เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 62 63 [64] 65 66 ... 77
  พิมพ์  
อ่าน: 83346 ฉากประทับใจในหนังเก่า (3)
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 945  เมื่อ 04 ม.ค. 22, 13:45

         หนึ่งบุคคลสำคัญน่ากล่าวถึงสำหรับแวดวงการบันเทิงไทย คือ ผู้กำกับภาพของเรื่องนี้ - สยมภู มุกดีพร้อม
          ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายสำนัก จนมีการคาดการว่า น่าจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ แต่ ไม่ได้

รอบพิเศษเพราะเพิ่งนึกได้  กำลังจะเข้ามาเสริมพอดี

ขอบคุณในความกรุณามาก ๆ ครับ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 946  เมื่อ 05 ม.ค. 22, 09:30

ในปี 2019 ก็มีหนังเกย์เกรด A อีก 1 เรื่องข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากสเปญออกฉายคือ Pain and Glory หนังสร้างโดย Pedro Almodovar  ใช้ดาราสเปญชั้นนำที่ข้ามฟากมาเป็นนักแสดงระดับคุณภาพในฮอลลีวู้ดอย่าง Antonio Banderas ดาราคู่บุญกับ ผกก. (เล่นให้มาแล้ว 8 เรื่อง) และ Penelope Cruz (6 เรื่อง)

หนังเล่าเกี่ยวกับผู้กับกำหนังในวัยร่วงโรยรำลึกถึงเรื่องราวของตัวเองในอดีตพร้อม ๆ กันนั้นก็คิดจะทำหนังส่งท้ายสักเรื่อง




เป็นหนังที่นำเสนอแบบซับซ้อน  คือย้อนเวลาไปมา  จึงต้องจับตาดูดี ๆ  ตอนจบทำเอาขนลุกไปเลยเมื่อรู้ว่ากำลังดูหนังซ้อนหนัง  เลยต้องย้อนกลับไปดูใหม่ตั้งแต่ต้น

ตอนแรกคิดว่านี่คือรักที่ ผกก. ต้องการรำลึกถึง




แต่เปล่าเลยหนุ่มไร้การศึกษาที่มาช่วยแม่ตัวเองทำงานซ่อมแซมบ้านเมื่อนานนมมาแล้วนี่ต่างหาก
 



(หา clip ด้วยชื่อหนังภาษาสเปญต้นฉบับ เลยไม่มีบรรยายอังกฤษ)

ซึ่งลืมไปแล้วจนกระทั่งวันหนึ่ง (ในเหตุการณ์จริง)  เธอก็ได้เจอหลักฐานที่ทำให้ต้องรำลึกถึงและสรุปว่านี่แหละ ‘The first desire’ (เริ่มที่ 1:43 ของหนังฉบับเต็ม – ประทับใจสุดขีด)

เพราะว่าเป็นหนังภาษาต่างประเทศ  จึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar สาขาหนังยอดเยี่ยมภาษาต่างประเทศ  ตัว AB ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงดารานำ

Antonio Banderas ดาราใจดีให้ความกรุณานำเรื่องนี้มาลง youtube ให้ชมทั้งเรื่องพร้อมบรรยายภาษาอังกฤษ



กรุณาชมครับ  หนังดีสุดขีดเรื่องหนึ่ง
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 947  เมื่อ 07 ม.ค. 22, 08:39

Antonio Banderas ข้ามมาเล่นหนังพูดภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี 1992 คือเรื่อง The Mambo Kings หนังสร้างจากนิยายรางวัล Pulitzer  เล่าเรื่องย้อนยุคไปช่วงปี 1950s  เมื่อ 2 พี่น้องนักดนตรีชาวคิวบาเกิดไปมีเรื่องกับมาเฟียใน nightclub  เรื่องทำท่าจะใหญ่โตถึงชีวิตจึงต้องรีบอพยพย้ายถิ่นฐานมาขออาศัยแผ่นดินอเมริกาอยู่  จากนั้นทั้งคู่ก็ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่

Armand Assente กับ AB เล่นเป็นพี่น้องคู่นี้

หนังเรื่องนี้มีดารารับเชิญเป็นนักร้อง 2 คนที่กำลังดังสนั่นในแวดวงเพลงลาตินในช่วงนั้นคือ

Tito Puente (คิวบา-อเมริกัน, 1923-2000)




Celia Cruz (คิวบา, 1925-2003)


ในฉากเพลง Guantanamera นี้เป็นฉากที่ผมถือเป็นการส่วนตัวว่าเป็น highlight ของเรื่อง  เธอร้องเพลงนี้เพราะไปคนละแบบกันคณะ Sandpipers   ถูกใจถึงกับลงทุนซื้อแผ่นซีดีมาฟังเธอร้องเพลงนี้แบบเต็ม ๆ เพลง

ขณะอยู่ที่อเมริกา 2 พี่น้องได้ไปรู้จักกับชาวคิวบาอพยพชื่อ Desi Arnaz (ต่อมาแต่งงานกับ Lucille Ball) ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงจากการเป็นหัวหน้าวงดนตรีลาตินและเจ้ารายการโชว์ดังทางทีวี I Love Lucy
 
DA จึงเชิญ 2 พี่น้องมาออกรายการ  ทั้งคู่ร้องเพลง "Beautiful Maria of My Soul" ออกอากาศทางทีวี




ประวัติของเพลงนี้เริ่มต้นย้อนไปยังช่วงก่อนจะอพยพย้ายถิ่นจากคิวบา  น้องชายเธอมีความรักกับสาว Maria  ก่อนอพยพทั้ง 2 ทะเลาะกัน  การหนีมาจึงทำให้ไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกัน  พอย้ายมาอยู่ที่ใหม่จึงมีแต่ความคิดถึง  ถึงขนาดแต่งเพลงอุทิศเพื่อเก็บไว้รำลึก  แม้ในเวลาต่อมาจะพบสาวใหม่ถึงขั้นตกลงปลงใจเข้าเรือนหอกันก็ไม่สามารถลืมรักแท้ได้ 

เรื่องร้อนถึงพี่ชายซึ่งเก็บงำความลับไว้จำต้องเผยออกให้น้องชายหายข้องใจว่าที่น้องชายกับแฟนทะเลาะกันไม่ใช่เพราะเรื่องนอกใจอะไรแต่เพราะ Maria ไปได้ข่าวว่าหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียมีดำริจะฆ่าล้างบาง  จึงเข้าไปเจรจาขอต่อรองโดยเสนอตัวเป็นเมียหัวหน้าแก๊งค์เพื่อเปิดโอกาสให้ 2 พี่น้องรอดชีวิตและหนีไปได้ (แต่ในที่สุดน้องชายก็มาตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนท้ายเรื่อง)

เกร็ดจากการถ่ายทำหนังเรื่องนี้คือ

“Antonio Banderas couldn't speak English when this movie was filmed, and thus performed all his lines phonetically. Armand Assante couldn't speak Spanish and also performed all his lines phonetically”

เพลงเอกของเรื่องถูกนำมาร้องในหลายฉาก  ฉบับภาษาอังกฤษให้เสียงโดยคณะ Los Lobos  แต่ฉบับภาษาสเปนร้องโดย AB เอง




เพลงฉบับภาษาอังกฤษได้เข้าชิง Oscar และได้รับรางวัล  ฉบับอัดลงแผ่นขายมีการเรียบเรียงใหม่  ร้องโดยคณะ Los Lobos  ผมว่าเพราะที่สุด




ตัวอย่างหนัง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 948  เมื่อ 08 ม.ค. 22, 08:25

ขอคั่นรายการด้วยข่าวจากไปของดาวสีนิลดวงใหญ่ในอดีต  Sidney Poitier  (ฝรั่งออกเสียงนามสกุลเขาว่า พัวติเย   ส่วนคนไทยเรียกว่า ปอยเตียร์
จากไปในวัย 94 ปี
เขาเป็นดาราชายผิวดำคนแรกที่ได้รับรางวัลออสคาร์ผู้แสดงนำชาย 
คนไทยรุ่นคุณปู่คุณย่าจำเขาได้ดีจากหนังดัง  แด่คุณครูด้วยดวงใจ หรือ To Sir,With Love


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 949  เมื่อ 08 ม.ค. 22, 08:28

To Sir with Love  ปี 1967  เป็นหนังของครูหนุ่มผิวดำที่ต้องไปสอนในโรงเรียนเด็กเหลือขอผิวขาว มีกิตติศัพท์ว่าเล่นงานครูกระเจิดกระเจิงมาแล้วหลายราย   หลังจากอดทนมาหลายยก ความรักและปรารถนาดีของครูก็ชนะใจเด็กหนุ่มสาวได้  ดังที่เห็นในฉากสุดท้าย

ลูลู นักร้องหญิงชาวอังกฤษ ดังไปทั่วโลกในเพลงนี้

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 950  เมื่อ 10 ม.ค. 22, 10:28

ลัดคิวขึ้นมาเพื่อให้ทันกับเหตุการณ์...

In the Heat of the Night (1967) ได้รับ Oscar หนังยอดเยี่ยม (+ สาขาอื่น ๆ)  หนังเล่าเรื่องคดีฆาตกรรมมหาเศรษฐีนักธุรกิจในวงการอุตสาหกรรมในเมืองเล็ก ๆ ของรัฐ Mississippi

ในช่วงสด ๆ ของการเกิดเหตุ  ตำรวจเผอิญไปได้ตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาวผิวดำที่สถานีรถไฟ  หลังจากสอบสวนไปมาก็พบความอึ้ง  กล่าวคือหนุ่มผิวดำผู้นั้นคือนักสืบคดีฆาตกรรมมือหนึ่งจากเมือง Philadelphia ที่กำลังจะต่อรถไฟไปยังจุดหมายปลายทาง

ผู้กำกับฯ ประจำท้องที่เลยต้องขออาศัยสมองจากมืออาชีพมาช่วยคลี่คลายคดี

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ไม่ชื่นมื่น  เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุอยู่ในย่านที่ขึ้นชื่อมากเรื่องการเหยียดผิว  และ ผกก. เธอก็ได้ชื่อว่ายืนอยู่แถวหน้าของขบวนการการเหยียดผิวนี้  เหตุการณ์กระอักกระอ่วนและกระทบกระทั่งจึงเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้




2 นักแสดงชั้นยอด Rod Steiger (ได้ Oscar จากเรื่องนี้) และ Sidney Poitier ปะทะฝีมือกันอย่างไม่ปราณีใคร  กำไรตกใส่ตาคนดูจนบวมเป่ง




หลังจากเสร็จงานที่ฝากฝีมือให้เป็นที่ประทับใจ  พระเอกก็ออกเดินทางต่อ  พร้อมความรู้สึกฉันมิตรที่แตกต่างจากตอนที่เจอกันในครั้งแรก




บทหนังในเรื่องนี้ (ได้ Oscar ด้วยเช่นกัน) มีช่วงหนึ่ง (0.54) คือคำพูดที่ว่า "They call me Mister Tibbs!" เป็นที่กล่าวขานและเป็นคำพูดที่ใช้ติดปาก (คนที่อเมริกาน่ะ) มาตลอดจนถึงปัจจุบัน  ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือในวงการบันเทิง  ส่วนใหญ่จะใช้ในสถานการณ์ตลกโปกฮา  หรือเหน็บแนม (คือเวลาพูดประโยคนี้้ต้องทำหน้าเชิดแล้วส่งน้ำเสียงกระแทกกระทั้น  เลียนแบบพระเอกในหนัง)

A particularly famous line in the film comes immediately after Gillespie mocks the name "Virgil":
 
Gillespie: "That's a funny name for a nigger boy that comes from Philadelphia! What do they call you up there?"
(An annoyed) Tibbs: "They call me Mister Tibbs!"

This reply was later listed as number 16 on the American Film Institute's 100 Years...100 Movie Quotes, a list of top film quotes



บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 951  เมื่อ 10 ม.ค. 22, 14:01

          เพลงเอกเปิดเรื่อง ชื่อเดียวกับหนัง จากเสียงร้องของ Ray Charles ผลงานการประพันธ์ดนตรีโดย Quincy Jones
และเนื้อร้องจากสองคู่ชีวิต Alan and Marilyn Bergman ซึ่งฝ่ายหญิงเพิ่งจากไปเมื่อวันที่ 8 นี้เอง
(ผลงานสร้างชื่อของทั้งคู่ อาทิ เช่น The Windmills of Your Mind และ The Way We Were)

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 952  เมื่อ 11 ม.ค. 22, 08:27

         เพลงเอกเปิดเรื่อง ชื่อเดียวกับหนัง จากเสียงร้องของ Ray Charles ผลงานการประพันธ์ดนตรีโดย Quincy Jones
และเนื้อร้องจากสองคู่ชีวิต Alan and Marilyn Bergman ซึ่งฝ่ายหญิงเพิ่งจากไปเมื่อวันที่ 8 นี้เอง
(ผลงานสร้างชื่อของทั้งคู่ อาทิ เช่น The Windmills of Your Mind และ The Way We Were)


อุ๊ย... กำลังจะเอาเรื่องลงวันนี้พอดี  ช่างประจวบเหมาะดีแท้


ปี 2004 ฮอลลีวู้ดทำหนังประวัตินักร้องผิวดำซึ่งเป็นตำนานในวงการเพลงสากลคือ Ray Charles  ในบ้านเรานักฟังเพลงทุกคนรู้จัก Ray  แต่จะรู้จักเพลงของเธอมากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง




ในเรื่องนี้รวบรวมเพลงดัง ๆ เอามาประกอบในฉากต่าง ๆ มากมาย  ดูแล้วตื่นตาตื่นใจ  เพราะผมรู้จักเพลงของเธอ (เฉพาะที่อยู่ในอันดับเพลง) เยอะแยะ

Hit the road jack เป็นตอนที่ Ray ทำนักร้องในวงท้อง  แล้วโดนยื่นคำขาดให้เธอเลิกกับเมียมากินอยู่ด้วยกัน
 


ในความจริง Ray ไม่ได้แต่งเพลงนี้  ส่วนวง backup ของ Ray  เคยเป็นวงดังมาก่อนคือ The Cookies/Raelettes ร้องเพลงที่เราเคยได้ยิน 2-3 เพลง เช่น




What’d I say เป็นตอนที่ Ray ออก concert เล็ก ๆ แล้วจบก่อนเวลาที่บอกไว้ในสัญญา  เจ้าของงานจะเอาเรื่อง  แต่เธอก็แก้ปัญหาได้ด้วยการแต่งเพลงใหม่และร้องกันสด ๆ ตรงนั้นเลย
 


ผลก็คือคนชื่นชอบมาก  บ. แผ่นเสียงถึงกับเอามาตัดต่อเป็น single ขาย  แรก ๆ ก็กังวลว่าเพลงยาวเกินมาตรฐานของ singles ทั่วไปในยุคนั้น  แต่ความไพเราะก็พิสูจน์ว่าถึงเพลงจะยาวถึง 6 นาทีกว่า  แต่ก็ไม่เป็นปัญหา  เพลงขึ้นถึงอันดับ 1 ใน Billboard ฝั่ง R&B  และอันดับ 6 ในฝั่ง Pop

ฉบับ single ที่ออกขาย


(ฟังเพราะติดหูแบบนี้ไม่ดังก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร)


ในปี 1962 Ray ปล่อยเพลง I can’t stop loving you ออกมาล่อหูนักฟังเพลง  เพลงนี้ติดอันดับ 1 ใน pop chart นานถึง 5 สัปดาห์  และ 10 สัปดาห์ใน R&B chart  มันกลายเป็นเพลงอันดับ 1 เพลงสุดท้ายและเป็นเพลงที่ดังที่สุดของเธอ




ขณะที่ครึ่งค่อนโลกเปิดเพลงฉบับของ Ray นี้กันทั่วบ้านทั่วเมือง  ฉบับของเธอกลับเงียบกริบในบ้านเรา  แต่ไม่ใช่ว่าบ้านเราไม่รู้จักเพลงนี้  นักฟังเพลงทุกคนในยุคนั้นรู้จักเพลงนี้จากเสียงร้องของ Sue Thompson (ไม่ใช่ single ของเธอ)



ความที่ผมก็เช่นกันที่รู้จักเพลงนี้จากเสียงของ ST มาก่อน  พอมาฟังต้นฉบับของ Ray  ผมกลับคิดว่า Ray ร้องไม่เพราะเท่า


อีกเพลงในหนังที่นักฟังเพลงบ้านเรารู้จักดี




หนังดังสุดกู่ตอนออกฉายแล้วยังเข้าไปอาละวาดบนเวที Oscar ด้วย  ผมไม่ได้ดูที่โรงเพราะแก่แล้วขี้เกียจเดินทาง  พอมาฉายทาง UBC ผมดูแล้วดูอีก

หมายเหตุ - ทุกเพลงในหนังเป็นเสียงร้องของ Ray; "Jamie Foxx has a good singing voice and can do a pretty respectable impression, but he is no Ray Charles. The singing you're hearing in the film is Charles'"

ปล. ใครที่คิดว่าชอบเพลง soul (60s) / R&B (70s)  ติดต่อมาได้ครับ  มีเพลงเพราะ ๆ ที่จะแนะนำให้ฟังมากมาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 953  เมื่อ 11 ม.ค. 22, 08:31

ขอย้อนกลับไปหาคุณทวดซิดนีย์อีกสักเรื่อง  ข้างล่างนี้คือหนัง Guess Who's Coming to Dinner  ปี 1967  ที่นำเสนอประเด็นท้าทายสังคมยุคนั้น ในรูปแบบของโรแมนติคคอมเมดี้    เมื่อสามีภรรยาชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง พบว่าลูกสาวคนสวยพาแฟนมาให้พ่อแม่รู้จัก มีคุณสมบัติดีพร้อม เป็นถึงนายแพทย์   เว้นอย่างเดียวที่ช็อคว่าที่พ่อตาแม่ยายมากคือ เขาเป็นคนผิวดำ
ซิดนีย์กำลังหนุ่มแน่นเมื่อเล่นบทนี้    หล่อ มาดดีกว่าหนุ่มผิวขาวเสียอีก
ยอดพ่อตาในเรื่อง สเปนเซอร์ เทรซี่  ได้ตุ๊กตาทองไปจากบืทในหนังเรื่องนี้



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 954  เมื่อ 11 ม.ค. 22, 08:37

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 955  เมื่อ 11 ม.ค. 22, 09:05

ขอย้อนกลับไปหาคุณทวดซิดนีย์อีกสักเรื่อง  ข้างล่างนี้คือหนัง Guess Who's Coming to Dinner  ปี 1967  ที่นำเสนอประเด็นท้าทายสังคมยุคนั้น ในรูปแบบของโรแมนติคคอมเมดี้    เมื่อสามีภรรยาชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง พบว่าลูกสาวคนสวยพาแฟนมาให้พ่อแม่รู้จัก มีคุณสมบัติดีพร้อม เป็นถึงนายแพทย์   เว้นอย่างเดียวที่ช็อคว่าที่พ่อตาแม่ยายมากคือ เขาเป็นคนผิวดำ
ซิดนีย์กำลังหนุ่มแน่นเมื่อเล่นบทนี้    หล่อ มาดดีกว่าหนุ่มผิวขาวเสียอีก
ยอดพ่อตาในเรื่อง สเปนเซอร์ เทรซี่  ได้ตุ๊กตาทองไปจากบืทในหนังเรื่องนี้


ขออนุญาตแก้ไขครับ 'จาร

Spencer Tracy ได้แค่เข้าชิงครับ

คนที่ได้ Oscar คือ Katharine Hepburn เธอได้เป็นตัวที่ 2 จากทั้งหมด 4

เป็นหนังที่เรียกว่าห้ามพลาด  แต่ก็พลาด  เพราะ IBC ไม่ได้เอามาฉาย (หรือเอามาฉายแต่พลาดเอง)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 956  เมื่อ 11 ม.ค. 22, 09:47

อ้าว ขอโทษค่ะ  เจอในกูเกิ้ลแล้วไม่ได้ดับเบิ้ลเช็ค 
ขออภัยทุกท่านด้วยค่ะ
ขอบคุณคุณโหน่งมากค่ะ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 957  เมื่อ 12 ม.ค. 22, 09:17

Little voice (1998) เป็นหนังเล็ก ๆ จากฝั่งอังกฤษเล่าเรื่องสาวน้อยขี้อายมาก ๆ เธอไม่ชอบเข้าสังคม  วัน ๆ ก็ขลุกอยู่กับกองแผ่นเสียงเก่า ๆ  แล้ววันหนึ่งก็มีคนค้นพบความสามารถพิเศษของเธอ (น่าแปลกใจจัง ไม่มีใครนำ trailer ของหนังเรื่องนี้มาลง youtube เลยแฮะ)






ฉากนี้เพลินมาก


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 958  เมื่อ 13 ม.ค. 22, 09:15

วันนั้นไม่รู้จะดูอะไรดีก็เปลี่ยนช่อง UBC ไปเรื่อย ๆ ก็พบกับหนังจีนเรื่องหนึ่ง  ปกติผมจะดูแต่หนังฝรั่ง  แต่หนังจีนเรื่องนี้แปลกดี  ก็เลยดูซักหน่อย  ดูไปดูมา ‘เฮ้ย... สนุกนี่หว่า  ตลกชะมัดเลย’

หนังที่ว่าชื่อ Kung Fu Hustle  ผมว่าหลายคนคงต้องเคยได้ดูมาแล้ว  หนังตลกตรงที่ว่า  การแสดงทำเหมือนการ์ตูนของฝรั่ง  เช่น Road Runner  เป็นตลกเจ็บตัวแบบเว่อร์ ๆ 

อ่านข่าวได้ความว่าดังสุดขีดไปทั่วโลก

ฉากเปิดเรื่องเท่มาก



ฉากตลกแบบที่ว่ามากมาย










บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 959  เมื่อ 14 ม.ค. 22, 08:47

Monty Python เป็นชื่อกลุ่มรวมดาวตลกชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงในยุคต้น 70s  พวกเขามีรายการทีวีของตัวเอง  จากนั้นก็ขยายมาทำหนังโรงบ้าง โดยเรื่องแรกเป็นการรวบรวมมุขต่าง ๆ สมัยเล่นทางทีวีมาปรับปรุง

แต่หนังโรงเรื่องแรกที่ไม่ได้อาศัยเอาของเก่ามาหากินชื่อ Month Python and the Holy Grail (1975)  เป็นหนังตลกเสียดสีประวัติศาสตร์ของอังกฤษในยุคกษัตริย์ Arthur ตอนตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์

ตอนออกฉายหนังได้รับคำสรรเสริญท่วมท้นทั้งฝั่งอังกฤษและอเมริกา  บัดนี้ก็ขึ้นทำเทียบหนังตลก classic ตลอดกาลเรื่องหนึ่ง (ในจำนวนนั้นก็มีเรื่อง Airplane! ที่ผมเคยฝอยถึงไปแล้ว)

หนังเรื่องนี้มาฉายในเมืองไทย  ถ้าจำไม่ผิดฉายที่โรงหนัง President  ผมไปดูกับเพื่อน  ดูจบเพื่อนด่าใหญ่  (ขออนุญาตใช้คำพูดต้นฉบับ) ‘หนังห่าอะไรวะ  โคตรงี่เง่าเลย  แถมดูไม่เห็นรู้เรื่อง’  ผมเถียงว่า ‘ตลกจะตายไป มึงดูหนังตลกฝรั่งไม่เป็นเองแล้วไปว่าเค้า’

ฉากประทับใจสุดขีดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  ไม่รู้คิดมุขได้ยังไง



บ้าบอสุด ๆ







อีก 2 ปีต่อมา  คณะตลกชุดนี้ก็สร้างหนังใหญ่อีกเรื่องคือ Jabberwocky  เล่าเกี่ยวกับช่างมือฝึกหัดทำถังไม้ที่จับพลัดจับผลูต้องไปพิชิตมังกร  SP บอกว่าเป็นหนังตลกเหมือนเรื่องแรก  พอมาเข้าฉายที่เมืองไทย  ผมแกล้งชวนเพื่อนคนเดิมไปดู  เพื่อนตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ  ‘มึงไปของมึงเองเหอะ’
 
ผมก็ฉายเดี่ยวไปซื้อตั๋วดูโดยทันควันด้วยความมาดมั่น  ปรากฏว่าหลับสนิท  จำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ฉากเดียว  ขนาดดู clip ใน youtube ตั้งหลายชุดก็นึกเรื่องราวต่อจากนั้นไม่ออก

หมายเหตุ – เพื่อนถามว่าเป็นไงตลกเหมือนเรื่องแรกรึเปล่า  ผมตอบแบบไม่ให้เสียเชิง (ความจริงกลัวมันหัวเราะเยาะ) ว่า  ‘ตลกดี  ขำซะน้ำตาเล็ด’

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 62 63 [64] 65 66 ... 77
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.081 วินาที กับ 20 คำสั่ง