ครับ คงเหลือแต่ทรากกองอิฐที่คูณค่าทางศิลปะถูกทำลายไปหมดแล้ว
ไม่มีความรู้เรื่องสถาปัตยกรรมพม่า และไม่ได้สนใจมาก่อนค่ะ สนใจลาวกับเขมรมากกว่าเพราะรู้สึกว่าใกล้ตัวกว่า
แต่ก็ทึ่งเมื่อเห็นสถูปเจดีย์ที่ถ่ายรูปมาให้ชมกัน
พร้อมกับสงสัยในวัฒนธรรมการครอบเจดีย์เก่าโดยสร้างเจดีย์ใหม่ปิดบังไว้สนิท ทั้งๆของเก่าก็ยังงดงามสมบูรณ์ ไม่ได้ชำรุดผุกร่อน เสียจนต้องสร้างอะไรบังไว้ไม่ให้ของเก่าพังทลายลงไป
ถ้าเจดีย์องค์นี้ไม่ถูกพลิกฟื้นขึ้นมาได้ สิ่งก่อสร้างข้างในคงสูญหายไปจากการรับรู้ตลอดกาล
ยังมีอีกกี่สิบเจดีย์ที่เป็นแบบนี้

ผมเชื่อว่าในพม่านั้นยังมีอีกมากที่ใช้วิธีการสร้างพระสถูปขึ้นมาใหม่เพื่อครอบทรากของเดิม เมื่อพระสถูปพังลงหลังเกิดแผ่นดินไหว แทนการขนอิฐไปทิ้ง พม่ามีภัยธรรมชาตินี้รุนแรงกว่าเมืองไทยเยอะ ผมดูในรูปถ่ายในหนังสือพม่าเห็นกองอิฐที่มีพืชปกคลุมแล้วมีเจดีย์ของใหม่เล็กๆไปสร้างขึ้นบนยอดอีกหลายแห่ง เดาว่ารัฐบาลพม่าไม่มีปัญญาที่จะทำอะไร นอกจากทิ้งไว้ก่อนรอเวลาในอนาคต
ไม่ต้องดูตัวอย่างที่ไหน คราวนี้เองเมื่อพี่วิจิตรพาผมไปวัดเยตะพัน (วัดมะเดื่อ) ทางใต้ของเมืองอังวะ ซึ่งตามหลักฐานในคำบอกเล่าของชาวพม่าว่าพระมหาสมณะเจ้าอุทุมพรทรงผนวชประทับอยู่ที่วัดนี้เป็นเวลากว่า ๑๖ ปี ก่อนที่จะทรงย้ายตามพระราชบัญชาไปประทับที่วัดโยเดีย เมื่อกษัตริย์พม่าทรงสร้างอมรปุระเมืองหลวงใหม่
ขณะรอพระนำกุญแจมาเปิดวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไม้มะเดื่อที่กล่าวกันว่าพระองค์ทรงสร้างไว้ ผมเบื่อนั่งรอนานจึงขอตัวออกไปเดินดูเนินมหึมาด้านหลังของวัด เพราะเห็นว่ามีโบราณสถานถูกหมกอยู่ เมื่อเดินประทักษิณาวัตรพลางก็ถ่ายรูปมาด้วย ดังภาพที่เห็นนี้
มันไม่ใช่อะไรเล็กๆเลย พี่วิจิตรบอกว่าเดิมเป็นพระสถูปใหญ่อายุสมัยก่อนหน้าที่พระเจ้าอุทุมพรเสด็จมานานมาก แสดงว่าในอดีตเป็นวัดสำคัญจึงเชิญพระองค์ท่านมาประทับ แต่ทว่าพระสถูปนี้พังมาหลายปีแล้วจากเหตุแผ่นดินไหว และยังไม่มีใครสนใจจะทำอะไรต่อไป
อาจจะเป็นเพราะสถูปส่วนใหญ่ที่พังก็เหลือเฉพาะกองอิฐ ไม่พบโบราณสถานเลอค่าอย่างที่ตาม๊อก ชเวซูจี คนพม่าจึงรู้สึกเฉยๆกับการที่พระสถูปโบราณจะพังลงตามกาล