เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 19 20 [21] 22 23 ... 26
  พิมพ์  
อ่าน: 48412 Dramatic license กับ ข้อเท็จจริง ใน บุพเพสันนิวาส
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 300  เมื่อ 15 เม.ย. 18, 07:30

จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งในความรัก แต่สำหรับเรื่องการเมืองคงต้องมีเรื่องฆ่าฟันกันต่อไปอีกหลายยก   ขยิบตา

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 301  เมื่อ 15 เม.ย. 18, 08:30

จับฟอลคอน ต่างกันบ้างในรายชื่อผู้ร่วมทำการ แต่ตรงกันในรายชื่อผู้บงการ  ยิงฟันยิ้ม

พันท้ายนรสิงห์ นาทีที่ ๗.๒๐ - ๘.๕๐




ศรีอโยธยา นาทีที่ ๕.๐๐ - ๖.๐๐




บุพเพสันนิวาส ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงนาทีที่ ๖.๑๘

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 302  เมื่อ 15 เม.ย. 18, 10:30

ส่วนมองซิเออร์ คอนสตันซ์ ยังไม่ทราบหนเหนือหนใต้ว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น และพฤติการณ์ทางในพระราชสำนักจะเป็นไปอย่างไรก็ไม่ทราบเสียเลย มัวแต่จะรีบเข้าไปในพระราชวังด้วยอาการอันเร่งร้อน พร้อมด้วยหมู่มิตรสหายซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสเป็นอันมาก ในจำนวนชาวฝรั่งพวกนี้ มีที่เป็นนายทหารผู้มีชื่อเสียงอยู่ด้วย คือมองซิเออร์ เดอบัวชอง มองซิเออร์ เดอเฟรตะวิล มองซิเออร์ เดอร์ฟูร์บัง มองซิเออร์ วังดรีย์ กับมองซิเออร์ เดอลุยซ์ และก่อนที่คอนสตันซ์จะย่างเข้าในบริเวณพระราชวังนั้น คอนสตันซ์ได้ไปแจ้งความจำนงแก่เจ้าหน้าที่ซึ่งรักษาการรอบนอกพระราชสำนักแล้วว่า จะไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน แต่เข้าไปยังมิทันจะล่วงล้ำพระทวาร ก็ถูกจับพร้อมกับนายทหารฝรั่งเศสเหล่านั้นทั้งหมด พวกที่ถูกจับเหล่านี้ ต้องถูกส่งตัวไปคุมขังรวมกันไว้ในห้องแห่งหนึ่งภายในพระราชวัง

ครั้นวันรุ่งขึ้น ออกพระเพทราชาจึงให้เบิกตัวคอนสตันซ์เข้าไปพบ และสั่งให้นำความกลับไปบอกนายทหารฝรั่งเศสนั้นว่า ออกพระเพทราชามิได้มุ่งหมายที่จะจับกุมมาคุมขังอย่างนักโทษ ที่ต้องทำไปก็เพราะได้ทราบว่ามีผู้ประพฤติผิดคิดมิชอบ กำลังจะก่อการกบฏประทุษร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดิน ในระหว่างนี้ยังสืบสวนไม่ได้ความแน่ชัดว่า ใครเป็นผู้มีมลทินเกี่ยวข้องในการนี้บ้าง จึงจำเป็นต้องควบคุมตัวคนสำคัญ ๆ ไว้เสียก่อน จนกว่าจะสืบสวนได้ความปรากฏชัดเจนต่อไป

"ส่วนตัวท่านมองซิเออร์ คอนสตันซ์"

ออกพระเพทราชาพูดอย่างเฉียบขาด

"ฉันขอกำชับว่า ท่านต้องนำความตามถ้อยคำที่ฉันพูดนี้ ไปแจ้งให้นายทหารฝรั่งเศสเหล่านั้นฟังให้ถูกต้อง จะต่อเติมเสริมสอดอย่างไรอีกไม่ได้เป็นอันขาด และขอบอกให้รู้ตัวเสียด้วยว่า เวลาที่ท่านพูดจากันนั้น ฉันคงจะให้ผู้หนึ่งผู้ใดไปคอยสอดส่องด้อมฟังอยู่ด้วยเป็นแน่"

การที่ออกพระเพทราชาให้มองซิเออร์ คอนตันซ์ เข้าไปพบปะเยี่ยมเยียนชาวฝรั่งเศสพวกนี้ เป็นอุบายที่จะไม่ให้ชาวฝรั่งเศสแค้นเคืองและคิดการต่อสู้ป้องกันตัว ส่วนมองซิเออร์ คอนสตันซ์ เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้นแล้ว ก็นำความไปแจ้งแก่ชาวฝรั่งเศสตามคำสั่งของออกพระเพทราชาทุกประการ

สมัยนั้นพระเจ้ากรุงศรีอยุธยามีกองทหารรักษาพระองค์หลายกองด้วยกัน แต่กองหนึ่งเป็นชาวยุโรปที่ไปจากประเทศต่าง ๆ ล้วน และโดยมากเป็นชนชาติฝรั่งเศส ทหารกองหนึ่ง ๆ มีจำนวนพล ๑๕๐ คน มีนายทหารฝรั่งเศสเป็นผู้บังคับบัญชา กองหทารเหล่านี้ประจำอยู่ที่ทะเลชุบศรใกล้ ๆ กับเมืองละโว้ และที่ทะเลชุบศรนี้ พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาได้ทรงสร้างพระที่นั่งไว้องค์หนึ่ง เพื่อเป็นที่ประทับทรงพระสำราญพระราชอิริยาบถ ฉะนั้นออกพระเพทราชาจึงได้จัดส่งกองทัพมีไพร่พลจำนวนมาก ไปตั้งค่าย คอยที่อยู่ที่ตำบลนั้น เพื่อเมื่อสบโอกาสจะได้ทำการทันท่วงที อยู่มาอีก ๒ วัน ออกพระเพทราชาก็ให้ทหารกองหนึ่งคุมตัวนายทหารฝรั่งเศสที่คุมขังในเมืองละโว้กับมองซิเออร์ คอนสตันซ์ มากักขังไว้ที่นี่ด้วย

ต่อจากนี้ ออกพระเพทราชาก็ให้เบิกตัวมองซิเออร์ คอนสตันซ์ ออกมาหา และกล่าวบริภาษด้วยถ้อยคำอันหยาบช้าสามานย์ว่า มองซิเออร์ คอนสตันซ์ เป็นผู้คิดทรยศกบฏต่อพระมหากษัตริย์และรัฐบาลสยาม แล้วก็สั่งให้ทำทารุณกรรมด้วยประการต่าง ๆ ตามวิธีเคยทำกันมา และซ้ำยังแสนสาหัสกว่านั้นด้วย เพื่อเป็นการขู่บังคับให้คอนสตันซ์ยอมระบุชื่อผู้ที่สมรู้เป็นใจ ช่วยเหลือดำเนินอุบายอันทุจริต คิดจะให้พระมหากษัตริย์นิยมนับถือศาสนาคริสตัง และจะให้กรุงสยามตกอยู่ใต้อำนาจของฝรั่งเศส แต่เมื่อได้เพียรทรมานอยู่หลายชั่วนาฬิกาแล้ว จึงให้นำตัวพระราชบุตรบุญธรรมออกมาตัดพระเศียร แล้วก็เอาเชือกร้อยพระเศียรผูกห้อยคอมองซิเออร์ คอนสตันซ์ ไว้ ราวกับผูกผ้าพันคอแบบยุโรป

ออกพระเพทราชาเริ่มทำทารุณกรรมแก่มองซิเออร์ คอนสตันซ์ มาตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม รุ่งขึ้นวันที่ ๒๙ และ ๓๐ คอนสตันซ์ยังต้องถูกทรมานเช่นนั้นอีก นับว่าเป็นการทรมานอย่างทารุณร้ายกาจซึ่งสุดแล้วแต่จะนึกทำเอา ส่วนพระเศียรพระราชบุตรบุญธรรมก็ยังคงให้ผูกแขวนคออยู่ตลอดวันตลอดคืน มองซิเออร์ คอนสตันซ์ ต้องถูกทรมานอย่างแสนสาหัสอยู่ด้วยอาการเช่นเดียวกันจนวันที่ ๔ มิถุนายน จึงถึงแก่ความตายด้วยความทุกข์ทรมานนั้น


จากประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘๑ จดหมายเหตุเรื่องการจลาจลเมื่อปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลวงจินดาสหกิจ (ละม้าย ธนะศิริ) แปลจากเรื่อง A European Version of the revolution in Siam at the end of the reign of King Phra Narayana, 1688 A.D.

https://th.wikisource.org/wiki/จดหมายเหตุเรื่องการจลาจลเมื่อปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

เรื่องราวในจดหมายเหตุ ทารุณโหดร้ายเสียยิ่งกว่าปรากฏในละคร  ตกใจ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 303  เมื่อ 15 เม.ย. 18, 13:30

เวลาผ่านไป ๓๒๖ ปี (พ.ศ. ๒๒๓๑ - พ.ศ. ๒๕๕๗)

ข่าวจาก ไทยรัฐ

กรมศิลปากร ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณในพื้นที่เอกชนลพบุรี คาดสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สันนิษฐานเป็น"พระปีย์" และ "เจ้าพระยาวิชาเยนทร์" ที่ถูกสังหาร ในครั้งที่พระเพทราชาก่อกบฏ เมื่อปลายรัชสมัยช่วงปี พ.ศ. ๒๒๓๑

เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. วันที่ ๘ ต.ค. ๒๕๕๗ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายแมน แสงอิ่ม อายุ  ๕๒ ปี ชาวบ้านที่อยู่บริเวณซอยพญาอนุชิต ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ว่า เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้มาทำการขุดสำรวจพื้นที่บริเวณพื้นที่เอกชน ตรงข้ามวัดสันเปาโล ซึ่งเป็นโบราณสถานสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่สร้างโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศส จึงเดินทางไปตรวจสอบ

จากการตรวจสอบ พบฐานอิฐและโครงกระดูกมนุษย์ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเอกชนที่ขายต่อกันมา มีเนื้อที่ประมาณ ๒ งาน เจ้าหน้าที่กรมศิลปกรที่ ๔ โดยนายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปกรที่  ๔ ทำการขุดสำรวจ เมื่อประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และทำการขุดพบซากฐานอิฐ โดยสันนิษฐานว่า เป็นฐานโบสถ์คริสเตียน นอกจากนี้แล้ว เมื่อขุดลงไปประมาณ  ๑.๕๐ เมตร ก็พบโครงกระดูกมนุษย์ ที่ไม่มีกะโหลกศีรษะ และจากโครงกระดูกที่พบมีร่องรอยกระดูกหน้าแข้งหัก และโครงกระดูกจะเป็นมนุษย์ ที่มีความสูงไม่เกิน ๑๔๐ เซนติเมตร รอบ ๆ จะมีหม้อดิน ถ้วยชาม และที่นิ้วมือมีแหวนที่ทำจากหิน และอีก ๑ โครงกระดูกอยู่ห่างกันประมาณ ๕ เมตร ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน แต่โครงกระดูกนี้จะเป็นมนุษย์สูงใหญ่ อายุของโครงกระดูกทั้ง ๒ น่าจะมีอายุราว  ๓๐๐ กว่าปี

นายจารึก กล่าวว่า จากการตรวจสอบตามพงศาวดาร มีความเป็นไปได้ว่า โครงกระดูกที่พบ โครงแรกที่เป็นมนุษย์มีความสูงไม่เกิน  ๑๔๐ เซนติเมตร สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระปีย์ ซึ่งเป็นโอรสบุญธรรมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ถูกผลักตกจากที่สูง และถูกประหารโดยการตัดศีรษะ โดยสมเด็จพระนารายณ์ทรงเรียกว่า "ไอ้เตี้ย" และอีกโครงกระดูก น่าจะเป็น เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน ที่ถูกตีด้วยท่อนจันทร์ บริเวณประตูวังนารายณ์ และประหารด้วยการตัดศีรษะ ซึ่งในสมัยนั้นประมาณปี  ๒๒๓๑ ที่พระเพทราชก่อกบฏ ทำให้มีการประหารชีวิต ข้าราชการชั้นสูง รวมทั้งมีนโยบายต่อต้านชาวต่างชาติ และที่โบสถ์แห่งนี้ก็เป็นของผรั่งเศส ผู้ที่ถูกประหารทั้ง ๒ คน เป็นเจ้านายระดับสูง จึงมีการนำศพมาฝังไว้ในโบสถ์ดังกล่าว รวมทั้งพระปีย์ก็ได้เข้ารีตเป็นคริสเตียนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การขุดค้นพบโครงกระดูกในครั้งนี้ก็นับว่า มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ที่พระราชทานพื้นที่ตรงที่พบโครงกระดูกให้ทำการก่อสร้างวัดในคริสต์ศาสนาของฝรั่งเศส และหอดูดาวอีกด้วย


มีคำถามจากคุณนวรัตนถึงกรมศิลปากร

ข้อมูลตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ถูกนำไปประหารชีวิตที่วัดซาก (ทราก) ใกล้ทะเลชุบศร เนื่องจากไม่ได้เป็นเจ้า จึงไม่ได้โดนทุบด้วยท่อนจันทน์ดังว่า แต่คงโดนทรมานทรกรรมเพียบก่อนตายตามสำนวนที่ฝรั่งเขียน  ส่วนพระปีย์ถูกผลักตกจากระเบียงพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ในคืนวันที่สมเด็จพระนารายน์สวรรคต แม้มีระบุว่าถูกนำไปประหารที่วัดโคก แต่ประวัติศาสตร์บางสำนวนกล่าวว่าพอถูกผลักจากระเบียงพระปีย์ก็ร้องว่าทูลกระหม่อมแก้วช่วยด้วย ครั้นถึงไปถึงพื้นก็โดนฆ่าปิดปากเสียในบัดดลนั้นเอง

มีข้อสันนิษฐานอีกว่า ทั้งสองร่างได้ถูกผู้จงรักภักดีลอบขุดมาฝังที่โบสถ์คริสต์ อันเป็นที่พบโครงกระดูกทั้งสองร่างดังกล่าว ถ้างั้นก็มีคำถามจากผมอีกว่า เวลาที่ผ่านมาตั้ง ๓ ปีนี้ กรมศิลปากรได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ใดบ้างไหม อย่างน้อยก็เพื่อยืนยันว่า โครงที่บอกว่าร่างใหญ่นั้นเป็นกระดูกของชาวยุโรป ส่วนร่างเล็ก มีสภาพพิการ และเป็นกระดูกคนไทย

รอคำตอบอยู่ด้วยใจระทึก  ยิ้มเท่ห์


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 304  เมื่อ 15 เม.ย. 18, 17:00


ไม่ใช่ฟอลคอนแน่นอนครับ
โดนโหดกว่านั้นเยอะ


บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 305  เมื่อ 15 เม.ย. 18, 17:15

ฟันธงแล้ว! โครงกระดูกไร้หัวที่ลพบุรี ไม่ใช่พระปีย์-ฟอลคอน ที่แท้ ‘มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์’ นักโบราณฯเชื่อหัวขาดตอนขุดดินสร้างวัด

https://www.matichon.co.th/news/900097
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 306  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 17:30

สมัยเรียน  จำได้ว่าชื่อเดิมของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ไม่ใช่คอนสแตนติน ฟอลคอนอย่างที่เรียกในละคร  แต่เป็นคอนสแตนติน  เยรากี สะกดภาษากรีกว่า Κωνσταντίνος Γεράκης   คือเยรากีหรือเชรากี เป็นเหยี่ยวชนิดหนึ่ง พอมาแปลเป็นอังกฤษ ก็ตรงกับ Falcon
แต่เหตุการณ์การเมืองสมัยสมเด็จพระนารายณ์  อังกฤษไม่ได้เข้ามายุ่งด้วย  มีแต่ฝรั่งเศส   จึงสงสัยว่าเยรากีกลายเป็นฟอลคอนตั้งแต่ตอนไหน  ภาษาอังกฤษสะกดนามสกุลเขาว่า  Phaulkon  ไม่ใช่ Falcon
ส่วนท่านผู้หญิงวิชเยนทร์ มีเชื้อสายผสมกันระหว่างญี่ปุ่น โปรตุเกสและเบงกอล  ชื่อเต็มของเธอคือ Maria Guyomar de Pinha

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 307  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 18:03

เวลาผ่านไป ๓๒๖ ปี (พ.ศ. ๒๒๓๑ - พ.ศ. ๒๕๕๗)

ข่าวจาก ไทยรัฐ

กรมศิลปากร ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณในพื้นที่เอกชนลพบุรี คาดสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สันนิษฐานเป็น"พระปีย์" และ "เจ้าพระยาวิชาเยนทร์" ที่ถูกสังหาร ในครั้งที่พระเพทราชาก่อกบฏ เมื่อปลายรัชสมัยช่วงปี พ.ศ. ๒๒๓๑

เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. วันที่ ๘ ต.ค. ๒๕๕๗ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายแมน แสงอิ่ม อายุ  ๕๒ ปี ชาวบ้านที่อยู่บริเวณซอยพญาอนุชิต ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ว่า เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้มาทำการขุดสำรวจพื้นที่บริเวณพื้นที่เอกชน ตรงข้ามวัดสันเปาโล ซึ่งเป็นโบราณสถานสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่สร้างโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศส จึงเดินทางไปตรวจสอบ

จากการตรวจสอบ พบฐานอิฐและโครงกระดูกมนุษย์ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเอกชนที่ขายต่อกันมา มีเนื้อที่ประมาณ ๒ งาน เจ้าหน้าที่กรมศิลปกรที่ ๔ โดยนายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปกรที่  ๔ ทำการขุดสำรวจ เมื่อประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และทำการขุดพบซากฐานอิฐ โดยสันนิษฐานว่า เป็นฐานโบสถ์คริสเตียน นอกจากนี้แล้ว เมื่อขุดลงไปประมาณ  ๑.๕๐ เมตร ก็พบโครงกระดูกมนุษย์ ที่ไม่มีกะโหลกศีรษะ และจากโครงกระดูกที่พบมีร่องรอยกระดูกหน้าแข้งหัก และโครงกระดูกจะเป็นมนุษย์ ที่มีความสูงไม่เกิน ๑๔๐ เซนติเมตร รอบ ๆ จะมีหม้อดิน ถ้วยชาม และที่นิ้วมือมีแหวนที่ทำจากหิน และอีก ๑ โครงกระดูกอยู่ห่างกันประมาณ ๕ เมตร ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน แต่โครงกระดูกนี้จะเป็นมนุษย์สูงใหญ่ อายุของโครงกระดูกทั้ง ๒ น่าจะมีอายุราว  ๓๐๐ กว่าปี

นายจารึก กล่าวว่า จากการตรวจสอบตามพงศาวดาร มีความเป็นไปได้ว่า โครงกระดูกที่พบ โครงแรกที่เป็นมนุษย์มีความสูงไม่เกิน  ๑๔๐ เซนติเมตร สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระปีย์ ซึ่งเป็นโอรสบุญธรรมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ถูกผลักตกจากที่สูง และถูกประหารโดยการตัดศีรษะ โดยสมเด็จพระนารายณ์ทรงเรียกว่า "ไอ้เตี้ย" และอีกโครงกระดูก น่าจะเป็น เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน ที่ถูกตีด้วยท่อนจันทร์ บริเวณประตูวังนารายณ์ และประหารด้วยการตัดศีรษะ ซึ่งในสมัยนั้นประมาณปี  ๒๒๓๑ ที่พระเพทราชก่อกบฏ ทำให้มีการประหารชีวิต ข้าราชการชั้นสูง รวมทั้งมีนโยบายต่อต้านชาวต่างชาติ และที่โบสถ์แห่งนี้ก็เป็นของผรั่งเศส ผู้ที่ถูกประหารทั้ง ๒ คน เป็นเจ้านายระดับสูง จึงมีการนำศพมาฝังไว้ในโบสถ์ดังกล่าว รวมทั้งพระปีย์ก็ได้เข้ารีตเป็นคริสเตียนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การขุดค้นพบโครงกระดูกในครั้งนี้ก็นับว่า มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ที่พระราชทานพื้นที่ตรงที่พบโครงกระดูกให้ทำการก่อสร้างวัดในคริสต์ศาสนาของฝรั่งเศส และหอดูดาวอีกด้วย


มีคำถามจากคุณนวรัตนถึงกรมศิลปากร

ข้อมูลตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ถูกนำไปประหารชีวิตที่วัดซาก (ทราก) ใกล้ทะเลชุบศร เนื่องจากไม่ได้เป็นเจ้า จึงไม่ได้โดนทุบด้วยท่อนจันทน์ดังว่า แต่คงโดนทรมานทรกรรมเพียบก่อนตายตามสำนวนที่ฝรั่งเขียน  ส่วนพระปีย์ถูกผลักตกจากระเบียงพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ในคืนวันที่สมเด็จพระนารายน์สวรรคต แม้มีระบุว่าถูกนำไปประหารที่วัดโคก แต่ประวัติศาสตร์บางสำนวนกล่าวว่าพอถูกผลักจากระเบียงพระปีย์ก็ร้องว่าทูลกระหม่อมแก้วช่วยด้วย ครั้นถึงไปถึงพื้นก็โดนฆ่าปิดปากเสียในบัดดลนั้นเอง

มีข้อสันนิษฐานอีกว่า ทั้งสองร่างได้ถูกผู้จงรักภักดีลอบขุดมาฝังที่โบสถ์คริสต์ อันเป็นที่พบโครงกระดูกทั้งสองร่างดังกล่าว ถ้างั้นก็มีคำถามจากผมอีกว่า เวลาที่ผ่านมาตั้ง ๓ ปีนี้ กรมศิลปากรได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ใดบ้างไหม อย่างน้อยก็เพื่อยืนยันว่า โครงที่บอกว่าร่างใหญ่นั้นเป็นกระดูกของชาวยุโรป ส่วนร่างเล็ก มีสภาพพิการ และเป็นกระดูกคนไทย

รอคำตอบอยู่ด้วยใจระทึก  ยิ้มเท่ห์



คำถามดังกล่าวผมทราบคำตอบจากพวกนักโบราณคดีตั้งแต่ช่วงนั้นแล้วครับ แต่ทว่า เรื่องนี้กรมศิลปากรเลือกที่จะอมพะนำไว้ให้คนลืม เพราะกลัวจะเสียรังวัดลามปามกลับไปถึงเรื่องพระเจ้าอุทุมพรอีก นี่ถ้าไม่มีกระแสอันทรงพลังของบุพเพสันนิวาสมากระตุ้น ป่านนี้ผู้สนใจอย่างคุณหมอเพ็ญคงต้องรอจากใจระทึกเป็นระทวยไปเอง


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 308  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 18:05


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 309  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 18:25

ข่าวจากมติชนพาดหัวว่า "ฟันธง" คงไม่ได้ วิธีง่าย ๆ ที่จะฟันธงคงต้องพิสูจน์อายุของโครงกระดูก ถ้าหากมากกว่าพันปีขึ้นไปก็คงเป็นอย่างที่ใหข่าว แต่ถ้าหากตกอยู่ประมาณ ๓๐๐ ปี ก็คงไม่ใช่มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ต้องพิสูจน์ต่อไปอย่างที่คุณนวรัตนว่า

อายุของโครงกระดูกทั้ง ๒ น่าจะมีอายุราว  ๓๐๐ กว่าปี

ป.ล. สงสัยอยู่เช่นกัน เมื่อเห็นวันที่ของการออกข่าว กลัวจะเป็น "เอพริลฟูลส์" อยู่เหมือนกัน  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 310  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 18:31

ในบทความนี้ เรียกนามสกุลเดิมของวิชเยนทร์ว่า Hierax  แปลว่าเหยี่ยวชนิดหนึ่ง
ฟอลคอนออกจากบ้านเดิมที่กรีซไปตั้งแต่อายุแค่ 13 ปี สมัครเป็นลูกเรือของอังกฤษ   เม่ื่อเดินทางไปถึงลอนดอน ก็สมัครเดินเรือจากอังกฤษไปอินเดีย  นายจ้างคนที่จ้างไปนี้เปลี่ยนนามสกุลให้เป็นภาษาอังกฤษว่า ฟอลคอน
https://neoskosmos.com/en/13988/constance-the-falcon-ruler-of-siam/
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 311  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 19:01


โครงกระดูกติดกันเต็มตัว
ก็เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ใช่ฟอลคอนกับพระปีย์ครับ
ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์หาอายุก็สรุปได้ครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 312  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 20:52

คุณหนุ่มโคราชคงหมายถึงที่มีในบันทึกของฝรั่งเศสโดยเฉพาะของพันตรีโบชองที่อ้างว่าพระปีย์ถูกหั่นเป็น ๓ ท่อน และ

"วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ก่อนถึงอยุธยาราว ๑ ลิเออร์ ข้าพเจ้าพบกับเมอซิเออร์ดาซิเยอส์ ซึ่งนายพลเดฟาร์จส่งมาละโว้เพื่อทวงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเซนต์ไมเคิ่ล (Saint-Michel) ของเมอซิเออร์ก็องสต๊องส์ ซึ่งถูกประหารชีวิตไปเมื่อวันก่อน หลังจากที่ต้องถูกทรมานกับการไต่สวนมากมาย และถูกนำตัวออกไปทางประตูด้านหลังพระราชวังในตอนเย็น เมอซิเออร์ก็องสต๊องส์นั่งไปบนเสลี่ยง จนกระทั่งไกลออกไปราว ๑ ใน ๔ ลิเออร์ เขาก็ถูกประหารชีวิตออกเป็น ๒ ท่อน......”

https://www.facebook.com/historyofAyutthaya/posts/2089980144375298

แน่ใจอย่างไรว่าโบชองเห็นกับตาตัวเอง วิธีพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์น่าจะให้คำตอบที่ดีที่สุด  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 313  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 21:16

สมัยเรียน  จำได้ว่าชื่อเดิมของเจ้าพระยาวิชเยนทร์(๑) ไม่ใช่คอนสแตนติน ฟอลคอนอย่างที่เรียกในละคร  แต่เป็นคอนสแตนติน  เยรากี สะกดภาษากรีกว่า Κωνσταντίνος Γεράκης   คือเยรากีหรือเชรากี เป็นเหยี่ยวชนิดหนึ่ง พอมาแปลเป็นอังกฤษ ก็ตรงกับ Falcon
แต่เหตุการณ์การเมืองสมัยสมเด็จพระนารายณ์  อังกฤษไม่ได้เข้ามายุ่งด้วย  มีแต่ฝรั่งเศส   จึงสงสัยว่าเยรากีกลายเป็นฟอลคอนตั้งแต่ตอนไหน(๒)  ภาษาอังกฤษสะกดนามสกุลเขาว่า  Phaulkon  ไม่ใช่ Falcon

(๑) เจ้าพระยาวิชเยนทร์เป็นนามที่ใช้เรียกในพงศาวดารสมัยหลัง ๆ แต่พงศาวดารฉบับเก่าอย่างฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ที่ชำระปลายสมัยอยุธยา ระบุว่าฟอลคอนเป็น "พญาวีใชยเยน" ตรงกับฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ที่ชำระสมัยรัชกาลที่ ๑ ที่เก่าที่สุดที่ระบุว่าเป็นแค่พระยาเหมือนกัน

หลักฐานร่วมสมัยเช่น จดหมายเหตุของบาทหลวงเดอชัวซีย์ก็ระบุว่า สมเด็จพระนารายณ์จะทรงตั้งเขาเป็นที่จักรีหลายครั้ง แต่เขาปฏิเสธตลอดมา

นอกจากนี้จดหมายฉบับที่ยกมานี้ก็เขียนโดยโกษาปานที่เป็นคนร่วมสมัย ก็ออกนามว่า "พระญาวิไชยเยนทมนตรี" มีหลักฐานอยู่ในจดหมายของเจ้าพระญาศรีธรรมราช (ปาน) หรือ โกษาปาน ส่งถึง บาทหลวง เดอ ลาแชส (Père François d’Aix de la Chaise) พระผู้อภัยบาปของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เมื่อ พ.ศ.๒๒๓๖ รัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา หลังจากที่ฟอลคอนถูกประหารชีวิตไปแล้ว ๕ ปี เพื่อรายงานสถานการณ์ช่วงการผลัดแผ่นดินกรุงศรีอยุทธยาให้ฝรั่งเศสทราบ

แลเดิมเหตุนั้น สมเด็จพระมหากษัตราธิราชเจ้ากรุงไทย โปรดกาศตันเป็นอันยิ่งนักหนา เลี้ยงเป็นพระญาวิไชยเยนทมนตรี ให้ว่าราชการด้วยเสนาบดี แลกาศตันเอาทรัพย์สิ่งของ เงินทอง ณ พระคลัง ออกมาจำหน่ายทำมาตรายเสียเป็นอันมาก แล้วจะคิดทำร้าย แลเสนาบดีรู้แล้ว แลจะว่ากล่าวไซร้มิชอบท่วงที แต่ระวังระไวอยู่ กาศตันจะทำร้ายมิได้ แลกาศตันระคายใจจึงอุบายเอากราบทูล แต่สมเด็จพระมหากษัตราธิราชเจ้ากรุงไทย ขอ...


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 314  เมื่อ 16 เม.ย. 18, 21:21

(๒) ฟอลคอนเป็นชาวกรีกจากเกาะเซฟาโลเนีย (Cephalonia) ซึ่งเป็นมณฑลทางทะเล (Stato da Màr) ภายใต้การปกครองของสาธารณรัฐเวนิส (Serenìsima Repùblica Vèneta) ในยุคนั้น เขาจึงมีชื่อเดิมในภาษากรีกว่า Costantinos Gerakis/Κωνσταντῖνος Γεράκης มีชื่อในภาษาอิตาเลียนว่า Costatino Gerachi ในเอกสารภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Constantin Hiérachy Gerakis หรือบางทีก็สะกด Jerakis Hierakis   Hiérachy Gerachi มาจากภาษากรีกโบราณ hierax/ἱέραξ แปลว่า “เหยี่ยว”

เมื่อฟอลคอนออกจากบ้านไปทำงานอยู่บนเรือสินค้าของชาวอังกฤษและได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ เขาจึงเปลี่ยนนามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ กลายเป็น Faucon Faulcon หรือ Phaulkon ตรงกับ Falcon ที่แปลว่าเหยี่ยวในภาษาอังกฤษ

ส่วนชื่อตัวของเขาคือ Constantin กลับไม่ค่อยเป็นที่นิยมเรียก โดยพวกโปรตุเกสซึ่งนิยมเรียกชื่อที่ตั้งเมื่อได้รับศีลล้างบาปมากกว่านามสกุล มักนิยมเรียกเขาว่า Constans ทำให้คนชาติอื่นเรียกเขาตามนี้ไปด้วย

คำตอบข้อ (๑) และ (๒) นำข้อมูลมาจาก "วิพากษ์ประวัติศาสตร์" ของคุณศรีสรรเพชญ์

https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/1705214696208660
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 19 20 [21] 22 23 ... 26
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.095 วินาที กับ 20 คำสั่ง