จากเฟสบุค Thai NavySEAL ครับ แต่ทำไมผมหาต้นฉบับไม่เจอไม่ทราบเหมือนกัน เลยนำมาจากไทยโพสซึ่งเขานำมาลงอีกที
https://www.thaipost.net/main/detail/13627 เรื่องเล่าในถ้ำหลวงจากอดีตซีลของเชฟรอน ภารกิจสุดหินในถ้ำหลวงสวัสดีครับ หลายคนคงจะทราบแล้วว่าเรามีอดีตซีลหรือหน่วยซีลนอกราชการ ที่ปัจจุบันเป็นพนักงานของเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต ไปช่วยปฏิบัติงานสนับสนุนภารกิจดำน้ำในถ้ำหลวงถึ่ง 3 คน วันนี้เมื่อผมได้ข่าวว่าทุกๆ ท่านได้เสร็จจากภารกิจและเดินทางกลับศูนย์เศรษฐพัฒน์ของเชฟรอนที่ จ. สงขลา กันแล้ว ผมจึงติดต่อไปและได้มีโอกาสพูดคุยกับ อาจารย์ สุธน ทะวา หน่วยซีลนอกราชการ ซึ่งปัจจุบันเป็น Security Specialist ประจำที่ฐานปฏิบัติการบนฝั่ง สงขลา ขอให้ท่านแชร์ประสบการณ์ที่ถ้ำหลวงให้ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่าประทับใจ แบบอินไซท์สุดๆ ผมจึงขออนุญาตอาจารย์สุธนนำประสบการณ์ของท่านมาแบ่งปันให้ชาวเพจเอราวัณ 36 ได้ฟังกันบ้าง น่าประทับใจและท้าทายขนาดไหน มาฟังกันครับ
#เล่าเรื่องขวดอากาศ (หรือที่คนทั่วไปเรียกถังออกซิเจน แต่จริงๆ คือถังบรรจุอากาศเพื่อหายใจขณะดำน้ำ) ให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ ที่กลายเป็นข่าวไปทั่ว social media นี่ เชฟรอนเข้าไปช่วยได้ยังไงครับ
ตอนนั้นน่าจะประมาณวันที่ 30 มิถุนายนครับ ทาง ผ.บ. หน่วยซีลแจ้งมาเลยครับ แจ้งมาทางอาจารย์พุก (คุณดุลยพินิจ ภู่อยู่) ว่าขวดอากาศไม่พอ จะขอสนับสนุนจากทางเชฟรอนได้ไหม เพราะต้องใช้อีกถึง 200 ขวด ผมเลยคุยกับทางแผนกจัดซื้อฯ ตอนทุ่มนึงว่าจะหาขวดอากาศให้เขาได้ยังไง ตอนแรกเราดูว่าจะเช่าได้ไหม แต่ไม่มีที่ไหนให้เช่าเลย เพราะต้องเอาไปทำงานหนัก พวกเขากลัวขวดพัง เราจึงกลับมาตรงทางเลือกว่าซื้อ และติดต่อไปทางคุณกิตติพงศ์ ที่เป็น Bangkok Incident Commander หรือหัวหน้าหน่วยบัญชาการภารกิจนี้ที่กรุงเทพฯ โดยให้ทางแผนกจัดซื้อฯ ประเมินราคาของมาประมาณเกือบ 2 ล้าน โดยถามคุณกิตติพงศ์ว่าเราจะซื้อได้ไหม รอแค่ 10 นาทีเท่านั้นครับ ก็ได้รับแจ้งมาว่าผู้บริหารอนุมัติแล้วตามที่ร้องขอ ไม่มีปัญหาอะไรเลย ผมจึงส่งข้อความไปบอกทางหน่วยซีลว่าทางเชฟรอนอนุมัติแล้ว พวกเขาก็ร้อง เย้.. ดีใจกันใหญ่เลยครับ
เรายังส่ง backpack ไปให้ด้วยครับ (เป้สะพายหลังที่ใช้ใส่ขวดอากาศ) แต่เราหาทั้งประเทศไทยมีแค่ 64 อัน ทางเชฟรอนก็เหมาส่งไปให้ทั้งหมดเลยครับ เราหาทุกอย่างเท่าที่เราหาได้ในประเทศไทยเพื่อไปสนับสนุนงานนี้
#อาจารย์สุธนตามไปสมทบที่หน้าถ้ำได้ยังไงครับ
จริงๆ แล้วผมบอกอาจารย์มิ่ง (คุณมัจฉริยะ ครไชยศรี) กับอาจารย์พุกว่าผมขอเป็นฝ่ายสนับสนุนกองหลัง จะได้เป็นฝ่ายประสานงานหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆให้ เพราะกลัวไปที่หน้างานกันหมดแล้วการติดต่อสื่อสารจะไม่สะดวก พอเหตุการณ์ผ่านไปสักพักจึงคิดว่าอุปกรณ์ของเราน่าจะครบถ้วนแล้ว ผมจึงขอตามไปสมทบในพื้นที่ โดยผมได้เอา Gas Detector 5 เครื่อง (สามารถวัดระดับอ๊อกซิเจนในอากาศได้) จากศูนย์เศรษฐพัฒน์ไปด้วย เพราะทางทีมช่วยเหลือร้องขอมา เมื่อออกจากสนามบิน ผมตรงไปที่ถ้ำเลย ผมได้บรีฟเรื่องการใช้เครื่องวัดออกซิเจนในถ้ำ และข้อจำกัดเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ให้ทีมดำน้ำฟัง โดยที่เราได้ยินข่าวที่ออกมาว่าออกซิเจนภายในถ้ำลดระดับลง ก็เป็นผลมาจากเครื่อง gas detector ที่ทางเรานำไปมอบให้ครับ
#เล่าเรื่องภารกิจในการดำน้ำหน่อยได้ไหมครับ
ช่วงประมาณวันที่ 7 กรกฏา ก่อนน้องๆ หมูป่าออกจากถ้ำ ผมได้ร่วมภารกิจดำน้ำเพื่อนำอาหารและขวดอากาศเข้าไปด้านในโถง 3 การดำน้ำเข้าโถง 3 ทำงานค่อนข้างลำบาก มือขวาสาวเชือก มือซ้ายลากขวดอากาศ มุดลอดช่องหินขึ้นไปส่งของด้านในครับ ก็ได้สัมผัสประสบการณ์ตรงเลยว่ากระแสน้ำแรงมาก และต้องดำทวนน้ำตลอด จริงๆ ก่อนหน้านั้นก็มีคนมาอธิบายก่อนว่าดำน้ำไปจะเจออะไรบ้าง ต้องระวังเชือกพันคอ สายโทรศัพท์ ฯลฯ ทัศนวิสัยไม่เห็นอะไรเลยครับ เหมือนหลับตาดำน้ำ แล้วในถ้ำก็เป็นเนินชันๆ ค่อนข้างอันตราย ความน่ากลัวอีกอย่างคือ เมื่อพักเครื่องปั๊มน้ำ (จะพัก 20 นาที ทุกชั่วโมง) แค่ 10 นาที ระดับน้ำจะสูงขึ้นถึง 20 เซ็น น้ำขึ้นไวมากๆ ต้องเตือนกันล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ตกใจ
#เห็นว่ามีส่วนร่วมในการนำเด็กๆและโค้ชออกมาจากถ้ำด้วยหรอครับ
ใช่ครับ วันแรกที่นำเด็กออกมาได้เป็นวันอาทิตย์ เราแบ่งเป็นทีมละ 5 ทีม เพื่อรับเด็กจากโถงสาม ผ่านโถงสองไปที่ปากถ้ำ แต่ละทีมมีจำนวนคนน้อยมากแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ระยะทางและลักษณะเส้นทางแคบกว้าง หน้าที่ของพวกเราคือ รับเด็กที่อยู่ในเปลสนามจากโถง 3 แล้วลำเลียงต่อกันมาเรื่อยๆกระทั่งถึงปากถ้ำด้วยความปลอดภัย โดยผมเป็นหัวหน้าทีมชุดที่ 5 พื้นที่ที่รับผิดชอบคือพื้นที่สุดท้ายก่อนออกจากถ้ำ เพื่อนร่วมทีมวันแรกมี 10 คน วันที่สองเพิ่มเป็น 12 คน วันที่สาม ขอเพิ่มเป็น 18 คน เพราะยิ่งทำยิ่งรู้ว่ามีความเสี่ยงสูงหากใช้คนน้อยๆ เราทำงานร่วมกันกับทหารบก ซีลประจำการ และซีลนอกราชการครับ ตอนนั้นต้องระวังมากๆ เพราะเส้นทางในการนำพาน้องๆ มาปากถ้ำค่อนข้างอันตรายมีทั้งทางดิ่ง มีเนินขึ้นเนินลงที่ชันมาก ทางแคบ และลื่น ก่อนเคลื่อนย้ายจากจุดรับส่งทุกจุด จะมีแพทย์ พยาบาลประจำการแต่ละจุดคอยวัดชีพจรและค่าออกซิเจนของเด็ก รวมทั้งระหว่างการเคลื่อนย้ายจะมีเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล ทั้งไทยและต่างประเทศคอยประกบตลอดเวลา เพื่อสังเกตุอาการเพื่อให้แน่ใจว่าสภาพร่างกายของเด็กๆ โอเคอยู่ เป็นงานที่ค่อนข้างกดดัน เราจะพลาดไม่ได้แม้แต่น้อยครับ เพราะทุกวินาทีมีชีวิตของน้องๆ ทีมหมูป่าเป็นเดิมพัน
#สุดท้ายนี้มีความประทับใจอะไรเกี่ยวกับภารกิจนี้บ้างครับ
ผมว่าทุกคนภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในภารกิจนี้ครับ สำหรับผมก็เป็นโอกาสที่มีไม่บ่อยนัก ที่จะได้กลับไปร่วมงานกับหน่วยซีลที่ผมเคยสังกัดอยู่ สิ่งที่ประทับใจคือทางผู้บริหารเชฟรอนให้การสนับสนุนและตอบสนองอย่างรวดเร็วมากๆ ทีมสนับสนุนจากกรุงเทพฯ ก็ทำงานกันเต็มที่ พนักงานทั้งบริษัทฯ ก็ส่งกำลังใจมาให้อย่างท่วมท้น ส่วนตัวผมตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยเห็นความร่วมมือกันที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทุกๆ คนต่างเป็นจิ๊กซอว์สู่ความสำเร็จ ตลอดภารกิจก็พบเจอแต่ผู้คนที่มีน้ำใจ หลายๆโรงแรมพอรู้ว่ามาช่วยทำภารกิจนี้ก็จะไม่คิดเงิน เสื้อผ้าก็มีคนรับซักให้ฟรี หรือแม้แต้ร้านอาหารที่แม่สาย ถ้าใครมาช่วยงานนี่ก็ทานฟรีแทบทุกร้านครับ!!
-------------------------------------------------------------------
ส่วนอันนี้จากเพจ Erawan36 ครับ
https://web.facebook.com/Erawan36/?hc_ref=ARTx3TfT4ifraQViReb2QvxFJsWJEwG4pgmUMPZNH6XdAgnFY0TCWjx3OEogZkJqZRM&fref=nf&_rdc=1&_rdrถอดบทเรียนปฏิบัติการด้านวิศวกรรมช่วย13ชีวิตหมูป่าเมื่อวานนี้ ผมได้มีโอกาสไปร่วมรับฟังการเสวนา “ถอดบทเรียนปฏิบัติการทางวิศวกรรมช่วย 13 หมูป่า…กู้ภัย ระดับโลก“ ซึ่งจัดขึ้นที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย หลังจากที่หลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชน จากหลายสาขาวิชาชีพ ได้ระดมทุกสรรพกำลังลงไปช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ประสบภัยติดอยู่ในถ้ำหลวง ให้กลับออกมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด
งานเสวนาครั้งนี้ได้รับความสนใจจากพี่ๆ สื่อมวลชนจำนวนมาก โดยในช่วงเช้า เป็นการพูดคุยกันในภาพกว้างเกี่ยวกับการควบคุมและจัดการปฏิบัติการช่วยชีวิตน้องๆ 13 หมูป่า และ งานสำรวจจัดทำแผนที่ภูมิประเทศ ส่วนในช่วงบ่าย เป็นการถอดบทเรียนในเรื่องของ งานเจาะถ้ำ สำรวจธรณีวิทยา และการสูบน้ำออกจากถ้ำ รวมทั้งการแนะนำทีมวิศวกรอาสาและผู้ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจ โดยงานนี้มีพี่ๆ นักธรณีวิทยาและวิศวกรจากทางเชฟรอน ที่เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น เข้ามาร่วมรับฟังด้วยครับ
แง่มุมน่าปลาบปลื้มใจที่ผมได้ฟังจากวิทยากรบนเวทีนั้น คือ ท่านจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาร่วมภารกิจครั้งนี้ โดยในส่วนของเชฟรอน ท่านกล่าวว่าประทับใจในเรื่องความรวดเร็วในการจัดหาอุปกรณ์ และอาจารย์ สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการวิศวกรรมปฐพี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ได้สรุปเอาไว้ว่า ภารกิจนี้ถือเป็นงานที่สามารถร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย ทั้งผู้เชี่ยวชาญ และเครื่องมืออุปกรณ์ทางด้านธรณีวิทยา อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยแต่ละบริษัทถึงแม้ในทางธุรกิจอาจจะเป็นคู่แข่งขันกัน แต่เมื่อมาถึงหน้างานที่ต้องปฏิบัติภารกิจ ทุกคนก็กลายเป็นทีมเดียวกัน เอาโจทย์ปัญหาเป็นตัวตั้งและร่วมมือช่วยกันแก้ไขอย่างสุดกำลัง
ในการถอดบทเรียนงานส่วนของการสูบน้ำออกจากถ้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่มีส่วนสำคัญในการช่วยพี่ๆ หน่วยซีลให้พาน้อง13 หมูป่าออกมาได้สำเร็จ และทางเชฟรอนได้จัดส่งทั้งนักธรณีวิทยาและวิศวกรพร้อมทั้งอุปกรณ์เข้าไปช่วยตามที่ภาคสนามมีความต้องการมาตั้งแต่ต้นนั้น ฟังแล้วก็มีความเข้าใจมากขึ้นว่า นอกจากจะต้องมีเครื่องสูบน้ำที่มีกำลังแรงที่เพียงพอแล้ว ยังต้องมีส่วนของการช่วยเบี่ยงทางน้ำที่จะไหลเข้ามาที่ถ้ำด้วย
งานนี้ ดร.กัมปนาท ขวัญศิริกุล นักธรณีวิทยาซึ่งทำงานอยู่ที่กรมชลประทาน ที่รับผิดชอบงานเบี่ยงทางน้ำ บอกว่า เมื่อมีการสำรวจพบว่า มวลน้ำบริเวณดอยผาหมี เป็นจุดสำคัญที่ทำให้น้ำไหลลงไปเติมในถ้ำอยู่ตลอดเวลา จึงต้องมีการทำฝายเพื่อเบี่ยงทางน้ำ คำนวณดูแล้วต้องใช้ท่อที่มีความยาวถึง 2,400 เมตร ไม่รู้จะไปจัดหาจากไหนให้ทันเวลา ก็โทรหาน้องที่บริษัทแห่งหนึ่งได้ท่อมารวมกันได้ขนาดความยาว 400 เมตร ยังขาดอีก 2,000 เมตร จึงโทรหาน้องอีกคนที่เชฟรอน ก็ต้องถือเป็นความโชคดีที่ทางเชฟรอน มีท่อรวมกันขนาดความยาว 2,000 เมตรพอดี และรีบช่วยกันจัดส่งมาที่หน้างานทันที นำลำเลียงขึ้นไปทำฝายบนดอยผาหมี จนสามารถเบี่ยงทางน้ำได้สำเร็จ และยิ่งดีใจมากเมื่อประสานกับส่วนงานสูบน้ำภายในถ้ำ แล้วรู้ว่าการเบี่ยงทางน้ำบนดอยผาหมีนั้นมีส่วนช่วยลดระดับน้ำภายในถ้ำลงได้จริง
นั่งฟังเสวนาถอดบทเรียนที่ถ้ำหลวงก็ต้องขอขอบคุณพี่ๆ ทุกๆ คนที่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้จนสำเร็จ แม้ว่าจะพบปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน แต่ทุกคนก็ไม่ย่อท้อ ต่างทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ จนทำให้ภารกิจที่เหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้จบลงด้วยความสำเร็จครับ