เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 74 75 [76] 77
  พิมพ์  
อ่าน: 83361 ฉากประทับใจในหนังเก่า (3)
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1125  เมื่อ 10 พ.ค. 22, 08:54

ควันหลงจากหนัง Little shop of horrors...

เพิ่งรู้ว่าหนังเรื่องนี้เคยมี musical ฉบับ ‘made in Thailand’ ด้วย





ส่วนที่บ้านเค้ายังเล่นมาถึงปัจจุบัน  ร่วม 40 ปีแล้ว

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1126  เมื่อ 11 พ.ค. 22, 09:11

ควันหลงจาก My best friend’s wedding… (เพิ่งนึกขึ้นได้)

ในวงการบันเทิงของฮอลลีวู้ดมีนักแสดงอยู่ 2 คน  ต่างมีชื่อ-นามสกุลฟังแล้วชวนให้สับสนยิ่งนัก คือ Dermot Mulroney กับ Dylan McDermott

รายการทีวี variety show ชื่อดังของอเมริกา Saturday night live ที่ออกมาอากาศมาตั้งแต่ยุค 70s โน่น  เคยเอาเรื่องนี้มาทำ clip ตลกล้อเลียนอย่างสนุกสนาน (เมื่อนานมาแล้ว)


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1127  เมื่อ 11 พ.ค. 22, 09:19

กลับมาที่หนัง Another country กันต่อ

บทของ Cary Elwes ในเรื่องนี้  เธอเล่นเป็นแฟนของ Guy Bennett (Rupert Everett) หลังจากเรื่องนี้ ดวงเธอดีกว่า RE  มีหนังให้เล่นและมาฉายในเมืองไทยอยู่เนือง ๆ  ยกเว้นหนังดี The Princess bride (1987) หนังเทพนิยายที่ดูแล้วสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ  เรื่องนี้ไม่มาเข้าโรง  ทั้ง ๆ ที่แนวทำเงินเลยละ  น่าแปลกใจ  ผมได้ดูทางวิดีโอของ บ.CVD  เป็นบริษัททำวิดีโอที่มีคุณภาพมาก  เวลาผ่านไปแค่ 4 ปี CE โตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อทีเดียว




แต่ในหนังนี้  คนที่ผมเห็นว่าหล่อเท่กว่า CE คือ  คู่หูที่ตอนแรกไม่ถูกกัน  Mandy Patinkin ตอนนั้นชื่อเสียงของเธอไปดังอยู่ในวงการละครเวที  ปัจจุบันเธอหันมาเล่นหนังทีวี  ชุดที่ดังมากคือ Criminal Minds รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปจากในเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง

ฉากดวลดาบกันนี่  ราศีของ 2 นักแสดงต่างกันอย่างเห็นได้ชัด




หนังอีกเรื่องที่เด่นของ CE คือ Robin Hood: Men in tights (1993)  เรื่องนี้มาเข้าโรง  เห็นชื่อ ผกก. Mel Brooks ก็รู้แล้วว่าเป็นหนังตลก  มีมุขขำ ๆ น่ารัก ๆ ตลอดเรื่อง














ฉากนี้ทำให้ผมไม่ลืมหนังเรื่องนี้

Prince John : And why should the people listen to you?
Robin Hood : Because, unlike some other Robin Hoods, I can speak with an English accent.


ตัวอย่างหนัง



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1128  เมื่อ 12 พ.ค. 22, 08:45

ใน Another country บทเพื่อนคู่หูของ Guy Bennett ที่ฝักไฝ่ลัทธิของ Carl Marx เป็นของนักแสดง Colin Firth   ปัจจุบันนี้นักดูหนังฝรั่งทุกคนรู้จักเธอดีจากบทรางวัล Oscar ที่เธอเล่นเป็น King George VI ของอังกฤษที่ต้องผจญกับโรคติดอ่าง

บท Tommy Judd ใน Another Country เป็นบทบาททางการแสดงเรื่องแรกของ CF ยังหนุ่มฟ้อน่ารัก  จากเรื่อง AC นี้เธอก็มีหนังเล่นต่อมาเรื่อย ๆ  แต่ไม่เข้ามาเด่นดังในบ้านเรา  ไม่รู้ว่ามีเรื่องไหนของเธอเข้ามาฉายบ้าง

ชื่อเสียงของเธอพุ่งแรงโลดในปี 2009 เมื่อเธอรับบทเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่เป็นเกย์และต้องผจญกับโรคซึมเศร้าเมื่อคู่ชีวิตตายจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์  ท้องเรื่องของหนังเริ่มหลังจากอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อ 8 เดือนมาแล้ว

ความสุขในครั้งก่อน  เป็นช่วง flashback  เมื่อคู่ชีวิตยังมีชีวิตอยู่ (เล่นโดย Matthew Goode นักแสดงฝั่งอังกฤษที่เคยมากระชากหัวใจสาว ๆ ชาวไทยใน Leap Year (2010 – หนังน่ารัก ๆ แนวของ ‘จาร) ตอนนี้ดังในหนังชุดทางทีวีเรื่อง A Discovery of witches … ขอแนะนำ)





เหตุการณ์ที่คู่ชีวิตตายทำให้เธอฝันถึงมันอยู่เนือง ๆ



จนสู้ชีวิตต่อไปไม่ไหวจึงคิดฆ่าตัวตาย… แต่ไม่สำเร็จ



การที่ไม่สามารถทำใจให้ยอมรับกับการจากไปโดยไม่มีวันกลับของคู่ชีวิตทำให้เธอต้องดำเนินชีวิตต่อไปตามลำพังอย่างทนทุกข์ทรมาน  แม้ว่าจะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาประปรายเช่นหนุ่มจิ๊กโกโล่หล่อ ๆ (นักแสดงจากสเปน Jon Kortajarena เธอเริ่มอาชีพจากการเป็นนายแบบให้กับหลายห้องเสื้อ  รวมถึงห้องเสื้อของ Tom Ford... ลืมบอกไปว่า เหตุการณ์เกิดในยุคต้น 60s ที่ California)



หรือนักศึกษาหนุ่มน้อย (เล่นโดย Nicholas Hoult จากฝั่งอังกฤษเช่นกัน  แล้วก็กำลังดังจากหนังชุดทางทีวีเรื่อง The Great เกี่ยวประวัติของ Catherine The Great แห่ง Russia หนังดังตรงที่ทำออกมาในแนวตลกโปกฮา ... แนะนำเช่นกัน) ที่แอบหลงรักอาจารย์หนุ่มใหญ่โดยไม่สนใจช่องว่างระหว่างวัยหรือระเบียบห้ามความสัมพันธ์ระหว่างครูกับลูกศิษย์

(ใบหน้าสาวดูเหมือน Brigitte Bardot ตอนสาว ๆ อย่างน่าขนลุก)


เธอเป็นหนุ่มนิสัยดีและมีความห่วงใยเมื่อได้ยินเรื่องโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับอาจารย์  หลังจากไปเมากันเธอก็พาอาจารย์ที่กำลังเมากรึ่มกลับบ้านและดูแลให้ได้พักผ่อน



อาจารย์ตื่นขึ้นมากลางดึกพบว่าหนุ่มน้อยยังคงอยู่  แต่ไปนอนบนโซฟาพร้อมกับกำปืนของตนไว้ด้วยกลัวว่าอาจารย์จะคิดสั้นอีกเหมือนกับที่เคยเล่าให้ฟังในช่วงกินเหล้าว่าเคยคิดฆ่าตัวตาย

แต่แล้วความตายก็มาเยือนในที่สุด... ในช่วงเวลาที่คาดไม่ถึง อันเป็นตอนจบของเรื่อง



เป็นหนังดราม่าที่หนักอึ้ง  การแสดงของ CF เด่นจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar เป็นครั้งแรก

ผมอ่านเครดิตของหนังพบว่า  ผู้กำกับชื่อ Tom Ford  อ่านแล้วก็สงสัยทันทีว่าคงจะชื่อซ้ำกันเพราะ Tom Ford ที่ผมรู้จัก (หมายถึงรู้ว่าคือใคร) เป็น fashion designer เธอเคยฝึกงานที่ห้องเสื้อ GUCCI และ YSL

ความอยากรู้อยากเห็นเลยไปคุยกับ อากู๋ ก็ได้ความว่าเป็นคนคนเดียวกัน  นี่คืองานกำกับหนังเรื่องแรกของ Tom Ford ที่เคยดังแต่ในวงการแฟชั่น  แต่เธอไม่ได้ออกแบบเสื้อผ้าในเรื่องนี้ 

ทุนการสร้างหนังเรื่องนี้มาจากกระเป๋าส่วนตัวของเธอ  เพราะงบจำกัดเวลาของการถ่ายทำเลยต้องกระชับคือแค่ 21 วัน  แต่ผลงานออกมาได้รับความชื่นชอบจากเหล่านักวิจารณ์  คะแนนไม่ต่ำกว่า 3 ดาว หรือ 70% ขึ้นไป  แล้วยังไปอาละวาดบนเวทีรางวัลต่าง ๆ หลายแห่ง




อีกจุดหนึ่งของหนังที่เด่นคือ  เพลงประกอบเรื่อง  ให้บรรยากาศโหยหวนและบีบคั้น  บรรเลงโดย Abel Korzeniowski



ตัวอย่างหนัง



แถมฉากผ่อนคลายความเครียดด้วยการเต้นรำในยุคต้น 60s

(ทั้ง 2 เพลงเป็นเพลง soul เพลงแรกชื่อ Stormy weather ร้องโดยเจ้าแม่เพลงโซล Etta James (มีคิวคุยเรื่องของเธอด้วย) เพลงที่ 2 เป็นเพลงบรรเลงชื่อ Green Onions โดย Booker T. & the M.G.’s ส่วนนักแสดงหญิงคือ Julianne Moore มี Oscar เป็นหลักประกันคุณภาพ)

จบ mini-series
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1129  เมื่อ 13 พ.ค. 22, 08:33

ยังไม่จบสนิทดี...

ควันหลงจากหนังของ Tom Ford

บทหนุ่มจิ๊กโกโล่ใน A Single Man ที่เล่นโดย Jon Kortajarena  บอกไว้ว่าเธอเป็นนายแบบให้กับหลายห้องเสื้อ  และเป็นนายแบบคนโปรดของ Tom Ford  ผลงานของเธอไม่ใช่เล่น...

He was featured on the cover of the spring/summer 2008 issue of L'Officiel Hommes magazine, devoting him 200 pages, with the cover title reading "200 Pages of Fashion with Jon Kortajarena. It was the first time a male model had achieved this and consequently it became a reference in the industry.




For the 2009 spring men's wear and eye-wear advertising campaigns Jon was art directed and photographed, for the first time, by Tom Ford himself.






In 2011 he was selected as one of the models to star in Lacoste's $66 million new advertising concept under the new tagline, "Unconventional Chic". The ads were shot by Mert and Marcus showing models wearing the iconic white Lacoste polo shirts worn over eveningwear.




Jon Kortajarena has been announced as the 2017 Model of the Year at the GQ Men of the Year awards in Sydney.






มีรูปเป็นทรัพย์...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1130  เมื่อ 13 พ.ค. 22, 08:50

ช่วง peak ของ อตน. ณ ปัจจุบันนี่สามารถหาหนังฝรั่งดูได้ง่ายกว่าหาส้วมสาธารณะเสียอีก  ไม่ว่าจะหนังอะไรก็หาได้ง่าย  ข้อมูลของหนังอะไร ๆ ก็หาได้ง่าย  ไม่ต้องเดาสุ่มว่า เอ... เราจะชอบไอ้เรื่องนี้มั้ยหว่า  ดู ๆ ไป เกิดไม่สบอารมณ์ก็เลิกดู  ลบ file ทิ้งไป  แล้วหาเรื่องใหม่มาดูต่อไป 

ถ้าเป็นสมัยดูหนังได้จากโรงฯ ที่เดียวนี่  ดู ๆ ไปพบว่าไม่ถูกใจ  ก็นั่งเซ็งไปเลย  จ่ายเงินไปแล้วตั้ง 30 บาท  จะเลิกดูกลางคันก็เสียดายเงิน  นั่งสาปแช่งความซวยของตัวเองไป  หลับไป... 

 
ตอนดูรายชื่อหนังที่คนเอามาปล่อยใน website ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่  เห็นเรื่องใหม่เข้ามาชื่อ Boeing, Boeing (1965)  ดูภาพแผ่นโฆษณาแล้วเกิดความรู้สึกถูกใจ  ไปหาข้อมูลอ่านแล้วถูกใจเพิ่มขึ้น  ก็เลยดูดมานั่งดู

ปรากฏว่าตัดสินใจถูก  เรื่องเล่าเกี่ยวกับ นักข่าวชาวอเมริกันไก้แจ้ที่มาทำงานอยู่ในกรุงปารีส  ความเป็นคนเจ้าชู้ประตูดิน (ทำไมเป็นคำนี้หนอ) ทำให้เธอมีคู่หมั้น 3 คนในเวลาเดียวกัน  ทั้ง 3 สาวเป็นพนักงานสายการบินเหมือนกันแต่คนละสายการบิน British United Airways, Air France และ Lufthansa  3 สาวมีเส้นทางบินต่างเวลาต่างช่วงกัน   ทำให้ต่างไม่รู้จักกันและไม่รู้ว่ากำลังโดนสวมเขา

เรื่องมาโอละพ่อเมื่อมีเครื่องบินรุ่นใหม่เกิดขึ้นคือ Boeing ซึ่งบินได้เร็วกว่าเดิมมาก  แต่ละสายการบินก็พร้อมใจกันหาซื้อเอามาบิน  ผลกระทบก็คือตารางเวลาการบินเปลี่ยนไปจากเดิม  บินไปบินกลับได้เร็วขึ้น  บางครั้งก็ไม่ต้องอยู่ค้างคืนกลางทาง  ผู้ที่ซวยสุดก็คือพ่อหนุ่มไก้แจ้นี่แหละเพราะต้องบริหารเวลาใหม่เพื่อไม่ให้ ‘เครื่องบิน 3 ลำ’ ชนกัน

Tony Curtis เล่นเป็นนักข่าวไก่แจ้ได้กะล่อนและลื่นไหลมาก  เธอตลกจริง ๆ  ในเรื่องยังมีอีก 2 ตัวละครที่เข้ามาร่วมในความวุ่นวาย  คนแรกคือ เพื่อนนักข่าวอีกคนที่แวะมาหาและมาขออาศัยนอนด้วย  อีกคนก็แม่บ้านที่อยากฆ่าตัวตายทุกวันเพราะต้องช่วยเจ้านายสับหลีกเครื่องบิน




น่าเสียดายมากที่ไม่มีใครย่อย clip หนังเรื่องนี่มาลง youtube เลย  มันเป็นหนังน่ารักหาที่ติยาก  แม้จะสร้างมานานแล้วแต่มุขตลกยังแจ่มใส และตลกไปตลอดเรื่อง ดูแล้วอยากรู้ว่าจะลงเอยกันยังไง  แต่พอจุดนั้นมาถึงก็ ‘อะไรวะ  จบแบบนี้เรอะ’

ด้วยความอยากให้ได้ดูจัง  ผมไปหาหนังมาได้  ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง  ชมสักหน่อย  หนังโบราณพูดกันฟังชัดมาก  มีบรรยายแถมมาให้ด้วย (website ดูหนังฟรีแบบนี้มักมี ‘ตัวเสือก’ แหยมเข้ามา  ต้องหมั่น click    มันออกไป)
https://ww3.d123movies.to/watch-movie-2/boeing-boeing-1965_cwwob476a/w7q8wmx-full-movie-free-online?WatchNow=1


หนังมีสีสันสดใส  highlight อยู่ตรงที่ได้เห็นวิวกรุงปารีสในยุคกลาง 60s  พร้อมรถฝรั่งเศสสวย ๆ หลายรุ่นหลายแบบ  Citroen, Simca, Peugeot, Renault, Panhard  รถเหล่านี้เคยวิ่งกันให้ว่อนทั่วกรุงเทพฯ ในสมัยผมเล็ก ๆ

(ใน credit (0.10) ชื่อ 2 นักแสดงนำออกมาเป็นรูปแบบนี้ เพราะทั้ง 2 ต่างไม่ยอมให้ชื่อของอีกคนขึ้นก่อน  นับเป็นทางออกที่เข้ากับเนื้อเรื่องมาก

เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำสำหรับหนังที่มีนักแสดงดัง 2 คนที่ข่มกันไม่ลง  ผมชอบดูวิธีการหาทางออก  บางคนชื่อขึ้นก่อนแต่อยู่ด้านล่างของจอ  ส่วนชื่อคนที่มาทีหลังอยู่บนหัวจอ  บางคนชื่อขึ้นก่อนแต่ขนาดตัวอักษรเล็กกว่าชื่ออีกคนที่ขึ้นทีหลัง ฯลฯ  คนดูที่ไม่รู้ที่มาที่ไปจะนึกว่าเป็นมุข  เปล่าเลย  คิดกันหัวแทบผุ  ถ้าคิดไม่ตกหนังออกฉายไม่ได้) 


Tony Curtis ในหนังนี้เริ่มแก่แล้ว  ตอนหนุ่มหล่อจริง ๆ  แต่ในเรื่องนี้ผมว่าเธอดูเหมือน drag queen ยังไงไม่รู้  ผมเคยเห็นเธอครั้งแรกตอนเล่นหนังทีวีเรื่อง 2 สิงค์สำอาง 


เธอเป็นพ่อของดาราดังในยุคต่อมาคือ Jamie Lee Curtis (แม่คือ Janet Leigh)  ข้อมูลจุ๋มจิ๋มแบบนี้ ‘จิ้มและปัด’ บนมือถือไม่เกิน 5 วินาทีก็รับรู้ได้  แต่ในยุคก่อน อตน. ถ้ารู้เข้าเป็นตื่นเต้นชะมัด  ทำให้นึกถึงครูบาอาจารย์เคยบอกผมไว้เมื่อนานแสนนานมากแล้วว่า ‘ต่อไปคนจะรู้อะไร ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีเหลืออยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีทางรู้ได้คือ ทำตัวแบบนี้ตายแล้วไปไหน’ ท่านจบด้วยเสียงหัวเราะ หึ ๆ  ที่ฟังแล้วขนลุก


สำหรับบทแม่บ้านในหนังเป็นของ Thelma Ritter นักแสดงบทสมทบอันดับ 1 ในยุคทองของฮอลลีวู้ด  เครื่องประกันความสามารถคือการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar ในสาขานักแสดงประกอบหญิง ถึง 6 ครั้ง  เป็นสถิติที่ไม่มีนักแสดงประกอบหญิงคนไหนทำได้เท่า  (ผมว่าทั้งหญิงและชายนะ ถ้าไม่สับสน) แม้เธอจะไม่เคยได้จับเลยสักครั้ง

ในเรื่องนี้บทของเธอมันมาก  ทุกฉากที่โผล่ออกมา  มีการเหน็บแนมถากถางอย่างสะใจ  โดยเฉพาะฉาก 14.11 ‘You do not need a housekeeper around here, you need a Univac machine’  ฟังแล้วงง  อะไรหว่า Univac machine  ต้องไปถามอากู๋ถึงรู้ว่ามันคือ บรรพบุรุษของเครื่องคอมพิวเตอร์

 
ส่วนบทเพื่อนของ TC คือ Jerry Lewis  นักแสดงตลกชื่อดังตลอดกาล เธอได้รับการขนานนามว่า King of Comedy  ผมรู้จักชื่อนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ  รู้ว่าเธอเล่นตลกกับคู่ขาคือ Dean Martin  เห็นเนือง ๆ จากภาพนิ่งขาวดำ  เพิ่งเคยเห็นเธอแสดงครั้งแรกก็จากเรื่องนี้  ผมว่าดูไปดูมาเธอหล่อไม่น้อย (ภาพขาวดำที่เห็นมักเป็นตอนที่เธอทำหน้าทะเล้น)

JL เป็นพ่อของนักร้อง Gary Lewis ที่ก่อตั้งวง Gary Lewis and the Playboys เอ่ยเท่านี้ นักฟังเพลงฝรั่งชาวไทยล้วนทำหน้างง  แต่ถ้าดู clip นี้  ทุกคนร้อง อ๋ออออ...



2 คนพ่อลูก กับเพลงที่ผมชอบมากอีก 1 เพลง



อีก ‘ไม่นาน’ คงต้องมีการเอ่ยถึงเธออีก...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1131  เมื่อ 16 พ.ค. 22, 08:32

คุยถึงเรื่อง My best friend’s wedding ซึ่งถูกจัดว่าเป็นหนังตลกคลาสสิก  ในปีต่อมาคือ 1998 ก็มีหนังตลกซึ่งต่อมาก็ถูกจัดเข้าเป็นหนังคลาสสิกอีกเรื่องเข้ามาฉายคือ There’s something about Mary

Plot เรื่องเบา ๆ เกี่ยวกับ Ted หนุ่มวัย ม.ปลาย ซึ่งหลงรัก Mary เพื่อนสาว  เหตุการณ์ดำเนินไปด้วยดีแต่แล้วในวันสำคัญคือ งาน prom night  ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น  เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหนุ่มคือขณะแต่งตัวเธอเกิดรูดซิปกางเกงขึ้นไปติด ‘ส่วนหนึ่งของไอ้จู๋’ ของตัวเอง  ถึงกับต้องพาไปแก้ไขที่โรงพยาบาล  ทำให้นัดสำคัญต้องยกเลิก  แล้วสาวเจ้าก็หายไปจากวงจรชีวิตของหนุ่มเซอะ



อย่างไรก็ตาม เจ้าหล่อนไม่ได้หายไปจากใจของเขา  อีก 10 กว่าปีต่อมาจากหนุ่ม ม.ปลาย  Ted กลายเป็นหนุ่มวัยทำงาน เรื่องสาว Mary ติดค้างอยู่ในใจจนทนไม่ไหว  เขาจึงตัดสินใจว่าจ้างนักสืบเอกชนออกตามหาสาว  เมื่อหาเจอแล้วก็ถึงเวลาทวงรักคืน  แต่มันไม่ได้ง่ายเช่นนั้นเพราะตอนนั้นสาวเจ้ามีหนุ่มหลายคนหมายปองอยู่

เนื่องด้วยเป็นหนังตลกก็เลยต้องมีฉากตลก ๆ  แต่เผอิญ ผกก. หนังเรื่องนี้มีชื่อทางด้านทำหนังตลกร้ายแถมออกแนวสัปดี้สัปดน  ฉากตลก ๆ ในหนังก็เลยมีบรรยากาศแบบนี้





ในเรื่องนี้มีฉากอมตะที่อยู่ในความทรงจำของนักดูหนังทุกคนมาจนถึงปัจจุบัน  เนื้อหาออกจะลามกแต่การดำเนินเรื่องไปทางตลกเอิ๊กอ๊าก

เริ่มจากฉากนี้


แล้วต่อด้วยฉากนี้



ตัวหนังเองได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ท่วมท้น  ผนวกกับฉากนี้ทำให้เกิดการกล่าวถึงจากปากต่อปาก  ผลก็คือหนังทำเงินถล่มทลาย  จากต้นทุนแค่ 23 ล้านเหรียญ  หนังทำเงินไปถึง 369 ล้านเหรียญ

ตัวอย่างหนัง


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1132  เมื่อ 17 พ.ค. 22, 08:27

JFK (1991) ชื่อนี้เกี่ยวกับใครทุกคนที่สนใจเรื่องรอบโลกรู้จัก  เป็นหนังกึ่งสารคดีสร้างจากหนังสือเขียนโดยอัยการเขต Louisiana ชื่อ Jim Garrison และ Jim Marrs นักข่าวหนังสือพิมพ์ New York Times  เนื้อเรื่องในหนังนำเสนอเรื่องราวในแง่มุมของ JG (Kevin Costner เล่นบทนี้)

เป็นหนังที่สนุกมาก  ในยุค 1991 อตน. ยังไม่เจริญพันธุ์เต็มที่ดังนั้นการนำเสนอเรื่องราวและภาพต่างๆ  ที่มีทั้งจำลองขึ้นผสมกับของจริงที่ผมไม่เคยเห็น  เอามาประติดประต่อกันเป็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบแบบนี้  รวมถึงสอดใส่ทฤษฎีต่าง ๆ ที่คาดว่า ‘ใช่’ ที่เสี่ยงต่อการนำมาเปิดเผยสู่สาธารณะชนในสมัยนั้น  ซึ่งยังคงเก็บเงียบไว้ในหนังสือ  จึงน่าตื่นตาตื่นใจ  ผมจ้องตาไม่กระพริบตลอดเรื่อง

สายพิเศษที่ทำให้ JG รู้ข้อมูลมากกว่าใคร ๆ  การแสดงของ Donald Sutherland ในบท ‘X’ ตรึงคนดูได้ยาวนานถึง 16 นาที เป็นจุดที่สนุกที่สุดของหนัง  เพราะสิ่งที่เขาเผยออกมา  คนไทยไม่ต้องพูดถึง  ฝรั่งเจ้าบ้านที่ไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนก็ยังไม่มีใครเคยรู้





หนึ่งในฉากจำลองสถานที่เกิดเหตุ



ฉากจำลองผสม footage จริงทำได้เนียนมาก  ผมไม่เคยเห็นฉากวินาทีสังหารชัด ๆ อย่างมาก่อน  ช็อคไปเลย



ตัวอย่างหนัง



หนังอื้อฉาวเรื่องนี้มี ‘Fun fact’ เยอะมาก  เยอะเกินกว่าจะนำมาเล่าสู่กันฟังได้หมด

ในปี 1968 นักร้องดังในยุคเก่า ต้น 60s  Dion (บ้านเรารู้จักเพลง Runaround Sue) นำเพลงเนื้อหาแสดงความอาลัยต่อการตายของบุคคลสำคัญของอเมริกาคือ Abraham Lincoln, Martin Luther King Jr., และ 2 พี่น้อง Kennedy มาร้องออกแผ่นซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงถึงขนาดคว้าแผ่นทองคำ 



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1133  เมื่อ 17 พ.ค. 22, 08:52

อ้างถึง
ตอนดูรายชื่อหนังที่คนเอามาปล่อยใน website ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่  เห็นเรื่องใหม่เข้ามาชื่อ Boeing, Boeing (1965)  ดูภาพแผ่นโฆษณาแล้วเกิดความรู้สึกถูกใจ  ไปหาข้อมูลอ่านแล้วถูกใจเพิ่มขึ้น  ก็เลยดูดมานั่งดู
หนังเรื่องนี้เก่าเสียจนนึกว่าคุณโหน่งคงเกิดไม่ทัน    จำได้ว่าเข้าไปนั่งดูในโรงใหญ่  เป็นหนังที่สร้างขึ้นหลังจากดีน มาร์ตินและเจรี่ หลุยส์(ไทยออกเสียงว่า เจอรี่ เลวิส) แตกคอแยกทางแบบตัดเป็นตัดตาย  ไม่เล่นหนังร่วมกันอีก   ก็มีเสียงประมาทคาดหน้าตามมาว่า หน้าอย่างเจรี่ถ้าไม่มีดีนมาประกบคู่จะไปรอดละหรือ 
ผลก็คือ ได้โทนี่ เคอติส หนุ่มหล่อที่เล่นได้ทั้งบทรักบทตลกมาแทน  ในหนังเรื่องนี้ละค่ะ  ประสบผลสำเร็จด้วยดี 
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1134  เมื่อ 18 พ.ค. 22, 08:58

อ้างถึง
ตอนดูรายชื่อหนังที่คนเอามาปล่อยใน website ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่  เห็นเรื่องใหม่เข้ามาชื่อ Boeing, Boeing (1965)  ดูภาพแผ่นโฆษณาแล้วเกิดความรู้สึกถูกใจ  ไปหาข้อมูลอ่านแล้วถูกใจเพิ่มขึ้น  ก็เลยดูดมานั่งดู
หนังเรื่องนี้เก่าเสียจนนึกว่าคุณโหน่งคงเกิดไม่ทัน    จำได้ว่าเข้าไปนั่งดูในโรงใหญ่  เป็นหนังที่สร้างขึ้นหลังจากดีน มาร์ตินและเจรี่ หลุยส์(ไทยออกเสียงว่า เจอรี่ เลวิส) แตกคอแยกทางแบบตัดเป็นตัดตาย  ไม่เล่นหนังร่วมกันอีก   ก็มีเสียงประมาทคาดหน้าตามมาว่า หน้าอย่างเจรี่ถ้าไม่มีดีนมาประกบคู่จะไปรอดละหรือ 
ผลก็คือ ได้โทนี่ เคอติส หนุ่มหล่อที่เล่นได้ทั้งบทรักบทตลกมาแทน  ในหนังเรื่องนี้ละค่ะ  ประสบผลสำเร็จด้วยดี 

ตื่นเต้นมากครับที่รู้ว่าหนังมาฉายในบ้านเรา  อาทิตย์จะเอามาถาม 'จาร อีกเรื่องครับ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1135  เมื่อ 18 พ.ค. 22, 09:06

ผมรู้จักชื่อ Hayao Miyazaki เป็นครั้งแรกจากงานประกาศผล Oscar ปี 2003  สาขา Best animated feature ให้แก่หนังการ์ตูนเรื่อง Spirited away ที่เธอสร้าง นับถึงปัจจุบันหนังของเธอเป็นหนัง animated feature เรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ Oscar  ที่สร้างด้วยมือและไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ  ตอนออกฉายทั่วไปก็ทำสถิติหนังการ์ตูนที่ทำรายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์หนังของญี่ปุ่นเลยทีเดียว (เพิ่งโดนล้มแชมป์ไม่นาน  ไม่รู้ปรับด้วยค่าลอยตัวของเงินแล้วยัง)

มีประกาศนียบัตรแบบนี้ ผมเป็นไม่พลาด เรื่องก็เป็นแนว fantasy ดูแล้วก็สนุกดี  แต่ทำไมขณะที่ดูผมไม่รู้สึกเบิกบานใจเหมือนดูการ์ตูนของ Walt Disney’s ก็ไม่รู้

ผมก็เลยลองทดสอบความรู้สึกของตัวเองกับอีก 2-3 เรื่องของเธอ เช่น Princess Mononoke  ฯลฯ ก็รู้สึกเหมือนกัน  แม้จะมีเนื้อหาสีสันสดใส  แต่มันหดหู่บอกไม่ถูก  ตั้งแต่นั้นผมก็เลิกดูหนังของเธอ

หนังที่จะเอามาเอ่ยถึงนี้ชื่อ Howl’s moving castle (2004)  เป็นเรื่องที่ผมว่าสนุกที่สุด (ท่ามกลางความหดหู่) เป็น fantasy ที่แปลกแหวกแนว

เรื่องเล่าถึงหญิงสาวที่ขาดความมั่นใจแล้วก็เผอิญไปโดนแม่มดสาปให้เป็นหญิงชรา  ทางเดียวที่จะลบคำสาปได้ขึ้นกับพ่อมดหนุ่มที่เป็นคนชอบเอาแต่ใจตัวเองที่อาศัยอยู่ในปราสาทที่เคลื่อนที่ได้

ฉากเปิดเรื่อง





ผมชอบฉากที่เมื่อเปิดประตูประสาทเคลื่อนที่ในแต่ละครั้งก็จะพบกับสถานที่แปลก ๆ เป็นต้นว่าฉากนี้





ตัวอย่างหนัง



เนื้อเรื่องย่อ ๆ



(หมายเหตุ – งานชิ้นนี้ไม่สมบูรณ์เท่าไรเพราะเมื่อถึงเวลานำเสนอ ปรากฏว่า clips ที่เตรียมไว้  ถูกถอดออกไปจาก Youtube เสียแยะ  ต้องหาใหม่แบบลวก ๆ เพราะไม่มีเวลาพอ  คือมันไปรบกวนเวลาสำหรับการทำงานอย่างอื่น)


พรุ่งมาฟังเพลงกันนะ...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1136  เมื่อ 19 พ.ค. 22, 08:27

Cadillac Records (2008) เป็นเรื่องราวของ Leonard Chess หนุ่มชาวยิวผู้ลี้ภัยจาก Poland  ในยุค 40s มาตั้งรกรากใน Chicago อเมริกา  ซึ่งเป็นถิ่นคนผิวดำ  อยู่ ๆ ไปเขาเกิดความหลงใหลในเสียงเพลงของคนผิวดำ  จึงตั้งบาร์เพื่อให้นักร้องเพลงแนวนี้ได้มาออกกำลังลูกคอ
  
แล้ววันหนึ่งเขาก็ตั้งบริษัทผลิตแผ่นเสียงขึ้นแล้วรวบรวมนักร้องที่ตัวเองคุ้นเคยมาร้องอัดแผ่นขาย  บริษัทแผ่นเสียงของเขาใช้ชื่อว่า Chess Records




แรก ๆ นักร้องในสังกัดมีแต่แนว Blues แนวเพลงที่ตัวเองหลงใหลก่อนจะขยายเพิ่มเป็นแนว Soul, Gospel และ Rock ‘N’ Roll  

หนังเล่าเรื่องราวของ LC กับนักร้องที่สนิท ๆ บางคนในช่วงเวลาระหว่าง 40s - 60s

เหตุที่ผู้สร้างหนังใช้ชื่อหนังว่า Cadillac Records เพราะนักร้องในสังกัดคนใดที่ทำเพลงให้ฮิตได้จะได้รับรถ Cadillac เป็นรางวัล




ตัวอย่างหนัง



ก่อน อตน. เกิดผมรู้จักเพลงนักร้องผิวดำน้อยมากเพราะดีเจสถานีวิทยุบ้านเราป้อนแต่เพลง pop ของนักร้องผิวขาว  ตั้งแต่ได้รู้จัก ‘ซี้คลาสสิก’ ที่เคยเกริ่นในภาคหนังของเธอให้ฟังบ้างแล้ว  ในภาคเพลงเธอจะฟังแต่เพลงของนักร้องผิวดำ
  
ช่วงนั้นเธออัดเพลงพวกนี้ให้ผมฟังเยอะ  จนความรู้ทางด้านเพลงของผมกว้างขวางจากเดิม  และรู้ว่าเพลงของคนผิวดำ (ในยุคก่อน) เพราะและมีสีสันไม่แพ้กัน  บางเพลงเร้าใจมากกว่าด้วยซ้ำ  และเข้าใจว่าทำไมดีเจคนไทยถึงไม่นิยม เพราะเพลงออกจะเถื่อน ๆ  แต่ถ้าบางเพลงที่ปรุงแต่งแล้วเพราะจริง ๆ
 
อย่างในหนัง  เพลงนี้เป็นของ Little Walter เพลง My Babe นี้ขึ้นถึงอันดับ 1 ใน R&B Chart  เธอได้ชื่อว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน (ตามที่เห็นใน clip)  เป็นศิลปินเพลงเพียงคนเดียวที่ได้รับเกียรติเข้า Rock and Roll Hall of Fame (2008) ในฐานะนักดนตรี (เล่น harmonica)



ตย. เพลง Blues ของแท้  Muddy Waters กับเพลง 40 days & 40 nights  ผมเองก็ไม่ไหว  ฟังได้เมื่อมีอารมณ์อยากฟังจริงๆ  นี่คือแนวเพลงที่ผู้เชี่ยวชาญฯ บอกว่า ร้องจากวิญญาณ...  Ella Fitzgerald, Billie Holliday ฯลฯ

(Little Water เล่น harmonica  สไตล์ 'cupping a small microphone in his hands along with his harmonica and plugging the microphone into a public address system or guitar amplifier making him "the first musician of any kind to purposely use [sic] electronic distortion."' ความสามารถที่ไม่มีใครคิดได้นี้ทำให้ได้รับเกียรติเข้า Rock and Roll Hall of Fame)

 
นักร้องในสังกัดบางคน  คนไทยก็รู้จักเช่น Chuck Berry (แต่ไม่ใช่จากเพลงนี้) ผู้มีสไตล์การเล่นดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์  เป็นนักร้องผิวดำคนแรก ๆ ที่เพลงของเขาทำลายกำแพงแบ่งกั้นสีผิว 



วงอมตะ Rolling Stones ก็มีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ของ Chess Records



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1137  เมื่อ 19 พ.ค. 22, 15:32


ตื่นเต้นมากครับที่รู้ว่าหนังมาฉายในบ้านเรา  อาทิตย์จะเอามาถาม 'จาร อีกเรื่องครับ

ฉายที่โรงหนังถนนเพชรบุรี น่าจะเป็นพาราเมาท์ ค่ะ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1138  เมื่อ 20 พ.ค. 22, 08:25


ตื่นเต้นมากครับที่รู้ว่าหนังมาฉายในบ้านเรา  อาทิตย์จะเอามาถาม 'จาร อีกเรื่องครับ

ฉายที่โรงหนังถนนเพชรบุรี น่าจะเป็นพาราเมาท์ ค่ะ


พาราเมาท์ กับ เมโทร  นี่ไม่เคยจำได้เลยว่า  โรงฯ ไหนเป็นโรงฯ ไหน  แล้วซอยข้างโรงฯ ไหนที่มีร้านเค้กอร่อยครับ  ขึ้นต้นด้วย กอไก่

ที่เขียนไว้หมายถึง ... อาทิตย์ 'หน้า' ... ครับ  ทำไมชอบพิมพ์ตกจัง  ท่าสมองจะไปเร็วกว่านิ้วจิ้ม
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1139  เมื่อ 20 พ.ค. 22, 08:33

ฝอยเรื่อง Cadillac Records ต่อ...

มาถึงนักร้องคนสำคัญที่เป็นตัวเอกของเรื่องคือ Etta James  เธอเป็นคนสำคัญเพราะมีความสัมพันธ์พิเศษกับ Leonard Chess  ในหนังให้ Beyonce Knowles มารับบทนี้



BK ได้โชว์พลังเสียงของตัวเองในเพลงที่เรียกว่าเป็น Signature ของ EJ คือเพลง At last  ผมว่าเพลงนี้คุ้นหูคนไทยเพราะเคยมีคนนำมาใช้ประกอบโฆษณาทางทีวี



อาจเป็นว่าผมรู้จักเพลงนี้มาตั้งแต่ครั้งอยู่กับ ‘ซี้คลาสสิก’ แถมชอบสุดขั้ว  พอได้ฟังฉบับของ BK แล้ว  เกิดอคติ  ผมว่าเสียงของเธอหวานไปเลยให้อารมณ์ไม่เท่าต้นฉบับ  หรือพูดอย่างมีอคติคือ ยังห่างชั้นอยู่
ลองฟังเสียงต้นฉบับดู


 
EJ นี่เป็นตัวทำเงินและทำชื่อเสียงให้ Chess Records  ความสามารถของเธอเป็นที่ยอมรับในวงการเพลงถึงขนาดได้รับเลือกเข้าไปอยู่ใน Rock and Roll Hall of Fame อันเป็นเกียรติสูงสุดของศิลปินเพลง  ความจริงนักร้องในสังกัดของ Chess Records ทุกคนที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้รับเลือกหมด  นับเป็นบริษัทแผ่นเสียงเล็ก ๆ ที่ผลิตนักร้องที่มีคุณภาพออกมามากที่สุด  และเป็นรากแก้วของวงการเพลงคนผิวดำในปัจจุบัน
 
ในตอนจบเป็นฉากการเสียชีวิตของ LC ด้วยโรคหัวใจกำเริบ



ผมอ่านประวัติของ Chess Records พบว่าที่จริงแกนนำผู้ก่อตั้งบริษัทไม่ได้มีแค่ LC คนเดียวแต่ยังมีน้องชาย Phil อีกคน  แต่ LC เป็นหัวหอกเริ่มต้น
 
หมายเหตุ – แถมเพลงของ Etta James อีก 2 เพลง  เธอร้องเพลงจังหวะมัน ๆ ได้เด็ดดวงไปเลย  ผมรวบรวมเพลงแนวนี้ไว้ได้กว่า 10 เพลง


 


 
เพลงช้านี้ฟังแล้วรู้เลยว่าคนร้องเจ็บปวดแค่ไหน... ร้องจากวิญญาณ  นักร้องผิวดำเท่านั้นที่ทำได้



จบด้วย... Etta James (and friends) Live! …. What’d I say (1966)

(ผู้หญิงอีกคนคือ นักร้องเพลง soul ชื่อ Esther Phillips  ตอนเธอดังใช้ชื่อ Little Esther)



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 74 75 [76] 77
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.088 วินาที กับ 20 คำสั่ง