:06
|
|
เมื่อ 50+ ปีก่อน นักเรียนชั้นประถมใช้ดินสอดำ จนจบป. 4 ขึ้นม. 1 ทางโรงเรียนจึงให้ใช้ปากกาแทน ปากกาสมัยนั้นเมื่อเทียบกับสมัยนี้มันก็แสนยุ่งยาก เพราะปากกาลูกลื่น (ballpoint pen) มีแล้วก็จริงแต่ทางร.ร.ไม่ให้ใช้ ให้ใช้ปากกาหมึกซึม (fountain pen) ปากกาหมึกซึมต้องเติมหมึกเป็นระยะ เพราะหมึกในหลอดมันจะพร่องลงไปเรื่อยๆ จนหมด นอกจากนี้ถ้าปากของปากกาไม่ดี พอเติมหมึกใหม่ หมึกจะออกมากจนเลอะกระดาษ ต้องใช้กระดาษซับ กระดาษซับนี่ก็เป็นอะไรอีกอย่างที่น่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เป็นกระดาษหนาๆคล้ายๆผ้าสักหลาดอย่างบาง สามารถซับหมึกที่กองจากปลายปากกาลงมาเป็นหยดเเบ้อเร่อบนกระดาษสมุดให้ซึมหายเข้าไปในกระดาษได้ กลายเป็นด่างดวงหมึกบนกระดาษซับ พอเต็มกระดาษก็ต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่ นอกจากนี้ก็ต้องพกขวดหมึกเล็กๆติดกระเป๋านักเรียนไปด้วยสำหรับเติมหมึก สรุปว่าปากกาด้ามเดียวต้องมีอุปกรณ์พ่วงอีก 2 อย่างคือกระดาษซับและขวดหมึก ถ้าใครปิดขวดหมึกไม่แน่น หมึกก็หกเลอะก้นกระเป๋าและหนังสือเรียน ถูกครูทำโทษหนักเข้าไปอีก ความยุ่งยากอีกอย่างคือปากกาหมึกซึมสวยๆนั้นอาจหายได้ง่าย ด้วยฝีมือนักหยิบ นักเรียนจึงนิยมเหน็บปากกากับกระเป๋าเสื้อ ถ้าปิดปลอกไม่แน่นหมึกก็ซึมออกมาเลอะเสื้อ เป็นปัญหาในการซักเพราะหมึกซักออกยากมาก ปัญหาเหล่านี้ไม่มีเลยถ้าใช้ปากกาลูกลื่น
แต่ปากกาหมึกซึมดีกว่าปากกาลูกลื่น ตรงที่ช่วยให้ลายมือสวย ยิ่งการคัดอักษรภาษาอังกฤษ ที่แต่ละตัวมีเส้นหนักเส้นเบา (เด็กยุคนี้คงไม่รู้จักว่า A B C D มีเส้นหนักเบาด้วย) ปากกาหมึกซึมช่วยคัดได้สวยมาก เพราะพลิกปลายปากกาเป็นเส้นหนาเส้นบางได้ แต่ถ้าคัดด้วยปากกาลูกลื่นจะทำไม่ได้เลยค่ะ ครูบอกว่าปากกาลูกลื่นทำให้ลายมือเสียหมด เหมาะจะเอาไว้เขียนหรือจดอะไรหวัดๆ ไม่ต้องประณีตบรรจง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 152 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 09:25
|
|
ปากกาหมึกซึมมีหลายราคา เด็กนักเรียนใช้ปากกาด้ามละไม่กี่บาท ยี่ห้อแพง อย่าง Sheaffer และ Parker เป็นของสำหรับผู้ใหญ่ ที่แพงที่สุดคือปากกาปลอกทอง นิยมเหน็บกระเป๋าเสื้อ เห็นปลอกทองหรู โชว์ฐานะเจ้าของ
พอเปลี่ยนโรงเรียน ใช้ปากกาลูกลื่นได้ สะดวกทุกอย่าง ก็เลยเลิกใช้ปากกาหมึกซึม จนบัดนี้ยังไม่เคยใช้อีกเลยค่ะ
ข้างล่างนี้คือปากกาปลอกทอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
choo
มัจฉานุ
ตอบ: 95
|
ความคิดเห็นที่ 153 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 09:51
|
|
เมื่อ 50+ ปีก่อน นักเรียนชั้นประถมใช้ดินสอดำ จนจบป. 4 ขึ้นม. 1 ทางโรงเรียนจึงให้ใช้ปากกาแทน ปากกาสมัยนั้นเมื่อเทียบกับสมัยนี้มันก็แสนยุ่งยาก เพราะปากกาลูกลื่น (ballpoint pen) มีแล้วก็จริงแต่ทางร.ร.ไม่ให้ใช้ ให้ใช้ปากกาหมึกซึม (fountain pen) ปากกาหมึกซึมต้องเติมหมึกเป็นระยะ เพราะหมึกในหลอดมันจะพร่องลงไปเรื่อยๆ จนหมด นอกจากนี้ถ้าปากของปากกาไม่ดี พอเติมหมึกใหม่ หมึกจะออกมากจนเลอะกระดาษ ต้องใช้กระดาษซับ กระดาษซับนี่ก็เป็นอะไรอีกอย่างที่น่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เป็นกระดาษหนาๆคล้ายๆผ้าสักหลาดอย่างบาง สามารถซับหมึกที่กองจากปลายปากกาลงมาเป็นหยดเเบ้อเร่อบนกระดาษสมุดให้ซึมหายเข้าไปในกระดาษได้ กลายเป็นด่างดวงหมึกบนกระดาษซับ พอเต็มกระดาษก็ต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่ นอกจากนี้ก็ต้องพกขวดหมึกเล็กๆติดกระเป๋านักเรียนไปด้วยสำหรับเติมหมึก สรุปว่าปากกาด้ามเดียวต้องมีอุปกรณ์พ่วงอีก 2 อย่างคือกระดาษซับและขวดหมึก ถ้าใครปิดขวดหมึกไม่แน่น หมึกก็หกเลอะก้นกระเป๋าและหนังสือเรียน ถูกครูทำโทษหนักเข้าไปอีก ความยุ่งยากอีกอย่างคือปากกาหมึกซึมสวยๆนั้นอาจหายได้ง่าย ด้วยฝีมือนักหยิบ นักเรียนจึงนิยมเหน็บปากกากับกระเป๋าเสื้อ ถ้าปิดปลอกไม่แน่นหมึกก็ซึมออกมาเลอะเสื้อ เป็นปัญหาในการซักเพราะหมึกซักออกยากมาก ปัญหาเหล่านี้ไม่มีเลยถ้าใช้ปากกาลูกลื่น
แต่ปากกาหมึกซึมดีกว่าปากกาลูกลื่น ตรงที่ช่วยให้ลายมือสวย ยิ่งการคัดอักษรภาษาอังกฤษ ที่แต่ละตัวมีเส้นหนักเส้นเบา (เด็กยุคนี้คงไม่รู้จักว่า A B C D มีเส้นหนักเบาด้วย) ปากกาหมึกซึมช่วยคัดได้สวยมาก เพราะพลิกปลายปากกาเป็นเส้นหนาเส้นบางได้ แต่ถ้าคัดด้วยปากกาลูกลื่นจะทำไม่ได้เลยค่ะ ครูบอกว่าปากกาลูกลื่นทำให้ลายมือเสียหมด เหมาะจะเอาไว้เขียนหรือจดอะไรหวัดๆ ไม่ต้องประณีตบรรจง
โรงเรียนที่ผมเคยเรียนเมื่ออยู่ชั้นมูล(เตรียมประถม)ใช้กระดานชนวนและดินสอหิน ป.1-ป.4 ใช้ดินสอดำ พอขึ้น ม.1 ปากกาหมึกซึมคุณครูยังไม่ให้ใช้ให้นักเรียนใช้ปากกาจุ่มหมึกซึ่งมีสองชนิดคือแบบหัวแหลมเรียกว่าปากกาคอแร้งแลแบบหัวแบนเรียกว่าปากกาเบอร์ห้าใช้กับหมึกตราสิงโตขวดกลมๆมีหมึกน้ำเงินและแดง กระดาษซับเป็นของที่ขาดไม่ได้เป็นอันขาดถึงกระนั้นสมุดจะเลอะเทอะไปด้วยหมึกแดงและน้ำเงิน เมื่อเลิกเรียนเสื้อจะเปื้อนหมึกกันเกือบทุกคน พอขึ้น ม.2 ได้ใช้ปากกาหมึกซึมผู้ปกครงส่วนมากจะซื้อปากายี่ห้อ Pilot ให้ใช้เพราะราคาถูกและมาเรื่มใช้ปากกาลูกลื่นเมื่อโตแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 154 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 10:22
|
|
ใช่แล้ว มีปากกาคอแร้งอีกอย่างค่ะ ลืมไปเลย โรงเรียนให้ใช้ในชั่วโมงวาดเขียน เอาไว้ตัดเส้น ปากกาคอแร้งประกอบด้วยด้ามกับหัว หัวถอดเปลี่ยนได้ เป็นอุปกรณ์การเขียนที่ยุ่งยากอีกแบบหนึ่ง ที่เจอบ่อยที่สุดคือเขียนๆไป ปลายปากกาซีกหนึ่งหักเปีาะ ใช้ไม่ได้อีก ต้องเปลี่ยนหัว นอกจากนั้นหมึกก็ออกมาเลอะเทอะยิ่งกว่าปากกาหมึกซึม ทำเอารูปที่วาดไว้ดีๆแล้วเจ๊งไปหมดทั้งแผ่นตอนตัดเส้นนี่เอง
ทีแรกนึกชื่อปากกาหมึกซึมที่ใช้ประจำไม่ออก จนคุณ Choo พูดถึงยี่ห้อ pilot จึงนึกออกว่าเคยใช้กันกว้างขวางในหมู่นักเรียน ดิฉันก็ใช้เหมือนกันค่ะ เป็นปากการาคาเยา ที่มีสีสวยๆให้เลือกมากกว่าเชฟเฟอร์กับปาร์คเกอร์ซึ่งมีสีดำเป็นส่วนใหญ่ ปากกา pilot ที่เคยใช้ สีแดงเหมือนในรูปข้างล่างนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 155 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 10:51
|
|
โฆษณาปากกาหมึกซึมและน้ำหมึก
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 156 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 10:53
|
|
อีกยี่ห้อหนึ่ง
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 157 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 11:00
|
|
หมึกยอดนิยมในโรงเรียนไม่ใช่เกฮา แต่เป็นหมึก Quink หมึกควิ้งค์มีหลายเฉดสี ทางร.ร.ไม่อนุญาตให้ใช้สีอื่นนอกจากน้ำเงิน แต่น้ำเงินก็ยังมี royal blue สีน้ำเงินสด เขียนลงกระดาษขาวแล้วอ่านสบายตา สวยมาก อีกสีคือ blue black สีน้ำเงินแก่เกือบดำ สีนี้เหมาะกับผู้ใหญ่ใช้เซ็นหนังสือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 158 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 11:14
|
|
สะดุดตาที่คำว่า "มีดหลาวดินสอ" ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 159 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 11:27
|
|
คงสะกดตามเสียงเรียกค่ะ ไม่ได้ดูจากพจนานุกรม (ในยุคนั้น มีแต่พจนานุกรมปี 2493 ซึ่งเก็บคำนี้ไว้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ) เหลา เป็นเสียงสั้น หลาว เป็นเสียงยาว
ถ้าออกเสียงตามเสียงเรียกในสมัยนั้น จะเป็นว่า "หลาวดินสออยู่ในเหลา" ไม่ใช่ "เหลาดินสออยู่ในเหลา" แต่พจนานุกรมไปกำหนดให้เขียนว่า เหลา แทนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 160 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 11:39
|
|
ปากกาลูกลื่นยอดนิยมเมื่อ 50+ ปีก่อน คือปากกา BIC สมัยออกวางจำหน่ายมีแบบเดียวสีเดียวคือเป็นแท่งผอมๆ ยาวๆ สีเหลืองอ๋อย มีปลอกสีน้ำเงินสด ไม่รู้สึกว่าสวยทั้งสีด้ามและสีปลอก แต่ว่าใช้ง่าย สะดวกสบาย ไม่เลอะเทอะ หมึกแห้งก็บรรจุเยอะมาก ใช้เท่าไหร่ไม่หมด ไม่เหมือนหมึกซึมที่ต้องเติมทุกวัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 161 เมื่อ 12 มี.ค. 19, 12:36
|
|
พูดถึงอุปกรณ์การเรียนแล้วก็ขอเล่าต่อถึงหนังสือเรียน 50+ ปีก่อน มีหนังสือเรียนดีๆ มีคติสอนใจ แต่ออกแบบไม่สวยเลย เหมือนกำหนดไว้ว่าหนังสือเรียนต้องหน้าตาเคร่งขรึมเอางานเอาการ จะมาทำสวยๆงามๆเหมือนหนังสืออ่านเล่นไม่ได้ เช่นเรื่องนกกางเขน
สมัยนั้นเรียกระดับว่า ประโยค ประโยคประถม ประโยคมัธยม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
choo
มัจฉานุ
ตอบ: 95
|
ความคิดเห็นที่ 163 เมื่อ 13 มี.ค. 19, 19:58
|
|
เมือพูดถึงการเรียนเมื่อ 50+ ปีก่อนเด็กที่เรียนในชั้นที่ไม่ใช่อยู่ในชั้นระดับประโยค(คือ ป 4,ม 3,ม 6)ถ้าเรียนดีมากถึงระดับที่กำหนดจะสามารถ pass ชั้นคือข้ามไปเรียนในชั้นถัดไปได้หลังประกาศผลสอบเทอมต้นแล้ว ไม่ทราบว่าในปัจจุบันยังมีอีกหรือไม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 164 เมื่อ 13 มี.ค. 19, 20:04
|
|
โรงเรียนดิฉันไม่มี pass ชั้นค่ะ มีแต่ซ้ำซั้น ไม่ทราบโรงเรียนอื่นๆเป็นยังไง จำได้รางๆว่ามีการสอบเทียบ เป็นคนละแบบกับ pass ชั้น สองเทียบนี้คือโดดข้ามชั้นเรียนไปเลยเหมือนเรียน กศน. เรียกสั้นๆว่า 4 3 6 8 คือสอบเทียบป. 4 แล้วมาสอบเทียบม. 3 แล้วก็สอบเทียบม. 6 แล้วไปสอบเทียบม. 8 พวกหัวดี เลือกสอบเทียบ แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปเลย มีหลายคนสอบติดแพทย์ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|