เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 59 60 [61] 62 63 ... 77
  พิมพ์  
อ่าน: 83390 ฉากประทับใจในหนังเก่า (3)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 900  เมื่อ 13 ธ.ค. 21, 09:27

ไม่ชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้ค่ะ   มันซ้ำดาษดื่นกับหนังอีกนับไม่ถ้วน คือจบแบบความลับจะต้องถูกปกปิดเพื่อรักษาหน้าตา หรือชื่อเสียง หรือฐานะของใครสักคน
ทั้งๆเป็นความคิดที่ผิด
ถ้าหากว่าแก้สคริปต์ได้ตามใจชอบละก็  จะให้ความลับเปิดเผยออกมา  แล้วคอยดูสีหน้านางเอกว่า วันนี้ที่รอคอย ของเธอ เป็นอย่างไร
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 901  เมื่อ 14 ธ.ค. 21, 07:38

ใครจำหนังรักโรแมนติดระหว่างมนุษย์หนุ่มกับเงือกสาวได้บ้างคะ
เป็นเรื่องแรกที่รู้จัก Tom Hanks


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 902  เมื่อ 14 ธ.ค. 21, 07:42

ฉากใต้น้ำถ่ายทำได้แนบเนียน   แสงเงาสวยมาก  นางเอกก็เล่นฉากใต้น้ำได้ราวกับเงือกจริงๆ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 903  เมื่อ 14 ธ.ค. 21, 09:10

ใครจำหนังรักโรแมนติดระหว่างมนุษย์หนุ่มกับเงือกสาวได้บ้างคะ
เป็นเรื่องแรกที่รู้จัก Tom Hanks


จำได้อย่างแม่นยำครับ  ตอนนั้น Darryl Hannah ยังน่ารักมาก  เดี๋ยวนี้ดูเหมือนผู้ชาย

พยายามหาฉากที่ลุง Tom พานางเงือกไปห้าง  ประตูเข้าห้างเป็นประตูหมุน  นางเงือกผลักประตูแล้วเดินเข้าไป  ประตูก็หมุนไปเรื่อย ๆ แล้วพาเธอออกมาข้างนอกห้างเหมือนเดิม

นางเงือกทำหน้างง ๆ ได้น่ารัก
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 904  เมื่อ 14 ธ.ค. 21, 09:13

วันนี้ไม่ได้มาคุย  แต่จะมาถาม  เรื่องก็คือหนังทีวีชุด The Man from U.N.C.L.E. ที่เคยมาฉายในบ้านเรา  แล้วพวกเราก็ติดกันงอมแงม  ที่บ้านเค้าก็ดังสนั่นขนาดมีการสร้างออกมาเป็นหนังใหญ่ฉายโรง  ซึ่งก็มาฉายในบ้านเราด้วย  แต่จะมากี่ตอนก็จำไม่ได้

ตอนที่ได้ดูฉายที่โรงเฉลิมไทย  จำอะไรไม่ได้นอกจากฉากหนึ่งที่นางเอกทอมบอย (Kim Darby) นั่งรถพระเอกหนีการไล่ล่าของผู้ร้าย  รถคนนี้เป็นรถพิเศษคือเมื่อถึงทางโค้งแบบหักข้อศอก  ตัวถังรถจะยืดไปตามทางโค้งด้วยซึ่งทำให้เกาะถนนได้ดี
 



จำได้แค่นี้  พอ wikiฯ เจริญพันธุ์แล้วสามารถค้นข้อมูลได้ว่าชื่อตอน The Karate Killers (1967)  ส่วนฉากที่ว่าจะอยู่ในตอนนี้หรือว่าเอาไปปนเปกับเรื่องอื่นก็ไม่สามารถค้นหาความจริงได้เพราะ  ไม่มีหนังเต็ม ๆ ให้เช็ค




พวกเรามีใครเคยดูหนังเรื่องนี้บ้างครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 905  เมื่อ 15 ธ.ค. 21, 09:22

ไม่เคยดูค่ะ  ตอนเป็นหนังทีวีก็ดูบ้างไม่ดูบ้าง  ไม่ชอบหนังแนวนี้ 
ใครเคยดูช่วยเล่าให้คุณโหน่งฟังด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 906  เมื่อ 15 ธ.ค. 21, 09:38

ผมได้ดูหนัง Gone with the wind (1939) ทางโรงภาพยนตร์รวมทั้งหมด 3 ครั้ง  ครั้งแรกขณะกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.ศ. 4  ครั้งที่ 2 ห่างกัน 1 อาทิตย์  สาเหตุมาจากวันนั้นเป็นวันกีฬาโรงเรียน  พวกเราคนหนึ่งรำพึงดัง ๆ ขึ้นมาว่าน่าหนีโรงเรียนจัง  คนอื่น ๆ แอบได้ยินก็กระซิบใส่กันว่า  หนีโรงเรียนไม่ได้หรอกทำเสียชื่อโรงเรียนชั้นหนึ่งของประเทศหมด  แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเพราะกลัวเพื่อนโกรธ

เผอิญตึกเรียนของเราอยู่ริมคลองเน่า ๆ ที่มีรั้วระแนงผุ ๆ คั่นไว้  เพื่อนเราคนหนึ่งเคยสำรวจไว้นานแล้วเป็นการเผื่อไว้  ว่าระแนงบานหนึ่งมันหลวม  สามารถหมุนได้  ทำให้เกิดช่องว่างกว้างพอเอาตัวรอดผ่านได้

ขบวนการหนีเรียนจึงเกิดขึ้น  เรารอดรั้วระแนงออกไปจำนวนหนึ่ง  แต่พอออกไปแล้วเกิดมีความเห็นขัดแย้ง  จึงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม  กลุ่มหนึ่งไปไหนก็ไม่รู้มัน  แต่กลุ่มผม  ผมแนะว่าไปดูหนัง วิมานลอย กันมั้ย  สมาชิกพยักหน้ากันพร้อมเพรียง
 
เราออกเดินทางข้ามซอยแคบ ๆ แล้วลัดเลาะผ่าเข้าไปในสลัม  มาออกที่ซอยหลังสยามสแควร์ (เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว)  จากนั้นก็เดินทะลุสยามสแควร์มาออกถนนใหญ่  แล้วเดินต่อไปยังโรงหนังฮอลลีวู้ดเพื่อตีตั๋วเข้าไปดูหนัง

ส่วนครั้งที่ 3 เกิดขึ้นตอนผมเข้าทำงานในปีแรก ๆ  หนังมาเข้าโรงนิวโอเดียนย่านเยาวราช  เป็นย่านที่ผมไม่เคยไปมาก่อน เคยไปแต่สำเพ็ง  แต่ก็ดั้นด้นไปจนถึง

จำได้ว่า  ผมนั่งใกล้กับผู้หญิงอายุประมาณป้า (ตอนนี้คงออกเดินทางไกลไปแล้ว)  ช่วงรอหนังฉาย  ป้าหันมาถามว่า  เพิ่งมาดูรึเปล่า  ผมก็ตอบไปแล้วถามว่าคุณป้าละครับ  ป้าบอกว่า  ตอนมาเข้าที่โรงฮอลลีวู้ดป้าก็ไปดู  แต่ไม่ใช่ครั้งแรก  ป้าดูครั้งแรกเมื่อตอนหนังมาฉายครั้งแรกตอนยังสาว ๆ  จะเป็นโรงอะไรผมก็จำไม่ได้แล้ว  เฉลิมบุรีรึเปล่า  สรุปแล้วป้าดูหลายครั้งอย่างน่าประทับใจ

ป้าเล่าต่อว่าตอนหนังมาฉายครั้งแรก  ผู้หญิงบ้านเรา ‘เลิกคิ้ว’ ข้างเดียวแบบ Vivien Leigh กันเป็นแถว

ป้าถามว่าผมชอบใคร  ผมบอกว่า VL เป็นของตายที่ผมต้องชอบ  แล้วยังมี Mammy กับ Prissy  แต่อีกคนหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ คือ ป้า Pittypat Hamilton ทุกฉากที่เธอโผล่มารับประกันเรื่องความขบขัน


(เธอโผล่โฉมที่ 0:18 (คนขวามือที่โบกพัด  ที่ต่อมาเป็นลม (1.27))


ยังมีอีกฉากเกิดขึ้นที่บ้านของป้าที่ Atlanta  เมื่อป้าเห็นว่าภัยย่างกรายเข้ามาจวนตัวแล้ว  อพยพหนีดีกว่า (clip ที่ 2 ตอนท้ายมีฉากบางส่วนของป้า (0.39) เสียดายไม่มีฉากเต็ม ๆ ซึ่งตลกน่ารัก)

บทป้า Pittypat ในหนัง วิมานลอย เล่นโดยนักแสดง Laura Hope Crew (1879-1942)  เธอเริ่มต้นอาชีพด้วยการแสดงละครเวทีก่อนมาเริ่มเล่นหนังโดยรับบทตัวประกอบมาโดยตลอด
 
ความที่เป็นนักแสดงเวทีที่เจนจัด  หมายความว่าต้องมีความถนัดในการออกเสียง  ต่อมาเมื่อวงการหนังเปลี่ยนจากหนังเงียบเป็นหนังเสียง  นักแสดงหนังเงียบชื่อดังหลายคนเช่น Gloria Swanson  จึงจ้างเธอให้มาช่วยฝึกการออกเสียง

ต่อมาอีกนานเมื่อเมืองไทยมีช่อง TCM และเอาหนัง Camille (1936) มาฉาย  ผมก็พบเธออีกครั้งในบทตลก ๆ น่ารัก ๆ (clip ที่ 2 ตอนต้น (0.22))

clip ที่ 2


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 907  เมื่อ 15 ธ.ค. 21, 10:25

      จากหนังตัวอย่าง ตอน The Karate Killers (1967) ในยูทูบ เห็นภาพรถคันนี้
      และ ได้เห็น นักแสดงมีชื่ออีกหลายคน เช่น Joan Crawford, Telly Savalas, Jill Ireland
      และ เหมือนว่าจะเคยผ่านตากับฉากลุ้นระทึกตอน Illya Kuryakin ถูกจับนอนบนสายพานเลื่อนตามก้อนน้ำแข็งไปสู่กิโยตินเจาะ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 908  เมื่อ 15 ธ.ค. 21, 11:16

               วิมานลอย(1939) มาฉายในไทยครั้งแรกตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว นานเกินจนไม่เห็นข้อมูลว่า โรงไหน พ.ศ.ใด
พบเพียงว่า มีการเปรียบทียบรายได้กับหนังไทย เรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย ที่ออกฉายในปี 2492
          หลังจากเป็นตำนานที่นานมากๆ, ต่อมาจึงมีการนำฟิล์มเก่า,ด้อยคุณภาพมาเข้าฉายที่ โรงหนัง สุขุมวิท ก่อนที่
จะเป็นฟิล์มบูรณะใหม่เข้าฉายที่ฮอลลีวู้ด จากนั้นจึงเป็นการฉายในรายการพิเศษของหอภาพยนตร์ที่ สกาลา และ
          ปัจจุบัน ไม่ได้ติดตามดูว่า สถานภาพของวิมานลอยที่เกือบเคยลอยไปเพราะกระแส black lives matter นั้น
ลอยไปถึงไหนแล้ว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 909  เมื่อ 16 ธ.ค. 21, 07:27

ไม่ได้ติดตามเรื่อง Gone with the Wind  เลยเพิ่งรู้ว่าหนังเรื่องนี้โดนหางมรสุมจากขบวนการต่อต้านการเหยียดผิว ด้วย
โดนถอนออกจากรายการ HBO Max


https://www.vanityfair.com/hollywood/2020/06/gone-with-the-wind-hbo-max-removed
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 910  เมื่อ 16 ธ.ค. 21, 09:42

หนัง วิมานลอย เป็นตำนานหน้าแรกของวงการภาพยนตร์  เบื้องหลังการสร้างหนังเรื่องนี้ก็จัดเป็นตำนานอีก 1 บท  หนังสือ SP เล่าให้ฟังมาตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆ ถึงความวุ่นวายกันตั้งแต่ทำบท การหาทำเลสถานที่  ฯลฯ แต่ที่มันที่สุดคือการหาตัวนักแสดง  โดยเฉพาะเหล่านักแสดงนำ

ความสนุกถึงขนาดมีการจัดทำเป็นหนังสือออกขาย  ตามด้วย video (ผมมีฉบับนี้  เป็นฉบับ ผี  ซื้อมาตั้งแต่ dvd ยังไม่เกิด)  และตามด้วย dvd  ในเวลาต่อมา

ขออนุญาตนำส่วนหนึ่งของตำนานเฉพาะการหาตัวนักแสดงนำมาเผื่อแผ่  แค่อ่านก็สนุกแล้ว

The casting of the two lead roles became a complex, two-year endeavor. For the role of Rhett Butler, Selznick from the start wanted Clark Gable, but Gable was under contract to MGM, which never loaned him to other studios. Gary Cooper was considered, but Samuel Goldwyn—to whom Cooper was under contract—refused to loan him out.

Warner offered a package of Bette Davis, Errol Flynn, and Olivia de Havilland for lead roles in return for the distribution rights.

By this time, Selznick was determined to get Gable and in August 1938 he eventually struck a deal with his father-in-law, MGM chief Louis B. Mayer: MGM would provide Gable and $1,250,000 for half of the film's budget, and in return, Selznick would have to pay Gable's weekly salary; half the profits would go to MGM while Loew's, Inc—MGM's parent company—would release the film.

The searching for the role of Scarlett. Selznick began a nationwide casting call that interviewed 1,400 unknowns. The effort cost $100,000 and proved useless for the main objective of casting the role, but created "priceless" publicity.

Early front-runners included Miriam Hopkins and Tallulah Bankhead, who were regarded as possibilities by Selznick prior to the purchase of the film rights; Joan Crawford, who was signed to MGM, was also considered as a potential pairing with Gable.

After a deal was struck with MGM, Selznick held discussions with Norma Shearer—who was MGM's top female star at the time—but she withdrew herself from consideration.

Katharine Hepburn lobbied hard for the role with the support of her friend, George Cukor, who had been hired to direct, but she was vetoed by Selznick who felt she was not right for the part.

Many famous—or soon-to-be-famous—actresses were considered, but only thirty-one women were actually screen-tested for Scarlett including Ardis Ankerson, Jean Arthur, Tallulah Bankhead, Diana Barrymore, Joan Bennett, Nancy Coleman, Frances Dee, Ellen Drew (as Terry Ray), Paulette Goddard, Susan Hayward (under her real name of Edythe Marrenner), Vivien Leigh, Anita Louise, Haila Stoddard, Margaret Tallichet, Lana Turner and Linda Watkins.




Although Margaret Mitchell refused to publicly name her choice, the actress who came closest to winning her approval was Miriam Hopkins, who Mitchell felt was just the right type of actress to play Scarlett as written in the book.




However, Hopkins was in her mid-thirties at the time and was considered too old for the part. Four actresses, including Jean Arthur and Joan Bennett, were still under consideration.

By December 1938; however, only two finalists, Paulette Goddard and Vivien Leigh, were tested in Technicolor, both on December 20. Goddard almost won the role, but controversy over her marriage with Charlie Chaplin caused Selznick to change his mind.








Selznick had been quietly considering Vivien Leigh, a young English actress who was still little known in America, for the role of Scarlett since February 1938 when Selznick saw her in Fire Over England and A Yank at Oxford. Leigh's American agent was the London representative of the Myron Selznick talent agency (headed by David Selznick's brother, one of the owners of Selznick International), and she had requested in February that her name be submitted for consideration as Scarlett.

By the summer of 1938 the Selznicks were negotiating with Alexander Korda, to whom Leigh was under contract, for her services later that year. Selznick's brother arranged for them to meet for the first time on the night of December 10, 1938, when the burning of Atlanta was filmed.

In a letter to his wife two days later, Selznick admitted that Leigh was "the Scarlett dark horse", and after a series of screen tests, her casting was announced on January 13, 1939. Just before the shooting of the film, Selznick informed newspaper columnist Ed Sullivan: "Scarlett O'Hara's parents were French and Irish. Identically, Miss Leigh's parents are French and Irish.”

A pressing issue for Selznick throughout casting was Hollywood's persistent failure to accurately portray Southern accents. The studio believed that if the accent was not accurately depicted, it could prove detrimental to the film's success. Selznick hired Susan Myrick (an expert on Southern speech, manners and customs recommended to him by Mitchell) and Will A. Price to coach the actors on speaking with a Southern drawl. Mitchell was complimentary about the vocal work of the cast, noting the lack of criticism when the film came out.

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 911  เมื่อ 16 ธ.ค. 21, 10:21

ไม่เคยเห็นดาราคนไหนเหมาะจะเป็นสคาเล็ตต์เท่าวิเวียน ลีห์  คนอื่นๆที่เห็นรูปมา ไม่เข้าตาเลยค่ะ   
วิเวียนมีบุคลิกของสาวลูกผู้ดีชาวใต้ในยุคศตวรรษที่ ๑๙  ฉายออกมามากกว่าดาราอเมริกัน   ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยาพาที  เข้ากันไปหมด
ส่วนพระเอกก็ใช่ นี่แหละ  เร็ทท์ บัตเลอร์ พระเอกแบดบอย สไตล์มนต์รักอสูรของยุคโน้น ตัวจริงเลย 

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 912  เมื่อ 17 ธ.ค. 21, 07:40

ใครเคยดู Waterloo Bridge (1940) ที่วิเวียน ลีห์แสดงคู่กับโรเบิร์ต เทเลอร์บ้างคะ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 913  เมื่อ 17 ธ.ค. 21, 09:22

ยกมือครับ (กลัว อ. เบื่อหน้าจัง  รู้สึกเหมือนเป็นเด็กนักเรียนนั่งแถวหน้า  พอครูถามอะไรก็  ผมครับ ๆ  แบบประจบครู)

ครั้งหนึ่งช่อง TCM ทำรายการ Vivien Leigh week  มีหนังของเธอมาให้ดูเพียบ  ที่ชอบมากก็

Fire over England (1937) คู่กับ Laurence Olivier


A Yank at Oxford (1938) คู่กับ Robert Taylor


That Hamilton Woman (1941) คู่กับ Laurence Olivier


แล้วก็อีกเรื่องแต่เก็บไว้ก่อน
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 914  เมื่อ 17 ธ.ค. 21, 09:36

ต่อเรื่อง Gone with the wind...

จาก วิดีโอ ที่ดูมาพร้อมกับอ่านบทความมากมายมานานแล้ว  ได้ความรู้เพิ่มเติมสนุก ๆ เช่น  ก่อนกำเนิดของตำนานเรื่องนี้  แรกเริ่มมันคืองานเขียนที่ผู้เขียนบรรยายว่า ‘โคตรจะน่าเบื่อ’ เธอใช้ชื่อว่า ‘Tomorrow is another day’ และตัวละครเอกสาวเด็ดเดี่ยวจากอเมริกาตอนใต้มีชื่อว่า Pansy O’ Hara.

ก่อนได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือออกขายในปี 1936  กองบรรณาธิการต้องการเปลี่ยนชื่อนางเอก  เพราะชื่อเดิมฟังเหมือนแม่บ้านธรรมดา  โดยให้ไอเดียว่าน่าจะเป็น Scarlett O’ Hara  

ตกลงผู้เขียนต้องจ่ายเงินเอง 50 cents ต่อ ชม. ในการจ้างนักพิมพ์ดีดมาแก้ไขเปลี่ยนชื่อในงานพิมพ์  เธอบ่นให้บรรณาธิการว่าจะไม่มีการเปลี่ยนชื่ออีกแล้ว ‘Personally, we could call her Garbage O’ Hara for all I care’ (สำนวนเหน็บแนมนี้ดังมาก)

สำหรับใครควรแสดงเป็น Rhett Butler เธอให้ความเห็นว่า ‘Comedian, Groucho Marx, best inhabited the qualities as Rhett or Donald Duck, for all I care’ (อีกหนึ่งสำนวนเด็ด)

ในที่สุดชื่อเรื่องก็เปลี่ยนเป็น ‘Gone with the wind’ ส่วนชื่อผู้เขียนก็เปลี่ยนจาก Peggy Marsh เป็น Margaret Mitchell

หนังเรื่องนี้ใช้ผู้กำกับเปลืองถึง 3 คน  คนแรกคือ George Cukor ซึ่งโดนปลดหลังจากถ่ายทำไปได้เพียง 18 วัน (เคยเล่าสาเหตุไปแล้ว)  ผอ. จ้าง Victor Fleming มาทำหน้าที่แทน  VF มีบุคลิกโหดไม่นุ่มนวลเหมือน GC  ดาราหญิงจึงไม่ชอบใจ  พ่อเคยแว้ด Vivien Leigh ครั้งหนึ่งเมื่อ VL ไปถามเรื่องตีบท  ก็ได้คำตอบกลับมาว่า "take the script and stick it up your royal British ass"

แต่ถ่ายทำยังไม่ทันเสร็จ VF ก็เครียดจนสติแตก (บางข้อมูลก็ว่าถึงขนาดจะฆ่าตัวตาย) ทำงานต่อไม่ไหว  ผกก. Sam Wood ถูกเรียกมาถ่ายฉากย่อย ๆ ไปพลาง ๆ ก่อนที่ VF จะสามารถกลับมาทำงานต่อได้

บนจอช่วง credit ของหนังใช้ชื่อ VF เป็นชื่อ ผกก. เพราะทำงานนานกว่าใคร ๆ  (93 วัน) และเธอก็ได้ Oscar ไปครองค่าสติแตก

ฉากแรกที่เริ่มถ่ายทำคือฉากไฟไหม้เมือง Atlanta (1.25)  ฉากนี้ไม่ต้องลงทุนมากเพราะเพียงแต่เอาวัสดุอุปกรณ์ที่เคยใช้เข้าฉากในหนังเรื่องก่อน ๆ [ฉากสิ่งก่อสร้างสูง ๆ ท่ามกลางเพลิงคือประตูยักษ์ในหนัง King Kong (1933)] มาสุมแล้วก็เผาก็ได้กองเพลิงลุกโหมน่าสะพรึงกลัว  

ฉากนี้ถ่ายออกมาได้นานเกือบ 2 ชม. ทุกซอกทุกมุม  และมีค่ามากเพราะไม่สามารถถ่ายซ่อมได้  จึงต้องทะนุถนอมเป็นอย่างดี




ในขณะถ่ายทำฉากนี้การควาญหานักแสดงมารับบท Scarlet O’Hara ยังไม่สิ้นสุด  ในจอจึงไม่เห็นหน้าเธอ ความจริงนักแสดงในจอเป็นตัวแสดงแทนทั้งหมด

ช่วงที่กำลังถ่ายทำฉากนี้อยู่  Vivien Leigh  ซิง ๆ จากอังกฤษพร้อมคนรัก Laurence Olivier (ตอนนั้นทั้งคู่มีข่าวอื้อฉาวเพราะต่างทิ้งครอบครัวของตัวเองมามีความสัมพันธ์กัน) แวะมาหาเอเย่นต์ส่วนตัวซึ่งเป็นพี่ชายของผู้อำนวยการสร้าง David O. Selznick
 
เอเย่นต์ก็พา VL มาพบน้อง ผอ. ที่สถานที่ถ่ายทำแล้วแนะนำว่า "Hey genius. Meet your Scarlett O'Hara."  

ผู้อำนวยการสร้างสนใจและแนะนำให้ไปลองทดสอบหน้ากล้องซึ่งก็เกือบไม่ผ่านเพราะ VL เป็นคนอังกฤษพูดสำเนียงอังกฤษ  ขณะที่ SOH เป็นอเมริกันตอนใต้

ผกก. George Cukor เล่าถึง VL ตอนทดสอบบทว่า “She began reading this thing very sweetly, and very, very clipped.... So I struck her across the face with the rudest thing I could say. She screamed with laughter. That was the beginning of our most tender, wonderful friendship."

ตอนส่งโผถามความคิดเห็นจากประชาชนว่าใครควรได้รับบท SOH  ผลออกมาว่า VL ได้แค่คะแนนเดียว  สาเหตุเพราะคนอเมริกันไม่รู้จักเธอ

(ยังไม่จบอ้ะ...)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 59 60 [61] 62 63 ... 77
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.022 วินาที กับ 20 คำสั่ง