เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 15
  พิมพ์  
อ่าน: 31714 มาทำความเข้าใจผังแม่บทของสนามบินสุวรรณภูมิกัน
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 15:06

ปัญญาชนคงเข้าใจได้ไม่ยาก  จึงมีเสียงตอบรับกันมากทั้งทางสื่อและทาง facebook ค่ะ 
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 15:59

ผมถามคนในนี้ครับ ทั้งขาประจำและขาจรที่เข้ามาอ่าน เรื่องที่ผมนำมาเล่าให้ฟังนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมือง ไม่ใช่ประเด็นขัดแย้งระหว่างกลุ่มผลประโยชน์สองฝ่าย ไม่ใช่เรื่องขัดแย้งในวงวิชาชีพ แต่เป็นเรื่องความเสียหายของชาติ ท่านอ่านแล้วเข้าใจหรือไม่ ผมเขียนอะไรยากไปหรือเปล่า หรือผมเขียนหนังสือไม่เป็นสับปะรด

ถ้าเข้าใจแต่ไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่า แต่สงบนื่งเช่นนี้ ผมก็เดาทางไม่ออกจริงๆ เห็นทีจะต้องปลงใจ เลิกเขียน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 16:31

ดิฉันอ่านเข้าใจค่ะ     แต่ท่านอื่นๆจะเข้าใจหรือไม่ ต้องรอท่านเข้ามาตอบเอง
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 16:43

ผมถามกลับบ้างดีกว่า

หลังจากที่ผมนำเสนอไปแล้วนี้ ท่านอ่านแล้วเข้าใจไหมครับ

สมมติว่าท่านเป็นนายกตู่

คำถามของผม สิ่งที่ผมอยากรู้ ยังไม่มีใครตอบตรงๆ

มาลองตอบท่านอาจารย์ใหญ่กว่า เพราะไม่เห็นใครตอบซะที
ถ้าจากระดับสติปัญหาผม จำได้ว่าวัด IQ อย่างเป็นงานเป็นการล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 98 ไม่ถึงร้อย หัวทึบพอสมควร คิดเลขซับซ้อนไม่ได้ ความจำสั้น อ่านอะไรต้องทำความเข้าใจนาน คิดอะไรไม่รอบด้าน แถมยังปากเสีย แต่อ่านจากที่ท่านอาจารย์ใหญ่กว่าเรียบเรียงไว้ ผมเข้าในนะครับ ที่จริงเข้าใจมาตั้งแต่ติดตามจากใน Facebook แล้ว  ที่เข้าใจคือ ประเด็นเรื่องแบบ terminal 2 ลอกไม่บอก ตวงฤทธิ์ผิดมารยาทวิชาชีพไหม หรือมีอะไรพิกลในขั้นตอนการประมูลยื่นแบบ มันแค่ยอดถูเขาน้ำแข็ง เรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับปัญหาใหญ่ คือไอ้ terminal 2 มันต้องไม่มาอยู่ตรงนั้น มันเต็มไปด้วยความไม่เหมาะสมต่างๆ ทุกประการ  ตามด้วยเหตุผลและตัวเลข


ทีนี้พอถามต่อว่านายกตู่จะเข้าใจไหม  เด็กเรียนหนังสือได้ที่ 1 แบบนายกตู่ น่าจะ IQ ดีกว่าผม ถ้าได้อ่านควรจะเข้าใจแบบเดียวกับผมได้ แต่....

1. ถ้าดูในแง่เวลาทำงาน  นายกตู่คงไม่มีเวลามานั่งอ่านรายละเอียดต่างๆ ที่ถูกนำเสนอ เพราะอย่างต่ำต้องใช้เวลา 1 ชม ขึ้นไปเพื่ออ่านและเรียบเรียงข้อมูลในสมองกลั่นกรองทำความเข้าใจ นายกตู่มีงานมากมาย ต้องบริหารบ้านเมือง เซ็นเอกสาร ให้สัมพลาด เปิดงาน event ต้องแต่งเพลง ต้องประสานผลประโยชน์กลุ่มการเมืองที่สนับสนุน ต้องวางแผนสืบทอดตำแหน่ง ฯลฯ  น่าจะไม่มีเวลามาอ่านข้อมูลพวกนี้เอง เมื่อไม่มีเวลาก็ต้องให้ลูกน้องสรุปให้ จึงนำไปสู่ข้อ 2

2. จากลักษณะนิสัยที่ผ่านมา นายกตู่น่าจะเป็นคนเชื่อลูกน้อง ลูกน้องว่าอะไรมาก็เชื่อ บางทีไม่กลั่นกรองหรือตรวจสอบให้แน่ชัดก็เอามาพูดปาวๆ แล้ว  แม้แต่อะไรที่ทั่วโลกเค้ารู้ว่ามันเป็นยังไง ลวงโลกแค่ไหน เช่นเครื่องจับระเบิด GT200  นายกตู่กดูเหมือนยังมีความเชื่อ หรือเชื่อว่าไอ้เครื่องนี้มันก็ยังมีดีส่วนนึง อันนี้แปลว่าเชื่อตามลูกน้องว่าดีก็ดีด้วย  แต่ถ้าไม่ใช่ลูกน้องพูดหรือให้เหตุผลมา ดูนายกจะเชื่อยากมาก จนบางครั้งผมรู้สึกว่าแกมักจะเชื่อแต่เฉพาะอะไรที่อยากเชื่อเท่านั้น ใครขัดก็ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเฉไฉไปเลย เหตุผลใช้ด้วยยากถ้าแกไม่อยากฟัง

3. ถ้าจะหวังว่าลูกน้องนายกตู่จะเอาข้อมูลฝั่งนี้ไปให้นายก ดูท่าอาจจะยากหวังเช่นกัน เพราะกลุ่มลูกน้องอาจจะมีขุนขยับพลอยพยักเยอะ อิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์ใหญ่ๆ  รอบข้างตัวนายกเข้มแข็งมาก ดูได้จากหลายๆ ข่าว ไม่ว่าเรื่องสารพิษในยาฆ่าแมลงที่ทั่วโลกเลิกใช้แต่ไทยไม่เลิก หรือการแก้กฏหมายหลายๆ อย่างที่ส่งผลเสียต่อกลุ่มนายทุน ดูจะจัดการค่อนข้างช้าหรือไม่จัดการซะที  อาจจะเพราะลูกน้องไม่ป้อนเรื่องให้ทราบก็ได้

ดังนั้นโดยส่วนตัว แม้ข้อมูลจะชัดเจนมีน้ำหนักแค่ไหน ผมยังคิดว่านายกตู่คงจะเชื่อฝั่งการท่าฯ ที่สามารถป้อนข้อมูลด้านเดียวต่างๆ แก่นายกได้ง่าย  มากกว่าจะยอมฟังหรือเชื่อข้อมูลฝั่งคัดค้านอยู่ดี  ดังนั้นความพยายามยกระดับเรื่องนี้ให้สาธารณชนได้เห็นปัญหา และรู้สึกว่านี่เป็นปัญหาใหญ่จึงสำคัญมาก ถ้าสาธารณชนไม่ออกมาให้เสียงดังพอเรื่องนี้อาจจะปลิวไปตามสายลมได้ สภาวิชาชีพฯ สมาคมสถาปนิคฯ ภาคีวิศวกรฯ กลุ่มลุงๆ ป้าๆ เรือนไทย ฯลฯ อาจจะยังไม่พอ เพราะอย่างที่ทำงานผม ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้แม้แต่คนเดียว   ถ้าคนสนใจน้อย เสียงจะดังไปไม่ถึงให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ควรจะเป็นครับ

ผมเลยทำใจแล้ว รออาศัยกฏแห่งกรรมออกดอกออกผลให้คนชั่วแทน เพราะไม่รู้จะหวังอะไรได้มากกว่านี้นัก

บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 16:58

เอาอีกแล้ว    
กลุ้มใจจริง    ลบชื่อบริษัทไปยังไม่ทันไร ต้องลบชื่อคุณลุงออกจากกระทู้อีกแล้วหรือนี่


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 17:08

ขอขัดเกลาคำตอบคุณประกอบหน่อยก็แล้วกัน  เพื่อความปลอดภัยของเรือนไทย
เรื่องนี้อาจจะถึงหูถึงตาของนายกฯแล้ว  เพราะว่าสื่อหลายทางก็ประโคมกันอึงคะนึง      แต่มันจะมีผลถึงขั้นเบรคการดำเนินงานเอาไว้ก่อนหรือไม่   ตอนนี้คิดว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น
เพราะทอท.ดำเนินการตามขั้นตอนไปจนเกือบจะสุดแผนแม่บทบนโต๊ะแล้ว  ขั้นต่อไปคือลงมือทำ 
ท่านนายกคงจะไม่หยุดโครงการดำเนินงานขนาดใหญ่ วงเงินหลายหมื่นล้านด้วยเหตุผลว่าสภา 2 สภาผู้ประกอบวิชาชีพ และผู้เชี่ยวชาญบางท่านค้านขึ้นมา     แม้ว่าการคัดค้านนั้นวางอยู่บนรากฐานของหลักการและข้อมูลจากผู้รู้ทางด้านนี้ก็ตาม     แต่ถ้านับจำนวนคนที่ค้าน มันก็เป็นจำนวนน้อยนิดเดียว

แต่ถ้ามีองค์กรที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ยื่นมือเข้ามา  สมมุติว่ามีการร้องเรียนศาล  จนศาลสั่งหยุดหรือชะลอการดำเนินงานได้  ท่านนายกก็คงจะไม่ขัด 

ค.ห.นี้เกี่ยวกับคำตอบคุณประกอบนะคะ  ไม่เกี่ยวกับคำถามคุณ NAVARAT.C   ซึ่งดิฉันตอบไปแล้วว่ารู้เรื่อง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 17:14

2. จากลักษณะนิสัยที่ผ่านมา นายกตู่น่าจะเป็นคนเชื่อลูกน้อง ลูกน้องว่าอะไรมาก็เชื่อ บางทีไม่กลั่นกรองหรือตรวจสอบให้แน่ชัดก็เอามาพูดปาวๆ แล้ว  แม้แต่อะไรที่ทั่วโลกเค้ารู้ว่ามันเป็นยังไง ลวงโลกแค่ไหน เช่นเครื่องจับระเบิด GT200  นายกตู่กดูเหมือนยังมีความเชื่อ หรือเชื่อว่าไอ้เครื่องนี้มันก็ยังมีดีส่วนนึง อันนี้แปลว่าเชื่อตามลูกน้องว่าดีก็ดีด้วย  แต่ถ้าไม่ใช่ลูกน้องพูดหรือให้เหตุผลมา ดูนายกจะเชื่อยากมาก จนบางครั้งผมรู้สึกว่าแกมักจะเชื่อแต่เฉพาะอะไรที่อยากเชื่อเท่านั้น ใครขัดก็ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเฉไฉไปเลย เหตุผลใช้ด้วยยากถ้าแกไม่อยากฟัง   

เรื่องนี้ขอค้าน  ถ้านายกตู่เชื่อตามลูกน้องว่าเรื่องนี้ดี   คดีนี้คงไม่ออกผลมาเป็นแบบนี้ค่ะ   คุณประกอบดูจะโยนทุกอย่างให้นายกรับเละไปหมดตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ   มันก็ไม่ค่อยแฟร์กะคนที่ถูกกล่าวหานัก

วันที่ 26 ก.ย.61 ที่ศาลแขวงดอนเมือง ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทเอวิเอ แซทคอม จำกัด, นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ ผู้บริหารบริษัทเอวิเอฯ, นายเดชพิภัทร์ วัฒนกิจ, นางศศกร ปลื้มใจ ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานบริษัทเอวีเอ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อเครื่องตรวจจับอาวุธและวัตถุระเบิด และเครื่องตรวจจับยาเสพติดรุ่น GT200 จำนวน 2 ชุด ชุดละ 9 แสนบาท เป็นเงิน 1.8 ล้านบาท, เครื่องตรวจสารระยะไกลและอุปกรณ์ยี่ห้อ Global Technical รุ่น GT200 จำนวน 3 ชุด วงเงิน 3.6 ล้านบาท เครื่องตรวจหาสสารระยะไกลและอุปกรณ์ยี่ห้อโกลบอล รุ่น GT200 จำนวน 3 ชุด วงเงิน 3.6 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 9 ล้านบาท ที่ GT200 ผู้เสียหายได้ทำสัญญาซื้อขาย แต่เครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้

จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี โดยวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยมีความผิดจริงฐานฉ้อโกงตามที่อัยการโจทก์ฟ้อง จึงพิพากษาจำคุก นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ ผู้บริหารเอวีเอ แซทคอม จำกัด กรรมละ 3 ปี จำนวน 3 กรรม รวมจำคุก 9 ปี ปรับกรรมละ 6,000 บาท รวมปรับ 18,000 บาท ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง

ภายหลังนายวรอรรถ สุนทรอภิชาติ ทนายความ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันตัว นายสุทธิวัฒน์ ซึ่งศาลตีราคาประกันเป็นเงินสด 9 แสนบาท โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนการวางหลักทรัพย์พร้อมยืนยันว่าจะมีการอุทธรณ์คดีต่อ ที่ศาลลงโทษจำคุกจำเลยวันนี้เนื่องจากศาลเห็นว่า จำเลยเป็นผู้ขายเมื่อเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้งานไม่ได้ ก็ต้องรับรู้ ทั้งที่ความจริงแล้วเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด เป็นยุทธภัณฑ์ เอกชนไม่สามารถครอบครองได้ เราจึงสั่งซื้อตามสเปกที่มีการกำหนดมา พอเครื่องตรวจวัตถุระเบิดลงจากสนามบินก็มีรถทหารมารอรับเลย ซึ่งการทดสอบก็ต้องกระทำในห้องเเล็บที่มีศักยภาพทดสอบได้ ตรงนี้เราจึงไม่รู้เห็นว่าเครื่องชำรุด ไม่ได้มาตรฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลแขวงดอนเมืองได้มีคำพิพากษาที่อัยการคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องกลุ่มจำเลย บริษัทเอวีเอ ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุก นายสุทธิวัฒน์ 10 ปี จากการซื้อขายเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดรวม 12 สัญญา รวมมูลค่า 600 ล้านบาท ให้แก่กองทัพบกผู้เสียหาย

https://www.msn.com/th-th/news/national/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%819%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E2%80%98%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AD%E2%80%99%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2gt200-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C/ar-AAAF7dW?li=BBr91nk&ocid=iehp&amp%25253Bocid=mailsignoutmd
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 17:27

แห่ะๆ ผมมาทีไรต้องลำบากท่านอาจารย์ใหญ่ทุกที เกรงใจ๊เกรงใจ ว่าจะไม่โยงการเมืองหรือลุง แต่ก็อดไม่ได้

ที่ท่านอาจารย์ยกผลการตัดสินของศาลมานั้น เอ่อ คือว่ามีการฟ้องเฉพาะฝั่งคนขายให้ชดใช้และจำคุกไปตามผลการตัดสิน แต่ทีนี้ไอ้คนจัดซื้อทั้งหลาย โดยเฉพาะในกองทัพไม่มีใครโดนดำเนินคดีซักคนเลยนะครับ ถ้ามาตรฐานแบบนี้ ใครขายของหลอกลวงให้หน่วยงานราชการ แล้วตอนหลังสรุปได้ว่าหลอก คนขายผิด แต่คนซื้อที่พาซื่อไปซื้อไม่ต้องรับผิดเลยเหรอเนี่ย   

คนซื้อ ตั้งแต่คนกำหนด spec คณะกรรมการตรวจรับ ไม่มีใครผิดซักคน แบบนี้ยังไม่เรียกว่าลุงรักลูกน้องมากๆ อีกหรือครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 18:10

"อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามขั้นตอน" ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 19:00

คุณดวงฤทธิ์ บุนนาคชี้แจงเรื่องนี้   อ่านได้ตามลิ้งค์ค่ะ
https://www.matichon.co.th/economy/news_1155956

ปัจฉิมบท ขออนุญาตจัดการทุกประเด็นเลื่อนลอยให้จบในสเตตัสเดียวนะครับ

1.ประเด็นเรื่องแบบลอก-ไม่ลอก ต้องเรียนตามความจริง (เพราะไม่รู้ว่าจะพูดให้เป็นแบบอื่นได้ยังไง) ว่าไม่ได้ลอกงานใครเลยครับ เนื่องจากนิสัยของสถาปนิกที่ทำงานด้วยมือและไม่ได้ทำงานด้วยปาก (หรือไม่ได้ทำงานบนแป้นพิมพ์) แบบผม การให้ผมลอกคนอื่นมันต้องคิดตามคนอื่น เรียนตรงๆว่ามันยากกว่าให้ผมทำเองเยอะ อึดอัดมากครับไม่สบายตัว น้องๆทุกคนที่ทำงานด้วยกันจะทราบความจริงข้อนี้ดี หลายครั้งน้องๆที่ทำงานด้วยแอบไปลอกงานคนอื่นมานำเสนอ ถ้าผมจับได้ก็จะรื้อแบบทิ้งทำใหม่หมด และอบรมสั่งสอนว่าไม่ต้องลอกคนอื่น ให้มาลอกงานเก่าๆของผมเองนี่แหละ สะดวกดี จะไปลอกงานคนอื่นให้เปลืองสมองทำไม เป็นคนที่ต่อต้านเรื่องนี้มาตลอดชีวิต คงไม่มาลอกงานคนอื่นเองให้เปลืองสมองหรอกครับ ประเด็นนี้แค่คิดยังไม่เคยแม้แต่จะคิดเลย

มีหลายครั้งเหมือนกันที่ลอกเอาภาษาสถาปัตยกรรม (architectural vocaburary) บางส่วนของสถาปนิกบางคนที่เราชอบนำมาใช้กับงานบางงานตอนสมัยที่ยังอายุน้อยกว่านี้ ต้องยอมรับว่าทุกคนต้องเคยทำในช่วงที่ภาษาของตัวเองยังไม่แข็งแรง แต่ช่วง 10 ปีหลังในการทำงานนี่ การหยิบยืมภาษาคนอื่นมาใช้น้อยมาก และไม่ได้เกิดขึ้นในโครงการนี้แน่นอนครับ

ถ้างานที่ทำไปแล้วมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำแล้วไปเหมือนงานคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง ก็ต้องเรียนว่าเคารพความเห็นทุกๆท่านครับและถ้ามีอะไรที่ปรับปรุงองค์ประกอบบางอย่างที่ทำให้สบายตาขึ้นและมีอัตตลักษณ์ที่แตกต่างออกไปได้ก็จะทำ เพราะนั่นเป็นความรับผิดชอบโดยตรงทางวิชาชีพครับ ไม่มีปัญหาอะไร เราเป็นมืออาชีพ ต้องรับฟังคำวิจารณ์ได้ แต่การออกมากล่าวหาว่า ‘ลอก’ นี่รุนแรงครับ เป็นการบอกว่าเรา ‘ลงมือ’ ลอกงานคนอื่น ต่างจากการบอกว่างานเราไป ‘เหมือน’ ใครซึ่งเป็นความเห็นมาจากฝั่งคนที่พูดที่ ‘เห็น’ ว่างานเราไปเหมือนใคร ถ้าจะเปรียบเทียบคงเหมือนกับไปกล่าวหาว่าเราไปฆ่าใครตาย จะบอกว่าเราฆ่าใครตายได้ก็ต้องมีการสืบสวนพิสูจน์เป็นขั้นเป็นตอนครับ คนที่จะวินิจฉัยว่างานสถาปัตยกรรมชิ้นนี้จะ สถาปนิกจะ ‘ลอก’ ใครมาได้หรือไม่นั้น พรบ.สถาปนิก และ กฎกระทรวงฉบับที่ 9 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าจะวินิจฉัยได้ก็ต้องเป็นระดับวุฒิสถาปนิกที่มีประสบการณ์เท่านั้น และถ้ามีข้อสงสัยว่าสถาปนิกคนใดอาจลอกงานผู้อื่น หรือแอบอ้างงานผู้อื่นมาเป็นของตน ก็สามารถส่งให้ทางสภาสถาปนิกตรวจสอบการปฏิบัติวิชาชีพของสถาปนิกผู้นั้นได้ตามข้อบังคับจรรยาบรรณ และใครก็ตามจะกล่าวหาว่าสถาปนิกผู้ใดลอกงานผู้ใดได้นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการชี้ขาดมาโดยคณะกรรมการจรรยาบรรณ และกรรมการสภาสถาปนิกรับรองการตัดสินนั้นเท่านั้น

ดังนั้นการที่หลายคนออกมาด่าทอเสียดสีผมว่า ‘ลอก’ งานคนอื่นนั้น จึงไม่ชอบด้วยหลักการทางกฎหมายทั้งปวง ผมเองก็คิดว่าได้อดทนให้สนุกปากกันมาระยะหนึ่งแล้ว น่าจะพอสมควรกับเวลา จากจุดนี้ไปหากใครออกมากล่าวหาผมอีกว่าผม ‘ลอก’ งานใครโดยที่ยังไม่มีการตัดสินชี้ขาด หรือไม่ได้มีการวิเคราะห์อ้างอิงในทางวิชาการโดยวุฒิสถาปนิก และเป็นการกล่าวหากันเลื่อนลอยอย่างสนุกปาก ผมก็จะขออนุญาตดำเนินการตามกฎหมายโดยสมควรต่อไปนะครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 19:00

2.เรื่องงานออกแบบด้วยไม้แล้วจะเป็นอันตรายจากเพลิงไหม้ ไม่ผ่านตามหลักเกณฑ์สากลมาตรฐาน NFPA (National Fire Protection Assiciation) ประเด็นนี้คนที่เปิดประเด็นคือทาง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท) ซึ่งเป็นการออกมาแสดงความเห็นทางวิชาการที่เป็นเท็จโดยการอ้างถึงมาตรฐาน NFPA แต่มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน การใช้ไม้หรือวัสดุใดๆในอาคารสาธารณะสามารถทำได้ตามข้อกำหนดของค่าการลามไฟ (Flame Spread) อยู่ที่ Class B (FSI 26-75) และมีการอ้างอิงจาก NFPA สำหรับการออกแบบงานโครงสร้างไม้ที่สามารถกันการลามไฟได้ในเอกสารของ NFPA อีกหลายฉบับ (ดู link ด้านล่าง) ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าการแสดงความเห็นดังกล่าวของ วสท.นั้น ผู้พูดอาจขาดความรู้ความสามารถในการแสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าว ซึ่งก็น่าประหลาดใจ เพราะว่าไม่ใช่การแสดงความเห็นส่วนตัว เป็นการแสดงความเห็นทางวิชาชีพจาก วสท. ซึ่งควรจะมีการไตร่ตรอง วิเคราะห์สืบค้นข้อมูลตามกระบวนการทางหลักวิชาชีพอย่างถูกต้องจากสมาชิกที่มีอยู่นับแสนคน ก่อนที่จะออกมาให้ความเห็นดังกล่าว ผมคิดว่าประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องทางวิชาชีพที่เราควรจะสร้างมาตรฐานทางวิชาชีพที่ดีขึ้น และไม่ควรจะปล่อยไว้ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ถูกต้อง จึงได้ปรึกษากับที่ปรึกษาทางกฎหมายไปแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมายอยู่ในขณะนี้

3.ประเด็นที่กล่าวหาว่าผมมีส่วนรู้เห็นหรือดำเนินการทุจริตในการประกวดแบบ โดยมีส่วนในการดำเนินการใดๆเกี่ยวกับเอกสารของผู้ที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง จนมีผลให้ขาดคุณสมบัติในการเสนองานโดยมีเพื่อนผมที่เป็นเจ้าหน้าที่ของทอท.มีส่วนช่วยเหลือในการทุจริตนั้น ผมคิดว่าในประเด็นนี้ การตัดสินใจของศาลปกครองที่ไม่ออกคำสั่งคุ้มครองการประกวดแบบ ก็น่าจะเป็นการบอกโดยนัยว่าการกล่าวหานั้นไม่มีมูลมากพอที่จะบอกว่าความผิดนั้นเกิดขึ้นจริงอย่างชัดเจนได้ และจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลต่อไป ดังนั้น ในประเด็นนี้ผมจะขอสงวนการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้จนกว่าการตัดสินของศาลปกครองจะเป็นที่ยุติ และผมคิดว่าเพื่อเป็นการเคารพการดำเนินงานของศาลในคดีที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาแล้วนั้น ทุกท่านที่ออกมาโจมตีผมในเรื่องนี้ ก็ควรจะดำเนินการหยุดกล่าวหาเรื่องนี้โดยปราศจากหลักฐานเช่นกัน มิฉะนั้นเมื่อมีคำตัดสินของศาลออกมาอย่างชัดเจน ผมก็จำเป็นจะต้องดำเนินการทางกฎหมายโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

การกล่าวโทษฟ้องร้องในคดีนี้ แม้จะเป็นคดีหมิ่นประมาทปรกติ แต่ทางที่ปรึกษาทางกฎหมายผมได้พิจารณาแล้วให้ความเห็นว่า เนื่องจากการหมิ่นประมาทในลักษณะนี้ เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงที่ผมมีเป็นทุนเดิม รวมกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ผมอาจไม่ได้รับงานออกแบบชิ้นนี้เนื่องจากการใส่ร้ายโจมตีที่ไม่มีหลักฐานนี้ ความเสียหายที่จะส่งฟ้องจะเป็นตัวเลขอย่างน้อยใกล้เคียงกับมูลค่าค่าแบบของโครงการที่ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ดังนั้น หากมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือสื่อมวลชนใด หรือสื่อออนไลน์ใดๆที่ยังกล่าวหาผมในประเด็นนี้ หรือที่ได้กล่าวหาไปแล้ว ผมก็มีความจำเป็นต้องดำเนินทางทางกฎหมายตามคำแนะนำของที่ปรึกษาทางกฎหมายไปตามขั้นตอนต่อไป

4.ในเรื่องที่มีสถาปนิกอาวุโสบางท่าน ออกมาพูดถึงความไม่ถูกต้องในการดำเนินการของทอท.ด้านผังแม่บทโดยมีการกล่าวอ้างเรื่องผังแม่บทเดิมที่ทำไว้เมื่อ 26 ปีก่อน และกล่าวหาทาง ทอท.ว่าในการดำเนินการจัดประกวดและวางแผนก่อสร้างอาคาร Terminal II นั้น ไม่ได้ทำไปตามผังแม่บทเดิมและจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศต่างๆมากมาย ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ทาง ทอท.จะออกมาชี้แจงเองในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผมเองได้พูดคุยและทำความเข้าใจกับทาง ทอท. เป็นอย่างดีแล้ว ผมคงไม่ออกมาโต้ตอบตรงนั้นในวาระนี้ แต่ผมพิจารณาเรื่องนี้ในทางวิชาชีพแล้ว เห็นว่ามีเรื่องที่ไม่ถูกต้องจากมุมมองของวิชาชีพที่ผมต้องออกมาท้วงติง 2-3 เรื่องด้วยกัน

เรื่องแรก การที่สถาปนิกอาวุโสท่านแรกออกมากล่าวถึงผังแม่บทของโครงการสุวรรณภูมิ ในฐานะผู้ออกแบบนั้น ตามข้อบังคับจรรยาบรรณหมวดที่ 3 ข้อ 16 กำหนดไว้ชัดเจนว่าสถาปนิกท่านใดจะออกมาเปิดเผยรายละเอียดของงานที่ได้มีการรับจ้างจากผู้ว่าจ้างนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบและผู้ว่าจ้างต้องอนุญาตก่อนเสมอ ดังนั้น แม้ว่าการออกมาแสดงความเห็นของท่านจะเป็นความหวังดีต่อประเทศชาติ และเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่ก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคับของวิชาชีพที่กำหนดไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าทาง ทอท.ในฐานะผู้ว่าจ้างและเป็นผู้ได้รับความเสียหาย ควรจะเป็นผู้ทำเรื่องร้องไปที่คณะกรรมการจรรยาบรรณต่อไป

ถ้าสถาปนิกอาวุโสท่านนั้น ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบผังแม่บทดังกล่าว แต่ออกมาแสดงตนให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบงานนั้นๆ ก็จะผิดข้อบังคับจรรยาบรรณ หมวด 2 ข้อ 12 ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องมีผู้เสนอเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการจรรยาบรรณอีกครั้งหนึ่งเพื่อพิสูจน์ความผิดตามข้อบังคับดังกล่าว ซึ่งใครก็ตามที่คิดว่าได้รับความเสียหายจากการกล่าวอ้างนั้น ก็สามารถร้องเรียนไปได้ที่คณะกรรมการจรรยาบรรณทันที
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 19:01

เรื่องที่สอง ในประเด็นเดียวกัน ก็ได้มีสถาปนิกรุ่นพี่ของเราอีกท่านหนึ่ง อ้างว่ามีข้อมูลเรื่องผังแม่บทของโครงการและนำเสนอข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับผังแม่บทรวมทั้งนำเสนอการวิเคราะห์ในแง่มุมต่างๆในเชิงสถาปัตยกรรม เพื่อจะโจมตีการดำเนินงานในการออกแบบก่อสร้างอาคาร Terminal II ว่าไม่เป็นไปตามผังแม่บทเดิม และจะก่อให้เกิดความเสียหายต่างๆมากมาย ตั้งแต่ระดับของการพัฒนาโครงการไปจนถึงระดับชาติ ผมได้พยายามเข้าไปหาข้อมูลจากการออกมากล่าวอ้างของสถาปนิกท่านนี้อย่างละเอียดผ่านหน้า Facebook และในการออกมาบรรยายต่างๆ ก็ไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนว่าท่านไปได้ข้อมูลนี้มาจากที่ใด เชื่อถือได้หรือไม่ เป็นข้อมูลจริงหรือไม่ ซึ่งผู้ที่จะสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องได้ก็น่าจะมีเพียงสถาปนิกผู้ที่ออกแบบผังแม่บท และทาง ทอท. เท่านั้น สิ่งที่พอจะสืบค้นได้ เป็นเพียงเอกสารที่ท่านสถาปนิกท่านนี้อ้างว่า ‘ได้รับมา’ หรือ ‘มีคนส่งมาให้’ โดยที่ระบุแหล่งที่มาไม่ได้ ผมคิดว่าในทางวิชาการแล้วมีความน่าเป็นห่วงมากว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นเชื่อถือได้แค่ไหน เพราะผมได้ลองอ่านสิ่งที่ท่านนำเสนอแล้วนั้น มีความคลาดเคลื่อนจากข้อมูลที่ผมได้รับจากทางทอท.อยู่มากมายหลายประการทีเดียว ทำให้การวิเคราะห์ของท่านในประเด็นต่างๆไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงเลย เช่น จำนวนของการประมาณขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารตามผังแม่บทเดิมที่ 120 ล้านคนต่อปีนั้น ตัวเลขได้ถูกปรับใหม่เป็น 150 ล้านคนต่อปีเมื่อก่อสร้างเต็มผังแม่บท ซึ่งทำให้ข้อเรียกร้องให้ออกมาสร้างอาคารเฉพาะตามผังแม่บทเดิมจึงไม่สมเหตุสมผล เป็นต้น ด้วยเหตุเหล่านี้ ผมจึงคิดว่า เพื่อเป็นการรับผิดชอบในการนำเสนอข้อมูลให้กับสาธารณะในเชิงวิชาการ ท่านสถาปนิกรุ่นพี่ของเราท่านนี้ ควรจะทำให้ชัดเจนถึงแหล่งที่มาของข้อมูลที่เชื่อถือได้ และพูดถึงข้อมูลที่เป็นข้อมูลจริงที่ได้รับจากทอท.เท่านั้น ผมคิดว่าท่านมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินงานของทางทอท.ในทางวิชาการได้ตามกฎหมาย แต่ก็ควรจะกระทำอย่างถูกต้องบนพื้นฐานข้อมูลที่เป็นจริง และกระทำการวิเคราะห์ต่างๆบนองค์ความรู้และด้วยความสามารถที่มีอย่างแท้จริง อย่ามั่ว อย่าเดา อย่าคิดเอาเอง เพราะการกระทำของท่านที่ไม่มีความรับผิดชอบในเชิงวิชาการเช่นนั้น ย่อมทำให้วิชาชีพเสื่อมเสีย และเป็นที่ดูถูกดูแคลนของผู้ที่ทราบซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องที่ท่านออกมาแสดงความเห็นเหล่านั้น

เรื่องรุ่นพี่รุ่นน้อง ผมมีความเคารพครับ แต่นี่เป็นเรื่องหลักการของวิชาชีพ เราต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 19:01

ผมเข้าใจดีครับ ว่าไม่ได้มีคนที่ชอบผมมากนักในสังคมสถาปนิกในประเทศไทย หลายคนหมั่นไส้ และไม่พอใจที่ผมชนะการประกวดแบบครั้งนี้อย่างรุนแรงมาก รวมทั้งอาจเป็นการที่ผมไปทำลายระบบประเพณีอะไรหลายๆอย่าง ที่บริษัทสถาปนิกใหญ่หลายบริษัทมีข้อตกลงร่วมกันมาก่อนหน้านี้ และอาจทำให้บางบริษัทต้องผิดหวังจากสิ่งที่คาดหวัง การออกมาด่าทอ เสียดสี กระทบกระทั่งผมใดๆ ผมเข้าใจปฏิกริยาเหล่านั้นดีครับ และทำความเข้าใจกับมันทุกๆวัน และอดทนให้อภัยได้ แต่ผมคิดว่าเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง เพียงเพื่อจะเอาชนะกันในทางธุรกิจแล้วต้องออกมาทำลายหลักการของจรรยาบรรณทางวิชาชีพ วิชาการ หรือแม้กระทั่งการเข้าไปล้ำเส้นของศีลธรรมและจริยธรรมอันดี จุดนี้มันเริ่มจะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียให้แก่วิชาชีพและสาธารณะจนเลยขอบเขตของเรื่องส่วนบุคคลไปแล้วครับ ผมจึงขอให้รุ่นพี่ทุกๆท่านที่ออกมาขยี้ผมกันอย่างไม่ลืมหูลืมตากันในตอนนี้ ได้กลับมาตระหนักถึงความจริงข้อนึงที่ว่า สุดท้ายพวกเราก็ตายกันหมดทุกคนครับ และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ พวกพี่ๆทุกท่านก็จะตายก่อนผมเกือบหมดทุกคน อย่าทิ้งสังคมวิชาชีพของเราไว้ให้คนรุ่นหลังเราในสภาพนี้เลยครับ ช่วยกันทำให้มันดีที่สุดก่อนที่ท่านจะตายกันดีกว่า หยุดพูดเรื่องเท็จ สาดโคลน ปั้นน้ำเป็นตัว โกหก สร้างความขัดแย้งต่างๆเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ผมเป็นคนตรงไปตรงมาและพวกท่านเองก็คงจะรู้อยู่แก่ใจว่าการประกวดแบบครั้งนี้นั้น ทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างโปร่งใส และการที่ผมชนะก็ชนะอย่างขาวสะอาดบริสุทธิ์ อาจจะสะอาดที่สุดสำหรับงานราชการขนาดใหญ่ตั้งแต่มีวิชาชีพสถาปัตยกรรมในประเทศไทยเสียด้วยซ้ำให้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับวิชาชีพนี้สำหรับคนรุ่นหลังในยุคต่อไปเถอะครับ วิธีที่ท่านทำมาไม่ว่ามันจะถูกหรือผิดอย่างไร มันก็จะตายไปพร้อมกับท่านนั่นแหละ ถึงจุดนี้ท่านต้องอนุญาตให้คนในยุคใหม่เขาได้สร้างวิชาชีพนี้ในวิธีของเขา เลิกควบคุมวิชาชีพนี้ในวิธีที่คำนึงแต่ถึงประโยชน์ตนเสียที มรดกทางวิชาชีพนี้จะได้สืบทอดไปข้างหน้าได้อย่างมีอนาคตครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 19:02

ความเลอะเทอะ เลื่อนลอยในทุกประเด็นเรื่องสนามบินนี่ ผมขอให้จบกันวันนี้นะครับ จากจุดนี้ไปถ้ายังมีการกล่าวหาอะไรกันทางวิชาชีพที่ไม่มูลความจริงอีก ผมจะไม่ละเว้นกันแล้วนะครับ จะตอบโต้กันให้สุดทางละฮะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 19:29

อ่านข้อเขียนคุณดวงฤทธิ์แล้ว มีความคิดเห็นดังนี้
ข้อ 1 ลอกไม่ลอก ขอผ่านไปก่อนค่ะ     
ถ้านาย ก. กล่าวหาว่านาย ข. ลอกผลงานของใครก็ตาม   หน้าที่นาย ก. คือหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่านาย ข.ลอกจริง     ไม่ใช่นาย ข.ต้องวิ่งวุ่นยืนยัน  และหาทางพิสูจน์ว่าตัวเองคิดเองจริงๆนะครับ  ไม่ได้ลอก   
ข้อ 2  เป็นเรื่องระหว่างคุณดวงฤทธิ์กับ สวท.  ต้องพิสูจน์กันเองว่าใครพูดถูก ใครพูดผิด   
ขอผ่านไปอีกข้อ
ข้อ 3  เป็นเรื่องคำสั่งของศาลปกครอง  ไม่ใช่ข้อคิดเห็น  ขอผ่านเช่นกัน
ข้อ 4  ไม่เห็นด้วยกับคุณดวงฤทธิ์  ที่บอกว่า
       " การที่สถาปนิกอาวุโสท่านแรกออกมากล่าวถึงผังแม่บทของโครงการสุวรรณภูมิ ในฐานะผู้ออกแบบนั้น ตามข้อบังคับจรรยาบรรณหมวดที่ 3 ข้อ 16 กำหนดไว้ชัดเจนว่าสถาปนิกท่านใดจะออกมาเปิดเผยรายละเอียดของงานที่ได้มีการรับจ้างจากผู้ว่าจ้างนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบและผู้ว่าจ้างต้องอนุญาตก่อนเสมอ ดังนั้น แม้ว่าการออกมาแสดงความเห็นของท่านจะเป็นความหวังดีต่อประเทศชาติ และเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่ก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคับของวิชาชีพที่กำหนดไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าทาง ทอท.ในฐานะผู้ว่าจ้างและเป็นผู้ได้รับความเสียหาย ควรจะเป็นผู้ทำเรื่องร้องไปที่คณะกรรมการจรรยาบรรณต่อไป"
     ไม่เห็นด้วย    ประโยชน์ของประเทศชาติสำคัญกว่าระเบียบข้อบังคับใดๆที่มีผลต่อปัจเจกบุคคล     
     จรรยาบรรณที่ว่านี้เข้าใจว่าตราขึ้นเพื่อป้องกันมิให้สถาปนิกเปิดเผยงานของผู้อื่นโดยพลการ  อันจะยังผลเสียหายแก่ประโยชน์ของเจ้าของงาน   เช่นสถาปนิกไปเปิดเผยงานของผู้ว่าจ้างให้คู่แข่งรู้   คู่แข่งได้โอกาสปาดหน้าหรือกลั่นแกล้ง  ผู้ว่าจ้างเลยเสียหายไปหลายร้อยล้าน  อย่างนี้ทำไม่ได้ 
     แต่การเปิดเผยที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณะไม่น่าจะเข้าข้ายนี้  ตรงกันข้าม การอมพะนำหรือไม่ยอมเปิดเผยถึงสิ่งที่เสียหายแก่สาธารณะเพราะกลัวผิดจรรยาบรรณนี่สิ   น่าจะผิดมากกว่า



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 15
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.082 วินาที กับ 19 คำสั่ง